การค้าเสรี กับคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักรคาทอลิค
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 23, 2007 5:47 am
การค้าเสรี กับคำสอนด้านสังคม
อัจฉรา สมแสงสรวง
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องด้านสังคม
ตลอดเวลาแห่งประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เราไม่สามารถขจัดคำที่เรียก อาณานิคม ออกไปได้ การล่าอาณานิคม หรือการเข้าครอบครอง และการตกเป็นเมืองขึ้น เป็นไปเพื่อจุดเป้าหมายทางศาสนา ทางทหาร การเมือง และทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเป้าหมายหลังสุดนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 60 เป็นต้นมา เมื่อโลกตะวันตกที่เลือกแนวพัฒนาประเทศแบบเสรีนิยม ได้ใช้นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจมาเปลี่ยนวัฒนธรรมการผลิตเพื่อกินเพื่อใช้ เป็นการผลิตเพื่อขายเพื่อผลกำไร และเพื่อผลประโยชน์กลับคืนสู่กลุ่มคนหยิบมือเดียว ซึ่งคนเหล่านี้มีโอกาสมากกว่าในระดับสังคม เข้าถึงแหล่งทุนและแหล่งเทคโนโลยีได้ง่ายกว่า การได้เปรียบทางการผลิตที่เหนือกว่านี้ทำให้ต่างก็เร่งผลิตกันมากมาย ไม่ช้าไม่นานก็เกิดการผลิตล้นตลาดจำเป็นต้องหาตลาดมารองรับผลผลิตส่วนเกิน และเมื่อแหล่งวัตถุดิบในประเทศของตนเริ่มร่อยหรอ จำเป็นต้องหาแหล่งวัตถุดิบในราคาถูก ซึ่งต้องมองออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศยากจนที่ยังมีแหล่งวัตถุดิบราคาถูก และเป็นตลาดรองรับผลผลิตส่วนเกิน ซึ่งกลไกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือแก้ไขภาวะล้นเกินของสินค้า และการดึงกลับซึ่งทรัพยากร รวมทั้งต้นทุนราคาถูกก็คือ การค้าระหว่างประเทศ และหากเกิดความขัดแย้งขึ้นมา ประเทศที่มีพละกำลังทางทุนนิยมสูงกว่า ก็จะใช้เงื่อนไขทางการเมืองหรือทางทหารเข้ามาแทรกแซง โดยอ้างว่ามาแก้ไขความขัดแย้ง และเพื่อดูแลผลประโยชน์ของคนในชาติที่เข้าไปอยู่ในประเทศคู่ขัดแย้ง ในที่สุดสถานภาพของประเทศคู่ค้านั้น ก็คืออาณานิคม ซึ่งบทเรียนอันขมขื่นที่ประเทศเคยตกเป็นอาณานิคมได้รับ คือ ถูกดูดกลืนทรัพยากรธรรมชาติ ถูกยัดเยียดให้ซื้อสินค้า รวมทั้งการจำต้องรับเอาวัฒนธรรมของประเทศที่เหนือกว่าเข้ามาด้วย ในขณะที่คนในชาติของตนเองต้องตกอยู่ในสภาพที่ยากจน และด้อยโอกาสทางสังคมในหลายๆ ด้าน
ข้อตกลงทางการค้าเสรีแบบทวิภาคี กำลังเดินย่ำอยู่บนเส้นทางประวัติศาสตร์นี้ ประเทศที่อ่อนแอกลายเป็นอาณานิคมของประเทศทุนนิยมที่เข้มแข็ง ซึ่งในปัจจุบันนี้ คือสหรัฐอเมริกา ที่เร่งให้ประเทศต่างๆ จัดทำข้อตกลงทางการค้าเสรีกับตน จากบทเรียนที่เม็กซิโก (1) ชิลี แคนาดา และอาร์เจนตินาได้รับ ก็เป็นตัวอย่างที่กำลังบอกกับประเทศอื่นๆ ที่กำลังเดินตามมา
(1) สหรัฐมองว่าเม็กซิโกเป็นแหล่งแรงงานราคาถูก นักลงทุนสหรัฐฯ จึงเข้าไปลงทุน โดยนำทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปด้วย คือเครื่องจักร เทคโนโลยีและวัตถุดิบ นอกจากนี้ มาตรฐานสิ่งแวดล้อมของเม็กซิโกต่ำ จึงเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ไม่สะอาดและไม่สามารถทำได้ในสหรัฐฯ ที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเคร่งครัด ผลกำไรที่เกิดขึ้น ก็สามารถส่งออกจากเม็กซิโกได้อย่างไม่จำกัด ในขณะที่ชาวเม็กซิกันได้ประโยชน์คือเป็นเพียงแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น นอกจากนี้ เกษตรกรเม็กซิกัน ไม่สามารถปลูกข้าวโพดสู้สหรัฐฯ ได้อีกต่อไป และหันมานำเข้าข้าวโพด 6.2 ล้านตัน ต่อปี
อัจฉรา สมแสงสรวง
ศูนย์การศึกษาต่อเนื่องด้านสังคม
ตลอดเวลาแห่งประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เราไม่สามารถขจัดคำที่เรียก อาณานิคม ออกไปได้ การล่าอาณานิคม หรือการเข้าครอบครอง และการตกเป็นเมืองขึ้น เป็นไปเพื่อจุดเป้าหมายทางศาสนา ทางทหาร การเมือง และทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเป้าหมายหลังสุดนี้ เริ่มขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 60 เป็นต้นมา เมื่อโลกตะวันตกที่เลือกแนวพัฒนาประเทศแบบเสรีนิยม ได้ใช้นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจมาเปลี่ยนวัฒนธรรมการผลิตเพื่อกินเพื่อใช้ เป็นการผลิตเพื่อขายเพื่อผลกำไร และเพื่อผลประโยชน์กลับคืนสู่กลุ่มคนหยิบมือเดียว ซึ่งคนเหล่านี้มีโอกาสมากกว่าในระดับสังคม เข้าถึงแหล่งทุนและแหล่งเทคโนโลยีได้ง่ายกว่า การได้เปรียบทางการผลิตที่เหนือกว่านี้ทำให้ต่างก็เร่งผลิตกันมากมาย ไม่ช้าไม่นานก็เกิดการผลิตล้นตลาดจำเป็นต้องหาตลาดมารองรับผลผลิตส่วนเกิน และเมื่อแหล่งวัตถุดิบในประเทศของตนเริ่มร่อยหรอ จำเป็นต้องหาแหล่งวัตถุดิบในราคาถูก ซึ่งต้องมองออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศยากจนที่ยังมีแหล่งวัตถุดิบราคาถูก และเป็นตลาดรองรับผลผลิตส่วนเกิน ซึ่งกลไกที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือแก้ไขภาวะล้นเกินของสินค้า และการดึงกลับซึ่งทรัพยากร รวมทั้งต้นทุนราคาถูกก็คือ การค้าระหว่างประเทศ และหากเกิดความขัดแย้งขึ้นมา ประเทศที่มีพละกำลังทางทุนนิยมสูงกว่า ก็จะใช้เงื่อนไขทางการเมืองหรือทางทหารเข้ามาแทรกแซง โดยอ้างว่ามาแก้ไขความขัดแย้ง และเพื่อดูแลผลประโยชน์ของคนในชาติที่เข้าไปอยู่ในประเทศคู่ขัดแย้ง ในที่สุดสถานภาพของประเทศคู่ค้านั้น ก็คืออาณานิคม ซึ่งบทเรียนอันขมขื่นที่ประเทศเคยตกเป็นอาณานิคมได้รับ คือ ถูกดูดกลืนทรัพยากรธรรมชาติ ถูกยัดเยียดให้ซื้อสินค้า รวมทั้งการจำต้องรับเอาวัฒนธรรมของประเทศที่เหนือกว่าเข้ามาด้วย ในขณะที่คนในชาติของตนเองต้องตกอยู่ในสภาพที่ยากจน และด้อยโอกาสทางสังคมในหลายๆ ด้าน
ข้อตกลงทางการค้าเสรีแบบทวิภาคี กำลังเดินย่ำอยู่บนเส้นทางประวัติศาสตร์นี้ ประเทศที่อ่อนแอกลายเป็นอาณานิคมของประเทศทุนนิยมที่เข้มแข็ง ซึ่งในปัจจุบันนี้ คือสหรัฐอเมริกา ที่เร่งให้ประเทศต่างๆ จัดทำข้อตกลงทางการค้าเสรีกับตน จากบทเรียนที่เม็กซิโก (1) ชิลี แคนาดา และอาร์เจนตินาได้รับ ก็เป็นตัวอย่างที่กำลังบอกกับประเทศอื่นๆ ที่กำลังเดินตามมา
(1) สหรัฐมองว่าเม็กซิโกเป็นแหล่งแรงงานราคาถูก นักลงทุนสหรัฐฯ จึงเข้าไปลงทุน โดยนำทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปด้วย คือเครื่องจักร เทคโนโลยีและวัตถุดิบ นอกจากนี้ มาตรฐานสิ่งแวดล้อมของเม็กซิโกต่ำ จึงเหมาะกับอุตสาหกรรมที่ไม่สะอาดและไม่สามารถทำได้ในสหรัฐฯ ที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมเคร่งครัด ผลกำไรที่เกิดขึ้น ก็สามารถส่งออกจากเม็กซิโกได้อย่างไม่จำกัด ในขณะที่ชาวเม็กซิกันได้ประโยชน์คือเป็นเพียงแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น นอกจากนี้ เกษตรกรเม็กซิกัน ไม่สามารถปลูกข้าวโพดสู้สหรัฐฯ ได้อีกต่อไป และหันมานำเข้าข้าวโพด 6.2 ล้านตัน ต่อปี