หน้า 1 จากทั้งหมด 2
ถามในปัญจบรรพครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 10, 2007 2:56 pm
โดย Invy
- ปฐมกาล 19:5 พวกเขาร้องเรียกโลทว่า “ชายที่เข้ามาหาเจ้าคืนนี้อยู่ที่ไหน จงนำเขาออกมาให้เรา เราจะได้สมสู่กับเขา
ผมเข้าใจว่ารักร่วมเพศนะ :lipsrsealed: ความจริงแล้วหมายความว่าไงครับ
- ซาราย/ซาราห์ ที่เป็นหมัน แต่กลับมาตั้งครรถ์คลอดอิสอัคได้ และอีกคนรู้สึกจะชื่ออลิซาเบลในหนังสือมัทธิว เพราะ พระพรจากพระเจ้า อย่างทราบว่าลูกที่ออกมาเป็นการปฎิสนธินิรมลแบบแม่พระเปล่าครับ
- เสาเกลือ หรือ Pillar of Salt จะไปเป็นส่วนหนึ่งทะเลสาบเดธ ซีั งั้นรึ
ขอบคุณไว้ล่วงหน้าครับ
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 10, 2007 3:57 pm
โดย Marie Antoinette
เท่าที่ซิสเตอร์เล่าให้ฟังนะ ซารายน์อยู่กับสามี(จำชื่อมะได้)มานานแล้วแต่ยังไม่ตั้งครรภ์ซะที ทีนี้ ซารายณ์เลยบอกให้สามีให้ไปนอนกะทาส ที่ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน พอคลอดมาก็ตั้งชื่อให้ว่า "อิชมาแอล" พอคลอดออกมาแล้วนะนางทาสก็หยิ่งผยอง ยกตนว่าเป็นเมียหลวงอะ ซารายน์ก็ทนได้ทนดี อยู่ไปซารายน์ก็ท้อง และคลอดออกมาชื่อ "อิสอัค" นางทาสก็ยังผยองตน นางซารายน์ทนไม่ได้แล้ว เลยสั่งให้สามีไล่นางทาสคนนั้นออกไปอะ สามีก็นะคนั้นก็ลูก คนนี้ก็ลูก พระยาเวห์ก็บอกกับสามีของซารายน์ว่า "จงทำตามที่นางซารายน์บอกเถิด"
แล้วพระองค์จะให้อิชมาแอลปกครองแผ่นดินอะไรสักอย่างนี่แหละ แต่ที่รู้คือภายหลังคือประเทศในกลุ่มทวีปตะวันออกกลางคับผม !!!
อาจจะจำติๆขัดๆบ้าง แต่ก็พอคร่าวๆ เน้ออออ
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 10, 2007 6:12 pm
โดย Edwardius
- ปฐมกาล 19:5 พวกเขาร้องเรียกโลทว่า
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 10, 2007 11:35 pm
โดย Zion
1. ก็มีอีกด้านตีความนะว่า ไม่ใช่รักร่วมเพศ
เพราะถ้าชาวโสดมชอบผู้ชายจริงๆ
ทำไมเขาไม่XXXโลทละ :huh:
ในอีกแง่คือ บ้ากาม+
อยากลองของแปลกใหม่มากกว่า

Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 1:42 am
โดย CyS
1. ชาวเมือง โสโดม นั้นเป็น รักร่วมเพศ จริงๆครับ
ส่วนสาเหตุที่เค้าไม่ทำอะไรโลท เพราะว่าโลทไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่ดีเท่าทูตสวรรค์นิครับ - -"
เพราะว่าทูตสวรรค์ที่มาหาโลทนั้นมีรูปร่างหน้าตาดีครับ
(นอกเรื่องนิดหน่อย ในการ์ตูนเรื่องวันพีช มีสัตว์ทะเลชื่อ โซดอม โกโมรา
ก็เอาชื่อมาจากเมือง โสโดม และ โกโมรา ที่โดนทำลายไปน่ะครับ)
2. อิสอัคที่เกิดมานั้น เกิดจากนางซาราย กับ แอบราแฮม ครับ
ที่เป็นปาฏิหารย์นั้น เพราะว่านางซารายซึ่งแก่แล้ว แต่สามารถให้กำเนิดอิสอัคได้ครับ
ก็ตามเหตุผลที่ 3 ที่คุณ Edwardius บอกน่ะครับ
3. อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ไม่เคยฉุกคิดมาก่อน
แต่คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ครับ เพราะเดดซีมีความเป็นเกลือเยอะมาก
ไว้รู้คำตอบจะมาแบ่งปันกันครับ
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 5:33 am
โดย Holy
ความจริงแล้วโสดม โกโมรา เป็นรักร่วมเพศกันทั้งเมืองจริงหรือเปล่า และเมืองนี้ถูกลงโทษเพราะบาปนี้จริงหรือ?
เมืองที่ไม่มีการสืบพันธ์ต่อไป ไม่มีความจำเป็นต้องทำลายเพราะเดี๋ยวมันก็สูญพันธ์ไปของมันเอง
ความจริง2เมืองนี้มีบาปอื่นอีกมากมายมากกว่าแค่เรื่องรักร่วมเพศ และบาปที่ทารุณที่สุด2บาปที่ทำให้เมืองนี้ถูกลงโทษคือ การพยายามสมสู่กับทูตสวรรค์ และบาปการข่มขืนใครก็ตามที่ผ่านมาครับ
ปฐมกาล19:4
(4) ท่านทั้งสองยังไม่ทันเข้านอน พวกผู้ชายเมืองนั้น คือ ชายชาวเมืองโสโดมทั้งหนุ่มและแก่หมดทั้งเมือง จนถึงคนสุดท้ายพากันมาล้อมเรือนนั้นไว้ (5) พวกเขาร้องเรียกโลท ว่า "ชายที่เข้ามาหาเจ้าคืนนี้อยู่ที่ไหน จงนำเขาออกมาให้เรา เราจะได้สมสู่กับเขา" (6)โลทก็ออกทางประตูไปหาชายเหล่านั้น แล้วปิดประตูเสีย (7) กล่าวว่า "พี่น้องของข้าเอ๋ย ข้าขอเสียทีเถอะ อย่ากระทำการโหดร้ายเช่นนี้เลย(8) ดูเถิด ข้ามีลูกสาวสองคนยังไม่เคยสมสู่กับชายเลย ข้าจะนำออกมาให้ท่าน ท่านจะทำแก่เขาอย่างไรก็ได้ตามใจชอบเถิด แต่ขออย่าทำอะไรกับชายเหล่านี้เลย เพราะเขามาอยู่ใต้ร่มชายคาของข้าแล้ว" (9) แต่พวกนั้นร้องว่า "ถอยไป" และขู่ว่า "เจ้าคนนี้มาขออาศัยอยู่ แล้วยังมาตั้งตัวเป็นตุลาการ เราจะทำกับเจ้าให้เจ็บเสียยิ่งกว่าทำแก่คนเหล่านั้นอีก" พวกนั้นผลักโลทโดยแรง และเข้ามาใกล้จะพังประตู (10) แต่แขกทั้งสองนั้นยื่นมือออกไปดึงตัวโลทเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตูเสีย (11)ท่านทั้งสองทำให้พวกคนที่อยู่หน้าประตูบ้านนั้น ตาบอดหมด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็เที่ยวคลำหาประตูจนอ่อนใจ
--------ลองตรองดูนะครับ โลทร้องว่าอย่าทำการโหดร้าย ไม่ได้ร้องว่าอย่าทำการน่าเกลียด บัดสี อะไรทำนองนี้ เพราะอะไร เพราะมันไม่ใช่แค่การล่วงประเวณี แต่มันเป็นเรื่องข่มขืน เป็นเรื่องป่าเถื่อนโหดร้าย เพราะเมืองนั้นจะข่มขืนคนที่เดินทางหลงมาทุกคนไม่ว่าจะหญิงหรือชาย พวกนี้ได้หมด ไม่งั้นโลทจะบอกให้เอาลูกสาวไปแทนทำไม(ความจริงผมไม่เห็นด้วยกับความคิดเขานะ) เป็นคุณคุณจะเสนอผู้หญิงให้กะเทยเหรอครับ
แล้วพวกนี้มีเด็กด้วยนะ ถ้าเป็นรักร่วมเพศกันหมดเมืองนี้ต้องไม่มีเด็ก เพราะเด็กเกิดจากผู้หญิง ดังนั้นแสดงว่า พวกมาล้อมมีแต่ผู้ชายแต่ไม่ได้แปลว่าผู้หญิงไม่มี แต่จะให้เอาผู้หญิงมาขู่ใครจะกลัว อ่านเอาก็คาดเดาว่า เมืองนั้นคงมีสถานที่เริงรมย์ประเภทเซ็กซ์หมู่ และจะบังคับทูตสวรรค์2ท่านนั้นไปที่นั่นคงไม่ข่มขืนกันที่หน้าบ้านนั้นหรอกครับ และพวกผู้หญิงของเมืองนี้(ที่คลอดเด็กลามกพวกนั้นออกมา) ก็คงรออยู่ที่นั่นแหละ
ดังนั้น ผมไม่คิดว่าบาปของโสดม และโกโมราห์ จะถูกมองตื้นๆแค่เรื่องรักร่วมเพศ แต่มันคือการข่มขืนหมู่โดยคนทั้งเมืองอันอุบาทว์โหดร้าย จนพระเจ้าต้องลงโทษ
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา คนทั่วไปเข้าใจว่าเมืองโสดม (ดู ปฐมกาล 19:1-11) ถูกพระเจ้าลงโทษ เนื่องจากบาปของการรักร่วมเพศ นักพระคัมภีร์และนักเทววิทยาปัจจุบันส่วนหนึ่ง ให้ความเห็นแตกต่างออกไป โดยกล่าวว่าบาปของเมืองโสดมเป็นบาปที่เกี่ยวเนื่องจากการที่ไม่ได้ให้การต้อนรับผู้มาเยือน ( Helminiak, Daniel A. What the Bible really says about homosexuality ) ซึ่งในเขตทะเลทรายที่หนาวเหน็บ การไม่ต้อนรับแขกเข้ามาพักอาศัยในบ้านเรือน ปล่อยให้แขกต้องรอนแรมอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็น หมายถึงอันตรายถึงชีวิตทีเดียว ซึ่งกฎข้อนี้เป็นกฎที่สำคัญในทะเลทราย แม้กระทั่งในปัจจุบัน กฎนี้ก็ยังถูกใช้อยู่
ในพระคัมภีร์เก่าเอง ก็มีการอ้างอิงถึงเมืองโสดม 21 ครั้ง ในทั้งหมด 21 ครั้งนี้ก็ไม่มีครั้งใดที่ได้กล่าวถึงบาปของเมืองโสดมอันเกิดจากการรักร่วมเพศเลย แต่กลับเป็นบาปของความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหง การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสและการโกหก แม้แต่พระเยซูเจ้าก็อ้างถึงเมืองโสดมในแง่ของการปฏิเสธผู้นำสารของพระเจ้า
มธ 10:14
“ถ้าผู้ใดไม่ต้อนรับท่าน หรือไม่ฟังท่าน จงออกจากบ้านหรือเมืองนั้น จงสลัดฝุ่นจากเท้าออกเสียด้วย เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา เมืองโสดมและเมืองโกโมราห์จะรับโทษเบากว่าโทษของเมืองนั้น
และพระคัมภีร์พระรรมใหม่เองยังบอกเราอย่างชัดเจนนะครับว่าบาปของ2เมืองนี้คือบาปประเภทไหน
ยด 1:5-7 ผู้สอนผิดจะต้องถูกลงโทษ
ท่านรู้เรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้ว แต่ข้าพเจ้าปรารถนาจะเตือนท่านอีกครั้งหนึ่งให้ระลึกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้ชนชาติหนึ่งรอดพ้นจากแผ่นดินอียิปต์ หลังจากนั้นพระองค์ยังทรงทำลายผู้ไม่เชื่อพระองค์ และทรงทำลายทูตสวรรค์ที่ไม่พอใจในอำนาจที่ตนได้รับจากพระเจ้า ละทิ้งที่อาศัยของตน พระองค์จึงทรงจองจำไว้ด้วยพันธนาการนิรันดร ทรงคุมขังคนเหล่านั้นไว้ในที่มืดจนถึงการพิพากษาในวันยิ่งใหญ่นั้น ชาวเมืองโสดม ชาวเมืองโกโมราห์ และชาวเมืองที่อยู่รอบ ๆ ประพฤติผิดศีลธรรมเช่นเดียวกับทูตสวรรค์เหล่านั้น ปล่อยตัวตามกิเลสตัณหาผิดธรรมชาติ จึงได้รับโทษในไฟนิรันดร เรื่องดังกล่าวเป็นตัวอย่างสำหรับเรา
---ข้อความนี้มีการอ้างอิงจากอธิกธรรม เอโนค ซึ่งเป็นคัมภีร์นอกสาระบบ นักเทววิทยาคาทอลิคบางคนอาจจะลืมนึกถึงได้ ยิ่งโปรแตสแตนท์ไม่ต้องพูดถึงบางคนอาจไม่รู้จักด้วยซ้ำ (แต่ถ้าเรานึกดีๆมันมีพาดพิงเล็กน้อยในปฐมกาล) และนั่นทำให้บางคนไม่รู้ว่าการอ้างถึงบาปของเมืองทั้ง2นี้ ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเรื่องรักร่วมเพศหลายร้อยเท่า คือการสมสู่ข้ามมิติกับทูตสวรรค์ เพราะบาปที่เหล่าทูตสวรรค์ยุคนั้นทำคือการลงมาจากสวรรค์ มามีอะไรๆกับลูกสาวของมนุษย์(ไม่ใช่ผู้ชาย)ซึ่ง พระเจ้าลงโทษอย่างรุนแรงด้วยการขังนิรันดร บทนี้กล่าวถึงเมืองนี้ในบาปที่รุนแรงชนิดเดียวกัน คือ การพยายามxxxทูตสวรรค์ ซึ่งจะข้ามเพศหรือเพศเดียวกัน ผิดเท่ากันและเป็นบาปเดียวกัน ไม่แปลกแยกพิเศษออกมา แต่อย่างใด ทำไมไม่ค่อยมีใครพูดว่าเมืองนี้บาปเพราะพยายามข่มขืนทูตสวรรค์ ซึ่งน่าจะดูเลวทรามกว่าแค่เป็นโฮโม (ซึ่งที่จริงก็ไม่น่าจะใช่)
ดังนั้น การสรุปง่ายๆว่า 2 เมืองนี้โดนทำลายเพราะการรักร่วมเพศ ผมเห็นว่าเป็นมุมมองของคนเกลียดโฮโม เท่านั้น ทำให้บังความจริง ในความโหดร้ายทารุณอื่นๆ และผิดธรรมชาติยิ่งกว่า อีกหลายเรื่องที่ทำให้เมืองนี้สมควรโดนทำลายจริงๆ และลดคุณค่าพระยุติธรรมลงไปมาก เพราะถ้า2เมืองนี้โดนทำลายเพียงเพราะบาปนี้อันเดียว พัฒษ์พงค์ พัทยา น่าจะโดนเหมือนกัน
มีตัวอย่างในพระธรรมเดิมที่ซ้อนทับกับเหตุการณ์นี้ และแน่ชัดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกรักร่วมเพศแน่นอน
ผู้วินิจฉัย19:16
ดูเถิด มีชายแก่คนหนึ่งเข้ามาเมื่อเลิกจากงานนาเป็นเวลาเย็นแล้ว เขาเป็นชาวแดนเทือกเขาเอฟราอิมมาอาศัยอยู่ในเมือง กิเบอาห์ชาวเมืองเป็นคนเบนยามิน เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเห็นผู้เดินทางคนนั้นนั่งอยู่ที่ลานเมือง ชายแก่คนนั้นก็ถามว่า “ท่านจะไปไหน และมาจากไหน” ชายคนนั้นจึงตอบเขาว่า “เราเดินทางจากเบธเลเฮมในยูดาห์ จะไปที่แดนเทือกเขาเอฟราอิมแถบที่ไกลออกไปโน้น ซึ่งข้าพเจ้ามาจากที่นั่น ข้าพเจ้าไปเบธเลเฮมในยูดาห์มา และข้าพเจ้าจะกลับไปบ้านของข้าพเจ้า ไม่มีใครเชิญข้าพเจ้าเข้าไปพักในบ้าน ฟางและอาหารที่จะเลี้ยงลา พวกเราก็มีพร้อมแล้ว ทั้งอาหารและเหล้าองุ่นที่เลี้ยงตนทั้งเลี้ยงหญิงคนนี้ และชายหนุ่มที่อยู่ด้วยก็มีอยู่แล้ว ไม่ขาดสิ่งใดเลย” ชายแก่คนนั้นจึงพูดว่า “ขอท่านเป็นสุขสบายเถิด ถ้าท่านขาดสิ่งใด ข้าพเจ้าขอเป็นธุระทั้งสิ้น ขอแต่อย่านอนที่ลานเมืองนี้เลย” เขาจึงพาชายคนนั้นเข้าไปในบ้าน เอาอาหารให้ลา ต่างก็ล้างเท้าของตน และรับประทานอาหารและดื่ม
เมื่อเขากำลังทำให้จิตใจเบิกบาน ดูเถิด ชาวเมืองนั้นที่เป็นคนอันธพาลมาล้อมเรือนไว้ ทุบประตู ร้องบอกชายแก่ผู้เป็นเจ้าของบ้านว่า “ส่งชายที่เข้ามาอยู่ในบ้านของแกมาให้เราสังวาส” ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ออกไปพูดกับเขาว่า
“อย่าเลย พี่น้องของข้าพเจ้า ขออย่ากระทำการร้ายเช่นนี้เลย เมื่อชายคนนี้มาอาศัยบ้านของข้าพเจ้าแล้ว ขออย่าทำร้ายเขาเลย ดูเถิด นี่ มีลูกสาวพรหมจารีคนหนึ่งและเมียน้อยของเขา ข้าพเจ้าจะพาออกมาให้ท่านเดี๋ยวนี้ จงข่มขืนหรือทำอะไรแก่เขาตามชอบใจเถิด แต่ขออย่าทำลามกกับชายคนนี้เลย” แต่คนเหล่านั้นไม่ยอมฟังเสียง
ชายคนนั้นจึงฉวยภรรยาน้อยของตนผลักนางออกไปให้เขา เขาก็สมสู่ทำทารุณตลอดคืนจนรุ่งเช้า พอรุ่งสางๆ เขาทั้งหลายก็ปล่อยนางไป พอแจ้ง ผู้หญิงนั้นก็กลับมาล้มลงที่ประตูบ้านซึ่งนายของตนพักอยู่ จนสว่างดี
--- เหตุการณ์นี้ บ่งบอกได้เป้นอย่างดีว่า คนเมืองนั้น แค่ต้องการข่มขืนทารุณ ไม่ได้เจาะจงว่าต้องกับชาย แต่ใครก็ได้ ในสมัยโบราณ มันเป็นเรื่องสามัญธรรมดาของพวกทหาร หัวขโมย และพวกนักเลงอันธพาล ที่จะข่มขืนอริศัตรูที่เพลี้ยงพล้ำ จากการอ้างสิทธิ์จากชัยชนะของตนที่มีเหนือฝ่ายตรงข้าม เรื่องของการข่มขืนศัตรูนี้เป็นเรื่องของพลัง อำนาจ และการแก้แค้น ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับการรักร่วมเพศแต่อย่างไร แต่เป็นธรรมเนียมการพยายามเหยียดหยาม ลักษณะคล้าย กรณีธรรมเนียมการกินเนื้อศัตรู คือมีจุดประสงค์ทำนองเดียวกัน ที่ต้องการทำอะไรที่มันคิดว่าแรง สะใจ น่ากลัว กว่าแค่ฆ่าให้จบไป
และพระธรรมเก่าตอนนี้ก็กล่าวถึงบาปของเมืองทั้ง2นี้
เอเสเคียล 16:48-49
“พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด โซดอมน้องสาวของเจ้ากับบุตรสาวของเขา ก็มิได้กระทำอย่างที่เจ้าและลูกสาวของเจ้าได้กระทำ ดูเถิด นี่แหละเป็นความชั่วของโซดอมน้องสาวของเจ้า คือตัวเขาและลูกสาวของเขา มีความจองหอง มีอาหารเหลือรับประทานและมีความสบายเกิน ไม่ช่วยเหลือคนยากจนและคนขัดสนเขาเย่อหยิ่งและกระทำสิ่งลามกต่อหน้าเรา เพราะฉะนั้นเมื่อเราเห็นแล้ว เราจึงขจัดเขาเสีย”
มีการพูดถึงบาปอื่นๆ ทั้งความหยิ่งจองหอง ความละโมบอาหาร การเห็นแก่ตัว และการจองหอง และการลามก ซึ่งเป็นคำกลางไม่ได้เจาะจงว่าเป็นเรื่องลามกเพศเดียว หรือหลายเพศ
แต่โดยสรุป ผมเห็นว่าเหตุการณ์นี้ ที่น่ากลัวกว่า เรื่อง รักร่วมเพศ หรือข่มขืน และอื่นๆทั้งหมด คือบาปการที่มนุษย์พยายามจะสมสู่กับทูตสวรรค์
ส่วนอีก2ข้อที่ถาม
- ซาราย/ซาราห์ ที่เป็นหมัน แต่กลับมาตั้งครรถ์คลอดอิสอัคได้ และอีกคนรู้สึกจะชื่ออลิซาเบลในหนังสือมัทธิว เพราะ พระพรจากพระเจ้า อย่างทราบว่าลูกที่ออกมาเป็นการปฎิสนธินิรมลแบบแม่พระเปล่าครับ
ไม่ใช่ครับ
- เสาเกลือ หรือ Pillar of Salt จะไปเป็นส่วนหนึ่งทะเลสาบเดธ ซีั งั้นรึ
ยังไง
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 9:39 am
โดย Edwardius
CyS เขียน:
1. ชาวเมือง โสโดม นั้นเป็น รักร่วมเพศ จริงๆครับ
ส่วนสาเหตุที่เค้าไม่ทำอะไรโลท เพราะว่าโลทไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่ดีเท่าทูตสวรรค์นิครับ - -"
เพราะว่าทูตสวรรค์ที่มาหาโลทนั้นมีรูปร่างหน้าตาดีครับ
โหย! ผมเป็นโลทนะ งอนตายเลย ไปว่าเค้า 555+
อันที่จริงชาวโสโดมน่าจะถูกเรียกว่า รักสมสู่ มากกว่านะ แบบว่า รักที่จะสมสู่
ถ้ารักร่วมเพศในที่นี้จะหมายถึง รักที่จะร่วมเพศ หละก็ ใช่เลย
Holy เขียน:
ดังนั้น การสรุปง่ายๆว่า 2 เมืองนี้โดนทำลายเพราะการรักร่วมเพศ ผมเห็นว่าเป็นมุมมองของคนเกลียดโฮโม เท่านั้น ทำให้บังความจริง ในความโหดร้ายทารุณอื่นๆ และผิดธรรมชาติยิ่งกว่า อีกหลายเรื่องที่ทำให้เมืองนี้สมควรโดนทำลายจริงๆ และลดคุณค่าพระยุติธรรมลงไปมาก เพราะถ้า2เมืองนี้โดนทำลายเพียงเพราะบาปนี้อันเดียว พัฒษ์พงค์ พัทยา น่าจะโดนเหมือนกัน
พระเจ้าเคยตรัสกับบุคคลในพระคัมภีร์ไว้ว่า
แม้เมืองนั้นจะมีความชั่วร้ายยิ่งนัก แต่เราจะไม่ทำลายด้วย้ห็นแก่คนชอบธรรมคนเดียวในเมืองนั้น
"จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์พระทัยดี"
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 10:01 am
โดย Phulasso
เห็นด้วยกับความเห็นของทุกท่าน
แต่บทปฐมกาลนี้สะท้อนให้เห็นสังคม ธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ศีลธรรม ของคนในยุคนั้นอย่างชัดเจน
ประการแรก การที่คนในเมืองจะละเมิดต่อคนต่างถิ่น ไม่ว่าต่อหญิงหรือชายต่างถิ่น
น่าจะเป็นเพราะสังคมในเมืองนั้นมีกฏระเบียบห้ามมิให้คนในสังคมนั้นละเมิดซึ่งกันและกัน
นับเป็นเรื่องปกติมิฉะนั้นสังคมจะยุ่งเหยิงจนกลายเป็นจลาจลไป
หากใครสามารถละเมิดใครก็ได้ในสังคมเดียวกัน
และน่าจะมีบทลงโทษที่รุนแรงพอที่จะควบคุม ความประพฤติของคนในสังคมได้
แต่กฏนี้ไม่ได้ครอบคลุมคุ้มครองคนต่างถิ่น เพราะฉะนั้นคนต่างถิ่นคือเหยื่อของคนในเมืองนี้
ประการต่อมา แสดงให้เห็นถึงศีลธรมของคนในเมืองนี้ว่า หลงใหลมัวเมา อยู่กับเรื่องที่ผิดศีลธรรมกันทุกคน
โดยยกตัวอย่างเรื่องเพศให้เห็น แต่น่าจะมีเรื่องอื่นๆอีก เช่นการดื่มสุราเมามาย ทะเลาะวิวาท ขโมย และทุกๆเรื่อง
สรุปคือไม่มีศีลธรรมหลงเหลืออยู่ในเมืองนี้เลย มีแต่ความไม่ดีงามเท่านั้น ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกทำลายหรอก
ประการสุดท้าย (ที่จริงมีประเด็นย่อยมหาศาล แต่ขอละไว้) ที่จะทำให้น้อง LL ร้องกรี๊ดเสมอ
คือสิทธิและศักด์ศรีของสตรี สตรีในยุคนั้นถือว่าต่ำต้อย อาจมีค่าไม่มากกว่า อูฐหรือม้าสักตัวหนึ่ง
ที่ชายจะสั่งให้ทำอะไรก็ได้ โลทเอาลูกสาวตัวเองไปแลกแต่แกไม่ได้เสนอตัวเองเลยนะ
ให้ลูกสาวปกป้องศํกดิ์ศรีของชายต่างถิ่นที่หลงมา
ศักดิ์ศรีของชายนั้นสูงค่ากว่าความเป็นหญิงมากมายนักในสมัยนั้น
แม้แต่ชายที่เป็นเพียงแขกก็มีศักดิ์ศรีสูงกว่าลูกสาวของตนเองแล้ว
เอ้าน้อง LL กรี๊ดได้แล้วจ้า
สำหรับคำว่าเป็นหมันของนางซาราห์ ในยุคนั้นคือ แต่งงานแต่ไม่มีบุตร
แต่ไม่ได้แปลว่า เธอจะมีความผิดปกติจนไม่สามารถมีบุตรได้
น้องเคยเห็นคู่แต่งงานที่มีบุตรตอนแก่ไหม มีออกถมไป ไม่แปลกหรอก
ส่วนเสาเกลือ ก็คือผลึกของเกลือที่ตกตะกอน เพราะใน Dead Sea นั้น
มีเกลือที่เข้มข้นมากขนาดคนนอนลอยในน้ำได้
แต่จะเป็นเสาเดียวกับในปฐมกาลหรือไม่ ไม่ทราบจ้า
แต่มีหลายคนคาดว่าเป็นเสาแบบนี้แหละ
ที่น่าสนใจคือ ไบเบิ้ลไม่เคยเขียนเรื่องที่ไม่จริงหรืออธิบายไม่ได้
ทุกอย่างมีจริงหรือเคยมีอยู่ทั้งนั้น และเก็บรายละเอียดได้ดีมากด้วย
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 10:53 am
โดย Edwardius
Phulasso เขียน:
เห็นด้วยกับความเห็นของทุกท่าน
ประการสุดท้าย (ที่จริงมีประเด็นย่อยมหาศาล แต่ขอละไว้) ที่จะทำให้น้อง LL ร้องกรี๊ดเสมอ
คือสิทธิและศักด์ศรีของสตรี สตรีในยุคนั้นถือว่าต่ำต้อย อาจมีค่าไม่มากกว่า อูฐหรือม้าสักตัวหนึ่ง
ที่ชายจะสั่งให้ทำอะไรก็ได้ โลทเอาลูกสาวตัวเองไปแลกแต่แกไม่ได้เสนอตัวเองเลยนะ
ให้ลูกสาวปกป้องศํกดิ์ศรีของชายต่างถิ่นที่หลงมา
ศักดิ์ศรีของชายนั้นสูงค่ากว่าความเป็นหญิงมากมายนักในสมัยนั้น
แม้แต่ชายที่เป็นเพียงแขกก็มีศักดิ์ศรีสูงกว่าลูกสาวของตนเองแล้ว
เอ้าน้อง LL กรี๊ดได้แล้วจ้า
ยุคนั้นผู้หญิงไม่ได้เป็นอูฐเท้าหลังจ้า แต่เป็นขนหางอูฐ
คำพูดผู้หญิงไม่อาจใช้เป็นคำให้การบนศาลได้
แต่แม่พระเป็น Revolution ของสังคมคริสตชนเลยก็ว่าได้
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 11:41 am
โดย Nativity
พยายามอย่าทำตามที่พระเจ้าบอกละกันพยายามคร้าบ

Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 5:44 pm
โดย Invy
ตอบพี่โฮลี่เรื่องเสาเกลือ ตามรีพลายของ Phulasso ครับ
ผมมีข้อสังเกตอีกอย่างอับราฮับบอกว่าภรรยาตัวเองเป็นน้องสาว (ซึ่งมันก็จริง แต่คนละแม่) ถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกกับฟาโรห์ ดูเหมือนเพื่อปกป้องตัวเองกับภรรยา
ครั้งที่ 2 กับกษัตริย์อาบามีเลค แต่ครั้งนี้เพื่อแสดงให้ดินแดนนี้รู้ว่าขาดความยำเกรงพระเจ้า
ครั้งที่ 3 ก็กับกษัตริย์อาบามีเลคอีกครั้ง แต่โดยลูกชายอัสอัค เพื่อปกป้องตัวเองกับภรรยา
ดูเหมือนว่าสมัยนู่นหากสามีภรรยาสัญจร ไปเมืองต่างๆมักมีปัญหาการฆ่าสามีแล้วแย่งภรรยา
อีกเรื่อง คือ การล่วงประเวณี เพราะ อับราฮัมมีภรรยาถึง 3 คน คือ ซาราห์ ฮาการ์ และ เซมู....(จำชื่อไม่ได้)
ไม่พอยิ่งโลทนี่ พ่อกับลูก 2 คน เลยครับ :afro:
ปล. ถ้าผมเข้าใจอะไรผิด ชี้แนะด้วยฮะ
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 6:11 pm
โดย Edwardius
Invy เขียน:
ตอบพี่โฮลี่เรื่องเสาเกลือ ตามรีพลายของ Phulasso ครับ
ผมมีข้อสังเกตอีกอย่างอับราฮับบอกว่าภรรยาตัวเองเป็นน้องสาว (ซึ่งมันก็จริง แต่คนละแม่) ถึง 2 ครั้ง
ครั้งแรกกับฟาโรห์ ดูเหมือนเพื่อปกป้องตัวเองกับภรรยา
ครั้งที่ 2 กับกษัตริย์อาบามีเลค แต่ครั้งนี้เพื่อแสดงให้ดินแดนนี้รู้ว่าขาดความยำเกรงพระเจ้า
ครั้งที่ 3 ก็กับกษัตริย์อาบามีเลคอีกครั้ง แต่โดยลูกชายอัสอัค เพื่อปกป้องตัวเองกับภรรยา
ดูเหมือนว่าสมัยนู่นหากสามีภรรยาสัญจร ไปเมืองต่างๆมักมีปัญหาการฆ่าสามีแล้วแย่งภรรยา
อีกเรื่อง คือ การล่วงประเวณี เพราะ อับราฮัมมีภรรยาถึง 3 คน คือ ซาราห์ ฮาการ์ และ เซมู....(จำชื่อไม่ได้)
ไม่พอยิ่งโลทนี่ พ่อกับลูก 2 คน เลยครับ :afro:
ปล. ถ้าผมเข้าใจอะไรผิด ชี้แนะด้วยฮะ
จำไม่ผิดจะเป็นกลลวงอะไรซักอย่างนี่
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 10:32 pm
โดย CyS
ู^
^
จากเรื่องที่คุณ Invy กล่าวมา ผมไม่ได้มั่นใจ 100% นะครับ
เนื่องจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลไม่ได้อยู่กับตัวจึงไม่สามารถเปิดมาอ่านอ้างอิงไำ้ด้
แต่เท่าที่ผมเข้าใจคือที่ อับราฮัม กล่าวเช่นนั้น เพราะกลัวว่าจะถูกฆ่าแล้วแย่งภรรยาไปครับ
ในครั้งที่กล่าวกับกษัตริย์อาบามีเลคนั้นก็เพราะต้องการปกป้องตัวเองและภรรยาครับ
แต่จากการนั้นจึงทำให้รู้ว่า ดินแดนนั้นขาดความยำเกรงพระเจ้าครับ
แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่จำได้คือ อับราฮัม ได้กล่้าว(อ้้าง)กับฟาโรห์และกษัตริย์อาบามีเลค
ว่าต้องการปกป้องตนกับภรรยาน่ะครับ
ปล. ผมไม่มั่นใจเท่าไรนะครับ เพราะผมมีแต่ภาคพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเก่าอาศัยอ่านของคนอื่นเอา - -a
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 10:34 pm
โดย ~@Little lamb@~
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ตามคำเชิญพี่ Phulasso
5555555
ไม่ยักรู้ว่า ข้าพเจ้ามีอิมเมจของนักรณรงค์ สิทธิและศักด์ศรีของสตรี
ไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นอย่างนั้น...เออออ....รึว่าเราจะเป็นจริง ๆ เนี่ย : emo102 :
จริง ๆ แล้ว
LL เห็นคุณค่าและศักดิ์ศรีของทั้งสองเพศค่ะ แต่ของผู้หญิงจะมากกว่า
แต่ว่า ไม่ได้คิดว่าผู้หญิงต้องเท่าเทียบกับผู้ชาย พระเจ้าสร้างมาให้เราเสริมกันและกัน
ทั้งสองเพศมีข้อเด่น ข้อด้อย แตกต่างกันก็เพื่อเสริมสร้างเกื้อกูลกันแบบนี้
LL ไม่ได้เรียกร้องความ
เท่าเทียมของสิทธิสตรีนะ
บอกไว้ก่อน...หนูร้อนตัว
ก็นะ....เพราะจนปัจจุบัน ผู้หญิงก็ยังไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีหรือถูกต้อง
รวมถึงผู้หญิงเองก็ไม่เห็นคุณค่าของตัวเองด้วย
ทั้ง ๆ ที่ศักดิ์ศรีของชาย และ หญิงนั้น ในสายตาพระเจ้าก็คือลูกของพระองค์เหมือนกัน
ในพระคัมภีร์เราจะเห็นว่า พระเยซูเจ้า ทรงเป็นต้นแบบของการให้ความสำคัญกับผู้หญิง
ดังนั้น...ถ้าโลท ได้มีโอกาสพบ/ฟังพระเยซูเจ้าในสมัยต่อมา
เขาจะไม่เสนอลูกสาวเขาแบบนั้น

Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 11:12 pm
โดย Invy
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 11, 2007 11:57 pm
โดย Invy
อิชมาเอลตายในปฐมกาลบทที่ 25 ไปแล้ว แต่ในบทที่ 28 ทำไมเอซาวจึงไปหาอิชมาเอลได้ครับ แถมในบทที่ 25 ไม่ได้กล่าวถึงบุตรที่ชื่อ มาหะลัท ซึ่งเอซาวรับเป็นภรรยาในบทที่ 28 ด้วย
ตรงนี้ไม่ต้องใส่ใจเพราะอาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ หรือว่าเป็นคนละอิชมาเอลครับ :huh:
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 12:08 am
โดย Zion
ก็อิชมาเอลคนเดียวกันนั่นละ
แค่บทที่25 บอกว่า อิชมาเอลอายุขัยเท่าไหร่
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 12, 2007 1:33 pm
โดย Edwardius
สไตล์การเล่าในปฐมกาลจะใช้วืธีเรียงแบบประมาณนี้นะครับ
1. เอาบุคคลสำคัญเป็นตัวดำเนินเรื่อง
2. ในขณะที่มีการให้ข้อมูล มักกล่าวถึงเวลาสำคัญๆ ของบุคคลนั้นไปด้วย (เช่น อายุ หรือปีที่ทำสิ่งสำคัญ)
3. การเล่าถึงบุคคลสำคัญที่ 1 ที่ไปเกี่ยวกับคนที่ 2-3 นั้น นิยมอธิบายถึงบุคคลยั้ยไปด้วย
ถ้าดูแบบการเขียนสมัยนี้ก็แบบ นอกเรื่องไปนิด
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 13, 2007 3:50 pm
โดย Invy
เรื่องเสาเกลือ ได้คำตอบแล้วครับ (คิดว่าข้อมูลค่อนข้างแม่นยำ)
อับราฮัมได้ย้ายออกจากเมือง เดินทางไปตามที่พระเจ้าทรงนำ และผ่านไปยังเมืองโสโดม และเมืองโกมารา โดยโลทหลานชายของอับราฮัมที่เดินทางมาด้วย ได้ตั้งหลักแหล่งที่เมืองโสโดมนี้ แต่ต่อมาเมืองนั้นก็ถูกพระเจ้าลงโทษโดยให้กลายเป็นเกลือทั้งเมือง (รวมทั้งผู้คน สัตว์ สิ่งของ) ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางส่วนเชื่อว่าปัจจุบันทะเลสาปเดดซี หรือ ทะเลตาย คือที่ตั้งของเมืองโสโดม และเมืองโกมารา ในอดีตนั่นเอง
Credit :
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5#.E0.B8.AB.E0.B8.AD.E0.B8.9A.E0.B8.B2.E0.B9.80.E0.B8.9A.E0.B8.A5
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 13, 2007 10:59 pm
โดย CyS
โสโดม กับ กาโมลา อยู่ทางตอนใต้ของเดดซีครับ
ดูตามรูปครับ
http://www.bible.ca/maps/maps-dead-sea-gen14.jpg
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 13, 2007 11:18 pm
โดย -Rei-
อืมมม หงุดหงิดนิดนึงเหมือนกัน ทั้งโลท และ ชายแก่ในพระคัมภีร์นั่น
โลทเสนอลูกสาวแทนฑูตสวรรค์ และ ชายแก่ผลักเมียน้อยออกไปให้พวกนั้นข่มขืนแทนชายแปลกหน้า
ก็ถ้าคิดจะปกป้องชายแปลกหน้าจริงๆ ทำไมไม่เสนอตัวเองไปเลยให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว
แมนกว่าผลักเมียน้อยออกไปอ้ะ สงสารเมียน้อยจังเลย เหมือนลูกหมาโดนโยนให้จรเข้กิน T_T
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 14, 2007 1:15 am
โดย Edwardius
-Rei- เขียน:
อืมมม หงุดหงิดนิดนึงเหมือนกัน ทั้งโลท และ ชายแก่ในพระคัมภีร์นั่น
โลทเสนอลูกสาวแทนฑูตสวรรค์ และ ชายแก่ผลักเมียน้อยออกไปให้พวกนั้นข่มขืนแทนชายแปลกหน้า
ก็ถ้าคิดจะปกป้องชายแปลกหน้าจริงๆ ทำไมไม่เสนอตัวเองไปเลยให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว
แมนกว่าผลักเมียน้อยออกไปอ้ะ สงสารเมียน้อยจังเลย เหมือนลูกหมาโดนโยนให้จรเข้กิน T_T
ประมาณ ได้ โลทแล้วจะบุกเข้าบ้านต่อไง โลทเลยไม่ยอมออกไป 555+
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 14, 2007 1:51 am
โดย CyS
เอาละครับ ผมจะมาแถลงไขให้ว่า
"ทำไมโลทถึงไม่เสนอให้ชายทั้งหมู่บ้านสมสู่กับตัวเขาเอง แต่กลับเสนอลูกสาวของเขาแทนครับ"
ก่อนอื่น พวกท่านต้องรู้ก่อนว่า การสมสู่กับเพศเดียวกันนั้น
เป็นสิ่งต้องห้ามของพระผู้เป็นเจ้า การกระทำเช่นนี้นั้นเป็นบาปที่ร้ายแรงมาก
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้สร้างชาย กับชายา(หญิง) ให้คู่กัน (แต่งงานกัน)
ดังนั้น การที่ชายมาคู่กับชาย หรือหญิงมาคู่กับหญิง (ในที่นี้หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์กันนะครับ)
เป็นสิ่งที่ขัดต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งก็คือ บาป นั้นเองครับ และเป็นบาปที่ร้ายแรงมากด้วย
อีกสิ่งหนึ่งที่อย่าลืมคือ โลท เ็ป็นผู้ที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด (พระยะโฮวาห์)
และการที่โลทเป็นผู้ชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้านั้นก็เพราะเขาได้ทำตามพระบัญญัติและพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
แน่นอน โลท รู้ว่าการให้ชายสมสู่กับชายนั้น เป็นสิ่งที่ผิดจากพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นบาปที่ร้ายแรง
ดังนั้นด้วยความที่ต้องการปกป้องฑูตสวรรค์โลทจึงเสนอลูกสาวของตัวเองให้แก่ชายทั้งหมู่บ้านนั้นครับ
ในจุดนี้นั้น แสดงให้เห็นถึงการเสียสละของโลทนะครับ มิำได้เป็นการดูถูกเหยียดหยามหญิงแต่สิ่งใด
เพราะในความเป็นจริงแล้ว สิ่งแรกที่โลททำนั้น คือการปฏิเสธชายทั้งหมู่บ้านที่ต้องการสมสู่้กับฑูตสวรรค์
ซึ่งคำตอบของชายทั้งหมู่้บ้านนั้น แน่นอนว่าพวกเค้าไม่ฟังคำของโลท เพราะมุ่งที่จะสมสู่กับฑูตสวรรค์
แต่ด้วยความดื้อรั้นของชาวเมืองทั้งหลาย โลท จึงจำใจต้องยอมที่จะเสนอลูกสาวของตนแทนฑูตสวรรค์ครับ
ซึ่งก่อนหน้านั้นอาจจะมีการต่อรองอย่างอื่นอีก แต่อาจจะไม่ได้บันทึกไว้ครับ
ดังนั้น การเสนอลูกสาวของโลทนั้นจึงเป็นการเสียสละ และแสดงออกถึงศรัทธาว่า ต้องการปกป้องฑูตสวรรค์ให้ได้จนถึงที่สุดครับ
และถึงแม้ว่าการที่ลูกสาวของโลทจะสมสู่กับชายโดยไม่ได้แต่งงานก็เป็นบาปร้ายแรงเช่นกันก็ตาม
แต่ถ้าหากโลทนั้น ได้ทำการเสนอตัวเองเข้าไป ก็เป็นเหมือนการสนับสนุนให้ชาวเมืองเหล่านั้นได้สมสู่กับชายครับ
ในจุดนี้ โลทอาจจะต้องการให้ชาวเมืองนั้นเลิกที่จะสมสู่กับชาย โดยการเสียสละลูกสาวของตนครับ
และอย่าลืมว่าโลทเป็นคนชอบธรรม และทำตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
สิ่งหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าให้หน้าที่แก่ชายนัน คือการที่ชายต้องดูแล ปกครองหญิง (ภรรยา) และครอบครัวครับ
ซึ่งพระองค์ได้บััญชาชายทุกคนผ่านทาง อดัม ตั้งแต่การเริ่มต้นของโลกครับ
ดังนั้น โลท จึงได้ดูแลและให้ความรักแก่ครอบครัวของเขาแน่นอนครับ
และแน่นอนว่าโลทนั้นต้องรักลูกสาวของเขาและจะไม่ทอดทิ้งแน่นอนครับ
ยังมีสิ่งหนึ่งที่จะชี้ให้เห็นว่า หญิง นั้นมีความสำคัญ
และได้รับความรักจากครอบครัวมากเช่นไร
ผมจะยกตัวอย่างในปฐมกาลนั้นแหละครับ
ในตอนที่ ดีนาห์ ลูกสาวของอิสราเอล (ยาโคบ) ถูกข่มขืนน่ะครับ
ทั้งครอบครัวของเขานั้นได้โกรธ ชายที่ข่มขืนดีนาห์ (ขอโทษที่จำชื่อไม่ได้)
จนพวกพี่ชายของเขา (นำโดยลูเบน) ได้ทำการฆ่าชายทั้งหมู่บ้านนั้นเลย (ทั้งที่คนที่ข่มขืนมีคนเดียว)
จึงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของหญิงในสมัยนั้นครับ
แต่การที่พ่อของเขา (อิสอัค) นั้นให้อภัยคนในหมู่บ้านนั้น
เพราะพวกเขาได้ทำการรักษาสัญญาโดยการเข้าสุหนัต
ซึ่งเทียบเท่ากับการรับบัพติศมา (Baptism), การล้างบาป ในปัจจุบันนี่แหละครับ
และแน่นอนว่า พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้เข้าสุหนัตเปล่าๆ แต่ยังต้ิองรักษากฎของพระผู้เป็นเจ้าด้วยครับ
และการที่อิสอัคได้ยินดีกับการเข้าสุหนัต จนกระทั่งให้อภัยต่อความผิดร้ายแรงนั้น
มีคำตอบอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่ครับ
"...ในพวกท่านมีคนใดที่มีแกะร้อยตัวและตัวหนึ่งหายไป จะไม่ละเก้าสิบเก้าตัวไว้ที่กลางทุ่งหญ้า
และไปเที่ยวหาตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะได้พบหรือ เมื่อพบแล้วเขาก็ยกใส่บ่าแบกมาด้วยความเปรมปรีดิ์
เมื่อมาถึงบ้านแล้วจึงเชิญพวกมิตรสหาย และเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกันแล้วพูดกับเขาว่า 'จงเปรมปรีดิ์กับข้าพเจ้าเถิด
เพราะข้าพเจ้าได้พบแกะของข้าพเจ้าที่หายไปนั้นแล้ว'..." (ลูกา 15:4-6)
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 14, 2007 4:00 am
โดย Holy
อีกสิ่งหนึ่งที่อย่าลืมคือ โลท เ็ป็นผู้ที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด (พระยะโฮวาห์)
และการที่โลทเป็นผู้ชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้านั้นก็เพราะเขาได้ทำตามพระบัญญัติและพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
สิ่งที่คุณต้องไม่ลืมยิ่งกว่าคือ สมัยของโลท
เรายังไม่มีบัญญัติ10ประการ และที่สำคัญคือ
ยังไม่มีเลวีนิติ ครับ
เพราะฉะนั้น ในยุคของอับราฮัม คนชอบธรรม ชอบธรรมด้วยความเชื่อและการทำตามคำสั่งพระเจ้าเป็นคราวๆไป และสิ่งดีอื่นๆอันมีพื้นฐานจากมโนธรรม และกฏจารีตประเพณีในสมัยนั้น
นั่นคือทำไม อับราฮัมยังโกหก ทำไมพวกเขาถึงยังมีเมียหลายคน แม้แต่ตลอดจนแต่งงานในเครือญาติ และยังไม่มีกฏการห้ามรับประทานต่างๆ เพราะทุกสิ่งนี้ล้วนเพิ่งถูกห้ามอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรในสมัยโมเสส ซึ่งหลังจากโลทเป็นร้อยเป็นพันปี
ผมคิดว่าคุณสมควรศึกษาประวัติศาสตร์ด้วยนะครับ และพยายามเรียนรู้ไบเบิ้ลอย่างที่มันเป็น คือ ความตรงไปตรงมา ไบเบิ้ลต่างกับคัมภีร์ศาสนาอื่น ตรงที่กล้าเขียนทั้งความดีความเลวของคนอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เอาแต่ยกย่องด้านดีจนเป็นอภิมนุษย์ และนั่นคือเหตุที่ไบเบิ้ล น่าเชื่อถือมานานกว่า2000ปีครับ
รม 4:9-12 อับราฮัมเป็นผู้ชอบธรรมก่อนเข้าสุหนัต
ความสุขที่ว่านี้เป็นความสุขของผู้ที่เข้าสุหนัตเท่านั้นหรือ หรือรวมไปถึงผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตด้วย เราพูดถึงอับราฮัมว่า ความเชื่อของเขานับได้ว่าเป็นความชอบธรรม ความเชื่อของเขานับเป็นความชอบธรรมได้อย่างไร เมื่ออับราฮัมเข้าสุหนัตแล้วหรือยังไม่ได้เข้าสุหนัต มิใช่เมื่อเข้าสุหนัตแล้วแน่ ๆ แต่เมื่อยังไม่ได้เข้าสุหนัต
พิธีสุหนัตตามมาภายหลังเป็นเครื่องหมายและเป็นประกันว่า ความเชื่อซึ่งเขามีขณะยังไม่ได้เข้าสุหนัตนับว่าเป็นความชอบธรรม ด้วยเหตุนี้ อับราฮัมจึงเป็นบิดาของผู้มีความเชื่อทุกคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต เพื่อจะนับได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ชอบธรรม อับราฮัมเป็นบิดาของผู้เข้าสุหนัต ผู้เข้าสุหนัตเหล่านี้ไม่เพียงแต่เข้าพิธีเท่านั้น แต่ยังได้ดำเนินชีวิตตามอับราฮัมบิดาของเรา ไปตามทางความเชื่อที่เขาได้ดำเนินไปก่อนที่จะเข้าสุหนัต
พระสัญญาที่ประทานให้อับราฮัมและลูกหลานที่ว่าเขาจะได้ครอบครองโลกเป็นมรดกนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมบัญญัติ แต่เกิดขึ้นโดยความชอบธรรมอันเนื่องมาจากความเชื่อ
รม 5:13
ก่อนที่จะมีธรรมบัญญัติ บาปมีอยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่นับว่าเป็นบาป
---เหล่านี้ชี้ชัดนะครับว่า นักบุญเปาโลเองก็รู้ประวัติศาสตร์ ว่าอะไรมาก่อนมาหลัง
และที่สำคัญ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่แต่งงาน ไม่ว่าจะชาย-หญิง หรือชาย-ชาย ล้วนโทษเท่ากันคือถูกหินทุ่มตายทั้งสิ้นครับ ดังนั้น การที่จะบอกว่า โลทเสียสละลูกสาวเพื่อการนี้ ฟังไม่ขึ้นครับ แต่ต้องยอมรับครับว่า เขาทำเพราะขณะนั้นไม่เคยมีธรรมบัญญัติของพระเจ้าสอน เขาเองยังประพฤติตามจริยธรรมพื้นฐานของชาวตะวันออกกลางสมัยนั้น ที่ชายเป็นใหญ่ และสละชีวิตหญิงเพื่อคุ้มครองชาย และสิ่งเหล่านี้ยังคงมีผลจนมาถึงสมัยพระเยซูเอง และแม้แต่เปาโลเองด้วย เพียงแต่สมัยพระเยซูนั้น พระองค์เริ่มปฏิวัติมันครับ และมันก็เริ่มค่อยเป็นค่อยไปมาจนถึงสมัยนี้
อ้อ...และผมขอประโยคนี้ โปรดอย่าใช้พร่ำเพรื่อครับ
ขอกล่าวทั้งหมดสิ่งนี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน
เพราะถ้าคุณสอนผิด พระเยซูจะมาพลอยมัวหมองไปด้วย การพูดจาแฝงนัย ราวกับว่าทุกอย่างที่คุณพูดมาจากพระจิตหรือพระเยซู มันออกจะอันตราย เหมือนแอบอ้างเป็นประกาศกไปซะหน่อย เพราะผมเองเรียนตามตรงว่า ไม่ได้เชื่อว่าทุกอย่างที่คุณโพสจะมาจากพระเจ้าทั้งหมด เพราะผมพบ หลักเหตุผลที่มาจากความคิดเห็นส่วนตัว และมาตรฐานทางศีลธรรมจากวิธีคิดของตัวคุณเองปนอยู่มากครับ
ขอพระเจ้าอวยพร
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 14, 2007 7:29 am
โดย CyS
ขอบคุณที่แนะนำครับ
และขอโทษด้วยในการวรรคตอนที่ผิด
"ขอกล่าวทั้งหมดสิ่งนี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน"
ผมต้องการใช้กับคำนี้ครับ แต่เผอิญว่า อาจจะด้วยความง่วง หรือสิ่งใดก็ตาม
ทำให้ผมไม่ทันระวัง ขอบคุณที่ช่วยเตือนผมครับ
หากท่านสงสัยในสิ่งใดแล้ว ขอให้ท่านทูลถามพระผู้เป็นเจ้า พระบิดาผู้สถิตนิรันดร์
และขอให้ท่านทูลถามด้วยใจจริง ด้วยเจตนาแท้จริง โดยมีศรัทธาในพระคริสต์
พระองค์จะทรงแสดงถึงความจริงให้ประจักษ์แก่ท่านด้วยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์
และด้วยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านจะรู้ความจริงของทุกเรื่อง
ขอกล่าวทั้งหมดสิ่งนี้ในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน
คงจะชัดเจนขึ้นแล้วนะครับ
มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเพิ่มเติมนะครับ
คือ พระผู้เป็นเจ้านั้น เป็นผู้ที่เที่ยงธรรม และไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่สุด
(ไม่รู้จะใช้คำไหน แต่เข้าใจว่า จะไม่เปลี่ยนแปลง แบบว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งดี ก็จะเป็นสิ่งดี สิ่งไหนที่ไม่ดี ก็จะไม่ดี ประมาณนี้ - -a)
ถึงแม้ว่า ในสมัยของโลทนั้นจะยังไม่มีพระบัญญัติ 10 ประการ หรือ เลวีนิติ ก็ตาม
แต่ในการเป็นคนชอบธรรมนั้น ผู้ที่ตัดสินคือ พระผู้เป็นเจ้าครับ
ดังนั้นในการเป็นคนชอบธรรมของพระผู้เป็นเจ้านั้น คือคนที่ดำเนินตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าครับ
ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีบัญญัติ 10 ประการ แต่ในสมัยของโลทนั้นยังมีคำสอนที่สืบทอดมาจากอดัมครับ
เพราะพระผู้เป็นเจ้าก็ได้สั่งสอนพระกิตติคุณให้กับอดัม และอดัมก็สั่งสอนกิตติคุณให้กับลูกหลานของเขา
แล้วยังสืบทอดต่อมาเรื่อยๆ จนในสมัยโนอาห์ ซึ่งผู้รอดชีวิตจากน้ำท่วมครั้งนั้น มีเพียงไม่กี่คนซึ่งเป็นคนชอบธรรม
เมื่อน้ำลดแล้ว จึงเหลือเพียงคนชอบธรรม และแน่นอนว่า คนชอบธรรมที่รอดชีวิตมานั้น
จะสั่งสอนพระกิตติคุณของพระผู้้เป็นเจ้าให้แก่ลูกหลานของเขาเช่นกัน
ดังนั้น โลทจึงได้เรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าครับ
ถึงแม้ว่า เราจะไม่รู้ว่าในสมัยของโลทนั้น จะมีสอนถึงสิ่งใดบ้าง
แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้โลทดำเนินชีวิตในความชอบธรรมได้ครับ
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 14, 2007 4:13 pm
โดย Holy
ตรงไหนในปฐมกาลครับที่บอกว่าพระเจ้าสอนพระกิตติคุณ(Gospal)ให้อาดัม มีแต่ว่าพวกเขาไร้เดียงสาไม่รู้ดีชั่วอะไรเลยเปลือยกายก็ไม่อายเหมือนเด็กเล็กๆ แต่พอกินผลไม้กัน ถึงได้รู้เดียงสาขึ้นมาเกิดอาย พระเจ้าสาปแช่งไล่ออกมาเลย แล้วมนุษย์ก็เริ่มพรากจากพระ ไม่ได้มีตรงไหนบอกเลยว่าสอนกิตติคุณกัน
ผมขอคุยในฐานะที่ไม่เอาคำสอนแนวมอร์มอนมาปนนะครับ ผมรับพระคัมภีร์แค่2เล่มคือพระธรรมเก่าและพระธรรมใหม่ ดังนั้นถ้าคุณจะคุยเรื่องข้อความเชื่อใดๆ ผมขอให้คุณตั้งจิตใจเอา2เล่มนี้เพียวๆโดยไม่เอา คัมภีร์มอร์มอน หรือแนวคิดแบบมอร์มอนมาปนนะครับ เพราะเราจะคุยกันคนละแหล่งข้อมูล แล้วมันจะจบยาก
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2007 4:41 pm
โดย Invy
ขอใช้กระทู้เดิมต่อไปจนจบปฐมกาลครับ
บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 35:20 ยาโคบเอาเสาหินปักไว้ณที่ฝังศพซึ่งเป็นเสาหินณที่ฝังศพนางราเชลจนทุกวันนี้..
บทที่ / ข้อที่ : ปฐมกาล 32:32 เหตุฉะนี้คนอิสราเอลจึงไม่กินเส้นเอ็นที่ตะโพกซึ่งอยู่ที่ข้อต่อตะโพกนั้นจนทุกวันนี้เพราะพระองค์ทรงถูกต้องข้อต่อตะโพกของยาโคบตรงเส้นเอ็นที่ตะโพก..
จนทุกวันนี้ในที่นี้ แปลว่าถึงปัจจุบันนี้เลยใ่ช่มั้ยครับ
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 18, 2007 5:37 pm
โดย Holy
ผมเชื่อว่า คือทุกวันนี้ขณะเขียนคัมภีร์ ส่วนอนาคตของคนที่เขียน(ปัจจุบันของเรา) ไม่ทราบได้ครับ
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 23, 2007 11:53 pm
โดย Invy
จบปฐมกาลไปแล้ว ต่อด้วยอพยพฮะ
อพยพ 4:24 ณที่พักระหว่างทาง พระเจ้าเสด็จมาพบโมเสส และจะทรงประหารชีวิตของท่านเสีย
อพยพ 4:25 นางศิปโปราห์จึงเอาหินคมตัดหนังที่ปลายองคชาตบุตรชายของตน แล้วเอาไปแตะเท้าของโมเสสกล่าวว่า "จริงนะ ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งโลหิตแก่ฉัน"
อพยพ 4:26 พระเจ้าจึงทรงละท่านไป นางจึงกล่าวว่า "ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งโลหิต" เนื่องจากพิธีเข้าสุหนัต
ผมเข้าใจว่าพระเจ้าจะทรงฆ่าโมเสสเสีย เพราะว่า ลูกของโมเสสยังไม่ได้เข้าสุหนัต เข้าใจถูกมั้ยฮะ
Re: สงสัยในปฐมกาลครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 24, 2007 12:48 am
โดย Holy
Invy เขียน:
จบปฐมกาลไปแล้ว ต่อด้วยอพยพฮะ
อพยพ 4:24 ณที่พักระหว่างทาง พระเจ้าเสด็จมาพบโมเสส และจะทรงประหารชีวิตของท่านเสีย
อพยพ 4:25 นางศิปโปราห์จึงเอาหินคมตัดหนังที่ปลายองคชาตบุตรชายของตน แล้วเอาไปแตะเท้าของโมเสสกล่าวว่า "จริงนะ ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งโลหิตแก่ฉัน"
อพยพ 4:26 พระเจ้าจึงทรงละท่านไป นางจึงกล่าวว่า "ท่านเป็นเจ้าบ่าวแห่งโลหิต" เนื่องจากพิธีเข้าสุหนัต
ผมเข้าใจว่าพระเจ้าจะทรงฆ่าโมเสสเสีย เพราะว่า ลูกของโมเสสยังไม่ได้เข้าสุหนัต เข้าใจถูกมั้ยฮะ
เพราะโมเสสแต่งกับหญิงต่างชาติ เลยลืมเอาลูกเข้าสุหนัตครับ