ข้อเท็จจริงเรื่องการกลับคืนชีพ................

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ธ.ค. 24, 2007 12:35 am

ผมทำกระทู้นี้ขึ้น ตามการทรงนำของพระจิตเจ้า และนิมิตที่พระเจ้าทรงเรียกให้รับใช้ เป็นการแบ่งปันความเข้าใจ และการไขแสดงของพระจิตเจ้าต่อบรรดามวลหมู่คริสตชน ที่สนใจข้อคำสอนในเรื่องธรรมล้ำลึกแห่งการกลับคืนชีพ อันเป็นสุดยอดข้อความเชื่อของคริสตศาสนา

สิ่งใดเกิดประโยชน์ และเสริมสร้าง ขอพระนามพระเจ้าได้รับการสรรเสริญ สิ่งใดบกพร่อง หรือผิดพลาดไป มาจากความบกพร่องอ่อนแอของเครื่องมือ ที่อาจจะคุณภาพต่ำเกินไป ในการรับใช้เรื่องยิ่งใหญ่ ขอให้ทุกท่านช่วยภาวนาวิงวอนให้พระเจ้าทรงเมตตาอภัย และขอให้ทรงประทานพระหรรษทานให้สามารถรับใช้ได้ดีขึ้นในอนาคตด้วย


รูปภาพ

III. บรรดาผู้ตายจะกลับคืนชีพ
1คร 15:1-34  ข้อเท็จจริงเรื่องการกลับคืนชีพ


15  (1)พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำนึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้  (2)ท่านกำลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์

-นักบุญเปาโล ได้ยืนยันหลักข้อเชื่ออันหนึ่งที่จะทำให้ "รอดพ้น" โดยท่านได้เรียกสิ่งนี้ว่า เป็น ธรรมประเพณี เนื่องจากขณะที่ท่านพูดนั้น พระวรสารทั้ง4ยังไม่เกิดขึ้น พูดง่ายๆคือพระคัมภีร์พระธรรมใหม่ยังไม่มีเลย เพราะฉะนั้น นี่คือการสอนต่อๆกันมาด้วยปากต่อปาก ของบรรดาอัครสาวก ชี้ให้เห็นว่า ธรรมประเพณี คือความจริงที่เป็นข้อความเชื่อในพระศาสนจักรโดยไม่จำเป็นต้องเป็นพระคัมภีร์ก่อนถึงจะเชื่อได้ เพราะความจริงคือความจริง เช่นธรรมประเพณี เรื่องชื่อของตา-ยายพระเยซู ชื่อคนเขียนพระวารสารฉบับต่างๆ มรณะกรรมของบรรดาอัครสาวกแต่ละคน และเรื่องการขึ้นสวรรค์ของแม่พระ ฯลฯ

(3)ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำคัญที่สุดให้กับท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์  (4)และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระ ชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์

-ท่านย้ำตั้งแต่สมัยนั้นว่า นี่เป็นธรรมประเพณีที่สำคัญที่สุด ที่ท่านได้รับมาจากอัครสาวก โดยท่านอ้างอิงว่า พระธรรมเก่าทำนายไว้แล้วว่า พระผู้ไถ่ต้องสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปเรา และกลับคืนชีพในวันที่3 ต่อมาประโยคเหล่านี้ได้ถูกนำมาบรรจุในบท "ข้าพเจ้าเชื่อ" หรือ หลักข้อเชื่อที่คริสตชนทุกคนยึดเป็นหลักข้อเชื่อสากล

(5)และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบสองคน  (6)หลังจากนั้นทรงแสดงองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว (7)ต่อมาพระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน (8)ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์กับข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วย

-ท่านได้อ้างอิงบุคคลสำคัญ ที่เป็นพยานการกลับคืนชีพของพระเยซู คือบรรดาอัครสาวก และพยานคนอื่นๆอีกกว่า500คน และท่านได้ถือว่า การที่พระเยซูปรากฎแก่ท่านโดยการประจักษ์ที่เมืองดามัสกัส จนตกม้าลงมาตาบอด ก็คือการสำแดงองค์ของพระเยซูเจ้าที่ได้กลับคืนชีพแล้วด้วยเช่นกัน ดังนั้น ท่านกำลังยืนยันว่าสิ่งนี้คือความจริงโดยประจักษ์พยานจำนวนมาก

รูปภาพ

(9)ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็น อัครสาวก เพราะข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้า  (10)แต่ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ด้วยเดชะพระหรรษทานของพระเจ้า และพระหรรษทานของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้ามิได้ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าทำงานหนักกว่าคนอื่น แต่มิใช่ข้าพเจ้า เป็นเพราะพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำงาน  (11)เพราะฉะนั้น ทั้งข้าพเจ้าและเขาเหล่านั้นเทศน์สอนเช่นไร ท่านทั้งหลายก็จงเชื่อเช่นนั้น

-ท่านเปรียบตัวเองว่าเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด และเป็นผู้น้อย แสดงการถ่อมตนเมื่อเทียบกับบรรดาอัครสาวกที่ได้อยู่กับพระเยซูโดยตรง และยังแสดงความถ่อมต่อไปว่า ทุกอย่างที่ท่านทำมากจากพระหรรษทานของพระเจ้า ไม่ได้กลับใจได้เอง ซึ่งยืนยันเข้าไปอีกว่า การที่อยู่ๆท่านกลับใจจากคนเบียดเบียนมาเป็นคนประกาศพระเยซูอย่างไม่น่าเชื่อ ก็เพราะโดยการได้รับการเปิดเผยถึงการอัศจรรย์คือพระเยซูแสดงตนว่ายังดำรงอยู่ ไม่ใช่โดยการสำนึกผิดคิดได้เอง  ท่านยังถ่อมต่อไปว่าทุกอย่างที่ท่านทำมาจากพระเจ้า และสิ่งที่ท่านสอนกับบรรดาอัครสาวกสอนไม่ได้ต่างกันเลย

(12)ถ้าเราประกาศว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว เพราะเหตุใดบางท่านจึงพูดว่าบรรดาผู้ตายจะไม่กลับคืนชีพเล่า  (13)ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นเดียวกัน (14)ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน  (15)ยิ่งกว่านั้น เรากลายเป็นพยานเท็จถึงพระเจ้าเพราะเรายืนยันว่าพระเจ้าทรงปลุกพระคริสตเจ้าให้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ซึ่งพระองค์มิได้ทรงกระทำ ถ้าบรรดาผู้ตายไม่กลับคืนชีพ (16)ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วย (17)ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ความเชื่อของท่านก็ไร้ความหมายและท่านก็ยังคงอยู่ในบาป (18)เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ล่วงหลับไปในพระคริสตเจ้าก็พินาศไปด้วย  (19)ถ้าเรามีความหวังในพระคริสตเจ้าเพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นมนุษย์ที่น่าสงสารที่สุด

-ท่านสรุปว่าถ้าพระเยซูไม่ได้กลับคืนชีพ ความหวังที่เราจะกลับคืนชีพก็ไม่มีด้วย และท่านเองก็เท่ากับเป็นคนโกหกตอแหล ที่สอนๆมาก็เท่ากับเรื่องโกหกทั้งหมด และนั่นเท่ากับว่าทุกอ่านที่เราเรียนรู้จากท่านก็เป็นการเรียนรู้จากคนโกหกตอแหล ดังนั้นใครที่คิดว่าตัวเองเรียนรู้เรื่องธรรมะ หรือเรื่องการรอดพ้น จากคนโกหกก็เตรียมพินาศหมดกันได้ เพราะถูกหลอกทั้งเพ และท่านยังย้ำว่า ถ้าใครเห็นพระเยซูมีค่าแค่เรื่องคำสอนที่ใช้ดำรงชีวิตเนื้อหนังเท่านั้น ก็น่าสงสารเป็นที่สุด เพราะพระองค์ให้ได้ถึงความรอดในชีวิตหน้า ดังนั้นคนที่คิดเช่นนี้ เปรียบไปก็เหมือนคนที่ เข้าไปหากษัตริย์ที่ทรงมีอำนาจนิรโทษกรรมได้ และเมื่อกษัตริย์สัญญาว่าจะให้ทุกอย่างที่ทรงประทานให้ได้ แทนที่จะขอประทานอภัยโทษ หรือขออิสระภาพ กลับขอแค่อาหาร3มื้อในคุก แล้วรอวันประหารต่อไป คนที่ไม่รู้คุณค่าและอำนาจของกษัตริย์เช่นนี้ ก็พลาดโอกาสรอด หรือหลุดพ้นจากโทษบาปอย่างน่าสงสารที่สุด

รูปภาพ

(20) ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว  (21)ความตายมาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันใด การกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น  (22)มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น (23)แต่จะเป็นไปตามลำดับของแต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา

-ในบทจดหมายเดิม นักบุญเปาโลอธิบายต่อว่า อาดัมทำบาป สิ่งที่อาดัมนำเข้ามาในโลกคือความตาย และไม่ใช่ความตายทางเนื้อหนังเท่านั้น อาดัมนำความตายแท้ๆเข้ามา คือความตายนิรันดร์ในนรกด้วย หลังจากนั้นมนุษย์ทุกคนติดบ่วงของอาดัม ในการเสียความสถานภาพอันนิรันดร์กับพระเจ้า แต่พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนชีพโดยเอาชนะความตายที่อาดัมนำมา และทรงคืนสิทธิ์ ในการกลับเป็นบุตรพระเจ้าให้เรา ยังผลให้เรา มีสิทธิ์รับสภาพอันนิรันดร์นี้ด้วยเช่นกัน โดยทางการเชื่อในพระองค์

(24)แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานั้นพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำลายการปกครอง อำนาจและอานุภาพทั้งหลาย (25)เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์  (26)ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์  (27)เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่า ทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำนาจ ก็เป็นที่แน่ชัดว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 24, 2007 1:19 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ธ.ค. 24, 2007 12:51 am

1คร 15:35-53  ผู้ตายจะกลับคืนชีพอย่างไร

(35)บางคนอาจถามว่า คนตายจะกลับคืนชีพได้อย่างไร เขาจะกลับมีร่างกายแบบใด  (36)ช่างโง่จริง เมล็ดที่ท่านหว่านลงไปนั้นจะมีชีวิตใหม่ได้อย่างไรถ้าไม่ตายเสียก่อน  (37)เมล็ดข้าวสาลีหรือเมล็ดพืชอย่างอื่นที่ท่านหว่านลงไปนั้นเป็นเพียงเมล็ดมิใช่ลำต้นที่จะงอกขึ้น  (38)พระเจ้าประทานลำต้นแบบต่าง ๆ ตามพระประสงค์ให้กับเมล็ดเมล็ดแต่ละชนิดจึงมีลำต้นตามชนิดของมัน (39)ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน ธรรมชาติมนุษย์เป็นอย่างหนึ่ง ธรรมชาติสัตว์เป็นอีกอย่างหนึ่ง ธรรมชาตินกเป็นอย่างหนึ่ง ธรรมชาติปลาเป็นอีกอย่างหนึ่ง  (40)มีวัตถุบนท้องฟ้าและวัตถุบนแผ่นดิน วัตถุบนท้องฟ้าและวัตถุบนแผ่นดินมีความสุกใสแตกต่างกัน  (41)ความสุกใสของดวงอาทิตย์เป็นแบบหนึ่ง ความสุกใสของดวงจันทร์เป็นอีกแบบหนึ่ง และความสุกใสของดวงดาวก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ดวงดาวทั้งหลายมีความสุกใสแตกต่างกัน  (42)การกลับคืนชีพของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน สิ่งที่หว่านลงไปนั้นเน่าเปื่อย แต่สิ่งที่กลับคืนชีพนั้นไม่เน่าเปื่อยอีก  (43)สิ่งที่หว่านลงไปนั้นไม่มีเกียรติ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพนั้นมีความรุ่งเรือง สิ่งที่หว่านลงไปนั้นอ่อนแอ  แต่สิ่งที่กลับคืนชีพนั้นมีอานุภาพ  (44)สิ่งที่หว่านลงไปเป็นร่างกายตามธรรมชาติ แต่สิ่งที่กลับคืนชีพเป็นร่างกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต ถ้ามีร่างกายตามธรรมชาติ ก็มีร่างกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิตด้วย  (45)ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า อาดัม มนุษย์คนแรกถูกสร้างขึ้นเป็นสิ่งมีชีวิต อาดัมคนสุดท้ายเป็นจิตซึ่งประทานชีวิต  (46)สิ่งที่มาก่อนมิใช่กายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต แต่เป็นกายตามธรรมชาติ ภายหลังจึงเป็นกายที่มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต  (47)มนุษย์คนแรกมาจากดิน เป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองมาจากสวรรค์  (48)มนุษย์ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินคนอื่น ๆ ก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์คนอื่น ๆ ก็เป็นอย่างนั้น  (49)เราเกิดมามีลักษณะเหมือนคนฝ่ายโลกฉันใด เราก็จะมีลักษณะเหมือนคนจากสวรรค์ฉันนั้น

-ท่านได้สรุปถึงการกลับคืนชีพ การเชื่อมต่อของร่างกายเดิมกับร่างกายใหม่เหมือน พืชที่งอกออกมาจากเมล็ด มันคือต้นเดียวกันในสภาพที่ต่างกัน ดังนั้น จึงไม่ใช่แนวของการไปเกิดใหม่เป็นคนใหม่ของแนวคิดเวียนว่ายตายเกิด

ท่านยังระบุไว้ด้วยว่า พระเจ้าสร้างทุกสิ่งมาต่างกัน สร้างหมากับคนมาต่างกัน พืชสัตว์ต่างกัน ซึ่งสิ่งนี้น่าคิดมาก เพราะมันพลอยปฎิเสธแนวคิดการกลับชาติไปเกิดใหม่เป็นพืชหรือสัตว์ เพราะมันถูกสร้างมาต่างกันทั้งภายนอกและจิตวิญญาณ การที่จะบอกว่ามนุษย์ที่รู้จักคิดรู้จักผิดเวลาเวลาผิดประเวณี และเป็นบาปถ้าทำ เมื่อไปเกิดเป็นหมาผสมพันธุ์ไม่เลือกที่ ไม่เลือกว่าพ่อแม่หรือลูกตัวเอง คราวนี้ไม่รู้สึกอะไรเลย และไม่เป็นบาปแล้ว เท่ากับว่ากฎนั้นใช้กับวิญญาณเดียวกันครั้งหนึ่งว่าผิด อีกครั้งว่าไม่ แล้วดังนั้น บาปนั้นบาปติดวิญญาณหรือติดที่สถานภาพภายนอกคือกายที่เป็นหมา หรือกายที่เป็นคนเท่านั้นกันแน่ พราะถ้าจิตวิญญาณนั้นสูงส่ง และผลบาปลงโทษที่วิญญาณไม่ใช่ร่างกาย(ที่มีสภาพเป็นสัตว์บ้าง คนบ้าง) ก็ควรมีมาตรฐานของกฏเดียวกัน 

ดังนั้นชาวยิวจึงมีความคิดว่ากฎที่ใช้ตัดสินวิญญาณมนุษย์ไม่ใช่กฎมาตรฐานเดียวกับที่ตัดสินสัตว์ ดังนั้น สัตว์จึงไม่ได้มีจิตวิญาณแบบเดียวกับมนุษย์แน่นอน มิฉะนั้นต้องใช้กฏตัดสินความดีความชั่วเดียวกัน ตัวน.เปาโลได้ระบุเรื่องนี้ ก็เพื่อยืนยันว่า อย่าได้คิดว่าวิญญาณของเรา เหมือนวิญญาณของสัตว์ชนิดอื่นๆในโลก ที่เมื่อตายแล้วกลับไปหาพระผู้สร้างเท่านั้น มันจึงแค่ กิน อึ ผสมพันธุ์ ก็พอ คิดแยกแยะทำดีทำชั่วไม่เป็น มนุษย์มีจิตวิญญาณที่ถูกสร้างมาอีกแบบซึ่งสูงกว่า จึงถูกตัดสินด้วยกฎอีกแบบที่สูงกว่า มีจิตใจ มีรัก มีมโนธรรม ที่สัตว์ไม่มี ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีวิญญาณแบบเดียวกัน และดังนั้นไม่ควรหวังแค่เท่าสัตว์ที่คิดแค่ หากินมีความสุขในชีวิตนี้ไปวันๆ

การกลับคืนชีพนี้จึงเป็นอภิสิทธิ์เฉพาะกับวิญญาณมนุษย์เท่านั้น นั่นคือทำไมพระเยซูซึ่งเป็นพระเจ้าจึงต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์และตายและกลับคืนชีพในฐานะมนุษย์ ก็เพื่อนำการกลับคืนชีพนี้เข้ามาให้มนุษย์ เพราะความเป็นอมตะ เป็นคุณสมบัติของทูตสวรรค์และพระเจ้า และจิตวิญญาณ แต่เมื่อจะนำร่างกายใหม่ที่กลับคืนชีพแล้วให้เป็นอมตะ ไม่ใช่สสารอีกต่อไป ก็ต้องทำให้เกิดขึ้นในฐานะมนุษย์ด้วย

กล่าวโดยสรุป ร่างกายที่กลับคืนชีพของเราจะเป็นเหมือนพระเยซูตอนกลับคืนชีพ คือ
1.สดใสรุ่งโรจน์
2.มีอานุภาพ อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของโลก เช่นพระเยซูเดินทะลุกำแพงเข้ามา
3.เหมือนชาวสวรรค์
4.ไม่เน่าเปื่อยไม่มีความเสื่อม
5.ไม่มีการตายอีก ดำรงอยู่เป็นนิรันดร์
6.ไม่มีความต้องการประสาโลก เช่นความต้องการทางเพศ
7.มีพระจิตเจ้าเป็นชีวิต


รูปภาพ


(50)พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอบอกว่า มนุษย์ตามธรรมชาติรับพระอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดกไม่ได้ สิ่งที่เน่าเปื่อยได้รับสภาพไม่เน่าเปื่อยเป็นมรดกไม่ได้    (51)โปรดฟังเถิด ข้าพเจ้ามีธรรมล้ำลึกข้อหนึ่งจะบอกท่าน เราทุกคนจะไม่ตาย แต่เราทุกคนจะเปลี่ยนแปลง  (52)ทันทีทันใด ชั่วพริบตา เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เสียงแตรจะดังขึ้น แล้วผู้ตายจะกลับคืนชีพอย่างไม่เน่าเปื่อย และเราจะเปลี่ยนแปลง (53)เพราะธรรมชาติที่เน่าเปื่อยได้ของเรานี้ จะต้องสวมใส่ความไม่เน่าเปื่อย และธรรมชาติที่ต้องตายนี้ จะต้องสวมใส่ความไม่รู้จักตาย

---เหตุการณ์นี้ แยกเป็น2กลุ่ม

กลุ่มแรก คนที่ตายไปแล้ว
คนที่ตายไปแล้วจะกลับคืนชีพขึ้นมา เนื้อหนังที่อาจไม่หลงเหลืออยู่แล้ว พระเจ้าก็รวบรวมกลับมาได้ เป็นกลุ่มที่ตายแล้วกลับมีชีวิต

กลุ่มที่สอง คนที่มีชีวิตอยู่
คนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น จะเกิดการมีชีวิตใหม่ซ้อนทับขึ้นมา คือร่างกายเดิมถูกกลืนโดยร่างกายใหม่โดยไม่ต้องตายก่อน แต่เปลี่ยนเป็นร่างใหม่เลย
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 24, 2007 1:25 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ธ.ค. 24, 2007 12:58 am

รูปภาพ

1คร 15:54-58 บทเพลงฉลองชัย
(54)เมื่อสิ่งที่เน่าเปื่อยนี้จะสวมใส่ความไม่เน่าเปื่อย และเมื่อธรรมชาติที่ต้องตายนี้จะสวมใส่ความไม่รู้จักตายแล้ว ก็จะเป็นจริงตามคำที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “ความตายถูกชัยชนะกลืน (55)ความตายเอ๋ย ชัยชนะของเจ้าอยู่ไหน ความตายเอ๋ย พิษของเจ้าอยู่ไหน” (56)พิษของความตายคือบาป ธรรมบัญญัติคือ สิ่งแสดงฤทธิ์อำนาจของบาป (57)ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะให้กับเราเดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา (58)พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงมั่นคง อย่าหวั่นไหว จงออกแรงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้มากยิ่งขึ้นเสมอ ท่านรู้อยู่แล้วว่า งานหนักของท่านไม่สูญเปล่าสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

-เมื่อการกลับคืนชีพของเราทุกคนมาถึง ชัยชนะที่พระคริสตเจาประทานให้ก็สมบูรณ์ สุดท้ายท่านได้ให้กำลังใจ มวลคริสตชน ที่ทำงานรับใช้พระเจ้า และประกาศความเชื่อที่ถูกต้อง ว่าจงตั้งใจทำงานให้มากยิ่งๆขึ้น แม้จะมีอุปสรรคหรือคนที่ต่อต้าน ก็อย่าหวั่น เพราะทุกสิ่งที่ได้ลงทุนลงแรงทำไปไม่มีอะไรสูญเปล่าในสายพระเนตรพระเจ้า

------------------------------------------------------
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านและขอพระจิตเจ้านำทาง
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ธ.ค. 24, 2007 1:11 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~แม่มา~
โพสต์: 456
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 10, 2007 1:48 pm

อังคาร ธ.ค. 25, 2007 11:59 am

::017::
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ธ.ค. 29, 2007 1:13 am

สุดยอดค่ะ
เห็นด้วยทุกประการ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พฤหัสฯ. ม.ค. 03, 2008 1:17 am

...พระองค์ทรงพระสิริรุ่งโรจน์กับพระจิตเจ้าตลอดนิรันดร

อาเมน อาเมน อาเมน อาเมน...
ภาพประจำตัวสมาชิก
iBONT
โพสต์: 310
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 06, 2007 1:22 pm
ที่อยู่: ระย๊อง ระยอง
ติดต่อ:

อาทิตย์ มี.ค. 23, 2008 2:44 pm

อาแมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
แบกะดิน
โพสต์: 1085
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 7:49 pm

อาทิตย์ มี.ค. 23, 2008 5:18 pm

อาแมน..



::017::
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ มี.ค. 23, 2008 5:24 pm

Holy เขียน: อาแมน
ความจริงจ้าน้องโฮลี่

ความจริงอย่างเดียวเท่านั้น

พระเยซูทรงกลับเป็นขึ้นมาจากบรรดาผู้ตาย
ลี วูจิน
โพสต์: 331
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ค. 01, 2005 4:57 pm
ที่อยู่: Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ มี.ค. 23, 2008 7:15 pm

Amen
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มี.ค. 23, 2008 9:18 pm

อาแมนด้วย
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร มี.ค. 25, 2008 9:58 am

อาแมน ::008::
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

อังคาร มี.ค. 25, 2008 11:46 am

เป็นความจริงนิรันดร์ อาเมน
Dis volentibus

อังคาร มี.ค. 25, 2008 12:00 pm

ข้าพเจ้าเชื่อ...อาเเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
homo dei
โพสต์: 86
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 13, 2008 12:08 am
ที่อยู่: 70/3 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี 70000
ติดต่อ:

พุธ มี.ค. 26, 2008 6:14 pm

สิริพึงมีแด่พระบิดา  พระบุตร  แลพระจิต เหมือนดังในปฐมกาล  บัดนี้ และตลอดกาลเทอญ  อาแมน
Lord Kan Warrock
โพสต์: 31
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 6:12 pm
ที่อยู่: 48/89

ศุกร์ มี.ค. 28, 2008 6:03 pm

ครับ อาเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
A G N E A U
โพสต์: 97
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 10:22 pm

จันทร์ มี.ค. 31, 2008 7:13 pm

อาแมน
เป็นกำลังใจให้นะครับ  ::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
billa-bong
~@
โพสต์: 668
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 14, 2006 12:16 pm
ที่อยู่: thailand

อาทิตย์ เม.ย. 12, 2009 1:50 am

ปราศจากเรื่องการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะประกาศข่าวดีถึงพระองค์

พระเจ้าอวยพรครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

อาทิตย์ เม.ย. 12, 2009 10:50 am

ถึงคนละนิกาย แต่พระของเราองค์เดียวกัน

และพระเยซูคริสต์ที่เป็นขึ้นจากความตายก็องค์เดียวกัน  :angel:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Happiiloo
โพสต์: 181
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 27, 2009 11:35 pm

จันทร์ เม.ย. 13, 2009 2:23 pm

เชื่อคับ!

อาเมน
ตอบกลับโพส