คำอธิบายเรื่องพระเจ้าในมุมมองของผม
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 22, 2007 4:34 pm
ผมได้อธิบายเรื่องพระเจ้า เพื่อตอบกระทู้ในพันธุ์ทิพย์ ดังนี้
ผมไม่รู้นะครับว่า เชื่อพระเจ้าแล้วได้อะไร?
แต่ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้ เป็นเพราะพระองค์เองที่ทำให้ผมเป็นคนแบบนี้
หากจะถามว่าคนแบบนี้คืออะไร?
ผมคนหนึ่งแหละ ไม่ใช่เป็นคนดีวิเศษอะไร มีข้อบกพร่องมาตลอด
เหมือนใครละ? ก็เหมือนเด็ก พยายามจะเดิน เดินแล้วก็ล้ม
แล้วพ่อแม่เราก็บอกว่า อย่าร้องไห้นะ ลุกขึ้น แล้วเราก็ลุก แล้วก็เดินต่อไป
สักพัก เราก็ล้มอีก ล้มๆ ลุกๆ อยู่นั่นแหละ
ในขณะที่พ่อแม่ เห็นเรากำลังหัดเดิน กำลังหัดทำอะไรแต่ละอย่าง
เราก็จะเห็นว่า พ่อแม่ไม่ได้จับมือ หรือ จับขาเราเดิน
แต่ท่านให้กำลังใจ ท่านให้โอกาส ท่านปลอบใจ ท่านแนะนำ
พอเราคิดไม่ออก ใครละสอนเรา?
ก็คุณครูใช่ไหม ครูครับ ผมทำโจทย์เลขข้อนี้ไม่ได้ครับ ช่วยสอนผมหน่อย
คุณครูก็สอนเรา ... สอนให้เรารู้จักวิธีการแก้ไขปัญหา ...
แล้วหลังมา เราก็ทำได้ ...
พอเราเหงา เราหาใครอะ? เราก็หาเพื่อน หรือหาใครสักคนใช่ไหม
เพื่อนทำอะไรให้เราบ้าง ก็พวกเขาก็มานั่งคำบ่นของเรา มานั่งเล่นกับเรา
ไปเที่ยวกับเรา หรือทำต่อมิอะไรที่มีความสุข
และเมื่อเราอยากมีครอบครัว ใครละอยู่กับเรา?
ก็คู่ชีวิตเราใช่ไหม การมีคู่ชีวิต ต่างฝ่ายก็จะต้องแบ่งปันความทุกข์ ความสุข
ให้แก่กันและกัน มีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน อยู่กันจนวันตาย...
นำเรื่องที่ผมอุปมาอุปมัยนี้ และเปลี่ยนเป็นพระเจ้านะครับ
พระเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นเพื่อน เป็นครู เป็นคู่ชีวิต
ดังนั้น หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในชีวิต ให้เราเรียนรู้ได้เลยว่า
พระเจ้ากำลังใช้บทบาทใีคร กับเราในตอนนั้น?
เช่นตอนเราไม่มีที่พึ่ง เราตกงาน หาใครไม่ได้
พระเจ้าก็จะเป็นที่พึ่งเรา เหมือนพ่อแม่ ปลอบใจเรา เหมือนเพื่อน
และเช่นกัน ก็ยังเหมือนคุณครูที่แนะนำ (แนะในจิตใจของเรา)
หรือบางครั้ง ก็ผ่านบุคคลทั่วไป ผ่านคำพูด และการกระทำ
เมื่อตัวเราสามารถจับความรู้สึกที่เป็นคำแนะนำ หรือคำพูด หรือสิ่งที่ดลใจได้
เราก็จะตัดสินใจทำตาม และเมื่อเราทำตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะคลี่คลาย
นี่แหละคือพระเจ้า นี่แหละคนที่รู้จักพระเจ้าเขาทำกัน
พวกเขารู้ว่า ความสุขในโลกนี้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนมีพระเจ้า
แต่เขารู้ตัวดีว่า เขาอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าอยู่ในเขา
ไม่มีสิ่งที่เป็นทุกข์หรือสุข จะมาทำลายพันธะ แห่งความสัมพันธ์นี้ได้
...
แหละสิ่งนี้เองจะทำให้คุณเข้าใจว่า พระเจ้า คือใคร
แต่สำหรับผมแล้ว พระเจ้า ให้อะไรผมมาก
โดยเฉพาะในเวลาที่ไม่สามารถ พึ่ีงใครได้แล้ว...
คนมีพระเจ้า ไม่เชื่อในคำว่า "โชคดี" และ "โชคร้าย"
เพราะทุกอย่างสามารถ เปลี่ยนเป็นดี และร้ายได้
ทุกอย่างไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ไม่มีคำว่า "เป็นเพราะดวง"
แต่ทุกอย่างเป็นไปตามการกระทำของเราทุกๆ คน
แล้วแต่ว่า ในแต่ละครั้ง เรื่องบางเรื่องจะโคจรไปตกที่ใคร?
เช่น คุณครูต้องทำหน้าที่ของการเป็นครู ตรวจข้อสอบอย่างตรงไปตรงมา
แล้วครูก็ตรวจอย่างถูกต้อง
แต่นักเรียนเป็นผู้ได้รับผลนั้น คือ เหตุการณ์แห่งความสุข ที่เด็กคนหนึ่งได้
กับเหตุการณ์ที่นักเรียนอีกคนหนึ่งต้องร้องไห้ เพราะทำข้อสอบไม่ได้
ทุกอย่างไม่ได้บังเอิญ มันมีผู้กระทำ แล้วก็มีสิ่งที่ตามมาจากการกระทำนั้น ...
แล้วพระเจ้าอยู่ไหนละ? จากการกระทำนั้น
ตัวอย่างเช่น จากการสอบครั้งนี้ เด็กคนหนึ่งเรียนไม่เก่ง ได้วิงวอนขอพระเจ้า
ให้สอบให้ได้ ... เขาก็พยายามเต็มที่ แต่ก็ไม่เข้าใจ ... พระเจ้าสงสาร
เมตตาในความพยายามของเขา จึงดลบันดาลให้ คุณครู มีความรู้สึกปราบปลื้มใจ
ในเด็กนักเรียนคนนั้น จึงให้คะแนนเพิ่มขึ้น (ที่สามารถให้ได้) ด้วยความเสน่หา
พระองค์อาจจะบันดาลให้เด็กคนนั้น ได้ยินเสียงเพื่อน ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสอบกัน
และเสียงที่ได้ยินนั้น มีอยู่ในข้อสอบทั้งสิ้น? เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ (ที่เขาเรียกว่าบังเอิญหรือดวง) เราไม่สามารถกำหนดได้
เราไม่รู้่และไม่รู้จะเปลี่ยน หรือกำหนดอย่างไร แต่มีพระเจ้าเท่านั้น
ที่ปรับเปลี่ยนในสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้...
แต่ก็แน่นอน พระองค์ก็อยากจะสอนเราบ้างในบางครั้ง
ดังนั้น ใช่ว่า จะได้ผมดีเสมอตลอด ... เพราะองค์รู้ว่าเราขี้เกียจ
ไม่อ่านหนังสือ พระองค์จึงไม่ได้กรุณาใดๆ ปล่อยให้ได้คะแนนสอบตก
แต่ทรงบันดาลให้เด็กคนนั้น ตระหนักถึงความผิดครั้งนี้
และมีความทะเยอทะยาน ตั้งใจมากขึ้น และมุ่งมั่นที่จะสอบให้ได้
พระเจ้าเท่านั้น ที่กระทำแบบนี้ได้
ผมขออธิบายเพียงเท่านี้ละกันครับ ...ยาวไปละ
สามารถตามกระทู้่ดังกล่าวได้ที่ http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 49525.html
ผมไม่รู้นะครับว่า เชื่อพระเจ้าแล้วได้อะไร?
แต่ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้ เป็นเพราะพระองค์เองที่ทำให้ผมเป็นคนแบบนี้
หากจะถามว่าคนแบบนี้คืออะไร?
ผมคนหนึ่งแหละ ไม่ใช่เป็นคนดีวิเศษอะไร มีข้อบกพร่องมาตลอด
เหมือนใครละ? ก็เหมือนเด็ก พยายามจะเดิน เดินแล้วก็ล้ม
แล้วพ่อแม่เราก็บอกว่า อย่าร้องไห้นะ ลุกขึ้น แล้วเราก็ลุก แล้วก็เดินต่อไป
สักพัก เราก็ล้มอีก ล้มๆ ลุกๆ อยู่นั่นแหละ
ในขณะที่พ่อแม่ เห็นเรากำลังหัดเดิน กำลังหัดทำอะไรแต่ละอย่าง
เราก็จะเห็นว่า พ่อแม่ไม่ได้จับมือ หรือ จับขาเราเดิน
แต่ท่านให้กำลังใจ ท่านให้โอกาส ท่านปลอบใจ ท่านแนะนำ
พอเราคิดไม่ออก ใครละสอนเรา?
ก็คุณครูใช่ไหม ครูครับ ผมทำโจทย์เลขข้อนี้ไม่ได้ครับ ช่วยสอนผมหน่อย
คุณครูก็สอนเรา ... สอนให้เรารู้จักวิธีการแก้ไขปัญหา ...
แล้วหลังมา เราก็ทำได้ ...
พอเราเหงา เราหาใครอะ? เราก็หาเพื่อน หรือหาใครสักคนใช่ไหม
เพื่อนทำอะไรให้เราบ้าง ก็พวกเขาก็มานั่งคำบ่นของเรา มานั่งเล่นกับเรา
ไปเที่ยวกับเรา หรือทำต่อมิอะไรที่มีความสุข
และเมื่อเราอยากมีครอบครัว ใครละอยู่กับเรา?
ก็คู่ชีวิตเราใช่ไหม การมีคู่ชีวิต ต่างฝ่ายก็จะต้องแบ่งปันความทุกข์ ความสุข
ให้แก่กันและกัน มีก็กิน ไม่มีก็ไม่กิน อยู่กันจนวันตาย...
นำเรื่องที่ผมอุปมาอุปมัยนี้ และเปลี่ยนเป็นพระเจ้านะครับ
พระเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นเพื่อน เป็นครู เป็นคู่ชีวิต
ดังนั้น หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในชีวิต ให้เราเรียนรู้ได้เลยว่า
พระเจ้ากำลังใช้บทบาทใีคร กับเราในตอนนั้น?
เช่นตอนเราไม่มีที่พึ่ง เราตกงาน หาใครไม่ได้
พระเจ้าก็จะเป็นที่พึ่งเรา เหมือนพ่อแม่ ปลอบใจเรา เหมือนเพื่อน
และเช่นกัน ก็ยังเหมือนคุณครูที่แนะนำ (แนะในจิตใจของเรา)
หรือบางครั้ง ก็ผ่านบุคคลทั่วไป ผ่านคำพูด และการกระทำ
เมื่อตัวเราสามารถจับความรู้สึกที่เป็นคำแนะนำ หรือคำพูด หรือสิ่งที่ดลใจได้
เราก็จะตัดสินใจทำตาม และเมื่อเราทำตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นก็จะคลี่คลาย
นี่แหละคือพระเจ้า นี่แหละคนที่รู้จักพระเจ้าเขาทำกัน
พวกเขารู้ว่า ความสุขในโลกนี้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนมีพระเจ้า
แต่เขารู้ตัวดีว่า เขาอยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าอยู่ในเขา
ไม่มีสิ่งที่เป็นทุกข์หรือสุข จะมาทำลายพันธะ แห่งความสัมพันธ์นี้ได้
...
แหละสิ่งนี้เองจะทำให้คุณเข้าใจว่า พระเจ้า คือใคร
แต่สำหรับผมแล้ว พระเจ้า ให้อะไรผมมาก
โดยเฉพาะในเวลาที่ไม่สามารถ พึ่ีงใครได้แล้ว...
คนมีพระเจ้า ไม่เชื่อในคำว่า "โชคดี" และ "โชคร้าย"
เพราะทุกอย่างสามารถ เปลี่ยนเป็นดี และร้ายได้
ทุกอย่างไม่มีคำว่า "บังเอิญ" ไม่มีคำว่า "เป็นเพราะดวง"
แต่ทุกอย่างเป็นไปตามการกระทำของเราทุกๆ คน
แล้วแต่ว่า ในแต่ละครั้ง เรื่องบางเรื่องจะโคจรไปตกที่ใคร?
เช่น คุณครูต้องทำหน้าที่ของการเป็นครู ตรวจข้อสอบอย่างตรงไปตรงมา
แล้วครูก็ตรวจอย่างถูกต้อง
แต่นักเรียนเป็นผู้ได้รับผลนั้น คือ เหตุการณ์แห่งความสุข ที่เด็กคนหนึ่งได้
กับเหตุการณ์ที่นักเรียนอีกคนหนึ่งต้องร้องไห้ เพราะทำข้อสอบไม่ได้
ทุกอย่างไม่ได้บังเอิญ มันมีผู้กระทำ แล้วก็มีสิ่งที่ตามมาจากการกระทำนั้น ...
แล้วพระเจ้าอยู่ไหนละ? จากการกระทำนั้น
ตัวอย่างเช่น จากการสอบครั้งนี้ เด็กคนหนึ่งเรียนไม่เก่ง ได้วิงวอนขอพระเจ้า
ให้สอบให้ได้ ... เขาก็พยายามเต็มที่ แต่ก็ไม่เข้าใจ ... พระเจ้าสงสาร
เมตตาในความพยายามของเขา จึงดลบันดาลให้ คุณครู มีความรู้สึกปราบปลื้มใจ
ในเด็กนักเรียนคนนั้น จึงให้คะแนนเพิ่มขึ้น (ที่สามารถให้ได้) ด้วยความเสน่หา
พระองค์อาจจะบันดาลให้เด็กคนนั้น ได้ยินเสียงเพื่อน ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสอบกัน
และเสียงที่ได้ยินนั้น มีอยู่ในข้อสอบทั้งสิ้น? เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ (ที่เขาเรียกว่าบังเอิญหรือดวง) เราไม่สามารถกำหนดได้
เราไม่รู้่และไม่รู้จะเปลี่ยน หรือกำหนดอย่างไร แต่มีพระเจ้าเท่านั้น
ที่ปรับเปลี่ยนในสิ่งที่เราไม่เคยคิดว่าเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้...
แต่ก็แน่นอน พระองค์ก็อยากจะสอนเราบ้างในบางครั้ง
ดังนั้น ใช่ว่า จะได้ผมดีเสมอตลอด ... เพราะองค์รู้ว่าเราขี้เกียจ
ไม่อ่านหนังสือ พระองค์จึงไม่ได้กรุณาใดๆ ปล่อยให้ได้คะแนนสอบตก
แต่ทรงบันดาลให้เด็กคนนั้น ตระหนักถึงความผิดครั้งนี้
และมีความทะเยอทะยาน ตั้งใจมากขึ้น และมุ่งมั่นที่จะสอบให้ได้
พระเจ้าเท่านั้น ที่กระทำแบบนี้ได้
ผมขออธิบายเพียงเท่านี้ละกันครับ ...ยาวไปละ
สามารถตามกระทู้่ดังกล่าวได้ที่ http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 49525.html