Belong to the Truth Jesus Christ

ได้อ่านเหมือนกัน ดีใจที่พี่น้องคริสตังได้ประกาศเช่นนี้

แต่ขอติงนิดหนึ่ง พี่น้องไม่ได้ติดตาม ไม่ได้ทำตาม เพราะอันที่จริง การประกาศนี้ตั้งแต่อดีตพระสันตะปาปาจอห์นปอล ที่ 2 ทรงประกาศ ตั้งแต่ปี 2000
และพี่น้องคงเห็นผลงาน จากหนังสือไดอารี่ ด้วย  ปี 2007-2010 นั่นคือ 10ปี ที่ระกาศเมื่อปี 2000 เหลือ อีก 3 ปี

พี่น้องคริสตัง มักจะค้านว่า ไม่ต้องแพร่ธรรม  = การประกาศพระวาจา หรือประกาศพระวรสาร คือการแพร่ธรรมค่ะ

พี่สังเกต พอมีคนทักท้วง พวกคริสต์ที่แพร่ธรรม นาๆชนิด ทั้งเชื้อเชิญ ชวนเชิญ บังคับ ขู่เข็ญ ฯลฯ พี่น้องคาทอลิก รีบออกไปปัดทันที
ว่า นั่นไม่ใช่ของคริสตัง เพราะคริสตัง ไม่ต้องแพร่ธรรม  พี่ว่าเราเหลือเวลาอีก 3 ปีนะคะ 7 ปีผ่านไปอย่างไม่เอาใจใส่ อีก 3 ปีที่เหลือสำแดงออกถึงพระวาจาทรงชีวิต ในชีวิตของพวกเราเทอญ และแพร่ธรรมคือหน้าที่ ที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ก่อนเสด็จขึ้นสู่สวรรค์

ผมยังกังวลอยู่ว่าอีก3ปีนี้จะมีอะไรเป็นรูปธรรมบ้างไหม เหมือนปีที่แล้วที่เหมือนจะจัดให้มีอะไร แต่ที่จริงไม่มีอะไรดีขึ้นเลย(ในมุมุมองของผม)

Holy เขียน: ผมยังกังวลอยู่ว่าอีก3ปีนี้จะมีอะไรเป็นรูปธรรมบ้างไหม เหมือนปีที่แล้วที่เหมือนจะจัดให้มีอะไร แต่ที่จริงไม่มีอะไรดีขึ้นเลย(ในมุมุมองของผม)

พี่ไม่ทราบวิธีการรณรงค์ และวิธีการแพร่ธรรมของพี่น้องคาทอลิก เป็นอย่างไร ที่จะเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน  แต่โปรเตสแตนต์ ในภาพใหญ่
เราจะจัดให้มี การประกาศใหญ่ เป็นระยะๆ และบางเรื่องจัดเป็นวาระแห่งการประกาศ เช่น การประกาศสถานีรถไฟคริสตมาส  การอดอาหาร 40 วัน
เพื่ออธิษฐานอวยพร ประเทศไทย  การสัมมนา เรื่องการประกาศ การฟื้นฟูจิตวิญญาณ ฯลฯ เมื่อมีผู้เชื่อ ก็ให้คริสตจักรนำคนเข้าคริสตจักร และทุกคริสตจักร จะมีการรณรงค์ให้มีการแพร่ธรรม หรือประกาศ

เพราะถ้าตั้ง หรือประกาศ แต่ไม่ได้รณรงค์เป็นรูปธรรม ก็ทำยาก  ภาพรวมที่พี่เห็น คือ วัด/คุณพ่อ/สภาภิบาล/สัตตบุรุษ ยังไม่เข้าใจ เรื่องเหล่านี้
จึงทำให้ไม่เห็นความสำคัญของการแพร่ธรรม แถมยังพาลด่า หรือกระแหนะกระแหน ไปที่พี่น้องคริสเตียน ที่กำลังทำหน้าที่  อย่างคริสเตียนที่ทำ
จน มีทั้งผลดี และผลเสีย คือป้ายเหลือง..................เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พี่ขึ้นไปเยี่ยม คุณพ่อท่านหนึ่ง เสาร์-อาทิตย์ นี่ต้องเป็นศิษย์หลวงตา
ตระเวณไป ร่วมมิสซา หลายๆวัด (เหมือนไปพลีกรรม 9 วัดงั้นแหละ ) ระหว่างทาง ซึ่งถนนคดเคี้ยว สูงชัน ต้นไม้สูงๆ มีป้ายเหลืองนำทาง เขียน
พระวาจา "พระเยซูเป็นความรัก" " เชื่อวางใจพระเยซูได้รับความรอด" " พระเยซูทรงนำไปถึงพระบิดา" เป็นต้น พี่อ่านป้ายพวกนั้น แล้วคุยกับคุณพ่อว่า
ดูสิ พี่น้องคริสเตียน เขียนป้ายบอกทางชีวิตให้คนไปหาพระเจ้า ที่โบสถ์คริสตัง ป้ายเหล่านั้น คือพระวาจาของพระเจ้า นั่นคือรูปแบบของการแพร่ธรรม ที่เห็นเป็นรูปธรรม

พูดถึงการแพร่ธรรม

เมื่อเช้าฟังรายการนึงตอน6โมง(จำไม่ได้ช่องอะไร)มีนักบวชศาสนานึง(เป็นที่รู้กัน)พูดไม่เคารพศาสนาอื่นเลย(แต่ผมว่าแรง แม้เขาจะพูดนิ่งๆ)

หมดความนับถือ(สำหรับท่านนี้เท่านั้นนะ สำหรับท่านอื่นผมยังเคารพนับถืออยู่)

กลับมาต่อ ผมไม่เข้าใจเลยว่ายิ่งเราแพร่ธรรม เรายิ่งโดนด่า แต่พวกเขาแพร่ธรรมไปยังถิ่นเดิมของเรา กลับกลายเป็นสโลแกนว่า"ต่างชาติยังหันมาสนใจเรา"

Gray Cat Mobster เขียน: พูดถึงการแพร่ธรรม

เมื่อเช้าฟังรายการนึงตอน6โมง(จำไม่ได้ช่องอะไร)มีนักบวชศาสนานึง(เป็นที่รู้กัน)พูดไม่เคารพศาสนาอื่นเลย(แต่ผมว่าแรง แม้เขาจะพูดนิ่งๆ)

หมดความนับถือ(สำหรับท่านนี้เท่านั้นนะ สำหรับท่านอื่นผมยังเคารพนับถืออยู่)

กลับมาต่อ ผมไม่เข้าใจเลยว่ายิ่งเราแพร่ธรรม เรายิ่งโดนด่า แต่พวกเขาแพร่ธรรมไปยังถิ่นเดิมของเรา กลับกลายเป็นสโลแกนว่า"ต่างชาติยังหันมาสนใจเรา"

แหมน้องก็น่าจะเข้าใจ เขาไม่ได้พูดตามเหตุผลนี่นา เขาพูดตามอารมณ์

น่าจะมีการเชิญชวนให้อ่านพระคัมภีร์และร่วมแบ่งปันกันในบอร์ด  ถ้าพวกเราเห็นคุณค่าของพระวาจาที่มีต่อชีวิตจริงของเราแต่ละคน เราก็จะรักการอ่านพระคัมภีร์มากขึ้นครับ  นี่พูดจากประสบการณ์ตรงของผมน่ะครับ