+Ecclesia+ เขียน:
เคยอ่านตอนเด็กๆ...เเทบคลั่ง
(เพราะความสนใจ)
จัดห้ายรู้น้า ชอบเรื่องเจ้าหญิงอนาสตาเซีย(แล้วปริศนานี้จนมาทำเป็นนิยายจำนวนมาก)
จะก่อนค่อนข้างชอบเรื่องนี้มากๆ แต่ขึ้นมัธยมต้นโดนครอบงำด้วยความคลั่งไคล้เลนิน จนเข้ามาเป็นคริสตชนแล้วเพื่อนชาวยูเครนเล่าประวัติๆเลยหันมาสนใจอีกครั้ง
ไหนๆก็ผมขอลงเรื่องราวต่างๆของนักบุญ กษัตริย์ และมรณสักขีท่านนี้
http://www.geocities.com/hudsunlove/myth/zar.html
เหตุที่ชาวโลกพากันแตกตื่นหนังเรื่องนี้กันมาก เนื่องจากเชื่อกันว่าถ่ายทำมาจากเรื่องจริง - ชีวิตจริง ของเจ้าหญิงอนาสตาเซีย เจ้าหญิงแสนสวยพระราชธิดาของพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่2แห่งรัสเซียซึ่งถูกเลนินหัวหน้าคณะปฎิวัติจับตัวไปกักขังไว้กลางป่าลึกในไซบีเรีย พร้อมกับพระราชโอรถและธิดา รวม 5 พระดงค์ ผู้ติดตามอีก 4 คนและถูกประหารชีวิตทั้งหมดในเวลาต่อมาพระราชธิดาทั้ง 4 พระองค์ ได้แก่เจ้าหญิง โอลก้า วัย 22 เจ้าหญิง ทาเชียน่า วัย 21 เจ้าหญิง มาเรีย วัย 19 และ เจ้าหญิง อนาสตาเซีย วัย 17 ปีส่วนพระโอรสนั้น ได้แก่ เจ้าชาย อเล็กซิส วัย 13 ปี
ข่าวการปลงพระชนม์พระเจ้าซาร์พร้อมผู้ติดตาม แทนที่จะค่อยๆเงียบหายไปตามกาลเวลาที่ผ่านไปและลืมเลือนกันไปในที่สุด แต่เรื่องกลับมาเกรียวกราวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งสองปีหลังจากการสังหารโหดพระเจ้าซาร์และพระราชวงศ์ในไซบีเรีย แอนนา แอนเดอร์สัน สตรีเยอรมันออกมาให้ข่าวว่า เธอคือเจ้าหญิง อนาสตาเซีย ซึ่งหลบหนีรอดพ้นจากการประหารมาจากไซบีเรีย เมื่อมาอยู่ในเยอรมันก็เปลี่ยนชื่อเป็นแอนนาและเปิดเผยเรื่องราวการหลบหนีอย่างน่าตื่นเต้นเรื่องราวของแอนนาดูสมจริงสมจังมาก จนทำให้คนที่ได้ยินได้ฟังพลอยเชื่อถือคำบอกเล่ากันทั้งหมดแม้รัฐบาลเยอรมันและรัฐบาลรัสเซียพยายามกลบเกลื่อนเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องโกหก แต่คนก็ยังเชื่อถือยึดติดอยู่กับเรื่องนี้ตลอดมา จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2527 นี่เอง ( ปี ค.ศ. 1984 ) เรื่องจึงยุติ
ในปี พ.ศ. 2499 ( ปี ค.ศ. 1956 ) บริษัท ทเวนตี้เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ นำเรื่องราวของเธอไปสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยให้ อินกริด เบิร์กแมน นำแสดงเป็นตัวเจ้าหญิงอนาสตาเซีย จนกลายเป็นภาพยนตร์ยอดฮิต และทำเงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวหลังจากการเสียชีวิตของแอนนา แอนเดอร์สันผ่านไปชาวโลกกำลังจะลืมๆเรื่องเจ้าหญิงอนาสตาเซียจนหมดความทรงจำกลับถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกเมื่อ ประธานาธิบดี บอริส เยลซินต์ แห่งรัสเซียเปิดไฟเขียวให้ขุดค้นหาพระศพของพระเจ้าซาร์นิโคลาสที่2และพระราชวงศ์กลางป่าไซบีเรียได้หลังจากสำรวจอยู่ไม่นานก็พบซากโครงกระดูก 5 โครง ซึ่งผลการพิสูจน์ทางพันธุกรรม ปรากฎว่า เป็นโครงกระดูกของพระเจ้าซาร์ พระราชินีอเล็กซานดร้า แต่ขาดหายไป 2 ศพ ซึ่งตามข่าวแจ้งว่าคือ เจ้าหญิงมาเรีย วัย 19 ปี และเจ้าชายอเล็กซิส วัย 13 ปีมีการถามไถ่กันอึงคะนึงว่า ศพเหล่านั้นหายไปไหนเพื่อหาคำตอบนี้ จึงมีการค้นหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์กันจ้าละหวั่นซึ่งคุณสหายเลนินเป็นคนเขียนคำตอบไว้เรียบร้อยแล้วว่าสองศพที่ไม่พบในหลุมนั้นถูกเผาจนเหลือแต่กระดูกแล้วถูกราดด้วยน้ำกรดจนโครงกระดูกที่เหลือจากการเผาละลายกลายเป็นธุลีดินไปจนหมดแล้ว ส่วนศพที่เหลือทำการฝังแทนอันนี้หละที่ทำให้คนช่างสงสัยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าแล้วทำไมต้องเผา ?สำหรับคำถามนี้หากสามารถปลุกเลนินให้ฟื้นจากหลุมขึ้นมาได้แกก็คงตอบได้ง่ายๆว่าที่ต้องเผาเพราะทำลายหลักฐานเพราะไม่อยากให้โลกภายนอกรู้ว่าเลนินปลงพระชนม์กษัตริย์พระราชินีพระโอรถและธิดาโดยเฉพาะเยอรมันนั้นเลนินกลัวมากที่สุดเนื่องจากพระราชินีอเล็กซานดร้าเป็นพระราชนัดดาคนโปรดของพระเจ้าไกเซอร์วิลเฮล์มที่2กษัตริย์เยอรมันดังนั้นหากเรื่องแพร่งพรายออกไปอาจจะต้องรับศึกใหญ่กับเยอรมันในช่วงเวลาที่รัสซียยังไม่พร้อมก็ได้แต่คำถามที่เลนินตอบไม่ได้ก็คือ ทำไมต้องเผากันทีละสองศพหากเผาพร้อมๆกันทุกๆศพนั้น กลังไม้จะหมดป่าไซบีเรียหรืออย่างไรแต่ที่หน้าประวัติศาสตร์เลนินบันทึกไว้ว่า เผาเสร็จไปแค่สองศพ ให้บังเอิญว่ามีงานด่วนอย่างอื่นที่ต้องเร่งทำ เลยไม่มี
เวลาเผาอันนี้อยากทำให้รู้ว่าเกิดมีงานอะไรเร่งด่วนถึงปานนั้นงานเร่งด่วนอะไรจึงจำเพาะให้แค่กลุ่มคนพวกนี้ทำแล้ว
การขุดหลุมลึกๆทีละหลุมจนครบ 9 หลุมเพื่อฝังศพที่เหลือนั้น ทำได้เร็วกว่าการเอาศพทั้ง 9 ศพมากองรวมๆกันแล้ว
เผาหรืออย่างไร
อย่างก็ตาม เมื่อปลงพระชนม์เสร็จ
เผาเสร็จฝังเสร็จ ก็มีรายงานผลงาน
ทุกขั้นตอนถึงเลนินโดยตรงทันที ซึ่ง
เลนินก็ ตอบด้วยความพอใจในผลงาน
อย่างยิ่งราวกับว่าเลนนินเกิดใจกล้าขึ้น
ไม่กลัวเยอรมันเสียแล้วในตอนนั้นเพื่อ
เป็นการวิเคราะห์หาคำตอบให้ได้ว่า
เจ้าหญิงแสนสวย อนาสตาเซียนั้น
สิ้นพระชนม์ไปแล้วจากการประหาร
หรือว่าหนีรอดมาได้ตามคำให้การของ
แอนนา แอนเดอร์สัน จะต้องเปิดแฟ้ม
บันทึกเหตุการณ์ ซึ่งเลนนินสั่งให้บันทึก
ไว้อย่างละเอียดดู ได้ความว่าค่อนคืน
วันนั้น พระเจ้าซาร์ พร้อมกับพระราชินี
ถูกปลุกให้ตื่นจากบรรทมโดยได้รับแจ้งว่า
จะมีการถ่ายรูปหมู่ พระเจ้าซาร์ทรงอุ้ม
เจ้าชายอเล็กซิสใว้ในอ้อมแขน เนื่องจาก
กำลังป่วยด้วยโรค Hemophelia
เมื่อลงมาถึงห้องเล็กๆชั้นล่างที่กำหนด
ไว้ทั้งหมดถูกจัดแถวให้เป็นสองแถวคือ
แถวนั่งและแถวยืน โดยจัดแถวรวมๆ
กันหมด รวมผู้ติดตาม อีก 4 คน ด้วยเป็น 14 คนเมื่อจัดแถวเรียบร้อยแล้ว มือสังหารพร้อมอาวุธปืนสั้นจำนวน 11 คน ที่คอยอยู่ก็โผล่พลวดออกมา โดยตกลงกันไว้ล่วงหน้าว่ามือปืนคนไหนจะต้องจัดการกับเหยื่อรายใดจากนั้นก็มีการรัวกระสุนอย่างสนั่นหวั่นไหวจนหมดแม็ก เหยื่อส่วนมากเสียชีวิตทันที แต่ตามรายงานบอกว่าเจ้าหญิง
ทั้ง 4 พระองค์ยังไม่สิ้นใจยังยืนหายใจรวยรินซวนกายพิงกำแพงอยู่ตามรายงานบอกว่า เพชฌฆาตคนหนึ่งไม่ยอมเสีย
เวลาบรรจุกระสุนปืนใหม่ หันไปคว้าไรเฟิลติดดาบปลายปืนใกล้มือ เข้ากระหน่ำแทงเจ้าหญิงทั้ง 4 พระองค์จนหมดลม
นอกจากนั้นยังมีบันทึกไว้ด้วยว่า เหล่าเพชฌฆาตต่างกลุ้มรุมทำอนาจารต่อศพที่เป็นสตรีอย่างเมามัน อันนี้คือประเด็นให้ชวนสงสัยว่าเจ้าหญิงอนาสตาเซียน่าจะรอดชีวิตและหลบหนีออกมาได้เจ้าหญิงอนาสตาเซียทรง
พระสิริโฉมเป็นที่เลื่องลือกันมากในยุคนั้น ความสวยบริสุทธิ์ของวัยแรกรุ่น สามารถสะกดหัวใจของชายชาตรีทุกคน
ให้มาสยบอยู่แทบเท้าได้ดังนั้น จงน่าจะเป็นไปได้ว่ามีการละเว้นโทษให้แก่เจ้าหญิง โดยหวังจะเก็บไว้เชยชมลับๆ
ซึ่งเท่ากับเป็นการหยิบยื่นโอกาสงามๆให้เจ้าหญิงอนาสตาเซียสามารถหลบหนีออกมาสู่โลกภายนอกได้ หรือไม่ก็
็เป็นว่าเจ้าหญิงอนาสตาเซียอาจยอมแลกทุกอย่างกับชีวิตของพระองค์และพระอนุชา จนได้รับการปล่อยตัวในเวลา
ต่อมาโดยเหตุที่พระราชินีอเล็กซานดร้าเป็นเจ้าหญิงเยอรมัน ดังนั้น เจ้าหญิงอนาสตาเซียจึงทรงเลือกเยอรมันที่
พระองค์รู้จักและคุ้นเคยมาก่อนเป็นที่ลี้ภัยเหตุผลที่น่าเชื่อประการหนึ่งก็คือ การที่แอนนา แอนเดอร์สัน เปิดเผย
เรื่องนี้ระหว่างนอนรักษาตัวระยะยาวอยู่ในโรงพยาบาลนั้น เป็นเหตุผลอันหนักแน่นที่พิสูจน์ว่า แอนนาน่าจะเป็นคน
คนเดียวกับเจ้าหญิงอนาสตาเซีย เพราะการหลบหนีอย่างสมบุกสมบัน รอนแรมมาจากกลางป่าไซบีเรีย ซึ่งอยู่ไกล
กันเกือบครึ่งโลก ทรงสร้างความบอบช้ำให้แก่พระวรกายไม่น้อย จนต้องนอนซมอยู่ในโรงพยาบาลและหากพิจารณา
ดูให้ดีๆเค้าโครงหน้าของแอนนา แอนเดอร์สัน กับเจ้าหญิงอนาสตาเซียนั้น คล้ายคลึงกันมากเป็นเรื่องที่น่าคิดว่า
หากเป็นการสร้างเรื่องขึ้น แอนนา แอนเดอร์สัน ต้องการอะไร จึงต้องลงทุนลงแรงไปขนาดนั้น เนื่องจากราชวงศ์
โรมานอฟฟ์ สูญสิ้นไปจากรัสเซียแล้ว ไม่มีทรัพย์สินใดๆเหลืออยู่ให้เรียกร้องสิทธิประการสำคัญ การแสดงตัวว่า
เป็นเจ้าหญิงพระราชธิดาของพระเจ้าซาร์ นิโคลาสที่ 2 ที่ทางการรัสเซียต้องการตัวเพื่อประหารนั้น เท่ากับเป็น
การแกว่งเท้าหาเสี้ยน หรือเอาคอไปพาดไว้บนตะแลงแกงประการเดียว ไม่ใช่เรื่องสนุกสักนิดถามว่า หากแอนนา
เป็นเจ้าหญิงอนาสตาเซียจริงๆแล้ว ทำไมทางการเยอรมันจึงต้องออกมาหาเหตุผลเพื่อประกอบการปฎิเสธว่าเป็น
เรื่องโกหกอย่างลุกลี้ลุกลนตอบได้ง่ายๆครับว่า เพื่อรักษาชีวตของเจ้าหญิงเอาไว้ ไม่ให้มีการตามล้างตามล่าอีกต่อ
ไปแล้ว หากรัฐบาลเยอรมันไม่ทำอย่างนี้ รับรองได้ว่า แอนนาแอนเดอร์สัน จะไม่สามารถรักษาลมหายใจอยู่ดูโลก
ต่อมาอีกจนถึงปี 1984และเสียชีวิตด้วยโรคชราเมื่ออายุมากแล้ว และเหตุที่รัสเซียรีบออกมาปฎิเสธเสียงหลงเป็นพิรุธ
ก็เป็นประเด็นชวนสงสัยไม่น้อย เนื่องจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของรัสเซียจะไม่เสียเวลามาตอบรับหรือปฎิเสธในเรื่อง
เล็กๆน้อยๆอย่างนี้ให้เสียเวลาปฎิบัติราชการงานเมืองไปโดยใช่เหตุ แต่ทางการรัสเซียเวลานั้นก็ออกมาปฎิเสธอ้าง
เหตุผลสารพัดสารเพ เพื่อให้แอนนา แอนเดอร์สัน เป็นจอมโกหกบันลือโลกจนได้ ถึงกับทำผลพิสูจน์พันธุกรรมออก
มาแสดงต่อชาวโลกว่า แอนนา ไม่ใช่เจ้าหญิงอนาสตาเซีย แต่มีใครสักคนใหมที่กล้าออกมายืนยันว่าผลการพิสูจน์
นั้นไม่ได้ทำปลอมขึ้นเพื่อหวังจะให้ เจ้าหญิงอนาสตาเซีย ซึ่งแม้จะมีชีวิตอยู่จริงเป็นบุคคลที่ไม่มีตัวตน
รัสเซีย อาจกลัวว่า หากแอนนาเป็นเจ้าหญิง อนาสตาเซียตัวจริง ผู้คนก็จะให้ความเชื่อถือ และอาจมีการขยายความลับ
บางอย่างที่เจ้าหญิงรู้ แต่รัสเซียไม่ต้องการให้คนภายนอกรู้ก็ได้ เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่น่าจะเชื่อว่าเจ้าหญิงอนาสตาเซีย
พร้อมกับพระอนุชา เจ้าชายอเล็กซิส รอดพ้นจากการประหารก็คือ การที่ โอเล็ก ฟิลาตอฟ อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋า
เดินทางของสนามบินเลนินกราด ( ปัจจุบันเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ) ออกมากล่าวอ้างว่า นาย วิสลิลี พ่อของตนคือ เจ้าชาย
อเล็กซิส เนื่องจากพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า สามารถหลบหนีจากการสังหารมาได้และชาวนาเก็บไปเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ สำหรับ
รายนี้ไม่มีหลักฐานอื่นใดนอกจากคำบอกเล่า แต่ดูจากเค้าโครงหน้าแล้วน่าเชื่อถือ เนื่องจากคล้ายคลึง กับพระเจ้า
ซาร์ นิโคลาส ที่ 2 มาก รายที่สองมียศเป็นถึงนายพลเรือ ชื่อ นิโคไล ดาลสกี้ โรมานอฟฟ์ ชอบแต่งกายชุดนายพลเรือ
ของกองทัพเรือก่อนยุคปฎิวัติเป็นประจำ ก็ออกมาอ้างว่าเป็นลูกชายของ เจ้าชายอเล็กซิส แม้เค้าโครงหน้าจะไม่ค่อย
เหมือนใคร แต่ก็ใช้ ราชกุลโรมานอฟฟ์ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ราชการคนใดคัดค้าน
การที่พระศพหายไปสองศพจากทั้งหมด 7 ศพของเจ้านายในราชวงศ์ที่ถูกประหาร การที่ แอนนาแอนเดอร์สันที่มีเค้าโครงหน้าเหมือนเจ้าหญิงอนาสตาเซีย ประกาศระหว่างพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลว่าเป็นเจ้าหญิงที่หลบหนีออกมาได้พร้อมกับพระอนุชา และการที่มีชายสองคนออกมาอ้างว่า เป็นบุตรชายของเจ้าชายอเล็กซิส น่าเป็นหลักฐานตอกย้ำความเชื่อถือของคนทั่วไปให้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้นว่า เจ้าหญิงอนาสตาเซีย น่าจะหลบหนีออกจากสถานที่กักกันได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
แต่ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานพยานที่แน่นหนามากกว่านี้ เรื่องราวของเจ้าหญิงอนาสตาเซียเมื่อ 80 กว่าปีก่อน ก็จะเป็น
ความลับดำมืดอยู่ต่อไป ได้แต่หวังไว้ว่าเมื่อหน้าประวัติศาสตร์พลิกผ่านไป หลักฐานตางๆที่เฝ้าปกปิดกันไว้คงจะค่อยๆ
ปรากฎออกสู่สายตาโลก ความลับดำมืดจะค่อยสว่างขึ้นทีละน้อย สักวันหนึ่ง คงจะสามารถรวบรวมหลักฐานได้มากพอ
ซึ่งจะทำให้ได้ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนเป็นที่เชื่อถือว่า เจ้าหญิงอนาสตาเซีย พร้อมพระอนุชา อเล็กซิส รอดพ้นการปลงพระชนม์
ในป่าไซบีเรีย ออกมาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในโลกภายนอกจวบสิ้นอายุขัย
ป.ล.มีการพิสูจน์ออกมาแล้วหลังจากที่นางแอนนาเสียชีวิตได้มีการตรวจDNAพบว่าไม่ใช่เจ้าหญิงอนาสตาเซียและคนในราชวงศ์โรมานอฟ