ข้อเท็จจริงเรื่องการกลับคืนชีพ................
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 24, 2007 12:35 am
ผมทำกระทู้นี้ขึ้น ตามการทรงนำของพระจิตเจ้า และนิมิตที่พระเจ้าทรงเรียกให้รับใช้ เป็นการแบ่งปันความเข้าใจ และการไขแสดงของพระจิตเจ้าต่อบรรดามวลหมู่คริสตชน ที่สนใจข้อคำสอนในเรื่องธรรมล้ำลึกแห่งการกลับคืนชีพ อันเป็นสุดยอดข้อความเชื่อของคริสตศาสนา
สิ่งใดเกิดประโยชน์ และเสริมสร้าง ขอพระนามพระเจ้าได้รับการสรรเสริญ สิ่งใดบกพร่อง หรือผิดพลาดไป มาจากความบกพร่องอ่อนแอของเครื่องมือ ที่อาจจะคุณภาพต่ำเกินไป ในการรับใช้เรื่องยิ่งใหญ่ ขอให้ทุกท่านช่วยภาวนาวิงวอนให้พระเจ้าทรงเมตตาอภัย และขอให้ทรงประทานพระหรรษทานให้สามารถรับใช้ได้ดีขึ้นในอนาคตด้วย
![รูปภาพ](http://www.newmana.com/images/picweb/My_Redeemer_Live.jpg)
III. บรรดาผู้ตายจะกลับคืนชีพ
1คร 15:1-34 ข้อเท็จจริงเรื่องการกลับคืนชีพ
15 (1)พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำนึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ (2)ท่านกำลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์
-นักบุญเปาโล ได้ยืนยันหลักข้อเชื่ออันหนึ่งที่จะทำให้ "รอดพ้น" โดยท่านได้เรียกสิ่งนี้ว่า เป็น ธรรมประเพณี เนื่องจากขณะที่ท่านพูดนั้น พระวรสารทั้ง4ยังไม่เกิดขึ้น พูดง่ายๆคือพระคัมภีร์พระธรรมใหม่ยังไม่มีเลย เพราะฉะนั้น นี่คือการสอนต่อๆกันมาด้วยปากต่อปาก ของบรรดาอัครสาวก ชี้ให้เห็นว่า ธรรมประเพณี คือความจริงที่เป็นข้อความเชื่อในพระศาสนจักรโดยไม่จำเป็นต้องเป็นพระคัมภีร์ก่อนถึงจะเชื่อได้ เพราะความจริงคือความจริง เช่นธรรมประเพณี เรื่องชื่อของตา-ยายพระเยซู ชื่อคนเขียนพระวารสารฉบับต่างๆ มรณะกรรมของบรรดาอัครสาวกแต่ละคน และเรื่องการขึ้นสวรรค์ของแม่พระ ฯลฯ
(3)ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำคัญที่สุดให้กับท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ (4)และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระ ชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์
-ท่านย้ำตั้งแต่สมัยนั้นว่า นี่เป็นธรรมประเพณีที่สำคัญที่สุด ที่ท่านได้รับมาจากอัครสาวก โดยท่านอ้างอิงว่า พระธรรมเก่าทำนายไว้แล้วว่า พระผู้ไถ่ต้องสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปเรา และกลับคืนชีพในวันที่3 ต่อมาประโยคเหล่านี้ได้ถูกนำมาบรรจุในบท "ข้าพเจ้าเชื่อ" หรือ หลักข้อเชื่อที่คริสตชนทุกคนยึดเป็นหลักข้อเชื่อสากล
(5)และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบสองคน (6)หลังจากนั้นทรงแสดงองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว (7)ต่อมาพระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน (8)ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์กับข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วย
-ท่านได้อ้างอิงบุคคลสำคัญ ที่เป็นพยานการกลับคืนชีพของพระเยซู คือบรรดาอัครสาวก และพยานคนอื่นๆอีกกว่า500คน และท่านได้ถือว่า การที่พระเยซูปรากฎแก่ท่านโดยการประจักษ์ที่เมืองดามัสกัส จนตกม้าลงมาตาบอด ก็คือการสำแดงองค์ของพระเยซูเจ้าที่ได้กลับคืนชีพแล้วด้วยเช่นกัน ดังนั้น ท่านกำลังยืนยันว่าสิ่งนี้คือความจริงโดยประจักษ์พยานจำนวนมาก
![รูปภาพ](http://www.newmana.com/images/picweb/bb.jpg)
(9)ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็น อัครสาวก เพราะข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้า (10)แต่ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ด้วยเดชะพระหรรษทานของพระเจ้า และพระหรรษทานของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้ามิได้ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าทำงานหนักกว่าคนอื่น แต่มิใช่ข้าพเจ้า เป็นเพราะพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำงาน (11)เพราะฉะนั้น ทั้งข้าพเจ้าและเขาเหล่านั้นเทศน์สอนเช่นไร ท่านทั้งหลายก็จงเชื่อเช่นนั้น
-ท่านเปรียบตัวเองว่าเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด และเป็นผู้น้อย แสดงการถ่อมตนเมื่อเทียบกับบรรดาอัครสาวกที่ได้อยู่กับพระเยซูโดยตรง และยังแสดงความถ่อมต่อไปว่า ทุกอย่างที่ท่านทำมากจากพระหรรษทานของพระเจ้า ไม่ได้กลับใจได้เอง ซึ่งยืนยันเข้าไปอีกว่า การที่อยู่ๆท่านกลับใจจากคนเบียดเบียนมาเป็นคนประกาศพระเยซูอย่างไม่น่าเชื่อ ก็เพราะโดยการได้รับการเปิดเผยถึงการอัศจรรย์คือพระเยซูแสดงตนว่ายังดำรงอยู่ ไม่ใช่โดยการสำนึกผิดคิดได้เอง ท่านยังถ่อมต่อไปว่าทุกอย่างที่ท่านทำมาจากพระเจ้า และสิ่งที่ท่านสอนกับบรรดาอัครสาวกสอนไม่ได้ต่างกันเลย
(12)ถ้าเราประกาศว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว เพราะเหตุใดบางท่านจึงพูดว่าบรรดาผู้ตายจะไม่กลับคืนชีพเล่า (13)ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นเดียวกัน (14)ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน (15)ยิ่งกว่านั้น เรากลายเป็นพยานเท็จถึงพระเจ้าเพราะเรายืนยันว่าพระเจ้าทรงปลุกพระคริสตเจ้าให้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ซึ่งพระองค์มิได้ทรงกระทำ ถ้าบรรดาผู้ตายไม่กลับคืนชีพ (16)ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วย (17)ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ความเชื่อของท่านก็ไร้ความหมายและท่านก็ยังคงอยู่ในบาป (18)เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ล่วงหลับไปในพระคริสตเจ้าก็พินาศไปด้วย (19)ถ้าเรามีความหวังในพระคริสตเจ้าเพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นมนุษย์ที่น่าสงสารที่สุด
-ท่านสรุปว่าถ้าพระเยซูไม่ได้กลับคืนชีพ ความหวังที่เราจะกลับคืนชีพก็ไม่มีด้วย และท่านเองก็เท่ากับเป็นคนโกหกตอแหล ที่สอนๆมาก็เท่ากับเรื่องโกหกทั้งหมด และนั่นเท่ากับว่าทุกอ่านที่เราเรียนรู้จากท่านก็เป็นการเรียนรู้จากคนโกหกตอแหล ดังนั้นใครที่คิดว่าตัวเองเรียนรู้เรื่องธรรมะ หรือเรื่องการรอดพ้น จากคนโกหกก็เตรียมพินาศหมดกันได้ เพราะถูกหลอกทั้งเพ และท่านยังย้ำว่า ถ้าใครเห็นพระเยซูมีค่าแค่เรื่องคำสอนที่ใช้ดำรงชีวิตเนื้อหนังเท่านั้น ก็น่าสงสารเป็นที่สุด เพราะพระองค์ให้ได้ถึงความรอดในชีวิตหน้า ดังนั้นคนที่คิดเช่นนี้ เปรียบไปก็เหมือนคนที่ เข้าไปหากษัตริย์ที่ทรงมีอำนาจนิรโทษกรรมได้ และเมื่อกษัตริย์สัญญาว่าจะให้ทุกอย่างที่ทรงประทานให้ได้ แทนที่จะขอประทานอภัยโทษ หรือขออิสระภาพ กลับขอแค่อาหาร3มื้อในคุก แล้วรอวันประหารต่อไป คนที่ไม่รู้คุณค่าและอำนาจของกษัตริย์เช่นนี้ ก็พลาดโอกาสรอด หรือหลุดพ้นจากโทษบาปอย่างน่าสงสารที่สุด
![รูปภาพ](http://www.newmana.com/images/picweb/Le_Resurrection_du_Christ.jpg)
(20) ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว (21)ความตายมาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันใด การกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น (22)มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น (23)แต่จะเป็นไปตามลำดับของแต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา
-ในบทจดหมายเดิม นักบุญเปาโลอธิบายต่อว่า อาดัมทำบาป สิ่งที่อาดัมนำเข้ามาในโลกคือความตาย และไม่ใช่ความตายทางเนื้อหนังเท่านั้น อาดัมนำความตายแท้ๆเข้ามา คือความตายนิรันดร์ในนรกด้วย หลังจากนั้นมนุษย์ทุกคนติดบ่วงของอาดัม ในการเสียความสถานภาพอันนิรันดร์กับพระเจ้า แต่พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนชีพโดยเอาชนะความตายที่อาดัมนำมา และทรงคืนสิทธิ์ ในการกลับเป็นบุตรพระเจ้าให้เรา ยังผลให้เรา มีสิทธิ์รับสภาพอันนิรันดร์นี้ด้วยเช่นกัน โดยทางการเชื่อในพระองค์
(24)แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานั้นพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำลายการปกครอง อำนาจและอานุภาพทั้งหลาย (25)เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ (26)ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ (27)เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่า ทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำนาจ ก็เป็นที่แน่ชัดว่า
สิ่งใดเกิดประโยชน์ และเสริมสร้าง ขอพระนามพระเจ้าได้รับการสรรเสริญ สิ่งใดบกพร่อง หรือผิดพลาดไป มาจากความบกพร่องอ่อนแอของเครื่องมือ ที่อาจจะคุณภาพต่ำเกินไป ในการรับใช้เรื่องยิ่งใหญ่ ขอให้ทุกท่านช่วยภาวนาวิงวอนให้พระเจ้าทรงเมตตาอภัย และขอให้ทรงประทานพระหรรษทานให้สามารถรับใช้ได้ดีขึ้นในอนาคตด้วย
![รูปภาพ](http://www.newmana.com/images/picweb/My_Redeemer_Live.jpg)
III. บรรดาผู้ตายจะกลับคืนชีพ
1คร 15:1-34 ข้อเท็จจริงเรื่องการกลับคืนชีพ
15 (1)พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้คำนึงถึงข่าวดีที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่าน ท่านได้รับไว้แล้วและยังคงเชื่อมั่นในข่าวดีนี้ (2)ท่านกำลังรับความรอดพ้นอาศัยข่าวดีนี้ ถ้าท่านยังยึดมั่นตามที่ข้าพเจ้าประกาศ แต่ถ้าท่านไม่ยึดมั่น ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์
-นักบุญเปาโล ได้ยืนยันหลักข้อเชื่ออันหนึ่งที่จะทำให้ "รอดพ้น" โดยท่านได้เรียกสิ่งนี้ว่า เป็น ธรรมประเพณี เนื่องจากขณะที่ท่านพูดนั้น พระวรสารทั้ง4ยังไม่เกิดขึ้น พูดง่ายๆคือพระคัมภีร์พระธรรมใหม่ยังไม่มีเลย เพราะฉะนั้น นี่คือการสอนต่อๆกันมาด้วยปากต่อปาก ของบรรดาอัครสาวก ชี้ให้เห็นว่า ธรรมประเพณี คือความจริงที่เป็นข้อความเชื่อในพระศาสนจักรโดยไม่จำเป็นต้องเป็นพระคัมภีร์ก่อนถึงจะเชื่อได้ เพราะความจริงคือความจริง เช่นธรรมประเพณี เรื่องชื่อของตา-ยายพระเยซู ชื่อคนเขียนพระวารสารฉบับต่างๆ มรณะกรรมของบรรดาอัครสาวกแต่ละคน และเรื่องการขึ้นสวรรค์ของแม่พระ ฯลฯ
(3)ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำคัญที่สุดให้กับท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ (4)และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระ ชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์
-ท่านย้ำตั้งแต่สมัยนั้นว่า นี่เป็นธรรมประเพณีที่สำคัญที่สุด ที่ท่านได้รับมาจากอัครสาวก โดยท่านอ้างอิงว่า พระธรรมเก่าทำนายไว้แล้วว่า พระผู้ไถ่ต้องสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปเรา และกลับคืนชีพในวันที่3 ต่อมาประโยคเหล่านี้ได้ถูกนำมาบรรจุในบท "ข้าพเจ้าเชื่อ" หรือ หลักข้อเชื่อที่คริสตชนทุกคนยึดเป็นหลักข้อเชื่อสากล
(5)และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบสองคน (6)หลังจากนั้นทรงแสดงองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว (7)ต่อมาพระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน (8)ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์กับข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วย
-ท่านได้อ้างอิงบุคคลสำคัญ ที่เป็นพยานการกลับคืนชีพของพระเยซู คือบรรดาอัครสาวก และพยานคนอื่นๆอีกกว่า500คน และท่านได้ถือว่า การที่พระเยซูปรากฎแก่ท่านโดยการประจักษ์ที่เมืองดามัสกัส จนตกม้าลงมาตาบอด ก็คือการสำแดงองค์ของพระเยซูเจ้าที่ได้กลับคืนชีพแล้วด้วยเช่นกัน ดังนั้น ท่านกำลังยืนยันว่าสิ่งนี้คือความจริงโดยประจักษ์พยานจำนวนมาก
![รูปภาพ](http://www.newmana.com/images/picweb/bb.jpg)
(9)ข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในบรรดาอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็น อัครสาวก เพราะข้าพเจ้าเคยเบียดเบียนพระศาสนจักรของพระเจ้า (10)แต่ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่เป็นอยู่นี้ด้วยเดชะพระหรรษทานของพระเจ้า และพระหรรษทานของพระองค์ที่ประทานแก่ข้าพเจ้ามิได้ไร้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ข้าพเจ้าทำงานหนักกว่าคนอื่น แต่มิใช่ข้าพเจ้า เป็นเพราะพระหรรษทานของพระเจ้าซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าที่ทำงาน (11)เพราะฉะนั้น ทั้งข้าพเจ้าและเขาเหล่านั้นเทศน์สอนเช่นไร ท่านทั้งหลายก็จงเชื่อเช่นนั้น
-ท่านเปรียบตัวเองว่าเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด และเป็นผู้น้อย แสดงการถ่อมตนเมื่อเทียบกับบรรดาอัครสาวกที่ได้อยู่กับพระเยซูโดยตรง และยังแสดงความถ่อมต่อไปว่า ทุกอย่างที่ท่านทำมากจากพระหรรษทานของพระเจ้า ไม่ได้กลับใจได้เอง ซึ่งยืนยันเข้าไปอีกว่า การที่อยู่ๆท่านกลับใจจากคนเบียดเบียนมาเป็นคนประกาศพระเยซูอย่างไม่น่าเชื่อ ก็เพราะโดยการได้รับการเปิดเผยถึงการอัศจรรย์คือพระเยซูแสดงตนว่ายังดำรงอยู่ ไม่ใช่โดยการสำนึกผิดคิดได้เอง ท่านยังถ่อมต่อไปว่าทุกอย่างที่ท่านทำมาจากพระเจ้า และสิ่งที่ท่านสอนกับบรรดาอัครสาวกสอนไม่ได้ต่างกันเลย
(12)ถ้าเราประกาศว่า พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว เพราะเหตุใดบางท่านจึงพูดว่าบรรดาผู้ตายจะไม่กลับคืนชีพเล่า (13)ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นเดียวกัน (14)ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอนของเราก็ไร้ประโยชน์ และความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน (15)ยิ่งกว่านั้น เรากลายเป็นพยานเท็จถึงพระเจ้าเพราะเรายืนยันว่าพระเจ้าทรงปลุกพระคริสตเจ้าให้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ซึ่งพระองค์มิได้ทรงกระทำ ถ้าบรรดาผู้ตายไม่กลับคืนชีพ (16)ถ้าผู้ตายไม่กลับคืนชีพ พระคริสตเจ้าก็มิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วย (17)ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ความเชื่อของท่านก็ไร้ความหมายและท่านก็ยังคงอยู่ในบาป (18)เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่ล่วงหลับไปในพระคริสตเจ้าก็พินาศไปด้วย (19)ถ้าเรามีความหวังในพระคริสตเจ้าเพียงเพื่อชีวิตนี้เท่านั้น เราก็เป็นมนุษย์ที่น่าสงสารที่สุด
-ท่านสรุปว่าถ้าพระเยซูไม่ได้กลับคืนชีพ ความหวังที่เราจะกลับคืนชีพก็ไม่มีด้วย และท่านเองก็เท่ากับเป็นคนโกหกตอแหล ที่สอนๆมาก็เท่ากับเรื่องโกหกทั้งหมด และนั่นเท่ากับว่าทุกอ่านที่เราเรียนรู้จากท่านก็เป็นการเรียนรู้จากคนโกหกตอแหล ดังนั้นใครที่คิดว่าตัวเองเรียนรู้เรื่องธรรมะ หรือเรื่องการรอดพ้น จากคนโกหกก็เตรียมพินาศหมดกันได้ เพราะถูกหลอกทั้งเพ และท่านยังย้ำว่า ถ้าใครเห็นพระเยซูมีค่าแค่เรื่องคำสอนที่ใช้ดำรงชีวิตเนื้อหนังเท่านั้น ก็น่าสงสารเป็นที่สุด เพราะพระองค์ให้ได้ถึงความรอดในชีวิตหน้า ดังนั้นคนที่คิดเช่นนี้ เปรียบไปก็เหมือนคนที่ เข้าไปหากษัตริย์ที่ทรงมีอำนาจนิรโทษกรรมได้ และเมื่อกษัตริย์สัญญาว่าจะให้ทุกอย่างที่ทรงประทานให้ได้ แทนที่จะขอประทานอภัยโทษ หรือขออิสระภาพ กลับขอแค่อาหาร3มื้อในคุก แล้วรอวันประหารต่อไป คนที่ไม่รู้คุณค่าและอำนาจของกษัตริย์เช่นนี้ ก็พลาดโอกาสรอด หรือหลุดพ้นจากโทษบาปอย่างน่าสงสารที่สุด
![รูปภาพ](http://www.newmana.com/images/picweb/Le_Resurrection_du_Christ.jpg)
(20) ความจริง พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เป็นผลแรกของบรรดาผู้ล่วงหลับไปแล้ว (21)ความตายมาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันใด การกลับคืนชีพของบรรดาผู้ตายก็มาจากมนุษย์คนหนึ่งฉันนั้น (22)มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉันนั้น (23)แต่จะเป็นไปตามลำดับของแต่ละคน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผลแรก ต่อไปก็คือผู้ที่เป็นของพระคริสตเจ้า เมื่อพระองค์จะเสด็จมา
-ในบทจดหมายเดิม นักบุญเปาโลอธิบายต่อว่า อาดัมทำบาป สิ่งที่อาดัมนำเข้ามาในโลกคือความตาย และไม่ใช่ความตายทางเนื้อหนังเท่านั้น อาดัมนำความตายแท้ๆเข้ามา คือความตายนิรันดร์ในนรกด้วย หลังจากนั้นมนุษย์ทุกคนติดบ่วงของอาดัม ในการเสียความสถานภาพอันนิรันดร์กับพระเจ้า แต่พระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนชีพโดยเอาชนะความตายที่อาดัมนำมา และทรงคืนสิทธิ์ ในการกลับเป็นบุตรพระเจ้าให้เรา ยังผลให้เรา มีสิทธิ์รับสภาพอันนิรันดร์นี้ด้วยเช่นกัน โดยทางการเชื่อในพระองค์
(24)แล้วจะถึงวาระสุดท้าย เวลานั้นพระองค์จะทรงมอบพระอาณาจักรให้แก่พระเจ้าพระบิดา หลังจากทรงทำลายการปกครอง อำนาจและอานุภาพทั้งหลาย (25)เพราะพระคริสตเจ้าจะต้องทรงครองราชย์จนกว่าพระเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งมวลให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ (26)ศัตรูสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย เพราะพระเจ้าทรงปราบทุกสิ่งให้อยู่ใต้พระบาทของพระองค์ (27)เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่า ทุกสิ่งถูกปราบอยู่ใต้อำนาจ ก็เป็นที่แน่ชัดว่า