ความสุขที่เเท้จริง คือการให้
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 04, 2007 10:27 pm
พี่น้องคงจะเคยได้ยินประโยคที่พูดกันอยู่บ่อยๆ ว่า "ความสุขที่เเท้จริง คือการให้"
นี่คือ ประสบการณ์ของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการให้
ณ ป้ายรถเมย์ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ข้าพเจ้าเเละผู้คนจำนวนมาก กำลังรอรถเมย์เพื่อจะกลับบ้าน รถเมย์สายนี้ เเม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปถึงหนึ่งทุ่มกว่าๆ
ก็ไม่มีท่าที่ว่าผู้โดยสารจะลดลง เมื่อรถมาเทียบที่ป้าย ฝูงชนที่กำลังรอรถอยู่ ก็กรูกันมาอออยู่ที่ประตูรถราวกับตั๊กเเตนบุกนาข้าว ต่างคนต่างก็เบียดขึ้น
เพื่อว่าจะได้หาที่นั่งที่ดีที่สุดแก่ตนเอง ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้น
ถือเป็นโชคดีของข้าพเจ้า ที่มีโอกาสได้นั่งเก้าอี้เดี่ยว จึงคิดในใจว่า "อืม ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ" เพราะเรามีที่นั่ง คงได้สบายจนถึงบ้านเป็นเเน่
เเต่หลังจากผ่านไปสองป้ายเเล้ว ข้าพเจ้าก็มีความรู้สึกลึกๆว่า" ใครซักคนกำลังมา ใครซักคนกำลังมา" เรียกว่าลางสังหรณ์ก็เป็นได้
จึงหันไปมองทางประตูรถ ปรากฎว่ามีคุณป้าสูงวัยคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นมาบนรถ ที่มือหิ้วถุงใส่ของมากมายดูท่าทาง เดินไม่ค่อยจะไหวเเล้ว
ในเวลานั้น ข้าพเจ้าก็ลังเลใจว่า จะลุกให้ป้านั่งดีไหม เพราะคนที่นั่งๆอยู่ ก็ล้วนเป็นผู้ชายวัยรุ่นกันทั้งนั้น ทำไมไม่รอให้เขาลุก?
ข้าพเจ้าเถียงกับความคิดของตัวเอง เสียงหนึ่งบอกว่า "ถ้าแกลุกเเล้ว จะไม่ได้นั่งไปจนถึงบ้านเชียวนะ รอให้คนอื่นลุกดีกว่า"
อีกเสียงหนึ่งบอกว่า "ลุกเหอะ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แกควรทำ" หลังจากใช้เวลาคิดอย่างหนักไป5วินาที
ข้าพเจ้าติดสินใจที่จะลุกขึ้น เสียงความคิดชั่วๆในหัวยังคงอยู่ "ไอ้โง่เอ๊ย ได้ยืนไปถึงบ้านเเน่ๆแก"
เเต่เเล้วความคิดเลวๆก็หายไป หลังจากที่ป้าคนนั้นหันมายิ้มให้เเละพูดว่า "ขอบคุณมากนะจ๊ะ" ข้าพเจ้ารู้สึก ดี๊ดี สบายใจที่ได้มีโอกาส "ให้"
เเต่เรื่องไม่ได้จบเเค่นี้นะคะ
หลังจากที่ยืนอยู่ซักพัก กระเป๋ารถก็เรียกข้าพเจ้าไปนั่งตรงใกล้ๆคนขับ ทั้งๆที่ตรงนั้นมักมีป้ายติดว่า "ห้ามนั่ง"
ข้าพเจ้ารู้ได้ทันที ว่านี่ไม่ใช่เเค่เหตุบังเอิญอย่างเเน่นอน เเต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ หลังจากที่ข้าพเจ้านั่งลงเเละคิดถึงเรื่องๆหนึ่งเพลินๆ
ป้าสูงวัยคนเดิมที่ข้าพเจ้าเพิ่งลุกให้ ก็เดินมาสะกิด พูดว่า "อันนี้ป้าให้นะ" เเล้วก็มอบถุงพลาสติกเล็กๆซึ่งมีของบางอย่างอยู่ข้างใน
ก่อนที่จะกลับไปนั่งเหมือนเดิม
ข้าพเจ้ารีบขอบพระคุณในนําใจอันดีของคุณป้าคนนั้น เเล้วเปิดถุงนั้นดู พบว่าเป็นห่อขนมเล็กๆ เเละลูกอม4-5เม็ด
ซึ่งสำหรับใครบางคน หรือสำหรับตัวข้าพเจ้าเอง มันเเทบไม่มีค่าอะไรเลย รวมๆกันไม่น่าจะถึงสิบบาทด้วย
เเต่ทางจิตใจเเล้ว มันคือของขวัญเล็กๆน้อยๆ ซึ่งพระเจ้าได้
ประทานให้ ผ่านทางคุณป้า........ทำให้ข้าพเจ้ายิ้มกริ่มตลอดการเดินทางในครั้งนั้น
จะเห็นได้ว่า การ"ให้" เสียสละสิ่งเล็กๆน้อยๆ เเม้ว่าผู้ที่กระทำจะต้องลำบากบ้าง
เเต่ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงช่วยเหลือ เเละเลี้ยงดูพวกเขาเหล่านั้นเป็นการตอบเเทน
ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่พี่น้องมีโอกาสที่จะ "ให้" บางสิ่งแก่ผู้อื่น ผุ้ที่เดือดร้อนมากกว่าท่าน จงอย่าคิดว่าท่านกำลังจะต้องสูญเสียสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป
เเต่จงขอบพระคุณพระเจ้าเถิด เพราะเมื่อนั้นพระองค์ได้ทรงประทานโอกาส เพื่อจะสร้างความสุขที่เเท้จริงแก่ท่าน!
Dominus vobiscum ขอพระเจ้าสถิตกับท่านค่ะ

นี่คือ ประสบการณ์ของข้าพเจ้าเกี่ยวกับการให้
ณ ป้ายรถเมย์ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ข้าพเจ้าเเละผู้คนจำนวนมาก กำลังรอรถเมย์เพื่อจะกลับบ้าน รถเมย์สายนี้ เเม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปถึงหนึ่งทุ่มกว่าๆ
ก็ไม่มีท่าที่ว่าผู้โดยสารจะลดลง เมื่อรถมาเทียบที่ป้าย ฝูงชนที่กำลังรอรถอยู่ ก็กรูกันมาอออยู่ที่ประตูรถราวกับตั๊กเเตนบุกนาข้าว ต่างคนต่างก็เบียดขึ้น
เพื่อว่าจะได้หาที่นั่งที่ดีที่สุดแก่ตนเอง ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านั้น
ถือเป็นโชคดีของข้าพเจ้า ที่มีโอกาสได้นั่งเก้าอี้เดี่ยว จึงคิดในใจว่า "อืม ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ" เพราะเรามีที่นั่ง คงได้สบายจนถึงบ้านเป็นเเน่
เเต่หลังจากผ่านไปสองป้ายเเล้ว ข้าพเจ้าก็มีความรู้สึกลึกๆว่า" ใครซักคนกำลังมา ใครซักคนกำลังมา" เรียกว่าลางสังหรณ์ก็เป็นได้
จึงหันไปมองทางประตูรถ ปรากฎว่ามีคุณป้าสูงวัยคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นมาบนรถ ที่มือหิ้วถุงใส่ของมากมายดูท่าทาง เดินไม่ค่อยจะไหวเเล้ว
ในเวลานั้น ข้าพเจ้าก็ลังเลใจว่า จะลุกให้ป้านั่งดีไหม เพราะคนที่นั่งๆอยู่ ก็ล้วนเป็นผู้ชายวัยรุ่นกันทั้งนั้น ทำไมไม่รอให้เขาลุก?
ข้าพเจ้าเถียงกับความคิดของตัวเอง เสียงหนึ่งบอกว่า "ถ้าแกลุกเเล้ว จะไม่ได้นั่งไปจนถึงบ้านเชียวนะ รอให้คนอื่นลุกดีกว่า"
อีกเสียงหนึ่งบอกว่า "ลุกเหอะ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แกควรทำ" หลังจากใช้เวลาคิดอย่างหนักไป5วินาที
ข้าพเจ้าติดสินใจที่จะลุกขึ้น เสียงความคิดชั่วๆในหัวยังคงอยู่ "ไอ้โง่เอ๊ย ได้ยืนไปถึงบ้านเเน่ๆแก"
เเต่เเล้วความคิดเลวๆก็หายไป หลังจากที่ป้าคนนั้นหันมายิ้มให้เเละพูดว่า "ขอบคุณมากนะจ๊ะ" ข้าพเจ้ารู้สึก ดี๊ดี สบายใจที่ได้มีโอกาส "ให้"
เเต่เรื่องไม่ได้จบเเค่นี้นะคะ
หลังจากที่ยืนอยู่ซักพัก กระเป๋ารถก็เรียกข้าพเจ้าไปนั่งตรงใกล้ๆคนขับ ทั้งๆที่ตรงนั้นมักมีป้ายติดว่า "ห้ามนั่ง"
ข้าพเจ้ารู้ได้ทันที ว่านี่ไม่ใช่เเค่เหตุบังเอิญอย่างเเน่นอน เเต่เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ หลังจากที่ข้าพเจ้านั่งลงเเละคิดถึงเรื่องๆหนึ่งเพลินๆ
ป้าสูงวัยคนเดิมที่ข้าพเจ้าเพิ่งลุกให้ ก็เดินมาสะกิด พูดว่า "อันนี้ป้าให้นะ" เเล้วก็มอบถุงพลาสติกเล็กๆซึ่งมีของบางอย่างอยู่ข้างใน
ก่อนที่จะกลับไปนั่งเหมือนเดิม
ข้าพเจ้ารีบขอบพระคุณในนําใจอันดีของคุณป้าคนนั้น เเล้วเปิดถุงนั้นดู พบว่าเป็นห่อขนมเล็กๆ เเละลูกอม4-5เม็ด
ซึ่งสำหรับใครบางคน หรือสำหรับตัวข้าพเจ้าเอง มันเเทบไม่มีค่าอะไรเลย รวมๆกันไม่น่าจะถึงสิบบาทด้วย
เเต่ทางจิตใจเเล้ว มันคือของขวัญเล็กๆน้อยๆ ซึ่งพระเจ้าได้
ประทานให้ ผ่านทางคุณป้า........ทำให้ข้าพเจ้ายิ้มกริ่มตลอดการเดินทางในครั้งนั้น
จะเห็นได้ว่า การ"ให้" เสียสละสิ่งเล็กๆน้อยๆ เเม้ว่าผู้ที่กระทำจะต้องลำบากบ้าง
เเต่ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงช่วยเหลือ เเละเลี้ยงดูพวกเขาเหล่านั้นเป็นการตอบเเทน
ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่พี่น้องมีโอกาสที่จะ "ให้" บางสิ่งแก่ผู้อื่น ผุ้ที่เดือดร้อนมากกว่าท่าน จงอย่าคิดว่าท่านกำลังจะต้องสูญเสียสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป
เเต่จงขอบพระคุณพระเจ้าเถิด เพราะเมื่อนั้นพระองค์ได้ทรงประทานโอกาส เพื่อจะสร้างความสุขที่เเท้จริงแก่ท่าน!
Dominus vobiscum ขอพระเจ้าสถิตกับท่านค่ะ