หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 4:02 pm
โดย Holy
ศีลอภัยบาป
โดย สำราญ วงศ์เสงี่ยม

จากหนังสือแสงธรรมปริทัศน์ ราย 4 เดือน ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม – เมษายน

ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

การถือปฏิบัติในสมัยอัครสาวกและศตวรรษแรก ๆ ( ที่ 1-2 )
จากหลักฐานในพระวรสารเอง เราพอจะมองเห็นการถือปฏิบัติศีลอภัยบาปในสมัยเริ่มแรก
นี้ พระศาสนจักรในสมัยอัครสาวกได้รับรู้ว่าตัวเองทำบาป และมีการอภัยให้แก่พี่น้องคริสตชนที่
กระทำผิด การรู้ตัวเช่นนี้กระทำให้บรรดาสมาชิกต่างพยายามหนีบาปโดยตั้งใจเป็นตัวอย่างที่ดีแก่
กันและกัน ตักเตือน และภาวนาให้แก่กัน การกลับใจและการ “คืนดี” ของคริสตชนที่กระทำผิดใน
สมัยนั้น มีวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างกันอยู่ 2 แบบคือ แบบที่หนึ่ง เป็นการว่ากล่าวตักเตือนแบบพี่
น้อง การภาวนาในที่ประชุมและการสารภาพผิดต่อพี่น้อง แบบที่สอง ซึ่งใช้ถือปฏิบัติในกรณีที่เป็น
ความผิดขั้นอุกฉกรรจ์ และเป็นบาปประเภทที่เรียกว่า บาป “เปิดเผย” ( ฆ่าคน – มีชู้-ผิดประเวณี-
ละทิ้งศาสนา) มีการปฏิบัติที่มีพิธีรีตองมากกว่าแบบแรกมาก ประกอบด้วย 2 วาระคือ วาระแรก
แยกคนบาปออกจากสังคมคริสตชน ด้วยกลัวว่าเขาอาจทำให้สังคมคริสตชนทั้งกลุ่มเสียหาย พร้อม
กันนั้นก็แก้ไขและตักเตือนในกลับใจ วาระต่อมาคือการ “คืนดี” ( กับพระเจ้าและศาสนจักร)
พร้อมกันรับเข้ามาอยู่ในสังคมคริสตชนเสียใหม่ เมื่อแน่ใจว่า เขาผู้นั้นกลับใจอย่างแท้จริงแล้ว
การถือปฏิบัติเรื่องศีลอภัยบาปนี้ ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มของพระศาสนจักร ถือว่าเกี่ยวข้องกับ
สมาชิกพระศาสนจักรทั้งกลุ่ม โดยมีผู้อภิบาลสัตบุรุษ ( อัครสาวกและผู้สือบต่อ) ผู้ที่ได้รับหน้าที่
พิเศษเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่ง พระวรสารโดยนักบุญมัทธิว 16, 18 -19 และ 18,18 และโดยนักบุญ
ยอห์น 22,3 ต่างอ้างเป้นพยานยืนยันว่าการถือปฏิบิตเช่นนี้ เป็นพระประสงค์ของพระคริสตเจ้า ผู้
มอบอำนาจการอภัยบาปคริสตชนที่กระทำผิดแก่พระศาสนจักรของพระองค์ ซึ่งมีผู้อภิบาลสัตบุรุษ
( อัครสาวกและผู้สืบต่อ ) เป็นหัวหน้า โดยตั้งเงื่อนไขบางประการให้คนบาปถือปฏิบัติ เพื่อเป็น
เครื่องชี้และเป็นหลักประกันว่า พวกเขากลับใจแล้วจริง ๆ

ต่อมาในสมัยอัครสาวก พระศาสนจักรสมัยแรก ๆ คือ ศตวรรษที่ 1-2 เราพบหลักฐานใน
หนังสือ Didache( เขียนราว ค.ศ. 150 ) ว่า

“ในวันพระเจ้า ทุกคนต่างมาร่วมชุมนุมกัน บิขนมปังและกล่าวคำขอบพระคุณพระเจ้า (
ร่วมถวายบูชามิสซา – ผู้เขียน ) หลังจากที่พวกท่านสารภาพผิดแล้ว การถวายบูชาของท่านจึงจะ
สะอาดบริสุทธิ์ ใครก็ตามที่มีข้อผิดพ้องหมองใจกับพี่น้อง อย่าให้มาร่วมในที่ประชุมกับพวกท่าน
จนกว่าจะคืนดี กันเสียก่อน เพื่อมิให้การถวายบูชาของท่านมีราคี”

เห็นได้ว่าเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งสอนและวิธีการของอัครสาวกนั่นเอง ว่า “การคืนดี”
หรือศีลอภัยบาปเป็นเงื่อนไขจำเป็นข้อแรกเพื่อให้คำภาวนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งพิธีศีลมหาสนิท
เป็นไปอย่างเหมาะสมและแท้จริง

สรุปการถือปฏิบัติของคริสตชนสมัยดั้งเดิมคือ คนบาปต้องเป็นทุกข์เสียใจและรับรู้ว่า
ตัวเองป็นคนบาปเฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า และต่อหน้าชุมชนคริสตัง พระศาสนจักรทั้งครบ ไม่
ว่าผู้มีอำนาจปกครองหรือสัตบุรุษต่างภาวนาพร้อมกัน ต่อจากนั้นเป็นการร่วมมือจากทั้งสองฝ่ายใน
การแก้ไขความผิดพลาด และการอภัยบาปของสมณะเป็นขั้นสุดท้าย

การถือปฏิบิตในสมัยต่อ ๆ มา
อาจกล่าวได้ว่าพระศาสนจักรถือปฏิบัติเรื่องนี้แตกต่างกันไปเป็น 4 ระยะด้วยกันคือ

1. ระยะแรก ศตวรรษที่ 2- 3 พระศาสนจักรตระหนักว่ามีคนทำบาปหนักในพระศาสนจักร จึง
หาวิธีการให้มีการปลดเปลื้องแก้ไข

2. ระยะ 2 ศตรวรรษที่ 3-4 และ 5-6 เป็นระยะแห่งการคืนดีมีสันติภาพของคนบาปหนักกับ
พระศาสนจักร

3. ระยะ 3 ศตวรรษที่ 7 มีศีลอภัยบาป “ส่วนตัว” ( แก้บาปทีละคน หรือ ตัวต่อตัว )

4. ระยะ 4 การค้นหากฎเกณฑ์แน่นอนตายตัวในสังคายนาแห่งเตรนโต ( ค.ศ.1551 )

ระยะแรก ศตวรรษที่ 2- 3

ในศตวรรษที่ 2- 3 นี้ เป็นสมัยแห่งการเบียดเบียนพระศาสนจักรอย่างรุนแรงและโหด*****ม
ที่สุด คริสตังบางคนทนการถูกทรมานไม่ได้ ได้ละทิ้งพระศาสนาไป ( อาโปสตาตา ) พระศาสน
จักรพยายามหาวิธีการอภัยบาปขึ้น แต่ก็ยังไม่มีแบบแผนที่แน่นอนตายตัว หลักฐานที่พออ้างอิงได้
คือ Didascalia Apostolorum ( เขียนที่ซีเรียเหนือ ราว ค.ศ 220 ) สรุปได้ดังนี้

1. บาปทุกประการมีการแก้ไขอภัยได้
2. สังฆราชปกมือเหนือคนบาป ( เพื่ออภัยบาป ) มีสังฆานุกรอยู่ใกล้ชิด
การบัพพาชนีกรรม ( ถูกตัดขาดจากสังคมพระศาสนจักร ) ถือเป็นการ “เยียวยา” จนกว่าจะ
เห็นว่าคนบาปเป็นทุกข์เสียใจและใช้โทษบาปมานานพอสมควร

ระยะ 2 ศตวรรษที่ 3-4 และ 5-6

ในศตวรรษที่ 3-4 มีมิจจาทิษฐิ ( เฮเรติก )เกิดขึ้นมากมาย ( เช่น Donatism ,
Arianism, Montanism , Novatianism เป็นต้น ) พระศาสนจักรก็ยิ่งเข้มงวดกับ
คนบาปมากขึ้น การโปรดอภัยบาป ย่อมโปรดเป็นทางการต่อหน้าสาธารณชน และการ “คืนดี”
ย่อมกระทำอย่างเป็นพิธีรีตองเสมอ ( Canonical penitence ) แม้ว่าบางกรณีคนบาปจะมา
สารภาพผิดต่อพระสังฆราชเป็นการส่วนตัวแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันหรือ “เยียวยา” บาปประเภท
มิจฉาทิฐินี้เป็นต้น พระศาสนจักรเคร่งครัดถึงกับหลังจากคนบาปกลับใจแล้ว ยังถูกจำกัดสิทธิหลาย
อย่างไปจนตลอดชีวิต เช่น ทำงานประเภทบริการประชาชน ( Public service ) ไม่ได้ ฝ่าย
สามีหรือภรรยาตายแล้ว จะแต่งงานอีกหนไม่ได้ รับศีลมหาสนิทในเวลามิสซาไม่ได้ ดังนี้เป็นต้น
ผลที่ตามมาคือ หลายคนหมดความอดทน ทิ้งวัดไปเลยก็มี

ในศตวรรษที่ 5-6

วิธีการปลดเปลื้องบาป มีแบบแผนอย่างมีพิธีรีตอง ในวันพุธศักดิ์สิทธิ์คน
บาปประเภทบาป “เปิดเผย” ( ฆ่าคน มีชู้ ผิดประเวณี ละทิ้งศาสนา) จะถูกนำออกมาจากคุก เพื่อทำ
พิธี “คืนดี” กับพระศาสนจักร ( เห็นได้ว่าสมัยนั้นการเมืองกับศาสนายังปะปนกันอยู่ ) ในวัน
พฤหัส ฯ ศักดิ์สิทธิ์ คนบาปจะถูกนำตัวมากราบจรดพื้นหน้าพระสังฆราช สังฆานุกรจะกล่าวนำพิธี
ถึงวันเวลาแห่งความรอด ความตาย – ชีวิต ความยินดีของพระศาสนจักรที่มีคนกลับเข้ามาใหม่ นับ
ได้ว่าเป็นความเจริญของพระศาสนจักรเองกล่าวถึงการคืนดีซึ่งเกี่ยวกับกันศีลล้างบาป ต่อจากนั้น
พระสังฆราชกล่าวตักเตือนถึงความสุภาพ ความเมตตาของพระเจ้า ความหวังของคนบาป และกล่าว
คำภาวนา

สำหรับคนบาป จะต้องกระทำดังต่อไปนี้
- ภาวนา
- เป็นทุกข์เสียใจ และใช้โทษบาป
- ขอโทษ และขอคืนดีเข้าไปอยู่ในสังคมคริสตชนใหม่
- ไม่เพียงแต่ขอให้พระศาสนจักรอภัยบาป แต่ยังขอภาวนาอุทิศให้ด้วย

น่าสังเกตว่าพิธีอภัยบาปนี้ กระทำในระหว่างประกอบมหาบูชามิสซา โดยแทรกอยู่ในภาควจน
พิธีกรรมกับภาคเสกศีล ฯ


ระยะ 3 ศตวรรษที่ 7-13

ในราวศตวรรษที่ 7 -8 ได้มีวิธีการแก้บาปแบบ “ส่วนตัว” ( ทีละคนหรือตัวต่อตัว)
เกิดขึ้นในพระศาสนจักร อันมีกำเนิดมากการกฎที่ยกเว้นสำหรับพวกนักพรต ( ฤษี ) ว่าไม่ต้อง
ถือตามกฎการอภัยบาป “เปิดเผย” สำหรับสามัญชนทั่ว ๆ ไป

น่าสังเกตอีกประการหนึ่งว่าเมื่อพวกนักพรตทำบาปหนัก กิจใช้โทษบาปก็ไม่เหมือนกับคน
อื่น เช่นว่ามีการถอดถอนตำแหน่งหน้าที่ ( ตัวอย่างจากรองเจ้าอธิการมาเป็นคนทำสวน ) ดังนี้
เป็นต้น นอกจานักพรตแล้ว ยังมีพวกที่เรียกว่า “ผู้กลับใจ” ( conversi ) พวกนี้แม้จะไม่อยู่
ในอารามนักพรต แต่ก็ดำเนินชีพแบบนักพรตคือรักษาศีลพรหมจรรย์และบำเพ็ญตบะ พวก
เหล่านี้ได้รับการยกเว้นเช่นกันไม่ต้องถือตามกฎการอภัยบาปในที่สาธารณะอย่างเป็นพิธีรีตอง (
Cononical penitence ) การอภัยบาปและการใช้โทษบาปแบบส่วนตัวในอาราม
นักพรตได้ค่อย ๆ แพร่หลายนอกอาราม สืบเนื่องมาจากบรรดามิสชันนารีที่เป็นนักพรตนำ
วิธีการอภัยบาปแบบของตัวนี้ไปใช้ในดินแดนที่ประกาศสอนศาสนา เรียกการอภัยบาปแบบนี้
ว่า Tariff penitence ซึ่งมี

1. คนบาปสารภาพบาปส่วนตัว ตัวต่อตัว กับพระสงฆ์ ไม่ใช่กับพระสังฆราชและอย่างเปิดเผย
แบบ Canonical penitence.
2. พระสงฆ์ให้กิจใช้โทษบาปตามความหนักเบาของบาป ( ซึ่งเรียกว่า tariff = พิกัดอัตรา
ภาษี จึงเรียกว่า Tariff penitence ) กิจใช้โทษบาปแบบนี้ปกติมีการภาวนาหรือขอ
มิสซาเพื่ออภัยบาป.
3. เมื่อคนบาปทำกิจใช้โทษบาปดังกล่าวข้างต้นแล้ว กิจใช้โทษบาปหนัก ๆ แบบอื่นตามวิธี
อภัยบาปแบบ canonical penitence ( เช่นห้ามทำงานประเภทบริการประชาชน
รับศีลมหาสนิทในเวลามิสซาไม่ได้ ยืนเท้าเปล่าในฤดูหนาวหน้าวัดเวลามีการประกอบ
พิธีกรรม ) เป็นอันยกเลิก
4. เมื่อคนบาปพลาดพลั้งตกในบาปอีก ก็มาทำพิธีปลดเปลื้องบาปแบบนี้ได้อีก ( ซึ่งจะยากมาก
ถ้าเป็นกรณีอภัยบาปแบบ “เปิดเผย” หรือ Canonical penitence
ในศตวรรษที่ 9 เป็นต้นมา วิธีอภัยบาปมีอยู่ 2 แบบ ตามประเภทของบาป คือ ถ้าบาปประเภท
“เปิดเผย” ( ฆ่าคน มีชู้ ผิดประเวณี ละทิ้งศาสนา ) ก็ใช้วิธีอภัยบาป “เปิดเผย” หรือ
canonical penitence หากเป็นบาปประเภท “ลับเฉพาะ” หรือนอกเหนือไปจากบาป
“เปิดเผย” ก็ใช้วิธีอภัยบาปแบบ เฉพาะส่วนตัว หรือตัวต่อตัวกับพระสงฆ์


ในศตวรรษที่ 10

วิธีอภัยบาปแบบ “เปิดเผย” หรือ canonical penitence มีผิด
แผกกับแบบในศตวรรษที่ 5-6 อยู่บ้าง เช่นว่าพิธีหน้าประตูโบสถ์ พระสังฆราชเป็นผู้เรียกคน
บาปให้เดินเข้าไปหาท่าน ( เครื่องหมายแสดงถึงการเรียกและพระเมตตาจากพระเป็นเจ้า )
พระสังฆราชพร้อมกับคนบาปต่างก้มกราบจรดพื้นดินเพื่อสารภาพบาปต่อพระเป็นเจ้า ( ความ
สุภาพถ่อมตัวของพระสังฆราช แม้ว่าจะอยู่ในฐานะหัวหน้าผู้แทนของชุมชนพระศาสนจักรก็
ตาม )

ในศตวรรษที่ 13

วิธีการอภัยบาปแบบ canonical penitence เป็นไปอย่าง
สลับซับซ้อน แต่ว่ามีพิธีรีตองภายนอกเหล่านั้น เน้นถึงบาปและเทวศาสตร์ว่าด้วยศีลอภัยบาป
อย่างมาก ( พระเมตตากรุณาของพระเป็นเจ้า การร่วมมือของคนบาปกับพระเป็นเจ้า การ
ร่วมมือของคนบาปกับพระเป็นเจ้าในการกลับใจ แสงสว่างแห่งปาสกา ซึ่งเป็นความหวังและ
ความยินดีที่จะได้กลับฟื้นคืนชีพในองค์พระคริสตเจ้า ฯลฯ )


ระยะ 4 สมัยสังคายนาแห่งเตรนโต ( ค.ศ. 1551 )

สังคายนาแห่งเตรนโต สมัยที่ 14 พูดถึงศีลอภัยบาป ( 1551 ) ประกาศว่า

- พระศาสนจักร อาศัยอำนาจพระเจ้า ( Divine law ) สามารถอภัยบาปได้ ( ต่อสู้พวกที่
ถือว่าพระสงฆ์ไม่ได้อภัยบาป ( absolution ) เพียงแต่ประกาศ ว่า บาปหลุดแล้วเท่านั้น
จากผลแห่งความเชื่อในพระสัญญาและพระวาจาพระเจ้า ( ไม่ได้มองพระศาสนจักรในแง่
เป็นพระคริสตเจ้า ที่แลเห็นเห็นได้สืบต่อมาในโลก ) ( ความจริงจะว่าพระศาสนจักรอาศัย
Divine law ในการอภัยบาปนั้น ถ้าเป็นแบบ direct หรือโดยตรงคงไม่ถูกแน่ แต่
เป็นแบบ indirect หรือ โดยอ้อม เหตุว่าบาปทุกประการมีลักษณะผิดต่อสังคม หรือ
พระกายทิพย์ของพระคริสตเจ้า นั้นคือพระศาสนจักร พระศาสนจักรจึงมีสิทธิที่จะกำหนด
วิธีการและกิจใช้โทษบาปด้วย

- ศีลอภัยบาปไม่ใช่เพียงแค่กลับใจมายังพระเท่านั้น ( ซึ่งบาปหลุดจริงก่อนไปสารภาพบาป )
แต่เพราะคนบาปเป็นสมาชิกของชุมชนพระศาสนจักร จึงต้องทำตามเงื่อนไขของพระศา
สนจักร และพิธีกรรมของชุมชนพระศาสนจักรด้วย

- สังคายนาพูดถึงการไปแก้บาปอย่างน้อยปีละหน และแก้บาปหนักทุกข้อ

- ศีลอภัยบาปยังเป็นวิธีการที่พระประทานพระหรรษทานและพระคุณแก่คนบาปมิให้ตกใน
บาปในอนาคตด้วย

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 8:24 pm
โดย ~*Little`Child*~
ขอบคุณมากคะ พี่ปอ... ::014::

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 8:50 pm
โดย ~KaThaRoS~
ขอบคุณมากค่ะ รี่ไม่ได้แก้บาปมา2เดือนแล้ว  : xemo033 :จำบทแก้บาปไม่ได้อ้ะ แหะๆๆ : xemo016 : : xemo016 :
พี่ๆช่วยพิมให้นู๋หน่อยได้มั๊ยค่ะ พรุ่งนี้จะได้ไปแก้บาปที่วัดพระจิตค่ะ : xemo026 :

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 9:16 pm
โดย Alphonse
ขอบคุณครับ ^^

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 10:40 pm
โดย Batholomew
ขอบคุณครับ : emo038 :

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 10:56 pm
โดย Holy
~KaThaRoS~ เขียน: ขอบคุณมากค่ะ รี่ไม่ได้แก้บาปมา2เดือนแล้ว  : xemo033 :จำบทแก้บาปไม่ได้อ้ะ แหะๆๆ : xemo016 : : xemo016 :
พี่ๆช่วยพิมให้นู๋หน่อยได้มั๊ยค่ะ พรุ่งนี้จะได้ไปแก้บาปที่วัดพระจิตค่ะ : xemo026 :
ถ้าแก้วัดพระจิตไม่ต้องใช้บทอะไรเลย บอกคุณพ่อไปตรงๆว่าจำไม่ได้ ขอบอกบาปเลยได้ไหม แล้วพ่อจะช่วยเอง

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 06, 2007 11:25 pm
โดย Dis volentibus
ขอบคุณพี่โฮลี่มากๆค่ะ

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 07, 2007 12:06 am
โดย ~KaThaRoS~
ขอบคุณค่ะ จำได้แต่...และบาปอื่นๆที่ลูกได้ลืมไป
และก็สวดบทแสดงความทุกข์ ซึ่งในหนังสือประสานใจมีใช่มั๊ยค่ะ
เพราะรี่ก็จำไม่ได้อีกเช่นกัน แหะๆๆ : xemo033 :

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 07, 2007 3:02 am
โดย ~@Little lamb@~
คุณพ่อที่เคารพ  โปรดกรุณายกบาปและอวยพรแก่ลูก
ลูกแก้บาปครั้งสุดท้าย ประมาณ .... อาทิตย์
คุณพ่อได้อภัยบาปแล้ว  กิจใช้โทษบาปได้ทำแล้ว  (บอกบาปไป)  และบาปอื่น ๆ ที่ลูกได้ลืมไปแล้วด้วย

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 07, 2007 10:28 am
โดย ~KaThaRoS~
ขอบคุณพี่จิงค่ะ แล้วเจอกันที่วัดค่ะ

บทแก้บาปกับพระสงฆ์

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 05, 2008 8:53 am
โดย benyapa
~KaThaRoS~ เขียน: ขอบคุณพี่จิงค่ะ แล้วเจอกันที่วัดค่ะ
ด้วยดิฉันจะรับศีลล้างบาปแต่ดิฉันยังท่องบทแก้บาปยังไม่คล่องและยังไม่ค่อยได้เลย  และไม่รู้ว่าจะเริ่มท่องตรงไหนเพราะที่ท่องอยู่นี้ก็กลัวผิดจึงอยากได้บทแก้บาปที่ถูกต้องหลังจากรับศีลล้างบาปแล้ว  และการแก้บาปครั้งต่อไปขอรบกวนช่วยบอกด้วยนะค่ะเพราะรู้สึกกังวลกับบทแก้บาปเพราะกลัวผิดและรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้เป็นลูกของพระอย่างที่ตั้งใจไว้  ขอบคุณมากค่ะ

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 05, 2008 11:15 pm
โดย ~@Little lamb@~
ขั้นตอนในการแก้บาปนะคะ

1. สวดเชิญพระจิต ที่ที่นั่งของตัวเอง

2. พิจารณาบาป  ว่าทำอะไรไปบ้าง  ทบทวนดี ๆ จำจำนวนครั้งได้ก็ดีค่ะ

3. ไปที่ที่แก้บาป

4. ท่องบทนี้
คุณพ่อที่เคารพ  โปรดกรุณายกบาปและอวยพรแก่ลูก
ลูกแก้บาปครั้งสุดท้าย ประมาณ .... อาทิตย์
คุณพ่อได้อภัยบาปแล้ว  กิจใช้โทษบาปได้ทำแล้ว 
(บอกบาปไป  ถ้าจำจำนวนครั้งได้ ก้บอกด้วย)  และบาปอื่น ๆ ที่ลูกได้ลืมไปแล้วด้วย


5. ฟังคุณพ่ออบรม และบอกกิจใช้โทษบาป

6. สวดบทแสดงความทุกข์

7. กลับที่นั่งตัวเอง แล้วสวดกิจใช้โทษบาป

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 06, 2008 12:46 am
โดย ศิลปกรรม
~@Little lamb@~ เขียน: ขั้นตอนในการแก้บาปนะคะ

1. สวดเชิญพระจิต ที่ที่นั่งของตัวเอง

2. พิจารณาบาป  ว่าทำอะไรไปบ้าง  ทบทวนดี ๆ จำจำนวนครั้งได้ก็ดีค่ะ

3. ไปที่ที่แก้บาป

4. ท่องบทนี้
คุณพ่อที่เคารพ  โปรดกรุณายกบาปและอวยพรแก่ลูก
ลูกแก้บาปครั้งสุดท้าย ประมาณ .... อาทิตย์
คุณพ่อได้อภัยบาปแล้ว  กิจใช้โทษบาปได้ทำแล้ว 
(บอกบาปไป  ถ้าจำจำนวนครั้งได้ ก้บอกด้วย)  และบาปอื่น ๆ ที่ลูกได้ลืมไปแล้วด้วย


5. ฟังคุณพ่ออบรม และบอกกิจใช้โทษบาป

6. สวดบทแสดงความทุกข์

7. กลับที่นั่งตัวเอง แล้วสวดกิจใช้โทษบาป

พี่ ~@Little lamb@~ คะ

บทแสดงความทุกข์ กับ กิจใช้โทษบาป คือการสวดยังไงเหรอคะ

รบกวนช่วยให้ความรู้แก่น้องใหม่ผู้นี้หน่อยได้ไหมคะพี่ ~@Little lamb@~


P.S. ถ้าพิมพ์อะไรผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 06, 2008 10:27 am
โดย Batholomew
บทแสดงความทุกข์
ข้าแต่พระเป็นเจ้า. ข้าพเจ้าเป็นทุกข์เสียใจที่ได้กระทำบาป เพราะบาปเรียกร้องอาชญาของพระองค์. แต่เป็นต้นเพราะมันทำเคืองพระทัยพระองค์ ซึ่งดีและน่ารักยิ่งนัก. เดชะพระหรรษทานช่วย ข้าพเจ้าตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำบาปอีกเลย ทั้งจะอุตส่าห์ใช้โทษ ขอทรงพระกรุณายกบาปแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด. อาแมน

กิจใช้โทษบาปก็แล้วแต่คุณพ่อฟังแก้บาปนะครับ ::001::

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 06, 2008 6:30 pm
โดย Dis volentibus
ส่วนใหญ่จะเจอวันทามารีอา 5บท สายประคำ10เม็ด หรือช่วยเหลือคนจน  :grin:

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 06, 2008 6:48 pm
โดย :+: seraphim :+:
+Ecclēsia เขียน: ส่วนใหญ่จะเจอวันทามารีอา 5บท สายประคำ10เม็ด หรือช่วยเหลือคนจน  :grin:

::014:: แล้วเคยเจอเดินรูป 14 ภาค แต่ละภาคให้สวดสายประคำไปด้วยหรือยังเจ้าคะน้องเจน

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 06, 2008 7:49 pm
โดย Batholomew
:+: seraphim :+: เขียน:
+Ecclēsia เขียน: ส่วนใหญ่จะเจอวันทามารีอา 5บท สายประคำ10เม็ด หรือช่วยเหลือคนจน  :grin:

::014:: แล้วเคยเจอเดินรูป 14 ภาค แต่ละภาคให้สวดสายประคำไปด้วยหรือยังเจ้าคะน้องเจน
เคยเจอหรอครับ โหดมาก

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 11:22 am
โดย :+: seraphim :+:
Batholomew เขียน:
:+: seraphim :+: เขียน:
+Ecclēsia เขียน: ส่วนใหญ่จะเจอวันทามารีอา 5บท สายประคำ10เม็ด หรือช่วยเหลือคนจน  :grin:

::014:: แล้วเคยเจอเดินรูป 14 ภาค แต่ละภาคให้สวดสายประคำไปด้วยหรือยังเจ้าคะน้องเจน
เคยเจอหรอครับ โหดมาก

::016:: ไม่เคยเจอ แต่กำลังคิดว่าจะสั่งเราหน่ะ

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 12:18 pm
โดย Dis volentibus
:+: seraphim :+: เขียน:
+Ecclēsia เขียน: ส่วนใหญ่จะเจอวันทามารีอา 5บท สายประคำ10เม็ด หรือช่วยเหลือคนจน  :grin:

::014:: แล้วเคยเจอเดินรูป 14 ภาค แต่ละภาคให้สวดสายประคำไปด้วยหรือยังเจ้าคะน้องเจน
ยังไม่เจอเจ้าค่ะ  : xemo033 :
เเต่เกือบโดนพลีกรรม....

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 12:18 pm
โดย Batholomew
:+: seraphim :+: เขียน:
Batholomew เขียน:
:+: seraphim :+: เขียน:
::014:: แล้วเคยเจอเดินรูป 14 ภาค แต่ละภาคให้สวดสายประคำไปด้วยหรือยังเจ้าคะน้องเจน
เคยเจอหรอครับ โหดมาก

::016:: ไม่เคยเจอ แต่กำลังคิดว่าจะสั่งเราหน่ะ
ว๊าก : xemo033 : พี่เจ้าคณะ ช่วยข่อยแน

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 1:29 pm
โดย :+: seraphim :+:
Batholomew เขียน:
:+: seraphim :+: เขียน:
Batholomew เขียน: เคยเจอหรอครับ โหดมาก

::016:: ไม่เคยเจอ แต่กำลังคิดว่าจะสั่งเราหน่ะ
ว๊าก : xemo033 : พี่เจ้าคณะ ช่วยข่อยแน

::013:: ช่วยไงย่ะ มีแต่จะมาเพิ่มสายประคำพระเมตตาให้ด้วยอ่ะดิ  ::018::

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 2:19 pm
โดย อันตน
:+: seraphim :+: เขียน:
Batholomew เขียน:
:+: seraphim :+: เขียน:
::016:: ไม่เคยเจอ แต่กำลังคิดว่าจะสั่งเราหน่ะ
ว๊าก : xemo033 : พี่เจ้าคณะ ช่วยข่อยแน

::013:: ช่วยไงย่ะ มีแต่จะมาเพิ่มสายประคำพระเมตตาให้ด้วยอ่ะดิ  ::018::
ok. i agree with you. Do it now Dec. Batholomew.

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 5:41 pm
โดย ignatius
อันตน เขียน:
:+: seraphim :+: เขียน:
Batholomew เขียน: ว๊าก : xemo033 : พี่เจ้าคณะ ช่วยข่อยแน

::013:: ช่วยไงย่ะ มีแต่จะมาเพิ่มสายประคำพระเมตตาให้ด้วยอ่ะดิ  ::018::
ok. i agree with you. Do it now Dec. Batholomew.
ท่านมิว ถ้าชักช้าอาจจะโดนต่อด้วย..สวดสายประคำแม่พระมหาทุกข์ในเดือนกันยายนนี้นะ... ::011::  ::010::
โถ โดนแกล้งรอบวงเลย....อิ อิ

ที่พ่อเคยใช้ให้พี่ทำกิจใช้โทษบาปจะเป็นสวดวันทามารีอา 5 บท ข้าแต่พระบิดา 1 บทคะ
หรือไม่ก็ ข้าแต่พระบิดา 1 บท สวดบทแสดงความรัก แสดงความไว้ใจ อย่างละ 1 บทคะ  : xemo026 :

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 07, 2008 8:09 pm
โดย อันตน
เคยเจอแบบที่ง่ายแต่ยากไหมละครับ
"สำหรับกิจใช้โทษบาป ให้ตั้งใจฟังมิซซาวันนี้ สวดบทเป็นทุกข์ถึงบาปแล้วพ่อจะยกบาปให้"
ยากโคตร

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 08, 2008 7:05 pm
โดย Batholomew
ignatius เขียน:
อันตน เขียน:
:+: seraphim :+: เขียน:
::013:: ช่วยไงย่ะ มีแต่จะมาเพิ่มสายประคำพระเมตตาให้ด้วยอ่ะดิ  ::018::
ok. i agree with you. Do it now Dec. Batholomew.
ท่านมิว ถ้าชักช้าอาจจะโดนต่อด้วย..สวดสายประคำแม่พระมหาทุกข์ในเดือนกันยายนนี้นะ... ::011::  ::010::
โถ โดนแกล้งรอบวงเลย....อิ อิ

ที่พ่อเคยใช้ให้พี่ทำกิจใช้โทษบาปจะเป็นสวดวันทามารีอา 5 บท ข้าแต่พระบิดา 1 บทคะ
หรือไม่ก็ ข้าแต่พระบิดา 1 บท สวดบทแสดงความรัก แสดงความไว้ใจ อย่างละ 1 บทคะ  : xemo026 :
พอสวดเสร็จแล้ว ปีกจะงอกมั๊ยครับ ::010::

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 08, 2008 10:48 pm
โดย ignatius
Batholomew เขียน:
ignatius เขียน:
อันตน เขียน: ok. i agree with you. Do it now Dec. Batholomew.
ท่านมิว ถ้าชักช้าอาจจะโดนต่อด้วย..สวดสายประคำแม่พระมหาทุกข์ในเดือนกันยายนนี้นะ... ::011::  ::010::
โถ โดนแกล้งรอบวงเลย....อิ อิ

ที่พ่อเคยใช้ให้พี่ทำกิจใช้โทษบาปจะเป็นสวดวันทามารีอา 5 บท ข้าแต่พระบิดา 1 บทคะ
หรือไม่ก็ ข้าแต่พระบิดา 1 บท สวดบทแสดงความรัก แสดงความไว้ใจ อย่างละ 1 บทคะ  : xemo026 :
พอสวดเสร็จแล้ว ปีกจะงอกมั๊ยครับ ::010::
ยังกั๊บ แต่เกือบมีวงแหวนอยู่บนหัวแทน  :angel: แบบนี้

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 08, 2008 10:49 pm
โดย Batholomew
ignatius เขียน:
Batholomew เขียน:
ignatius เขียน: ท่านมิว ถ้าชักช้าอาจจะโดนต่อด้วย..สวดสายประคำแม่พระมหาทุกข์ในเดือนกันยายนนี้นะ... ::011::  ::010::
โถ โดนแกล้งรอบวงเลย....อิ อิ

ที่พ่อเคยใช้ให้พี่ทำกิจใช้โทษบาปจะเป็นสวดวันทามารีอา 5 บท ข้าแต่พระบิดา 1 บทคะ
หรือไม่ก็ ข้าแต่พระบิดา 1 บท สวดบทแสดงความรัก แสดงความไว้ใจ อย่างละ 1 บทคะ  : xemo026 :
พอสวดเสร็จแล้ว ปีกจะงอกมั๊ยครับ ::010::
ยังกั๊บ แต่เกือบมีวงแหวนอยู่บนหัวแทน  :angel: แบบนี้
วงแหวนรอบนอก หรือ วงแหวนอุตสาหกรรมครับ ::011::

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 09, 2008 10:04 pm
โดย อันตน
Batholomew เขียน:
ignatius เขียน:
Batholomew เขียน: พอสวดเสร็จแล้ว ปีกจะงอกมั๊ยครับ ::010::
ยังกั๊บ แต่เกือบมีวงแหวนอยู่บนหัวแทน  :angel: แบบนี้
วงแหวนรอบนอก หรือ วงแหวนอุตสาหกรรมครับ ::011::
วงแหวนรองน๊อต

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 09, 2008 10:31 pm
โดย ignatius
อันตน เขียน:
Batholomew เขียน:
ignatius เขียน: ยังกั๊บ แต่เกือบมีวงแหวนอยู่บนหัวแทน  :angel: แบบนี้
วงแหวนรอบนอก หรือ วงแหวนอุตสาหกรรมครับ ::011::
วงแหวนรองน๊อต
วงแหวนเกษตรกรรมคะ ::011::

Re: ประวัติความเป็นมาของศีลอภัยบาปโดยสังเขป

โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 09, 2008 10:58 pm
โดย Batholomew
แต่ละคน : emo018 :