หลังจากข้ามทะเลแดงพระองค์อยากให้ ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อและไว้วางใจ
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 10, 2007 6:49 pm
จากวันรับศีลล้างบาปที่ผ่านมา พี่ได้นั่งร้องเพลงในพิธีแล้วก็ได้ร้องเพลง โมเสสข้ามทะเลแดง พอถึงท่อนที่เอ่ยถึง ขุมพลของฟาร์โรห์ที่มาตายในทะเลแดง พี่นึกถึงสามก๊กทันที สามก๊ก ไม่ว่า เล่าปี่ โจโฉ ซุนกวน ล้วนแต่ต้องการคนเก่งคนมีฝีมือมาไว้ใช้พยายามซื้อใจคน เห็นฝายไหนมีคนเก่งก็ใช้อุบายต่างๆ ซื้อตัวมา ฝากไหนมีคนเก่งเยอะมียอดฝีมือเยอะถือว่าตัวเองมีแสนยานุภาพ ยุคสมัยโบราณเป็นอย่างนั้นพี่เชื่อว่ากษัตริย์ฟาโรห์เองก็เช่นกันมีแม่ทัพฝีมือดี มีแสนยานุภาพเอาไว้ออกรบสยบชนชาติต่างๆ ในดินแดนแอฟริกา แต่แล้วแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่ของฟาร์โรห์เหล่านี้กลับต้องมาตายกลางทะเลแดง(อพย.14)
พี่คิดว่าพระเจ้าต้องการสื่อให้เห็นว่า แม้แต่ระบบของโลกแม้สิ่งที่โลกถือว่าดีที่สุดหรือมีค่าที่สุด ก็ยังสู้การที่เราพึ่งพาพระองค์ไม่ได้ พระองค์สอนเรื่องความเชื่อเราตั้งแต่ก่อนจากอียิปต์ ด้วยไฟที่มากันกองทัพทหารของฟาโรห์ไว้ ด้วยการแยกน้ำออกเป้นกำแพงให้ชนชาติของพระองค์เดินข้าม(อพย.14:21-22) หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงสอนด้วยอาหารการกิน ด้วยน้ำขม ด้วยมานา ทีห้ามเก็บสะสมให้ไว้วางใจวันต่อวัน ด้วยนกคุ่ม และด้วยอันตรายสัตว์มีพิษในทะเลทราย แล้วจุดประสงค์ที่พระองค์ไม่ให้เข้าดินแดนพันธสัญญาเลยซึ่งอยู่ตรงหน้ามองไปก็เห็นแล้ว แต่พระองค์ให้เดินทางในทะเลทราย 40 ปีเพื่อสอนเรื่องความิเชื่อ และความไว้วางใจ
พอสมัยเมื่อได้แผ่นดินแล้วพระองค์ก็ยังไม่ต้องการให้มีกษัตริย์ พระองค์ต้องการให้ไว้วางใจพระองค์ต้องการให้พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้เดียว แต่ชาวอิสราเอลก็ยังมิยอมต้องการเรียกร้องให้มีกษัตริย์ ด้วยความรักและเมตตาของพระเจ้าจึงยอมตามใจมนุษย์ทรงยอมให้มีกษัตริย์ที่เห็นได้ ถ้าในปัจจุบันพระองค์คงบอกว่า สร้างบ้านไม่ต้องมีกำแพงหรอกเดียวพระองค์ดูแลให้แต่เราก็บอกไม่เอาพระองค์หวาดกลัวขอกำแพงหน่อยก็ยังดีขอพระองค์ ในที่สุดพระองค์ก็ให้หาชั่งฝีมือดีมาสร้างกำแพงให้เรากันศัตรู นี่แหละครับความใจดีของพระองค์(1ซมอ.8)
ตอนที่นั่งร้องเพลงอยู่ที่วัดบ้านเซเวียร์นั่งไปก็คิดไป รู้สึกว่าน่าจะลองเอามาแบ่งปันดูก็ตัดสินใจอยู่หลายวัน พอเห็นน้องเขาโพสถามหาเพลงเลยแบ่งปัน

พี่คิดว่าพระเจ้าต้องการสื่อให้เห็นว่า แม้แต่ระบบของโลกแม้สิ่งที่โลกถือว่าดีที่สุดหรือมีค่าที่สุด ก็ยังสู้การที่เราพึ่งพาพระองค์ไม่ได้ พระองค์สอนเรื่องความเชื่อเราตั้งแต่ก่อนจากอียิปต์ ด้วยไฟที่มากันกองทัพทหารของฟาโรห์ไว้ ด้วยการแยกน้ำออกเป้นกำแพงให้ชนชาติของพระองค์เดินข้าม(อพย.14:21-22) หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงสอนด้วยอาหารการกิน ด้วยน้ำขม ด้วยมานา ทีห้ามเก็บสะสมให้ไว้วางใจวันต่อวัน ด้วยนกคุ่ม และด้วยอันตรายสัตว์มีพิษในทะเลทราย แล้วจุดประสงค์ที่พระองค์ไม่ให้เข้าดินแดนพันธสัญญาเลยซึ่งอยู่ตรงหน้ามองไปก็เห็นแล้ว แต่พระองค์ให้เดินทางในทะเลทราย 40 ปีเพื่อสอนเรื่องความิเชื่อ และความไว้วางใจ
พอสมัยเมื่อได้แผ่นดินแล้วพระองค์ก็ยังไม่ต้องการให้มีกษัตริย์ พระองค์ต้องการให้ไว้วางใจพระองค์ต้องการให้พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้เดียว แต่ชาวอิสราเอลก็ยังมิยอมต้องการเรียกร้องให้มีกษัตริย์ ด้วยความรักและเมตตาของพระเจ้าจึงยอมตามใจมนุษย์ทรงยอมให้มีกษัตริย์ที่เห็นได้ ถ้าในปัจจุบันพระองค์คงบอกว่า สร้างบ้านไม่ต้องมีกำแพงหรอกเดียวพระองค์ดูแลให้แต่เราก็บอกไม่เอาพระองค์หวาดกลัวขอกำแพงหน่อยก็ยังดีขอพระองค์ ในที่สุดพระองค์ก็ให้หาชั่งฝีมือดีมาสร้างกำแพงให้เรากันศัตรู นี่แหละครับความใจดีของพระองค์(1ซมอ.8)
ตอนที่นั่งร้องเพลงอยู่ที่วัดบ้านเซเวียร์นั่งไปก็คิดไป รู้สึกว่าน่าจะลองเอามาแบ่งปันดูก็ตัดสินใจอยู่หลายวัน พอเห็นน้องเขาโพสถามหาเพลงเลยแบ่งปัน
