แบ่งปันประสบการณ์
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 25, 2007 2:48 pm
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าผมเขียนและสื่อความในใจของตัวเองได้ไม่เก่งนัก อย่างไรก็ตามผมหวังว่าข้อแบ่งปันนี้จะมีประโยชน์ต่อพี่น้องบ้างนะครับ
อาจจะมีหลายๆคนทราบแล้วว่าผมขับรถไม่เป็น ไม่ว่าจะรถอะไรทั้งนั้นจักรยาน รถเครื่อง รถยนต์ อะไรที่เขาเรียกว่ารถผมไม่เป็นเลย ก่อนแต่งงานผมก็อาศัยรถเมล์หรือไม่ก็เดินเอาเวลาจะไปไหน ไม่เคยรู้สึกว่าจะเดือดร้อนอะไร ทีนี้พอแต่งงานแฟนผมซึ่งเป็นยอดวีรสตรีเสมอในเรื่องการขับรถ ผมเลยเริ่มอยู่บ้านที่ห่างการคมนาคมมากขึ้น ไปไหนมาไหนที่ไกลๆได้มากขึ้น สมัยหนึ่งผมเคยนั่งรถจากรามเพื่อไปฉลองวัดที่วัดบางนกแขวก จังหวัดราชบุรี ผมต้องออกแต่เช้าตรู่เพื่อให้ทันมิซซาสิบโมงเช้า แต่ผมก็ไปได้โดยไม่รู้สึกเดือดร้อน แต่ปัจจุบันด้วยความที่คุ้นเคยกับการมีรถเองทำให้เริ่มรู้สึกลำบากกับการนั่งรถเมล์หรือต้องเดินอันเป็นที่มาของประสบการณ์ที่จะแบ่งปันในวันนี้
ตอนนี้ผมย้ายมาอยู่ที่ภูเก็ตแล้ว บ้านที่เราเช่าอยู่เป็นบ้านริมทะเลอยู่บริเวณสุดหัวแหลมของแหลมเขาขาด อยู่ในอำเภอเมือง นั่นแหละแต่ห่างจากตลาดประมาณสิบกว่ากิโลและไม่มีรถประจำทางผ่าน ต้องผ่านเนินเขาหลายเนินอยู่เหมือนกันกว่าจะถึงตัวบ้าน ช่วงนี้เป็นช่วงที่พ่อตาแม่ยายจะไปแสวงบุญกันที่ตะวันออกกลางแฟนเลยต้องกลับไปหาดใหญ่เพื่อจะรอส่งพ่อแม่ของเขา ผมเองไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแต่ต้องกลับมาก่อนเพื่อทำงาน(นั่งรถประจำทางจากหาดใหญ่ มาต่อรถเครื่องเข้าบ้าน) ชีวิตในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ยังปกติสุขดีอยู่เพราะว่าเดินไปที่ทำงานได้ใกล้ๆแค่สิบนาทีเศษๆ ทีนี้เรื่องของเรื่องก็อยู่ตรงที่ต้องมาวัดนี่สิครับ บ้านกับวัดถ้าเดินเอาคงต้องประมาณสามชั่วโมงละมัง เพราะกว่าจะข้ามเขามาต่อรถประจำทางหรือรถเครื่องข้างนอกได้อย่างน้อยๆก็ต้องชั่วโมงเศษๆ รอรถอีกอะไรอีก ผมยอมครับ ผมยอมเดินเอา กะว่าตื่นเช้าๆหน่อยแล้วรีบๆออกเดิน จากบ้านไปถึงถนนใหญ่มันมีทางใกล้กับทางใกล ทางใกล้กว่าเขามันจะชันและขึ้นๆลงๆมากกว่า แต่ทางใกลมันจะไม่ค่อยชันเท่าไหร่และขึ้นแล้วลงครั้งเดียวไม่ต้องขึ้นๆลงๆ ผมตัดสินใจเดินทางที่ชันน้อยกว่าด้วยคำนึงถึงสังขารของตัวเอง
เมื่อคืนก่อนนอนผมทำบทอ่านส่งให้พ่อเจ้าวัดเสร็จผมก็เลยสวดขอพระว่ายังไงเสียขอให้ได้ไปวัดแล้วกัน ใจก็รู้สึกประหลาดว่าไม่มีความกังวลใดๆเลย ตั้งใจแล้วว่าเอาเป็นว่าเดินไปก็ระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าตอนขึ้นเข้ากัลวาร์ไปแล้วกัน ผมก็นอนหลับไป นาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นตอนตีห้า แต่มารขี้เกียจเข้าขวางกว่าผมจะตื่นขึ้นได้ก็ตีห้าสี่สิบห้า ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว เทหัวอาหารให้แมว แล้วออกจากบ้านตอนหกโมงเศษๆ รู้สึกว่ามันสายแล้วแต่ฟ้ามันยังไม่สว่างดีนัก ผมรู้สึกว่าพระเจ้าให้กำลังใจผม พระจันทร์ของคืนข้างขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสองยังคงค้างลอยโด่งอยู่เหนือท้องฟ้าส่องแสงนวลๆลงบนน้ำทะเลสวยงามจับตา สิ่งสร้างของพระเจ้านี้ช่างงดงามเสียจริงหนอ เราคนบาปนี่ทำไมช่างคอยบ่นต่อพระเจ้าไม่รู้จบไม่รู้สิ้นนะ ไม่รู้จักดูสิ่งที่พระมอบให้เราบ้างว่าสวยงามขนาดไหน
ผมเดินตามชายหาดมาเรื่อยๆ พอดีเป็นช่วงที่น้ำเพิ่งลง ชายหาดจึงเดินยากสักหน่อยเพราะว่าทรายจะยุบตามน้ำหนักตัวซึ่งไม่ค่อยจะเบาของผม ผมเดินรำพึงมาเรื่อยๆแล้วก็เดินขึ้นเนินเพื่อจะเข้าสู่ถนนซึ่งตัดไปตามเขา เอาสิครับ มันเริ่มแล้ว เริ่มเห็นกัลวาร์แล้ว ร้อน เหงื่อแตก ไม่เป็นไรตั้งใจไว้แล้ว กะว่าถ้ามีรถผ่านมาก็จะโบกแหละ ขอต่อพระแล้วนี่ว่าขอให้ได้ไปเฝ้าพระองค์ในศีลมหาสนิทวันนี้ ขอแม่พระให้ช่วยวิงวอนให้แล้วด้วย ผมก็เดินของผมไปเรื่อยๆ จนถึงจุดชมวิวเขาขาดกะว่าจะนั่งพักสักแป๊บ บังเอิญเหลือเกินที่มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้าไปส่งคนแถวนั้น เขาไม่ได้ใส่เสื้อวินหรอก ผมไม่รู้ด้วยว่าเขาเป็นมอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง เขาขี่ผ่านผมไป ผมก็ไม่ได้นึกอะไร เดินต่อไป ผ่านไปประเดี๋ยวเดียวเขาย้อนกลับมาถามว่าจะไปไหน ผมตอบว่าจะไปในเมือง เขาบอกว่าไปไหม ผมก็บอกว่าไปสิ แล้วก็ขึ้นรถเครื่องรับจ้างคันนั้นเข้ามาในเมือง พี่น้อง ผมคิดถึงตอนที่ซีโมนชาวไซรีนมาช่วยแบกกางเขนของพระเยซูเลยจริงๆ มันจับใจขึ้นมาทันที เราเดินตัวเปล่ายังเหนื่อย แล้วพระองค์ละ ไหนจะแบกกางเขน ไหนจะเจ็บเนื้อเจ็บตัวจากการถูกทุบตี ใครหนอจะมาช่วยผ่อนพระองค์ได้ พระองค์จะชื่นใจแค่ไหนถ้ามนุษย์เป็นทุกข์ถึงบาปและหันไปหาพระองค์ รถเครื่องคันนั้นมารับผมกลางทาง พี่น้องหรือผมเองก็มองเหมือนกันนนะว่าพระมาช่วยให้เราได้ไปนมัสการพระองค์ได้สบายขึ้น แต่สำหรับผมในรอบนี้รถเครื่องคันนั้นเป็นเหมือนชีโมนชาวไซรีนที่มาช่วยแบกกางเขน แม้แต่ชั่วคราวแต่มันชื่นใจ ความชื่นใจในครั้งนี้อดไม่ได้ที่ผมจะขอบพระคุณพระองค์ในน้ำพระทัยอันดีของพระองค์ พระองค์ทรงแบกกางเขนและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่สำหรับเรากางเขนที่รับแบกอยู่นั้นพระองค์ทรงบรรเทาเสมอ "ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา" เราเหนื่อยๆพระองค์ก็ยื่นมือมาช่วยบรรเทาภาระของเราอย่างไม่ต้องเรียกร้อง ผมอยู่บ้านคนเดียว เจ้าของที่ดินมีน้ำใจทำแกงมาให้โดยไม่ได้เรียกร้องสองสามหนแล้ว นี่ไม่ใช่พระยื่นมือมาช่วยบรรเทาเราหรอกหรือ ช่วงนี้ผมมีปัญหาในชีวิตหลายอย่าง แต่เด็กๆก็ดีแฟนก็ดี บ้านที่เราได้อยู่ก็ดี สภาพแวดล้อมต่างๆก็ดี ช่วยบรรเทาใจให้ได้อย่างประหลาด บางทีด้วยนิสัยบาปทำให้ผมนึกว่า เฮ้อ เหนื่อยจังกับปัญหาต่างๆและดูเหมือนว่าคำภาวนาที่สวดๆไปจะยังไม่เห็นผล แต่ผมลืมมองรอบๆไป โอย อะไรดีๆตั้งเยอะที่พระบรรเทาใจผม ให้ผมทนต่อสู้ต่อ
ตอนนี้ผมกำลังนั่งโพสต์อยู่ในร้านเนต และกำลังคิดว่าเดี๋ยวจะกลับบ้านยังไง เพราะเหมารถมันก็แพง พี่น้องครับ คนเกาหลีทีที่ทำงานโทรเข้ามาว่าเดี๋ยวจะเข้ามาในเมืองตอนนี้อยู่ที่ไหนเดี๋ยวกลับพร้อมกัน
ถ้าพี่น้องกำลังเหนื่อยๆกับกางเขนที่แบกอยู่ลองมองหาซีโมนชาวไซรีนรอบๆตัวพี่น้องสิครับ มีเยอะนะ ไม่ใช่ไม่มี ข้อสำคัญต้องไม่ลืมว่าซีโมนไม่ได้ช่วยแบกกางเขนของพระเยซูเจ้าไปจนถึงสุดปลาย เขามาช่วยบรรเทาชั่วครู่แค่นั้น แต่เพียงชั่วครู่นั้นก็ทำให้เราชื่นใจและมีกำลังต่อไปจนถึงที่สุดได้
ที่สุดผมขอขอบคุณแม่พระด้วยอีกโสตหนึ่ง ที่ได้ช่วยวิงวอนพระเป็นเจ้าเพื่อเราทุกคนเสมอมา
วันนี้ที่วัดผมก็มีความสุขมากๆกับพิธีมิซซาครับ
ขอบคุณพระเจ้าครับ
อาจจะมีหลายๆคนทราบแล้วว่าผมขับรถไม่เป็น ไม่ว่าจะรถอะไรทั้งนั้นจักรยาน รถเครื่อง รถยนต์ อะไรที่เขาเรียกว่ารถผมไม่เป็นเลย ก่อนแต่งงานผมก็อาศัยรถเมล์หรือไม่ก็เดินเอาเวลาจะไปไหน ไม่เคยรู้สึกว่าจะเดือดร้อนอะไร ทีนี้พอแต่งงานแฟนผมซึ่งเป็นยอดวีรสตรีเสมอในเรื่องการขับรถ ผมเลยเริ่มอยู่บ้านที่ห่างการคมนาคมมากขึ้น ไปไหนมาไหนที่ไกลๆได้มากขึ้น สมัยหนึ่งผมเคยนั่งรถจากรามเพื่อไปฉลองวัดที่วัดบางนกแขวก จังหวัดราชบุรี ผมต้องออกแต่เช้าตรู่เพื่อให้ทันมิซซาสิบโมงเช้า แต่ผมก็ไปได้โดยไม่รู้สึกเดือดร้อน แต่ปัจจุบันด้วยความที่คุ้นเคยกับการมีรถเองทำให้เริ่มรู้สึกลำบากกับการนั่งรถเมล์หรือต้องเดินอันเป็นที่มาของประสบการณ์ที่จะแบ่งปันในวันนี้
ตอนนี้ผมย้ายมาอยู่ที่ภูเก็ตแล้ว บ้านที่เราเช่าอยู่เป็นบ้านริมทะเลอยู่บริเวณสุดหัวแหลมของแหลมเขาขาด อยู่ในอำเภอเมือง นั่นแหละแต่ห่างจากตลาดประมาณสิบกว่ากิโลและไม่มีรถประจำทางผ่าน ต้องผ่านเนินเขาหลายเนินอยู่เหมือนกันกว่าจะถึงตัวบ้าน ช่วงนี้เป็นช่วงที่พ่อตาแม่ยายจะไปแสวงบุญกันที่ตะวันออกกลางแฟนเลยต้องกลับไปหาดใหญ่เพื่อจะรอส่งพ่อแม่ของเขา ผมเองไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแต่ต้องกลับมาก่อนเพื่อทำงาน(นั่งรถประจำทางจากหาดใหญ่ มาต่อรถเครื่องเข้าบ้าน) ชีวิตในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ยังปกติสุขดีอยู่เพราะว่าเดินไปที่ทำงานได้ใกล้ๆแค่สิบนาทีเศษๆ ทีนี้เรื่องของเรื่องก็อยู่ตรงที่ต้องมาวัดนี่สิครับ บ้านกับวัดถ้าเดินเอาคงต้องประมาณสามชั่วโมงละมัง เพราะกว่าจะข้ามเขามาต่อรถประจำทางหรือรถเครื่องข้างนอกได้อย่างน้อยๆก็ต้องชั่วโมงเศษๆ รอรถอีกอะไรอีก ผมยอมครับ ผมยอมเดินเอา กะว่าตื่นเช้าๆหน่อยแล้วรีบๆออกเดิน จากบ้านไปถึงถนนใหญ่มันมีทางใกล้กับทางใกล ทางใกล้กว่าเขามันจะชันและขึ้นๆลงๆมากกว่า แต่ทางใกลมันจะไม่ค่อยชันเท่าไหร่และขึ้นแล้วลงครั้งเดียวไม่ต้องขึ้นๆลงๆ ผมตัดสินใจเดินทางที่ชันน้อยกว่าด้วยคำนึงถึงสังขารของตัวเอง
เมื่อคืนก่อนนอนผมทำบทอ่านส่งให้พ่อเจ้าวัดเสร็จผมก็เลยสวดขอพระว่ายังไงเสียขอให้ได้ไปวัดแล้วกัน ใจก็รู้สึกประหลาดว่าไม่มีความกังวลใดๆเลย ตั้งใจแล้วว่าเอาเป็นว่าเดินไปก็ระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้าตอนขึ้นเข้ากัลวาร์ไปแล้วกัน ผมก็นอนหลับไป นาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นตอนตีห้า แต่มารขี้เกียจเข้าขวางกว่าผมจะตื่นขึ้นได้ก็ตีห้าสี่สิบห้า ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว เทหัวอาหารให้แมว แล้วออกจากบ้านตอนหกโมงเศษๆ รู้สึกว่ามันสายแล้วแต่ฟ้ามันยังไม่สว่างดีนัก ผมรู้สึกว่าพระเจ้าให้กำลังใจผม พระจันทร์ของคืนข้างขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสองยังคงค้างลอยโด่งอยู่เหนือท้องฟ้าส่องแสงนวลๆลงบนน้ำทะเลสวยงามจับตา สิ่งสร้างของพระเจ้านี้ช่างงดงามเสียจริงหนอ เราคนบาปนี่ทำไมช่างคอยบ่นต่อพระเจ้าไม่รู้จบไม่รู้สิ้นนะ ไม่รู้จักดูสิ่งที่พระมอบให้เราบ้างว่าสวยงามขนาดไหน
ผมเดินตามชายหาดมาเรื่อยๆ พอดีเป็นช่วงที่น้ำเพิ่งลง ชายหาดจึงเดินยากสักหน่อยเพราะว่าทรายจะยุบตามน้ำหนักตัวซึ่งไม่ค่อยจะเบาของผม ผมเดินรำพึงมาเรื่อยๆแล้วก็เดินขึ้นเนินเพื่อจะเข้าสู่ถนนซึ่งตัดไปตามเขา เอาสิครับ มันเริ่มแล้ว เริ่มเห็นกัลวาร์แล้ว ร้อน เหงื่อแตก ไม่เป็นไรตั้งใจไว้แล้ว กะว่าถ้ามีรถผ่านมาก็จะโบกแหละ ขอต่อพระแล้วนี่ว่าขอให้ได้ไปเฝ้าพระองค์ในศีลมหาสนิทวันนี้ ขอแม่พระให้ช่วยวิงวอนให้แล้วด้วย ผมก็เดินของผมไปเรื่อยๆ จนถึงจุดชมวิวเขาขาดกะว่าจะนั่งพักสักแป๊บ บังเอิญเหลือเกินที่มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้าไปส่งคนแถวนั้น เขาไม่ได้ใส่เสื้อวินหรอก ผมไม่รู้ด้วยว่าเขาเป็นมอร์เตอร์ไซด์รับจ้าง เขาขี่ผ่านผมไป ผมก็ไม่ได้นึกอะไร เดินต่อไป ผ่านไปประเดี๋ยวเดียวเขาย้อนกลับมาถามว่าจะไปไหน ผมตอบว่าจะไปในเมือง เขาบอกว่าไปไหม ผมก็บอกว่าไปสิ แล้วก็ขึ้นรถเครื่องรับจ้างคันนั้นเข้ามาในเมือง พี่น้อง ผมคิดถึงตอนที่ซีโมนชาวไซรีนมาช่วยแบกกางเขนของพระเยซูเลยจริงๆ มันจับใจขึ้นมาทันที เราเดินตัวเปล่ายังเหนื่อย แล้วพระองค์ละ ไหนจะแบกกางเขน ไหนจะเจ็บเนื้อเจ็บตัวจากการถูกทุบตี ใครหนอจะมาช่วยผ่อนพระองค์ได้ พระองค์จะชื่นใจแค่ไหนถ้ามนุษย์เป็นทุกข์ถึงบาปและหันไปหาพระองค์ รถเครื่องคันนั้นมารับผมกลางทาง พี่น้องหรือผมเองก็มองเหมือนกันนนะว่าพระมาช่วยให้เราได้ไปนมัสการพระองค์ได้สบายขึ้น แต่สำหรับผมในรอบนี้รถเครื่องคันนั้นเป็นเหมือนชีโมนชาวไซรีนที่มาช่วยแบกกางเขน แม้แต่ชั่วคราวแต่มันชื่นใจ ความชื่นใจในครั้งนี้อดไม่ได้ที่ผมจะขอบพระคุณพระองค์ในน้ำพระทัยอันดีของพระองค์ พระองค์ทรงแบกกางเขนและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่สำหรับเรากางเขนที่รับแบกอยู่นั้นพระองค์ทรงบรรเทาเสมอ "ผู้ที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา" เราเหนื่อยๆพระองค์ก็ยื่นมือมาช่วยบรรเทาภาระของเราอย่างไม่ต้องเรียกร้อง ผมอยู่บ้านคนเดียว เจ้าของที่ดินมีน้ำใจทำแกงมาให้โดยไม่ได้เรียกร้องสองสามหนแล้ว นี่ไม่ใช่พระยื่นมือมาช่วยบรรเทาเราหรอกหรือ ช่วงนี้ผมมีปัญหาในชีวิตหลายอย่าง แต่เด็กๆก็ดีแฟนก็ดี บ้านที่เราได้อยู่ก็ดี สภาพแวดล้อมต่างๆก็ดี ช่วยบรรเทาใจให้ได้อย่างประหลาด บางทีด้วยนิสัยบาปทำให้ผมนึกว่า เฮ้อ เหนื่อยจังกับปัญหาต่างๆและดูเหมือนว่าคำภาวนาที่สวดๆไปจะยังไม่เห็นผล แต่ผมลืมมองรอบๆไป โอย อะไรดีๆตั้งเยอะที่พระบรรเทาใจผม ให้ผมทนต่อสู้ต่อ
ตอนนี้ผมกำลังนั่งโพสต์อยู่ในร้านเนต และกำลังคิดว่าเดี๋ยวจะกลับบ้านยังไง เพราะเหมารถมันก็แพง พี่น้องครับ คนเกาหลีทีที่ทำงานโทรเข้ามาว่าเดี๋ยวจะเข้ามาในเมืองตอนนี้อยู่ที่ไหนเดี๋ยวกลับพร้อมกัน
ถ้าพี่น้องกำลังเหนื่อยๆกับกางเขนที่แบกอยู่ลองมองหาซีโมนชาวไซรีนรอบๆตัวพี่น้องสิครับ มีเยอะนะ ไม่ใช่ไม่มี ข้อสำคัญต้องไม่ลืมว่าซีโมนไม่ได้ช่วยแบกกางเขนของพระเยซูเจ้าไปจนถึงสุดปลาย เขามาช่วยบรรเทาชั่วครู่แค่นั้น แต่เพียงชั่วครู่นั้นก็ทำให้เราชื่นใจและมีกำลังต่อไปจนถึงที่สุดได้
ที่สุดผมขอขอบคุณแม่พระด้วยอีกโสตหนึ่ง ที่ได้ช่วยวิงวอนพระเป็นเจ้าเพื่อเราทุกคนเสมอมา
วันนี้ที่วัดผมก็มีความสุขมากๆกับพิธีมิซซาครับ
ขอบคุณพระเจ้าครับ