หน้า 1 จากทั้งหมด 1
แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2007 11:01 pm
โดย poloplow
วันนี้อ่ะครับ นั่งรถมากับอาที่เป็นพุทธ(จริง ๆ เราก็ยังไม่ได้ล้างบาป)
ระหว่างที่นั่งมา เราก็คุยเรื่องศาสนากัน ระหว่างที่คุยกันไปเค้าก็บอกแบบว่า การไถ่บาปของพระเจ้าไม่สามารถไถ่บาปมนุษย์ได้จริง ๆ
(คือเราไปเล่าเรื่องว่าพระเยซูไถ่บาปมนุษย์ให้เค้าฟัง) หลังจากนั้นผมก็พยายามถามทางพุทธบ้าง แต่เค้าพูดยังไงไม่รู้ ประมาณว่า
พระเจ้าไม่สามารถไถ่บาปให้มนุษย์ได้ ในที่สุดเสียงของผมก็กลายเป็นขึ้นเสียง ความโกรธพลุ่งพล่าน ที่สำคัญผมยังไม่เก่งพอที่
จะอธิบายพระเจ้าของเราได้ด้วย ทำให้ผมโกรธเข้าไปใหญ่ แต่ในที่สุดผมก็สงบลงเพราะอาเค้าบอกว่าเรามั่นใจตัวเองเกินไป และก้าวร้าว
(ผมว่าก็จริงนั่นแหละครับ

) แต่ก็ทำให้ผมรักพระมากขึ้น เพราะเคยได้อ่านตรงไหนจำไม่ได้แล้วว่า คนต่างชาติดูถูกพระ
เจ้าก็เพราะพวกท่าน ผมไม่อยากให้คนอื่นดูถูกว่าพระเจ้าเป็นทางที่ผิด ที่สำคัญอาเค้าบอกด้วยว่า ถ้าผมล้างบาปผมจะกลายเป็นคน
ที่ก้าวร้าว ผมก็เลยคิดว่า อยากจะหาวิธีที่ทำให้ใจเย็นลง ไม่ใจร้อน ๆ ๆ (เวลามีคนดูถูกพระ)เหมือนเก่า เพื่อจะได้ไม่มีคนมาดูถูก
พระอีก
แล้วก็อีกเรื่องอ่ะครับ คือผมไม่รู้จะอธิบายเรื่องพระเจ้าให้อาเค้าฟังได้ยังไง เพราะพิสูจน์ไม่ได้
ปล. ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2007 11:03 pm
โดย Dis volentibus
ก็ต้อง พยายามช่างเถอะ ซะมากๆอ่ะค่ะ
ไม่ต้องไปเถียงตอบ พอมีเวลาว่างสวด ก็สวดให้คุณอาบ้าง ให้มารู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น

Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2007 11:17 pm
โดย Zion
ให้ เราใจเย็นแบบแม่พระครับ
จะเห้นได้ชัดว่า เรื่องราวก่อนการบังเกิดของพระเยซู นั้น
จะมีแต่ พระวรสาร ลูกาเท่านั้น
นั่นแสดงให้เห็นว่า
นางไม่ได้พร่ำบ่น ในเรื่องทุกข์ใจเลย จนมีนักบุญลูกามาสอบถามสัมภาษณ์
ไม่ว่า จะเรื่องที่
-สิเมโอนบอกว่า นางจะเจ็บเหมือน ดาบมาแทงดวงใจทะลุ เพราะพระเยซู
-ความทุกข์ เมือ พระเยซู หายในพระวิหาร
ตลอดจน เหตุการณ์พระมารดานิจจานุเคราะห์ ซึ่งก็เชื่อว่า นักบุญลูกาเป็นผู้วาดรูปดังกล่าวด้วยครับ

Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2007 11:24 pm
โดย KathaRoS
มองแม่พระเป็นแบบอย่างซิค่ะ..
สวดวันทามารีอาไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆ
จะทำให้เราใจเย็นมากขึ้น
ใครพูดไรมาก็ใจเย็นๆ เฉยๆ อย่าใจร้อน ถ้าเรายังไม่แม่นพระคัมภีร์ก็บอกว่า อย่าตัดสิน
เพราะยิ่งเราใจร้อนใช้อารมณ์ คนที่ฟังเค้าไม่ได้เข้าใจเรามากขึ้นหรอก
แต่เป็นว่า เค้ากลับเกลียดพระเรามากยิ่งขึ้น
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2007 11:41 pm
โดย Mobster
สำหรับผมนะ อาจเป็นคำแนะนำที่ไม่ดีเท่าไหร่
แต่แบบว่า พระเจ้าเป็นสิ่งที่ผมรัก ถ้ามีคนปฏิเสธที่จะไปเอาของมีค่าเช่นนี้แล้ว ผมก็ไม่ไปโยนให้เขาหรอก
ไก่ได้พลอย แล้วจะเอาพลอยไปให้ไก่ทำไม ^^
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 15, 2007 11:42 pm
โดย Mobster
Anger Management: Catholic's Version
(กลวิธีจัดการกับความโกรธฉบับคาทอลิก)
http://www.saranae.com/Anger_Management.html
มูลเหตุที่หยิบยกเรื่องนี้มาแบ่งปัน เพราะเคยดูหนังเรื่อง "Anger Management" ที่ Adam Sandler และ Jack Nicholson แสดงนำ เลยขอยืมชื่อมาใช้ อีกทั้งสถานการณ์โลก สถานการณ์รอบๆตัว เห็นมีแต่คนพลุ่งพล่าน อารมณ์ร้อน โกรธง่ายแต่หายช้า จนบางครั้งก่อให้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ และรุนแรงขึ้นได้ โดยเกิดจากสาเหตุเพียงน้อยนิด แหล่งข้อมูลหลักที่นำมาใช้ มาจากได้ไปอบรม "พระคัมภีร์เพื่อชีวิต" จัดโดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อ พระคัมภีร์ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จึงขอขอบคุณพระจิตเจ้าที่ดลใจให้ไปอบรม และขอบคุณ
ทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการอบรมไว้ ณ โอกาสนี้
ในชีวิตของคนเรา เชื่อว่า ไม่มีใครที่เกิดมาแล้วไม่เคย "โกรธ"
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2007 1:09 am
โดย :+:Regina Pacis:+:
เราก็สามารถเลียนแบบแม่พระได้ค่ะ ถ้าเราทำได้ก้เป็นเรื่องดี
แต่ความจริงเรื่องพวกนี้เราสามารถให้คนรอบข้างเรา
เรียนรู้และเข้าถึงพระได้ ในกิจการที่เราทำค่ะ
ให้พวกเค้าเหล่านั้นได้เห็นพระเป็นเจ้าในเรา แล้วเค้าจะรู้เองว่าพระของเราดีอย่างไร
ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่โตค่ะ แค่เรื่องเล้กๆน้อยๆที่เราจะได้ทำอยู่ทุกวัน
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องไปวัดในวันอาทิตย์ และไม่สามารถทำงานบ้านได้จนทำให้คนที่บ้านต้องบ่น
เรา ก็อาจจะ เลือกไปมิซซาสายนิดนึง และ พลีกรรมด้วยการตื่นเช้าขึ้นเพื่อทำงานบ้านให้เสร็จ
แล้วก้ไปวัดได้ตามปกติ..หากเราทำหน้าที่ ลูก ของเราอย่างดีไม่บกพร่อง
และ ทำหน้าที่คริสตชนที่ดี แค่นี้ คนรอบข้างก็จะทราบแล้วค่ะ
ว่าพระเป็นเจ้าได้วางแบบอย่างที่ดีไว้ให้ลูกๆที่เชื่อในพระองค์ได้กระทำตามจริงๆ
ขอพระอวยพรค่ะ
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2007 1:31 am
โดย ~@Little lamb@~
พี่แนะนำว่า ให้นึกถึงหน้าพระเยซู และ เริ่มสวดในใจ
คือดับหูที่ฟังอาพูดไปก่อนเลย แล้วสวดในใจ น่าจะใจเย็นขึ้นได้
ที่เราโกรธเพราะเราฟังอา แล้วเถียงไม่ได้ ก็เลยโกรธงัยล่ะ

Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2007 1:56 am
โดย Holy
ความจริงไม่ควรคุยกับคนที่ไม่มีความเชื่อนะครับ เพราะคนไม่มีความเชื่อเขาย่อมพูดทำนองดูถูกเราได้หน้าตาเฉย และในอนาคตน้องอาจต้องเจออีกมาก ดังนั้นให้เราหลีกเลี่ยงซะนะครับ ในการคุยเรื่องศาสนากับผู้ไม่มีความเชื่อ
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2007 12:42 pm
โดย Batholomew
ผมคงจะเงียบอ่ะครับ ไม่คุยต่อหรืออาจจะเปลี่ยนเรื่องไปเลย
ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากอธิบายนะครับ แต่ก็เหมือนกับที่พี่ปอว่าอ่ะครับ
ยิ่งถ้าเราโกรธ และ แสดงท่าทางที่ไม่ดี จะกลายเป็นว่า อ๋อ เพราะอย่างนี้ใช่มั๊ย อีกอ่ะครับ
ทางที่ดี เราสวดภาวนา เวลาเราเจอเรื่องที่ทำให้เราลำบากใจ ทุกข์ใจ
เราก็ถือซะว่าเป็นน้ำพระทัยของพระนะครับ
ขอบคุณพระ ที่ให้เราได้เจอเหตุการณ์นี้ เพื่อเราจะได้รู้ข้อบกพร่องของตัวเราเองครับ
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2007 10:19 pm
โดย จอมนางกระบี่เดี่ยว
วิธีของพี่นะ พี่เจอบ่อยเหมือนกัน เพราะมักจะต้องข้องเกียวกับการเสวนาระหว่างศาสนา
เวลาโกรธ ต้องพยายามเอาสติมารับรู้การโกรธ แล้วพยายามนึกคำสอนเรื่องบุญลาภ หรือคำเทศนาบนภูเขา หรือบางทีเขาก็เรียกว่าความสุขแท้ 8 ประการ
ท่านทั้งหลายย่อมเป้นสุข เมื่อถูกเบียดเบียน ดูหมิ่นข่มเหงเพราะนามของเรา จงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จในสวรรค์นั้นใหญ่ยิ่งนัก และเขาได้เบียดเบียนบรรดาประกาศกมาก่อนหน้านี้แล้ว
กับอีกบทหนึ่ง ที่กล่าวถึงการที่พระเยซูถูกคนในหมู่บ้านของพระองค์ดูถูก ดูหมิ่น พระเยซุไม่ได้พูด หรือแสดงอัศจรรย์ตามคำท้าทาย แต่บอกว่า ประกาศกมักไม่ได้รับการต้อนรับในบ้านของตน
พี่จะพยายามนึกถึงสองบทเนี่ยแหละ แล้วก็สงบเยือกเย็นลง
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2007 11:24 pm
โดย Holy
คส 4:5
จงใช้ทุกโอกาสเพื่อปฏิบัติตนต่อคนต่างศาสนาด้วยความเฉลียวฉลาดรอบคอบ จงให้คำพูดของท่านอ่อนโยนและถูกกาลเทศะอยู่เสมอ จงรู้จักตอบทุกคนอย่างดีที่สุด
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2007 11:44 pm
โดย Buddy
The Serenity Prayer
God grant me the
serenity
to accept the things I cannot change;
courage to change the things I can;
and wisdom to know the difference.
Living one day at a time;
Enjoying one moment at a time;
Accepting hardships as the pathway to peace;
Taking, as He did, this sinful world
as it is, not as I would have it;
Trusting that He will make all things right
if I surrender to His Will;
That I may be reasonably happy in this life
and supremely happy with Him
Forever in the next.
Amen.
http://www.cptryon.org/prayer/special/serenity.html
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 16, 2007 11:49 pm
โดย Zion
Buddy เขียน:
The Serenity Prayer
God grant me the
serenity
to accept the things I cannot change;
courage to change the things I can;
and wisdom to know the difference.
Living one day at a time;
Enjoying one moment at a time;
Accepting hardships as the pathway to peace;
Taking, as He did, this sinful world
as it is, not as I would have it;
Trusting that He will make all things right
if I surrender to His Will;
That I may be reasonably happy in this life
and supremely happy with Him
Forever in the next.
Amen.
http://www.cptryon.org/prayer/special/serenity.html
บทภาวนาแห่งสันติธรรม
พระเจ้าข้า ขอพระองค์โปรดประทานความสงบใจให้ลูกยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
ความกล้าหาญให้ลูกเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้
และปรีชาญาณให้ลูกรู้ว่า เมื่อใดที่ลูกสามารถทำอะไรได้และเมื่อใดที่ลูกต้องยอมรับ
โปรดให้ลูกมีชีวิตอยู่ด้วยปัจจุบัน
มีความสุขในทุกขณะของชีวิต
และยอมรับความยากลำบากดั่งหนทางสู่สันติ
โปรดให้ลูกยอมรับความเลวร้ายของโลกโดยมิได้พึงใจ ดั่งเช่นพระเยซูเจ้าทรงกระทำ
โปรดให้ลูกวางใจว่า พระองค์จะทำทุกอย่างเป็นสิ่งดีสำหรับผู้ที่ยอมจำนนในน้ำพระทัย
โปรดให้ลูกทีความสุขอย่างพอเพียงในโลกนี้
และมีความสุขล้นเหลือกับพระองค์ในโลกหน้า
ตราบชั่วนิรันดร
อาแมน
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2007 2:01 pm
โดย St.paul
สวดภาวนา2สายประคำ มิสซาแบบตั้งใจบ่อยๆ
ฟังเพลงเทเซ่
เพลงลาติน
ศึกษาภาษาลาตินช่วยได้ครับ
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 18, 2007 8:53 am
โดย Florian
ผมว่ากรณีนี้น่าจะแบ่งได้ 2 ประเด็น
1.การเสวนากับคนต่างศาสนา
2.ความใจร้อน
ขอแบ่งปันในขั้นต้น ดังนี้
1.
การเสวนากับคนต่างศาสนา จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ถ้าเราเจอคนที่หัวอ่อน มีความประนีประนอม อารีอารอบ ละมุนละม่อม ก็คุยกันง่าย คุยอะไรเขาก็รับฟัง เขาคุยเรื่องศาสนาของเขามา เราก็รับฟัง แต่ถ้าเราเจอคนที่มีความมั่นใจในศาสนาของตนมากๆ เราคุยกับเขา เขาอาจไม่รับฟัง บางครั้งถ้าเราเงียบ(เพื่อเลี่ยงปัญหาความกระทบกระทั่ง) เขาก็อาจมาสะกิดเปิดประเด็นชวนทุ่มเถียง ผมว่าเถียงไปก็ไม่เกิดประโยชน์นะ จากประสบการณ์ของผมที่เคยทำนะ ก็รับฟัง เออออห่อหมกไปตามๆเขา (แต่ไม่ใช่โอนอ่อนผ่อนตามนะครับ) เช่น สมมติเราคุยกับชาวพุทธที่หัวรุนแรง เขาอาจเปิดประเด็นว่า เขาไม่เชื่อเรื่องการไถ่บาป เป็นไปได้อย่างไรที่คนๆหนึ่งจะมาตายไถ่บาปของคนทั้งโลก ถ้าเราไปเถียงกับเขา แบบว่า ไม่นะ เธอไม่เข้าใจ ที่เธอเข้าใจนั้นผิด ก็นับว่าเข้าทางมารที่ยุแหย่ให้เราทะเลาะกัน ถ้าเป็นผม ผมจะบอกว่า อืม เข้าใจคุณ แล้วก็ถามเขากลับในทำนองชวนให้เขาคิดตาม และให้เขาเห็นว่าเรามีความเข้าใจในหลักปรัชญาของศาสนาเขา ให้เขาเห็นว่า เราเข้าใจเขาที่มองประเด็นปรัชญาของศาสนาเรา(จากตัวอย่างคือ"เรื่องการไถ่บาป")จากจุดยืนและมุมมองของศาสนาเขา ก็เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เชื่อ เพราะศาสนาพุทธเชื่อว่า กรรมของใครก็ของคนนั้น จะมาไถ่ล้างแทนกันไม่ได้ อะไรทำนองนี้น่ะ แน่นอน ท่าทีแบบนี้ไม่ใช่ท่าทีที่ว่าเราไปเชื่อตามเขา เราก็ยังเชื่อของเราในเรื่องการไถ่บาป แต่เราไม่แสดงออกไง ไม่แสดงออกมาให้เกิดความขัดแย้ง แต่ว่าเราแสดงให้เขาเห็นว่าเราเข้าใจเขา เข้าใจเขาว่าทำไมเขาถึงได้คิดอย่างนั้น เชื่ออย่างนั้น เข้าใจการมองปัญหา เข้าใจมุมมองของเขา เข้าใจว่าทำไมเขาคิดเช่นนั้น ถ้ามีช่องทาง เราก็ค่อยแจงประเด็น แนวคิดของเราว่าเราเชื่ออย่างไร ทำไมเราเชื่อเช่นนั้น แต่ถ้าไม่มีช่องทาง ไม่พูดก็อาจจะเป็นการดีกว่า เพราะจะได้ไม่เปิดช่องให้เกิดการทะเลาะกันขึ้น จริงๆการเสวนาแบบนี้ ต้องการ"ความมีใจเป็นกลาง" "ความเปิดกว้างที่จะรับฟังคนอื่น" ยิ่งประเด็นเชิงปรัชญาที่พิสูจน์กันแบบวิทยาศาสตร์ไม่ได้จะๆแจ้งๆ ยิ่งเถียงกัน ทะเลาะกันก็ไม่มีวันสิ้นสุด ไม่มีวันจบ ฉะนั้นกับคนที่เสวนาได้ราบรื่น ก็เสวนา เพื่อความเข้าใจอันดี และกับคนที่เสวนาได้รุ่งริ่ง ก็สงวนท่าทีไว้ เห็นจะดีกว่า เพื่อจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันน่ะครับ อนึ่ง จากประสบการณ์ของผม พี่น้องต่างศาสนาหลายคนจะอึ้ง ตะลึงตึงตึง ที่เรามีความรู้ในหลักธรรมคำสอนของศาสนาเขา และหลายครั้งก็ถามด้วยว่า รู้ได้ไง ผมก็ตอบไปว่า อ้าว ก็เรียนรู้สิ ในยุคนี้เราไม่ได้แยกกันอยู่ แต่เราอยู่รวมกัน เราต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เขาก็จะประทับใจ บางครั้งถ้าเขามีท่าทีอะไรที่ไม่เหมาะสมในระหว่างเสวนา ถ้าเรามีความรู้จริง เราอาจงัดเอาหลักธรรมในนิกายหรือศาสนาของเขามาเตือน ซึ่งอาจให้ผลดีกว่า เพราะเป็นคำสอนของศาสนาเขาเอง แต่ส่วนใหญ่ที่เคยมีประสบการณ์ ผมได้รับความประทับใจจากการเสวนาที่เรามีพื้นฐานความเข้าใจนิกายและศาสนาของเขามากครับ และที่สุดของที่สุดในประเด็นนี้ ผมใคร่ขอเสนอให้นำเสนอ"ความรัก" แม้ว่าท่าทีของฝ่ายตรงข้ามจะรุนแรงเพียงใด บนพื้นฐานของความเข้าใจที่ว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ให้คนรักกันและกัน ให้คนรักใคร่กลมเกลียว เราอาจหยิบประเด็นความรักนี้มาเป็นประเด็นนำ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เราก็ยังดำรงอยู่ในความรัก บางครั้งสถานการณ์อาจดูย่ำแย่ ดูเหมือนเมฆหมอกแห่งการทะเลาะเบาะแว้งจะก่อตัวขึ้น ก็ให้เรานำความรักมาเป็นตัวนำ เป็นต้นว่า สมมติว่าการเสวนาดูเหมือนจะล่ม แต่เราก็อาจเสนอว่า นี่เธอ เราจะมานั่งทะเลาะกันทำไม แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อเรื่องการไถ่บาป แต่ฉันเชื่อ ก็ไม่ได้ทำให้เราเลิกเป็นเพื่อนกันนี่ ฉันก็ยังรักเธอ ช่วยเหลือเธอ บริการเธอ รับใช้เธอ ที่ผ่านๆมาเธอก็ประจักษ์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ให้เรามารักกันและกันดีกว่านะ สมมติว่าเหตุการณ์ราบรื่น และดำเนินไปสักระยะหลายเดือน การกระทำแห่งความรักที่เรามีอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจทำให้เพื่อนเริ่มเปิดใจ เขาอาจเริ่มถามว่าทำไมเราถึงได้รักเขาได้อย่างสม่ำเสมอเพียงนี้ เขาโกรธเราก็ไม่โกรธตอบ เขาเย็นเฉยแต่เราก็ยังร้อนรนอยู่ เราก็อาจตอบไปสั้นๆ นี่คือคำสอนของพระเยซูเจ้า พระผู้ไถ่ของเรา นี่ไง พระเจ้าทรงได้รับเกียรติแล้ว ฉะนั้น ในการเสวนากับพี่น้องต่างนิกายหรือต่างศาสนา ในหลายครั้ง เราก็อย่าเอาคำพูดเป็นตัวนำ แต่ให้เอาการกระทำขึ้นนำ การกระทำแห่งความรักอันเป็นกฎทองสำคัญของศาสนาเรา แล้วการเสวนาจะเป็นผล และเกิดผลร้อยเท่าทวีคูณครับ
ข้อคิด
(1) เราควรที่จะเรียนรู้พระธรรมคำสอนของศาสนาของเราได้ดีที่สุดเท่าที่โอกาสอำนวย เช่น อ่านหนังสือเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนในศาสนาอย่างไม่หยุดหย่อน เข้าชั้นเรียนคำสอนอย่างต่อเนื่อง สนทนาธรรมกับผู้รู้ ฯลฯ ในพระวรสารนักบุญยอห์น พระเยซูเจ้ากล่าวถึงพระจิตเจ้าว่าพระองค์จะทรงทำให้เราระลึกถึงคำสอนขององค์พระเยซูเจ้าได้ นี่เป็นบทบาทหนึ่งของพระจิตเจ้า ผมมองว่าหนังสือศรัทธาที่พิมพ์ออกมาจำหน่ายในราคาที่ไม่แพงนัก ชั้นเรียนคำสอนที่หน่วยงานต่างๆจัดให้มีขึ้น ล้วนแต่เป็นสิ่งดีๆ เป็นโอกาสอันงามที่พระเจ้าประทานให้พวกเรา และผ่านทางกิจการดีเหล่านั้นแหละ ที่พระจิตเจ้าจะทรงทำให้เราระลึกถึง"คำสอนของพระเยซูเจ้าได้" เช่นนี้ เราก็จะมีความรู้ในการไปเสวนากับพี่น้องนิกายอื่นและศาสนาอื่น
(2) เราควรเรียนรู้พระธรรมคำสอนของนิกายอื่น ศาสนาอื่นให้ดีด้วย เพื่อการเสวนาจะได้เป็นไปด้วยความราบรื่น เราจะรู้เขารู้เรา เราจะรู้ว่าอะไรควรพูด หรืออะไรไม่ควรพูด อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ (ทั้งนี้เพื่อรักษาน้ำใจอันดีของเพื่อนพี่น้องอื่น รักษาความปรองดอง สมานฉันท์ระหว่างพี่น้อง แม้จะนับถือคนละนิกาย คนละศาสนาก็ตาม) นอกจากนี้แล้ว การเรียนรู้พระธรรมคำสอนของนิกายอื่น ศาสนาอื่น ยังช่วยให้เรามีความเข้าอกเข้าใจแนวคิด หลักการ ปรัชญาของนิกายและศาสนาอื่นที่พี่น้องของเรานับถืออีกด้วย การเสวนาจะเป็นไปด้วยความราบรื่น และยังความประทับใจให้เกิดแก่พี่น้องนิกายอื่น ศาสนาอื่น ที่เราสนใจใฝ่รู้ หรือรู้แล้วซึ่งพระธรรมคำสอนของนิกายเขา ศาสนาเขา
(3) การเสวนา ต้องการ"ความมีใจที่เปิดกว้าง" พร้อมรับฟังคนอื่น แต่ถ้าคู่สนทนาหรือสมาชิกในกลุ่มสนทนาไม่อยู่พื้นฐานนี้แล้ว ก็ถือว่าให้สงวนการเสวนานั้นไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย อันจะนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งอันไม่พึงประสงค์สืบต่อไปครับ
(4) ในฐานะคริสตชน ให้เรายึดกฎแห่งความรักเป็นตัวนำ ใจมนุษย์นั้นถูกสร้างมาเพื่อรักและถูกรัก (น่าเสียดายที่มนุษย์จำนวนมากในทุกวันนี้หลงลืม หรือไม่รู้ในธรรมชาติตรงนี้ด้วยซ้ำไป) ถ้าเราให้ความรักขึ้นนำ ทุกอย่างจะง่าย ใจหินก็จะกลับมาเป็นใจเนื้อ ความกระด้างจะโดนไฟแห่งความรักหลอมละลายกลายเป็นความอ่อนโยนไม่ช้าก็เร็ว แต่เราก็ต้องมีความอดทนเพียงพอ เพราะบางคนใจแคบ กระด้าง เสียเหลือเกินครับ
2.
ความใจร้อน จากประสบการณ์ที่ผมเจอมา คนยุคนี้ใจร้อนกันมาก ทำอะไรก็ฉุนเฉียว หุนหันพลันแล่น เอาแต่ใจตัวเอง แม้แต่ในหมู่คริสตชนเอง ก็มีคนที่เป็นเช่นนี้อยู่ไม่น้อย วิธีการแก้ตามทัศนะของผมก็คือ สิ่งที่เราคาทอลิกเรียกกันว่า
"การปฏิเสธน้ำใจตนเอง" การทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าอะไรก็ไม่เอา หิวก็ไม่กิน อยากนอนก็ไม่นอน ทรมานตัวเองจนเกิดผลร้าย ล้มหมอนนอนเสื่อไป แต่หมายถึงว่าทำอะไรก็ไม่เอาน้ำใจของตนเองเป็นใหญ่ ทำอะไรก็ให้คิดถึงหัวอกคนอื่น ไม่ใช่คิดแต่เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร จะรู้สึกอย่างไร แต่ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม ให้เรามองคนอื่นและคำนึงถึงคนอื่นก่อนเสมอ พยายามเข้าใจเขาอย่างที่เขาเป็น ไม่ใช่เข้าใจเขาอย่างที่เราอยากให้เขาเป็น ควรมีท่าทีแห่งการเสวนา ไม่ใช่เอะอะก็โกรธ ฉุนเฉียว ชวนทะเลาะ ฯลฯ การทำได้เช่นนี้ก็น่าจะทำให้เราใจเย็นลงได้นะครับ จริงๆก็นับว่าเป็นความโชคดีและถือว่ามีบุญที่เราได้มานับถือศาสนาคริสต์ เพราะเป็นศาสนาที่สอนในเรื่องนี้ ที่เด่นชัดก็คือในเรื่องของความรัก แต่ทว่าน่าเสียดายที่หลายคน นับถือศาสนานี้ แต่ยังยึดติดกับสิ่งบางแง่บางมุมในศาสนาเท่านั้น เช่น มาเป็นคริสตชนแล้ว แต่ยังมัวแต่นั่งนับและสะสมรูปพระราวกับเป็นพระเครื่อง นั่งตาลอยคอยชื่นชมอัศจรรย์เหนือธรรมชาติทั้งหลายเหมือนกับพวกชอบรอเลขเด็ด ชื่นชมกับสิ่งที่ตระการตาในศิลปะที่แสนงดงามของวัดและความอลังการงานสร้างของดนตรีศักดิ์สิทธิ์เหมือนพวกนักท่องเที่ยวที่มาชมวัด เห็นว่าสวยแล้วก็จากไป หรือไม่ก็เหมือนนักฟังดนตรีที่มาฟังคอนเสิร์ตแล้วก็กลับบ้านไป สิ่งที่ว่ามาข้างตนมิใช่ไม่ดี แต่อยู่ที่ว่าพวกเขาเหล่านั้นนั่งยึดอยู่แต่กับสิ่งเหล่านี้เท่านั้น โดยไม่สนใจต่อการศึกษาพระธรรมคำสอนหรือนำพระธรรมคำสอนจากภาคทฤษฎีมาลงสู่ภาคปฏิบัติที่แท้เลย การแพร่ธรรมที่ดีที่สุดคือการปฏิบัติเป็นแบบอย่างให้เห็นจริง ถ้าเราคริสตชนทุกคนพร้อมใจกันปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระเจ้า เราจะเห็นการกลับใจกันมากกว่านี้อีกมากนัก อย่างไรก็ตาม ดังได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าเป็นบุญของพวกเราที่ได้มาเป็นคริสตชน เพราะการมาเป็นคริสตชนนี้ เราก็ทราบแนวทางแห่งความรักแล้ว เราก็ย่อมรู้แล้วว่าแนวทางแห่งสันติเป็นอย่างไร และควรปฏิบัติเช่นไร การปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูที่ให้เรารักกันและกันนี้ ถ้าเราทำได้จริง เราก็จะเอาชนะความใจร้อนไปได้ แต่พระเยซูเจ้าตรัสว่า"ปราศจากเราแล้ว ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย" ฉะนั้น ความรักจะบังเกิดผลจริงในตัวเรา เราก็ต้องอธิษฐานภาวนาขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าให้ประทานคุณธรรมความรักนี้มาให้แก่เราด้วย ให้พระจิตเจ้าทรงทำงานในใจเรา ไม่เช่นนั้นลำพังตัวเราเองก็ทำอะไรไม่ได้เลยครับ
ข้อคิด
(1) แม้สิ่งภายนอก เช่น รูปพระ อัศจรรย์ วัด และดนตรีศักดิ์สิทธิ์ จะทำให้เราเริ่มสนใจในพระศาสนา แต่ชีวิตฝ่ายจิตของเราไม่ควรหยุดยั้งอยู่แค่นั้น จะปล่อยให้หยุดอยู่แค่นั้นไม่ได้เป็นอันขาด ทว่าต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เป็นต้นในเรื่องคุณธรรมเหนือธรรมชาติทั้งสาม ได้แก่ ความเชื่อ ความวางใจ และความรัก และนักบุญเปาโลได้กล่าวไว้ชัดว่า "ความรักสำคัญที่สุด"
(2) ลำพังเราเองทำอะไรไม่ได้ การจะมีคุณธรรมความรัก นอกจากเราจะต้องร่วมมือกับพระเจ้าในการพัฒนาคุณภาพชีวิตจิตของตนเองแล้ว เราก็ยังต้องสวดขอพระเจ้าประทานคุณธรรมความรักมาให้เราด้วย ให้พระองค์ทรงช่วยเรา ให้เรารักคนอื่น ใจเย็น มีความอารีอารอบ คิดถึงคนอื่นเสมอ ฯลฯ เพราะเมื่อเรามีคุณธรรมความรัก ไม่ว่าเราจะทำอะไร เราก็จะใจเย็น มองปัญหาก็มองอย่างรอบด้าน เข้าใจคนอื่นอย่างที่เขาเป็น ไม่ใช่อย่างที่เราอยากให้เขาเป็น
ขอแบ่งปันเท่านี้ก่อนครับ

Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 18, 2007 4:25 pm
โดย จอมนางกระบี่เดี่ยว
คนข้างบนนี้เนี่ย ช่วยจัดย่อหน้าหน่อยได้ป่าวจ้ะ พี่แก่แล้ว อ่านแล้วตาลายอ่ะ
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 18, 2007 7:57 pm
โดย holy holy holy
โกรธก็โกรธเถิด แต่อย่าทำบาป จงคำนึงในใจเวลาอยู่บนที่นอนและสงบอยู่ เซลาห์
Re: แนะนำวิธีทำให้ใจเย็นเป็นน้ำแข็งให้หน่อยครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 18, 2007 8:49 pm
โดย poloplow
ขอขอบคุณพี่น้องในบอร์ดทุกท่านสำหรับคำแนะนำมาก ๆ เลยนะคร้าบ
