พระเยซูและแม่พระ ชวนกันมาบ้านผม
-
- โพสต์: 663
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 02, 2005 10:41 pm
- ที่อยู่: Sriracha Chonburi
- ติดต่อ:
เป็นความฝันนะครับ
ผมฝันว่า ผมได้นำรูปพระเยซูเจ้า และแม่พระเข้าบ้าน
มีเสียงออกมาจากรูปพระเยซูว่า
"พาเราเข้าบ้านด้วยนะ"
หลังจากนั้น ก็เห็นรูปแม่พระ ลอยไปทางบน ขวา ของพระเยซู
ผมก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ก็ตีความไปว่า
พระองค์คงอยากให้ แม่พระ อยู่ชั้น สอง
และตัวพระองค์เองอยู่ชั้นหนึ่ง
คือ กำลังสร้างบ้านใหม่อยู่ครับ...
ผมฝันว่า ผมได้นำรูปพระเยซูเจ้า และแม่พระเข้าบ้าน
มีเสียงออกมาจากรูปพระเยซูว่า
"พาเราเข้าบ้านด้วยนะ"
หลังจากนั้น ก็เห็นรูปแม่พระ ลอยไปทางบน ขวา ของพระเยซู
ผมก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร แต่ก็ตีความไปว่า
พระองค์คงอยากให้ แม่พระ อยู่ชั้น สอง
และตัวพระองค์เองอยู่ชั้นหนึ่ง
คือ กำลังสร้างบ้านใหม่อยู่ครับ...
I Kings 2:19
พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้าพระราชาซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์ให้อาโดนียาห์ และพระราชาทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงคำนับพระนาง แล้วก็เสด็จประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระชนนี พระนางก็เสด็จประทับที่เบื้องขวาของพระองค์ แล้วพระนางทูลว่า
พระนางบัทเชบาจึงเข้าเฝ้าพระราชาซาโลมอน เพื่อทูลพระองค์ให้อาโดนียาห์ และพระราชาทรงลุกขึ้นต้อนรับพระนาง และทรงคำนับพระนาง แล้วก็เสด็จประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ รับสั่งให้นำพระเก้าอี้มาถวายพระชนนี พระนางก็เสด็จประทับที่เบื้องขวาของพระองค์ แล้วพระนางทูลว่า
ว่ากันจริงๆก็3อย่างหลักๆครับbomzaiya เขียน: สอดคล้องจัง อยากรู้จัง คุณ holy รู้ได้อย่างไร ว่าตรงกับบทไหน อย่างไร ใน พระคัมภีร์
1.เคยอ่านพระคัมภีร์บทนั้นๆมาก่อนแล้วจำได้
2.เข้าใจความหมายของพระคัมภีร์บทนั้นๆ
3.พระจิตเจ้าทรงนำครับ(ตอนที่ได้รับการสำแดงเรื่องพระพรนี้ เป็นความเข้าใจเหมือนเป็นความสามารถในการต่อจิ๊กซอว์เรื่องของพระเจ้า ประมาณว่าเป็นการเชื่อมโยงเรื่องที่ซ่อนเร้นหลายเรื่องเข้าด้วยกันแล้วให้เข้าใจได้ง่ายและชัดเจนขึ้น เวลามามันจะเหมือนพออ่านหรือคิดหรือจะพูดเรื่องหนึ่ง มันจะแวบจุดอื่นๆที่เกี่ยวข้องตามออกมา ประมาณนั้นครับ)
สำหรับบทนี้ พอดีผมทราบมาว่า บรรดาปิตาจารย์ในพระศาสนจักรสมัยก่อน เปรียบบทนี้เป็นเหมือนบทการทำนาย หรือภาพเสมือนของการรับตำแหน่งมารดาพระเจ้าของพระมารดามารีย์ในเมืองสวรรค์ และบทบาทของพระนางในฐานะผู้ช่วยเสนอวิงวอนต่อกษัตริย์ของเราคือพระเยซูคริสต์ (พระนางทำแบบเดียวกันกับพระมารดาของโซโลมอนในการเป็นธุระวอนขอลูกชายของตนแทนคนอื่นด้วยที่งานแต่งงานที่กานา)
ตำแหน่งขวามือของพระเยซูคริสต์คือตำแหน่งสำคัญที่บรรดาสาวกเคยอยากจะแย่งกันนั่งมาแล้ว พระเยซูเจ้าเคยตรัสตอบว่าผู้ที่จะนั่งตำแหน่งนี้ได้ ต้องกล้าที่จะดื่มถ้วยเดียวกับพระองค์
มธ 20:20-23 มารดาของบุตรเศเบดีขอสิทธิพิเศษ
มารดาของบุตรเศเบดีเข้ามาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบลงทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามนางว่า
ไม่ได้บอกซะหน่อยครับว่าจำได้ทุกบท ก็จำได้เฉพาะบทที่เคยอ่านแล้วจำได้ ส่วนที่อ่านแล้วจำไม่ได้ก็มีเยอะแยะครับ และการจำก็ไม่ใช่จำได้ทุกคำ แต่จำคอยเซปรวมๆได้ และจำคำสำคัญๆบางคำในท่อนนั้นๆได้ อีกอย่างผมไม่ได้อ่านพระคัมภีร์เพื่อท่องจำ เพียงแต่อ่านทุกวันเท่านั้นเอง ใช้วิธีอธิษฐานแล้วสุ่มเปิดเอา เรียกง่ายๆว่าให้พระเลือกให้ครับ ส่วนจะเปิดกี่หน ต่อวันต่อครั้ง ก็แล้วแต่พระจะนำครับ ทำให้บางทีอ่านบางบทบ่อยๆก็จำได้ไปเองScapeGoat เขียน: คุณ Holy เป็นนักบวชเปล่านี่ จำได้ทุกบทเลยหรือ โอ้โห เวบนี้ดีจัง
ส่วนเรื่องนักบวชนั้น ถ้าหมายถึงการบวชเป็นเรื่องเป็นราวเป็นพิธีการ ไม่ได้เป็นครับ แต่เราทุกคนมีศักดิ์สงฆ์ ร่วมกับพระเยซูเจ้าครับ ดังนั้นผมปฎิญาณกับพระไปแล้วว่าจะอุทิศชีวิตรับใช้พระองค์ มีพระองค์เป็นเจ้าบ่าวทางวิญญาณ ดังนั้นผมคิดว่าตัวเองเป็นของพระไม่ใช่เจ้าของตัวเองอีกต่อไป
ปล.ความจริงนักบวชหลายๆคนที่ผมทราบก็ไม่ค่อยอ่านพระคัมภีร์นะครับ บางคนจำพระคัมภีร์ได้ไม่มากไปกว่าฆารวาสทั่วไป
ปฏิญาณกับพระนี่ทำยังไงเหรอคะพี่?Holy เขียน:ไม่ได้บอกซะหน่อยครับว่าจำได้ทุกบท ก็จำได้เฉพาะบทที่เคยอ่านแล้วจำได้ ส่วนที่อ่านแล้วจำไม่ได้ก็มีเยอะแยะครับ และการจำก็ไม่ใช่จำได้ทุกคำ แต่จำคอยเซปรวมๆได้ และจำคำสำคัญๆบางคำในท่อนนั้นๆได้ อีกอย่างผมไม่ได้อ่านพระคัมภีร์เพื่อท่องจำ เพียงแต่อ่านทุกวันเท่านั้นเอง ใช้วิธีอธิษฐานแล้วสุ่มเปิดเอา เรียกง่ายๆว่าให้พระเลือกให้ครับ ส่วนจะเปิดกี่หน ต่อวันต่อครั้ง ก็แล้วแต่พระจะนำครับ ทำให้บางทีอ่านบางบทบ่อยๆก็จำได้ไปเองScapeGoat เขียน: คุณ Holy เป็นนักบวชเปล่านี่ จำได้ทุกบทเลยหรือ โอ้โห เวบนี้ดีจัง
ส่วนเรื่องนักบวชนั้น ถ้าหมายถึงการบวชเป็นเรื่องเป็นราวเป็นพิธีการ ไม่ได้เป็นครับ แต่เราทุกคนมีศักดิ์สงฆ์ ร่วมกับพระเยซูเจ้าครับ ดังนั้นผมปฎิญาณกับพระไปแล้วว่าจะอุทิศชีวิตรับใช้พระองค์ มีพระองค์เป็นเจ้าบ่าวทางวิญญาณ ดังนั้นผมคิดว่าตัวเองเป็นของพระไม่ใช่เจ้าของตัวเองอีกต่อไป
ปล.ความจริงนักบวชหลายๆคนที่ผมทราบก็ไม่ค่อยอ่านพระคัมภีร์นะครับ บางคนจำพระคัมภีร์ได้ไม่มากไปกว่าฆารวาสทั่วไป
ก็อธิษฐานบอกพระธรรมดานี่แหละครับ มันอยู่ที่ใจเราว่าเราคิดอย่างนั้นจริงๆหรือปล่าEcclesia เขียน:ปฏิญาณกับพระนี่ทำยังไงเหรอคะพี่?Holy เขียน:ไม่ได้บอกซะหน่อยครับว่าจำได้ทุกบท ก็จำได้เฉพาะบทที่เคยอ่านแล้วจำได้ ส่วนที่อ่านแล้วจำไม่ได้ก็มีเยอะแยะครับ และการจำก็ไม่ใช่จำได้ทุกคำ แต่จำคอยเซปรวมๆได้ และจำคำสำคัญๆบางคำในท่อนนั้นๆได้ อีกอย่างผมไม่ได้อ่านพระคัมภีร์เพื่อท่องจำ เพียงแต่อ่านทุกวันเท่านั้นเอง ใช้วิธีอธิษฐานแล้วสุ่มเปิดเอา เรียกง่ายๆว่าให้พระเลือกให้ครับ ส่วนจะเปิดกี่หน ต่อวันต่อครั้ง ก็แล้วแต่พระจะนำครับ ทำให้บางทีอ่านบางบทบ่อยๆก็จำได้ไปเองScapeGoat เขียน: คุณ Holy เป็นนักบวชเปล่านี่ จำได้ทุกบทเลยหรือ โอ้โห เวบนี้ดีจัง
ส่วนเรื่องนักบวชนั้น ถ้าหมายถึงการบวชเป็นเรื่องเป็นราวเป็นพิธีการ ไม่ได้เป็นครับ แต่เราทุกคนมีศักดิ์สงฆ์ ร่วมกับพระเยซูเจ้าครับ ดังนั้นผมปฎิญาณกับพระไปแล้วว่าจะอุทิศชีวิตรับใช้พระองค์ มีพระองค์เป็นเจ้าบ่าวทางวิญญาณ ดังนั้นผมคิดว่าตัวเองเป็นของพระไม่ใช่เจ้าของตัวเองอีกต่อไป
ปล.ความจริงนักบวชหลายๆคนที่ผมทราบก็ไม่ค่อยอ่านพระคัมภีร์นะครับ บางคนจำพระคัมภีร์ได้ไม่มากไปกว่าฆารวาสทั่วไป
S.Paulvs De Bangkok เขียน: อัจฉริยะฝ่ายวิญญาณ
55555
กล่าวชมเกินไปมากครับ ที่จริงยังโง่อยู่หลายเรื่องมาก และมีอะไรอีกมากมายที่ตอบไม่ได้ครับ สิ่งดีทั้งหมดมาจากพระทั้งนั้นแหละครับ ตัวจริงๆไม่มีอะไรเลยKathaRoS เขียน: พี่โฮลี่สุดยอดจิงๆ ถามไรตอบได้หมด..
อ่อออออออ ขอบคุณค่ะ นึกว่าเเบบไปเเถวๆอารามเลยHoly เขียน:ก็อธิษฐานบอกพระธรรมดานี่แหละครับ มันอยู่ที่ใจเราว่าเราคิดอย่างนั้นจริงๆหรือปล่าEcclesia เขียน:ปฏิญาณกับพระนี่ทำยังไงเหรอคะพี่?Holy เขียน: ไม่ได้บอกซะหน่อยครับว่าจำได้ทุกบท ก็จำได้เฉพาะบทที่เคยอ่านแล้วจำได้ ส่วนที่อ่านแล้วจำไม่ได้ก็มีเยอะแยะครับ และการจำก็ไม่ใช่จำได้ทุกคำ แต่จำคอยเซปรวมๆได้ และจำคำสำคัญๆบางคำในท่อนนั้นๆได้ อีกอย่างผมไม่ได้อ่านพระคัมภีร์เพื่อท่องจำ เพียงแต่อ่านทุกวันเท่านั้นเอง ใช้วิธีอธิษฐานแล้วสุ่มเปิดเอา เรียกง่ายๆว่าให้พระเลือกให้ครับ ส่วนจะเปิดกี่หน ต่อวันต่อครั้ง ก็แล้วแต่พระจะนำครับ ทำให้บางทีอ่านบางบทบ่อยๆก็จำได้ไปเอง
ส่วนเรื่องนักบวชนั้น ถ้าหมายถึงการบวชเป็นเรื่องเป็นราวเป็นพิธีการ ไม่ได้เป็นครับ แต่เราทุกคนมีศักดิ์สงฆ์ ร่วมกับพระเยซูเจ้าครับ ดังนั้นผมปฎิญาณกับพระไปแล้วว่าจะอุทิศชีวิตรับใช้พระองค์ มีพระองค์เป็นเจ้าบ่าวทางวิญญาณ ดังนั้นผมคิดว่าตัวเองเป็นของพระไม่ใช่เจ้าของตัวเองอีกต่อไป
ปล.ความจริงนักบวชหลายๆคนที่ผมทราบก็ไม่ค่อยอ่านพระคัมภีร์นะครับ บางคนจำพระคัมภีร์ได้ไม่มากไปกว่าฆารวาสทั่วไป
Holy เขียน: ปล.ความจริงนักบวชหลายๆคนที่ผมทราบก็ไม่ค่อยอ่านพระคัมภีร์นะครับ บางคนจำพระคัมภีร์ได้ไม่มากไปกว่าฆารวาสทั่วไป
เป็นเรื่องที่น่ารณรงค์อยู่เหมือนกัน :rolleyes:
ภายหลังการสังคายนาวาติกันครั้งที่2
3 สิ่ง ที่พระศาสนจักร เน้นย้ำให้ ทั้งคณะสงฆ์ และสัตบุรุษ คอยเอาใจใส่พิจารณาได้แก่
1.พระวรสาร (ชีวิตที่เป็นคำสอนของพระเยซูเจ้า)
2.จิตตารมณ์นักบุญ (องค์อุปถัมภ์ ประจำตัว/คณะ)
3.กระแสแห่งเวลา (พระศาสนจักร ต้องก้าวทันยุคโลกาภิวัฒน์)
- *~glossolalia~*
- โพสต์: 88
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ เม.ย. 30, 2007 7:14 pm
โห อยากฝันถึงพระจัง ต้องทำอย่างงัยจาฝันถึงพระ
คือ เราไม่เคยฝันถึงพระเลย อยากฝันถึงบ้างจัง
พระจ๋าช่วยมาหาหนูที.....
คือ เราไม่เคยฝันถึงพระเลย อยากฝันถึงบ้างจัง
พระจ๋าช่วยมาหาหนูที.....
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พระพรของพระเจ้ามีต่าง ๆ กันค่ะ และเราเองก็มีหน้าที่ต่าง ๆ กันด้วย*~glossolalie~* เขียน: โห อยากฝันถึงพระจัง ต้องทำอย่างงัยจาฝันถึงพระ
คือ เราไม่เคยฝันถึงพระเลย อยากฝันถึงบ้างจัง
พระจ๋าช่วยมาหาหนูที.....
พระจะประทานอะไรให้เราก็แล้วแต่พระเมตตาของพระเจ้า
พี่ว่า เราสวดให้มากขึ้น อ่านพระคัมภีร์ให้มากขึ้น ใกล้ชิดพระให้มากขึ้น
ถึงไม่ได้ฝันถึงเราก็จะสุขใจ ถ้าถึงเวลา และพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ พระองค์ก็จะไขแสดงให้น้องได้รู้เอง
และในทางของพระองค์เอง พระเจ้าจะมาหาใครแต่ละคน พระองค์มีเป็นล้านทาง
ไม่จำเป็นว่าต้องเป้นทางความฝันเท่านั้น
โรม 12:3 - 9
ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทั้งหลายทุกคนโดยพระพรซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วว่าอย่าคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้น
แต่จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่ท่าน..
เพราะว่าในร่างกายอันเดียวนั้นเรามีอวัยวะหลายอย่างและอวัยวะนั้นๆมิได้มีหน้าที่เหมือนกันฉันใด..
พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น..
และเราทุกคนมีของประทานที่ต่างกันตามพระพรที่ได้ประทานให้แก่เรา
คือถ้าเป็นการเผยพระวจนะก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ..
ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติถ้าเป็นการสั่งสอนก็จงสั่งสอน..
ถ้าเป็นการเตือนสติก็จงเตือนสติถ้าเป็นการบริจาคก็จงให้ด้วยใจกว้างขวางผู้ที่ครอบครองก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ผู้ที่แสดงความเมตตาก็จงแสดงด้วยใจยินดี..
จงรักด้วยใจจริงจงเกลียดชังสิ่งที่ชั่วจงยึดมั่นในสิ่งที่ดี..
-
- โพสต์: 663
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 02, 2005 10:41 pm
- ที่อยู่: Sriracha Chonburi
- ติดต่อ:
ผมเคยสังเกตอยู่นะ ว่า เวลาช่วงไหนบ้างที่พระจะมาหาในฝัน
1) เวลาทำบาปหนัก และอยู่ในช่วงสำนึกผิด
2) เวลาที่มีวิกฤตต่างๆ ซึ่งเราอาจไม่รู้ตัว แต่พระรู้แล้ว...จึงมาหา
3) เมื่อเราอยู่ในช่วงเวลาแห่งการภาวนา บ่อยครั้งที่เราตั้งคำถามในแต่ละวัน พระองค์ก็จะมาตอบ "กระทู" ในฝันไง
4) หลายครั้งพระองค์เอง ก็ให้นิมิต ถึงเหตุการณ์ในอนาคต (อันนี้ไม่ได้มา แต่ให้ภาพเฉยๆ)
1) เวลาทำบาปหนัก และอยู่ในช่วงสำนึกผิด
2) เวลาที่มีวิกฤตต่างๆ ซึ่งเราอาจไม่รู้ตัว แต่พระรู้แล้ว...จึงมาหา
3) เมื่อเราอยู่ในช่วงเวลาแห่งการภาวนา บ่อยครั้งที่เราตั้งคำถามในแต่ละวัน พระองค์ก็จะมาตอบ "กระทู" ในฝันไง
4) หลายครั้งพระองค์เอง ก็ให้นิมิต ถึงเหตุการณ์ในอนาคต (อันนี้ไม่ได้มา แต่ให้ภาพเฉยๆ)
แจ่มมากครับ~@Little lamb@~ เขียน:พระพรของพระเจ้ามีต่าง ๆ กันค่ะ และเราเองก็มีหน้าที่ต่าง ๆ กันด้วย*~glossolalie~* เขียน: โห อยากฝันถึงพระจัง ต้องทำอย่างงัยจาฝันถึงพระ
คือ เราไม่เคยฝันถึงพระเลย อยากฝันถึงบ้างจัง
พระจ๋าช่วยมาหาหนูที.....
พระจะประทานอะไรให้เราก็แล้วแต่พระเมตตาของพระเจ้า
พี่ว่า เราสวดให้มากขึ้น อ่านพระคัมภีร์ให้มากขึ้น ใกล้ชิดพระให้มากขึ้น
ถึงไม่ได้ฝันถึงเราก็จะสุขใจ ถ้าถึงเวลา และพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ พระองค์ก็จะไขแสดงให้น้องได้รู้เอง
และในทางของพระองค์เอง พระเจ้าจะมาหาใครแต่ละคน พระองค์มีเป็นล้านทาง
ไม่จำเป็นว่าต้องเป้นทางความฝันเท่านั้น
โรม 12:3 - 9
ข้าพเจ้าขอกล่าวแก่ท่านทั้งหลายทุกคนโดยพระพรซึ่งทรงประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วว่าอย่าคิดถือตัวเกินที่ตนควรจะคิดนั้น
แต่จงคิดให้ถ่อมสุขุมสมกับขนาดความเชื่อที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่ท่าน..
เพราะว่าในร่างกายอันเดียวนั้นเรามีอวัยวะหลายอย่างและอวัยวะนั้นๆมิได้มีหน้าที่เหมือนกันฉันใด..
พวกเราผู้เป็นหลายคนยังเป็นกายอันเดียวในพระคริสต์และเป็นอวัยวะแก่กันและกันฉันนั้น..
และเราทุกคนมีของประทานที่ต่างกันตามพระพรที่ได้ประทานให้แก่เรา
คือถ้าเป็นการเผยพระวจนะก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ..
ถ้าเป็นการปรนนิบัติก็จงปรนนิบัติถ้าเป็นการสั่งสอนก็จงสั่งสอน..
ถ้าเป็นการเตือนสติก็จงเตือนสติถ้าเป็นการบริจาคก็จงให้ด้วยใจกว้างขวางผู้ที่ครอบครองก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ผู้ที่แสดงความเมตตาก็จงแสดงด้วยใจยินดี..
จงรักด้วยใจจริงจงเกลียดชังสิ่งที่ชั่วจงยึดมั่นในสิ่งที่ดี..