Emmanuel Milingo พระอัครสังฆราชนอกคอก(นอกพระศาสนจักร)

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Dis volentibus

จันทร์ ม.ค. 21, 2008 5:38 pm

ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้อ่านข่าวเกี่ยวกับอดีตพระอัครสังฆราช มิลินโก้ โดยบังเอิญ

มิลินโก้เย้ยพระศาสนจักรถ้าแน่จริงต้องให้บาทหลวงแต่งงานได้

--------------------------------------------------------------------------------

เอ็มมานูเอล มิลินโก้ พระอัครสังฆราชผู้ถูกขับไล่ออกจากพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ออกมากล่าวท้าทายพระศาสนจักรว่า ถ้าแน่จริง ต้องกล้าอนุญาตให้บาทหลวงแต่งงานได้ เนื่องจากพระเจ้าไม่ได้สร้างมนุษย์ให้ครองโสดตลอดชีวิต

อดีตพระอัครสังฆราชชาวแซมเบียซึ่งออกมาเผยว่า ตนอยู่กินกับภรรยามาหลายปีทั้งที่ยังครองสมณศักดิ์สงฆ์ ได้เดินทางมากรุงโรม เพื่อเปิดตัวหนังสือชีวประวัติของตน พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยการโจมตีพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกที่ไม่ยอมอนุญาตให้บาทหลวงแต่งงาน "พระศาสนจักรทำไม่ถูกที่ห้ามบาทหลวงแต่งงานมีครอบครัว ดังนั้น ผมขอเรียกร้องให้พระศาสนจักรอย่ากลัวการอนุญาตให้บาทหลวงแต่งงาน เพราะพระเจ้าไม่ได้สร้างมนุษย์ให้เป็นโสด แต่พระองค์สร้างชายกับหญิงให้เกิดมาคู่กัน"

นอกจากจะแสดงวิสัยทัศน์ท้าทายพระศาสนจักร มิลินโก้ซึ่งถูกพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ขับไล่เมื่อปีที่แล้ว ได้แย้มข้อมูลว่า "ผมจะบอกอะไรให้ ตอนนี้ ทั่วโลกมีบาทหลวงคาทอลิกประมาณ 150,000 คนที่แอบมีลูกมีเมีย ในจำนวนนี้ มีอยู่ 25,000 คนอยู่ในสหรัฐอเมริกา"

พระอัครสังฆราชผู้ถูกขับไล่ ได้กล่าวปิดท้ายการสัมภาษณ์ว่า ตนไม่เคยคิดจะตั้งลัทธิใหม่แม้แต่น้อย เพราะใจจริงอยากกลับเข้าเป็นสมาชิกพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกมากกว่า "ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองโดนขับไล่ออกมา แล้วก็ไม่เคยอยากจะตั้งนิกายใหม่ด้วยซ้ำ ผมแค่อยากให้พระศาสนจักรยอมรับและอนุญาตให้บาทหลวงแต่งงานได้ ก็เท่านั้นเอง"


http://catholicworldtour.spaces.live.com/blog/cns!EA91C1C5E2FBFD4F!2003.entry


ข่าวนี้ ได้สร้างความอนาถใจแก่ข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก เเละไม่เข้าใจว่าเขาใช้ประสบการณ์ด้านใดในการตีความพระคัมภีร์ออกมาน่าสยดสยองถึงเพียงนี้
ในความคิดของข้าพเจ้า
พระศาสนจักรไม่ได้บังคับให้ใครมาบวชซะหน่อย ถ้าคิดอยากจะมีลูกมีเมีย ก็ลาออกไปเป็นฆารวาสเสียเเต่ยังเป็นเณรก็ได้
ในกรณีคุณคนนี้ เขาได้ผิดคำสัญญาตอนได้รับศีลบวช เเถมยังมาเรียกร้องสิ่งที่ เป็นไปไม่ได้อีก

ในสมัยก่อนพระศาสนจักรยังไม่มีข้อห้ามเรื่องการเเต่งงานของบาทหลวง ก็จริง เเต่จากบทเรียนในประวัติศาสตร์ เราก็ทราบกันดีว่ามันเกิดปัญหามากมาย ทั้งเรื่องการให้ลูกหลานของตัวเองได้รับตำเเหน่งใหญ่ๆในสันตะสำนัก ฯลฯ เเต่ดูเหมือน มิลินโก้ จะไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย

เมื่อข้าพเจ้าค้นหาประวัติ(อันน่าอนาถใจ)ในเวป http://www.answers.com/emmanuel%20milingo
ข้าพเจ้ายังได้เจอกับข้อความนี้

"On 24 September 2006 Milingo ordained four men as bishops without a papal mandate. All four men were married at the time of their ordination."

นอกจากนี้ ในเวปได้เขียนถึงวีรกรรมนอกคอกต่างๆที่ "มิลินโก้" ได้ทำอีกมากมาย

เมื่ออ่านเเล้วข้าพเจ้าจึงไม่เเปลกใจเลยว่า ทำไมเขาจึงถูกขับออกจากพระศาสนจักร

รูปภาพ

Milingo VS. Pope John Paul II

รูปภาพ

งานเเต่งงาน

รูปภาพ

นี่คือสภาพในพิธีกรรม มิลินโก้เเละด้านขวาคือภรรยา  ::006::

ป.ล. ขออภัย หากมีสมาชิกท่านใดเคยโพสต์เรื่องนี้มาก่อนเจ้าค่ะ  : xemo028 :
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ จันทร์ ก.พ. 02, 2009 9:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jacqueline
โพสต์: 199
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 02, 2008 8:19 pm

จันทร์ ม.ค. 21, 2008 7:17 pm

ตายแล้ว พระสังฆราชอะไรยังไม่เข้าใจพระศาสนจักรอีก เขาไม่ให้แต่งงานก็เพื่อจะได้อุทิศตนให้แก่พระ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องครอบครัว รับไม่ได้
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ม.ค. 21, 2008 8:13 pm

ขอพระองค์ทรงเมตตาเทอญ ::010::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร ม.ค. 22, 2008 12:51 am

1คร 7:32
ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านปราศจากความกังวล ผู้ที่มิได้แต่งงานย่อมสาละวนในการงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า หาวิธีทำให้พระองค์พอพระทัย  ผู้ที่แต่งงานก็ย่อมสาละวนกับการงานของโลก หาวิธีทำให้ภรรยาพอใจ เป็นความกังวลหลายด้าน หญิงที่ไม่แต่งงานและสาวพรหมจารีนั้น ย่อมสาละวนในการงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อจะได้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ส่วนหญิงที่แต่งงานแล้วย่อมสาละวนอยู่กับการงานของโลก หาวิธีทำให้สามีพอใจ  ข้าพเจ้ากล่าวเช่นนี้เพื่อประโยชน์ของท่านเอง มิใช่เพื่อจำกัดสิทธิของท่าน แต่เพื่อให้ท่านดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง อุทิศตนแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้โดยปราศจากความกังวล
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อังคาร ม.ค. 22, 2008 2:50 am

เอาแต่ใจตัวเองจัง  :huh: แต่พี่ว่า  มันเกิดกับเค้าตั้งแต่ 1983 แล้วล่ะ  ที่เค้าไปทำพิธีไล่ผีแบบไม่ถูกต้องอ่ะ (และก็ทำ healing service) ผีเลยเข้าเค้ามั้ง  และก็ทำให้เค้าแยกตัวจากพระเรื่อยๆ
http://www.answers.com/emmanuel%20milingo

ที่จริงนะ  คนที่ได้ gift of healing เนี่ยต้องนบนอบต่อพระศาสนจักรมากๆเลย  (ไม่รู้ว่า Milingo ได้หรือไม่ได้นะ  แต่ยังไงต้องนบนอบอย่างที่สุด  ไม่งั้นก็เสียวิญญาณได้เลยล่ะ)  เพราะถ้าได้เนี่ย  ต้องต่อสู้กับปีศาจอย่างมากๆเลย  ความนบนอบเท่านั้นที่จะช่วยได้

จริงๆคนที่เรียนมากๆ  เก่งมากๆ  และอยู่ในตำแหน่งแบบนี้น่าสงสาร  ที่เค้าว่าไงว่า  ถ้าทำบาปขึ้นมาเนี่ย  บาปเดียวกันเค้าจะหนักกว่าเรา  และคนเห็นใจน้อยด้วย  และแถมหลงผิดขึ้นมาเนี่ยก็  เตือนยากนะ  เพราะไม่ฟังคน  ....  เมื่อเค้าเริ่มไม่เชื่อฟังเรื่องนึง  และไม่แก้ไข  เค้าก็จะไม่เชื่อฟังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  และในที่สุดก็ต้องแยกตัว  ...  แต่ชอบพระเมตตาของพระนะ  คือถึงเค้าโดนไล่ออก  แต่อำนาจ (bishop's sacramental powers) ก็ยังอยู่  (แบบนี้เหมือน Lucifer มั้ยเนี่ย)  เพียงแต่ถูกห้ามไม่ให้ใช้  แค่นั้นเอง

อันนี้ก็ดูเป็นเยี่ยง  แต่อย่าเอาอย่าง เราจะเห็นภาพการพัฒนาของบาปเลย ปีศาจใช้ความอ่อนแอในเค้ามาทำลายเค้า บาปจองหองน่ากลัวจริงๆ  Milingo ไม่ได้หลงไปเพราะเรื่องเพศหรืออะไรแต่แรก  แต่หลงไปเพราะความจองหอง  คิดว่าตัวเองมีอำนาจ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:19 am

เขาแต่งงานกับลัทธิมูนนะ
มีช่วงหนึงพระสันตะปาปาองค์ก่อนให้เขากลับเข้าพระศาสนจักร เมียร่างใหญ่อุ้มท้อง(ท้องจริงไม่ท้องจริงไม่ทราบ)ไปประท้วงอยู่หน้าวาติกันโดยที่ทางต้นลัทธิไม่ได้ไปช่วยเหลืออะไรมากนักนอกจากรอลุ้น หลังจากนั้นก็เงียบไป ไม่นึกว่าจะออกมารูปแบบนี้

ที่สำคัญ แกแต่งตอนหง่อมมากๆแล้วอะ

ที่สำคัญอีกอย่าง ทางมูนกระดี๊กระด๊ากับเรื่องนี้มาก เพราะทางโน้นถือว่าบาทหลวงซิสเตอร์นักบวชศาสนาต่างๆทั้งหลายควรมีลูกมีเมียเสียเพื่อเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่สร้างอาดัมเอวาขึ้นมา

ลึกเข้าไปในคอหอย (ดีพโธรท)?
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ม.ค. 22, 2008 11:47 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร ม.ค. 22, 2008 5:09 pm

อันตน เขียน: เขาแต่งงานกับลัทธิมูนนะ
มีช่วงหนึงพระสันตะปาปาองค์ก่อนให้เขากลับเข้าพระศาสนจักร เมียร่างใหญ่อุ้มท้อง(ท้องจริงไม่ท้องจริงไม่ทราบ)ไปประท้วงอยู่หน้าวาติกันโดยที่ทางต้นลัทธิไม่ได้ไปช่วยเหลืออะไรมากนักนอกจากรอลุ้น หลังจากนั้นก็เงียบไป ไม่นึกว่าจะออกมารูปแบบนี้

ที่สำคัญ แกแต่งตอนหง่อมมากๆแล้วอะ

ที่สำคัญอีกอย่าง ทางมูนกระดี๊กระด๊ากับเรื่องนี้มาก เพราะทางโน้นถือว่าบาทหลวงซิสเตอร์นักบวชศาสนาต่างๆทั้งหลายควรมีลูกมีเมียเสียเพื่อเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่สร้างอาดัมเอวาขึ้นมา

ลึกเข้าไปในคอหอย (ดีพโธรท)?
เขาคิดยังไงของเขา...อ่ะ
: xemo029 :
รัฟฟาเอล

อังคาร ม.ค. 22, 2008 6:05 pm

สันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ไม่ได้ไล่มิลินโก้ออก แค่กักบริเวณเฉยๆ แต่พี่"โก้" ก็หนีออกมาแล้วไป'เมกา

จน สันตะปาปา เบเนดิกซ์ ทนไม่ไหว เลยไล่ออกซะเลย
ภาพประจำตัวสมาชิก
แบกะดิน
โพสต์: 1085
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 26, 2007 7:49 pm

อังคาร ม.ค. 22, 2008 6:46 pm

ถ้าอยากแต่งงานก็ไม่เหนต้องมาบวชเลย
ถ้าอยากบวชก็ต้องตัดใจเรื่องนี้ให้ได้ก่อน
a

อังคาร ม.ค. 22, 2008 7:06 pm

:afro:
พระศาสนจักรคาทอลิก
ต้องใส่ใจกับเรื่องภายใน
ของพระศาสนจักร
และความเหมาะสมในการดำเนินนโยบาย
มากกว่าการมุ่งเน้น กีดกัน ขับไล่ ต่อต้าน
ถ้าพระศาสนจักรภายในไม่มีเอกภาพ
ก็อย่าฝันถึงการที่จะทำพระศาสนจักรอื่นให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

บางครั้งกฏเกณฑ์ต่างๆ มิได้ถูกสร้างโดยอาศัยองค์พระคริสตเจ้า
หากแต่อาศัยธรรมประเพณีที่ได้รับการยอมรับโดยคนบางกลุ่ม
แล้วก็ประพฤติปฏิบัติมาเป็นร้อยๆ ปี แล้ว

บางครั้งก็ต้องผ่อนปรน บางครั้งก็ต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัย
ผู้ใหญ่ของพระศาสนจักรต้องเปิดกว้าง และพร้อมที่จะให้อภัย
ปัจจุบัน พระศาสนจักรกำลังดำเนินชีวิต อาศัยธรรมประเพณี
มากกว่าอาศัยคำสอนของพระเยซูเจ้า
เราเน้นท่าทางภายนอก ในพิธีกรรม
มากกว่าการใช้ชีวิต
กระบวนการอบรมพระสงฆ์นักบวช
ก็เน้นหนักไปทางด้านใดด้านหนึ่ง มากเกินไป
พระสงฆ์ผู้ดูแล ขาดความใกล้ชิด ความเอาใจใส่

เมื่อมีพระสงฆ์ที่ทำผิด พระศาสนจักรจัดการด้วยวิธีการขับออก
ประณาม หรือบางทีก็ปิดข่าว
แต่ไม่ให้อภัย ไม่เลย
แล้วคริสตชนก็พลอยเป็นไปด้วย
นี่คือสาวกของพระคริสตเจ้า
พระศาสนจักรเที่ยงแท้
เขาทำกันแบบนี้
นี่แค่ข้อเดียวก็เกินพอแล้ว ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อังคาร ม.ค. 22, 2008 8:23 pm

หมายถึงบัพพาชนียกรรมหรือเปล่าอะ

แต่ถ้าใช่ก็......เป็นถึงสังฆราชอ่านะ น่าจะเข้าใจแล้ว ทำไมเฮียถึง...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร ม.ค. 22, 2008 8:51 pm

a เขียน: :afro:
พระศาสนจักรคาทอลิก
ต้องใส่ใจกับเรื่องภายใน
ของพระศาสนจักร
และความเหมาะสมในการดำเนินนโยบาย
มากกว่าการมุ่งเน้น กีดกัน ขับไล่ ต่อต้าน
ถ้าพระศาสนจักรภายในไม่มีเอกภาพ
ก็อย่าฝันถึงการที่จะทำพระศาสนจักรอื่นให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

บางครั้งกฏเกณฑ์ต่างๆ มิได้ถูกสร้างโดยอาศัยองค์พระคริสตเจ้า
หากแต่อาศัยธรรมประเพณีที่ได้รับการยอมรับโดยคนบางกลุ่ม
แล้วก็ประพฤติปฏิบัติมาเป็นร้อยๆ ปี แล้ว

บางครั้งก็ต้องผ่อนปรน บางครั้งก็ต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัย
ผู้ใหญ่ของพระศาสนจักรต้องเปิดกว้าง และพร้อมที่จะให้อภัย
ปัจจุบัน พระศาสนจักรกำลังดำเนินชีวิต อาศัยธรรมประเพณี
มากกว่าอาศัยคำสอนของพระเยซูเจ้า
เราเน้นท่าทางภายนอก ในพิธีกรรม
มากกว่าการใช้ชีวิต
กระบวนการอบรมพระสงฆ์นักบวช
ก็เน้นหนักไปทางด้านใดด้านหนึ่ง มากเกินไป
พระสงฆ์ผู้ดูแล ขาดความใกล้ชิด ความเอาใจใส่

เมื่อมีพระสงฆ์ที่ทำผิด พระศาสนจักรจัดการด้วยวิธีการขับออก
ประณาม หรือบางทีก็ปิดข่าว
แต่ไม่ให้อภัย ไม่เลย
แล้วคริสตชนก็พลอยเป็นไปด้วย
นี่คือสาวกของพระคริสตเจ้า
พระศาสนจักรเที่ยงแท้
เขาทำกันแบบนี้
นี่แค่ข้อเดียวก็เกินพอแล้ว ?

การอภัยเอาไว้ให้กับคนที่สำนึกผิดครับ

คนที่ผิดแล้วยังตะแบงจะให้คนอื่นเปลี่ยนกฎตามที่ตัวเองแหกไป เขาเรียกเชื้อแป้งที่ไม่ดีครับ ไม่กำจัด แต่หลงทิ้งไว้ก็ฟูทั้งก้อน

1คร 5:1
ข่าวร่ำลือกันมากว่า มีการผิดประเวณีเกิดขึ้นในหมู่ท่าน เป็นการผิดประเวณีชนิดที่ไม่เคยพบเห็นแม้ในหมู่คนต่างศาสนา กล่าวคือมีคนหนึ่งได้แม่เลี้ยงของตนมาเป็นภรรยา  และท่านยังภูมิใจแทนที่จะเป็นทุกข์เศร้าโศก จงขับไล่คนที่ทำผิดเช่นนี้ไปเสีย  ส่วนข้าพเจ้านั้น แม้ว่ากายจะอยู่ห่าง แต่ใจนั้นอยู่กับท่าน ข้าพเจ้าก็ตัดสินลงโทษผู้ที่กระทำผิดนั้นแล้วประหนึ่งว่าข้าพเจ้าอยู่ด้วย  เมื่อท่านทั้งหลายร่วมชุมนุมกันในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าจิตใจของข้าพเจ้าก็อยู่ร่วมด้วยพร้อมกับพระอานุภาพของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา  จงมอบคนประเภทนี้ให้กับซาตาน ให้เขามีชีวิตที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อจิตของเขาจะรอดพ้นในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า การโอ้อวดนั้นไม่ดีเลย ท่านไม่รู้หรือว่า เชื้อแป้งเพียงเล็กน้อยก็ทำให้แป้งดิบทั้งก้อนฟูขึ้นได้  จงชำระเชื้อแป้งเก่าเสียเพื่อท่านจะเป็นแป้งดิบก้อนใหม่ ดังที่ท่านก็เป็นแป้งไร้เชื้ออยู่แล้ว เพราะพระคริสตเจ้าองค์ปัสกาของเราถูกฆ่าบูชาแล้ว   เราจงฉลองกันเถิด มิใช่ด้วยเชื้อแป้งเก่าคือความชั่วร้ายเลวทราม แต่ด้วยแป้งไร้เชื้อคือความจริงใจและสัจจะ
รัฟฟาเอล

อังคาร ม.ค. 22, 2008 9:20 pm

เรื่องมิลินโก้ สันตปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 เคยผ่อนผันผ่อนปรนให้คนนี้กลับใจแล้ว โดยให้มาอยู่ที่วาติกัน เผื่อจะหายบ้า แต่อนิจจา มันกลับบ้าขึ้นไปอีก

ถ้าเป็นเราๆท่านๆ จะทำไง

ถ้าเชื้อแป้งไม่ดี เราจะเอาไว้ไหม

"ถ้ามือท่านทำบาป ก็จงตัดทิ้ง"
anakin
โพสต์: 81
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ธ.ค. 04, 2007 1:30 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ม.ค. 22, 2008 9:33 pm

a เขียน: :afro:
พระศาสนจักรคาทอลิก
ต้องใส่ใจกับเรื่องภายใน
ของพระศาสนจักร
และความเหมาะสมในการดำเนินนโยบาย
มากกว่าการมุ่งเน้น กีดกัน ขับไล่ ต่อต้าน
ถ้าพระศาสนจักรภายในไม่มีเอกภาพ
ก็อย่าฝันถึงการที่จะทำพระศาสนจักรอื่นให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

บางครั้งกฏเกณฑ์ต่างๆ มิได้ถูกสร้างโดยอาศัยองค์พระคริสตเจ้า
หากแต่อาศัยธรรมประเพณีที่ได้รับการยอมรับโดยคนบางกลุ่ม
แล้วก็ประพฤติปฏิบัติมาเป็นร้อยๆ ปี แล้ว

บางครั้งก็ต้องผ่อนปรน บางครั้งก็ต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัย
ผู้ใหญ่ของพระศาสนจักรต้องเปิดกว้าง และพร้อมที่จะให้อภัย
ปัจจุบัน พระศาสนจักรกำลังดำเนินชีวิต อาศัยธรรมประเพณี
มากกว่าอาศัยคำสอนของพระเยซูเจ้า
เราเน้นท่าทางภายนอก ในพิธีกรรม
มากกว่าการใช้ชีวิต
กระบวนการอบรมพระสงฆ์นักบวช
ก็เน้นหนักไปทางด้านใดด้านหนึ่ง มากเกินไป
พระสงฆ์ผู้ดูแล ขาดความใกล้ชิด ความเอาใจใส่

เมื่อมีพระสงฆ์ที่ทำผิด พระศาสนจักรจัดการด้วยวิธีการขับออก
ประณาม หรือบางทีก็ปิดข่าว
แต่ไม่ให้อภัย ไม่เลย
แล้วคริสตชนก็พลอยเป็นไปด้วย
นี่คือสาวกของพระคริสตเจ้า
พระศาสนจักรเที่ยงแท้
เขาทำกันแบบนี้
นี่แค่ข้อเดียวก็เกินพอแล้ว ?
คนเราถ้าทำผิดแล้วยอมรว่าผิด ก็มะมีใครไม่ให้อภัยหรอกครับผม
แต่ถ้าทำผิดแล้วไม่ยอมรับ เนี่ย มันไม่ไหว อะ
แต่ถึงยังไงผมก็เชื่อว่าพระยังคงให้อภัยเค้านะ
คนเราเป็นผู้ใหญ่ แล้วทำตัวไม่เปงผู้ใหญ่ เนี่ย
เด็ก ๆ เหง แล้ว จะคิดไง
Dis volentibus

อังคาร ม.ค. 22, 2008 9:37 pm

โป๊ปเบเนดิกต์ ทำในสิ่งที่เหมาะสมที่สุดเเล้วค่ะ
เพราะสมณสมัยของโป๊ปยอห์น ปอล ท่านก็ให้อภัยทางวินัยสงฆ์มาหลายรอบเเล้ว เเต่ก็เลวลง เลวลง เลวลง
ทำให้ท่านผิดหวังอยู่เนื่องๆ เนื่องๆ เนื่องๆ
ทำตัวเป็น พวกที่ไปแก้บาป เเล้วพอออกมาจากตู้แก้บาปเเล้วไม่ได้สำนึกอะไรเลย
ทำตัวเเย่เหมือนเดิมเเล้วค่อยกลับมาแก้บาปใหม่
โดยคิดว่ายังไงพระเจ้าก็ให้อภัย....

ป.ล. พระศาสนจักรให้โอกาสพระสงฆ์ที่กระทำผิด เสมอ... เเต่ที่ปิดๆข่าว เพื่อไม่ให้เป็นที่เม้าท์(นินทา) ในหมู่ฆารวาสทั้งหลาย
      เพราะจะกลายเป็นบาปเอา...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พุธ ม.ค. 23, 2008 9:58 am

เอาไฟเผา
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ม.ค. 23, 2008 10:59 am

Edwardius เขียน: เอาไฟเผา
เอ่อ ไม่ใช่พ่อมดหมอผีนะครับ

ป้าเมลิสว่าไปอย่าง ::011::
francisco xavier
โพสต์: 300
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am

พุธ ม.ค. 23, 2008 4:31 pm

ถ้ามือขวาของเราทำบาป ก็ตัดมันทิ้งซะ เพราะเราเข้าสวรรค์โดยมีมือเพียงข้างเดียว ก็ยังดีกว่าร่างกายของเราต้องตกนรกเพราะมือขวาที่ทำบาปนั้น การขับพระอัครสังฆราชรูปนี้ออกจากพระศาสนจักร น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมแล้ว เพราะเขาทำผิด ย่อหย่อนไม่พอ ยังชักชวนผู้อื่นให้ทำผิดอย่างตนเองด้วย ต่อเมื่อเขาได้สำนึกผิดแล้วค่อยอภัยให้เขาและรับเขากลับคืนสู่พระศาสนจักรก็ได้ครับ
เฮ้อ อ่านแล้วเศร้าใจมากมาย 
Dis volentibus

พุธ ม.ค. 23, 2008 8:11 pm

Batholomew เขียน:
Edwardius เขียน: เอาไฟเผา
เอ่อ ไม่ใช่พ่อมดหมอผีนะครับ

ป้าเมลิสว่าไปอย่าง ::011::
จะไหม้หรือเจ้าคระๆๆๆ


(เเห่ะๆๆๆ หนังเหนียวถึงเพียงนั้น)

ล้อเล่งงงงงงงงงงงง  :grin: ::011:: :grin:
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ ม.ค. 23, 2008 9:35 pm

+Ecclesia+ เขียน:
Batholomew เขียน:
Edwardius เขียน: เอาไฟเผา
เอ่อ ไม่ใช่พ่อมดหมอผีนะครับ

ป้าเมลิสว่าไปอย่าง ::011::
จะไหม้หรือเจ้าคระๆๆๆ


(เเห่ะๆๆๆ หนังเหนียวถึงเพียงนั้น)

ล้อเล่งงงงงงงงงงงง  :grin: ::011:: :grin:
ขอแอบสะใจ (มาก) นิดนึง ::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

พฤหัสฯ. ม.ค. 24, 2008 12:39 am

a เขียน: :afro:


บางครั้งก็ต้องผ่อนปรน บางครั้งก็ต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัย
ผ่อนปรนไปตามกระแสโลกเหรอครับ
saroonram
โพสต์: 160
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 16, 2007 3:20 pm

ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 1:41 pm

ออโทร์ดอก พระสงฆ์ ก็มีภรรยาได้อันนี้ถูกใหม?ยกเว้นบิชอป  อันนี้เข้าใจถูกใหม?
แต่ถ้าพระสงฆ์คาทอลิกมี่บ้างก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจว่าใครต้องการถือโสด  หรือไม่ก็ใครต้องการมีครอบครัว  อันนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางผู้นำแล้วกัน
ผมมอง2แง่คือ1ถ้าแต่งงานก็ดี  พระสงฆ์ไม่ได้ไปทำบาปคือแอบไปมีภรรยาเก็บ  เป็นการดีเหมือนศิษยาภิบาลของฝ่ายโปร  ก็ยังมีภรรยาได้และเสริมสร้างสามีในการช่วยประคองความเชื่อของสมาชิกในโบสถ์ได้ดี  ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศที่เป็นข่าวก็จะคงลดน้อยลง  ครับ
          2ผลเสียคือ จะมีใครไปแก้บาปละเพราะท่านมีครอบครัวบางครังอาจเล่าให้ภรรยาฟังภรรยาไม่สามารถรับความบาปสมาชิกบางท่านได้เล่าให้คนสนิทฟังคนที่แก้บาปนั้นอาจเสียชื่อเสียงได้
สรุปมีผลดีเละผลเสียครับ  หรืออาจจะให้คณะสงฆ์ที่ไม่ถือโสดบริหารกิจการและผู้ที่เป็นพระสงฆ์ถือโสดอยู่ฝ่ายปกครองและอภิบาลสมาชิก
                                                                  นี่ความเห็นส่วนตัวครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mobster
โพสต์: 1623
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 30, 2007 8:02 pm
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 10:21 pm

saroonram เขียน: ออโทร์ดอก พระสงฆ์ ก็มีภรรยาได้อันนี้ถูกใหม?ยกเว้นบิชอป  อันนี้เข้าใจถูกใหม?
เคยถามพ่อมา พ่อบอกว่าการบวชของออร์โธด๊อกซ์ พระสงฆ์แบ่งเป็น2ประเภท
1.White Priest
เป็นสงฆ์ที่แต่งงานแล้วมาบวช(แต่เมื่อบวชจำเป็นต้องทิ้งชีวิตคู่เข้าสู่การถวายตัวกับพระเจ้า แต่ไม่ได้แปลว่าหย่ากัน) มีสมณศักดิ์ได้แค่ขั้นกลาง ไม่สามารถขึ้นเป็นสังฆราชได้
2.BlackPriest หรือ MonkPriest
เป็นสงฆ์ที่ถือความบริสุทธิ์ แล้วเคร่งชั่วชีวิต ต้องอยู่เสมือนในมหาพรตตลอดเวลา(ไม่กินเนื้อ ตามข้อกำหนดหน่ะ) มีขั้นสูงถึงพระสังฆราช

และยังมีอีกพวกที่ถือโสดแต่ไม่กล้าบวช จะเรียกว่า เซเลบัต (อาจเข้าสู่การเป็นพระสงฆ์ได้แต่ก็มีสมณศักดิ์ขั้นเริ่มเท่านั้น) แต่จะน้อยมากๆ
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 10:52 pm

ลำพังที่แกยอมรับนายมูนว่าเป็นพระผู้มาโปรดก็ผิดพออยู่แล้ว แกยังหน้าชื่นตาบานบอกว่าที่แกได้รับการแต่งงานนี้ เป็นสิ่งที่แกคิดมานานแล้วว่ามันถูกต้องและสมควรยิ่งนัก คือถ้าแกคิดเห็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมแกไม่ลาออกจากการเป็นพระไปก่อน แล้วจะไปแต่งงานแต่งงการอะไรก็ว่าไปอย่าง หรือไม่ก็ลาออกจากการเป็นคาทอลิกไปเสีย เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ต้องจริตของตัวเอง การทำให้คนเป็นจำนวนมากสะดุดอย่างนี้ และทำให้เกิดความแตกแยกอย่างนี้เหมาะแล้วหรือ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 11:15 pm

มี 2 ประเด็นนะ  เรื่องแต่งงานก็เรื่องนึง  แต่เรื่องนี้  มันเกิดจากความไม่นบนอบของเค้ามากกว่า  ...  และปีศาจก็ได้ใช้เค้าฉีกตัวออกจากพระไปเรื่อยๆ
Dis volentibus

ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 11:55 pm

เเละที่สำคัญ เป็นถึงพระอัครสังฆราช ทำให้ผู้ที่ไม่รู้เข้าใจผิด
เเล้วไม่เข้าใจอย่างหนึ่งว่า โดนขับออกมาเเล้วยังพยายามจะเเต่งตัวเป็นพระสังฆราชอีก
เฮ้อออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
ดีนะที่ตอนเเต่งงานไม่ได้เเต่งชุดบาทหลวง หึ่ย ถ้าเป็นงั้นนี่หยามกันเกินไป
ขนาดหนังสือที่เขียนเรื่องของตัวเอง หน้าปกยังเป็นรูปตัวเองใส่ชุดพระสังฆราชเลยคร่าๆๆ
สะดุดจริงๆค่ะ : xemo029 :
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 25, 2008 11:56 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 1:23 am

ไม่ได้คลั่งเรื่องความเชื่อตัวเลขหรอกนะ เพียงแต่มันโค.ต.ร.บังเอิญเลย

โอ้ว เฮียเกิด
วันที่ ศุกร์ที่ 13 เดือนมิถุนายน (เดือน 6 เลข ซาตาน) ปี 1930 แถมวันเพ็ญอีกด้วย (และเป็นเดือนคนคู่......ผมก็เกิดเดือนนี้อิอิ แต่เลขสวยกว่า)

ว้าวเลขสวยจังเลยนะครับคุณ Milingo ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 2:14 am

เอ้อ... เกือบลืมคอมเม้นต์เกี่ยวกับเค้านิดนึงหน่อยเน้อ  :angel:...

เค้าพูดอ้างทำนองว่า มีสถิติจำนวนพระสงฆ์แอบไปแต่งงานนั้นจำนวนเท่านี้ๆ ก็ควรจะปลดปล่อยให้เค้าไปแต่งงานได้สิ...

ผมก็เลยสงสัยว่า ... (กระทงที่ 1) เค้าก็เหมือนกับอ้างตัวเลขของประชากรโลก ที่เคยกระทำบาปอะไรต่างๆ หลายพันพันล้านชีวิตที่เคยเกิดบนโลกนี้ แล้วบอกให้พระศาสนจักรว่า "ทำบาปกันได้เลย ใครๆก็ทำกัน ทำกันมาตั้งนานแล้ว" เพราะมนุษย์สามารถมีอำเภอใจทำบาปอันใดก็ได้ กฎของพระเจ้าไม่ต้องไปสนใจหรอก ...อย่างนั้นเหรอ อิอิขำๆเน้อ

(กระทงที่ 2) และเรื่องศีลบวชนั้น ก็มีการให้พูดให้สัญญาว่าจะรักษาศีลนี้ไปตลอดชีวิตก่อนบวช ... แสดงว่าตอนนี้เค้าก็เปรียบเสมือนกระทำผิดสัญญาต่อหน้าคริสตสานิกชนทั้งหลายที่เป็นพยาน และที่สำคัญต่อหน้าพระอีกตังหาก ... เฮ้อผิดสัญญาต่อหน้าเรา ต่อพระอีกแหละ เพราะถ้าเค้าตัดสินใจที่จะเป็นฆราวาสก่อนบวชได้นี้ ก็ดีนะเพราะงานแพร่ธรรม เป็นฆราวาสก็ทำได้ เผลอๆอาจจะดีกว่าพระสงฆ์หลายๆคนด้วยซ้ำ

(กระทงที่ 3) และพระสันตะปาปาก็ให้การอภัยมาแล้วทั้งสองสมัย ก็ยังไม่วายกลับใจจริงๆเสียอีก ... ก็เลยต้องโดนตัดหางปล่อยวัดไปซะ ... ที่ไหนได้ก็กลับมากัดพวกเรา และยื้อยุด ฉุดกระชาก วิญญาณเราให้หลงทางกันไปอีก ... เฮ้อผิดอีกแหละ

และก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรในกอไผ่อีกหรือไม่ในประวัติของเขา ... เรามนุษย์ก็ไม่สามารถตัดสินเขาได้ เพียงเรามีหน้าที่สอดส่องระงับไม่ให้เกิดขึ้นอีกและช่วยเหลือแนะนำกันว่าอันไหนเป็นทางหลอกลวงอันไหนทางจริงโดยเอาหลักพระคัมภีร์และคำสอนพระศาสนจักรเป็นฐาน และสุดท้ายอำนาจตัดสินลงโทษนั้นให้เป็นของพระเป็นเจ้าครับผม...

และต่อไปในอนาคตไม่รู้ว่าเค้าจะรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้กับภรรยา "รอด" หรือเปล่า เพราะคำสัญญากับพระยังไม่สามารถรักษาได้ แล้วจะประสาอันใดกับมนุษย์ด้วยกันเล่า

สุดท้ายนี้อยากแบ่งปัน เคล็ดลับง่ายๆในการดูกิจการงานต่างๆว่าอันไหนเป็นของสวรรค์ และอันไหนเป็นของโลก+ปีศาจ
ให้เราดูที่ "รูปแบบ Style + วิธีการ Method + ผลลัพธ์ Value" ลองเปรียบเทียบงานของเขาคนนี้กับ แม่พระประจักษ์กันเนอะ


รูปแบบของเขา สร้างสันติ หรือความวุ่นวายมาสู่เราหล่ะ ..... วุ่นวาย และสะดุด
1. รูปแบบของเขา เป็นยังไงบ้าง (Style)... ทรยศคำสัญญาต่อพระเจ้า ,ออกจากสมณเพศ ,ไม่นอบน้อมต่อกฎระเบียบ และผู้ใหญ่

2. วิธีการของเขา เป็นยังไงบ้าง (Method)... เรียกร้องให้พระสงฆ์ออกจากการเป็นสมณเพศ เพื่อความต้องการของตน เพื่อให้เข้ากับกระแสของโลก โดยทิ้งสัญญาของตนไว้เบื้องหลัง โดยอ้างโน้นอ้างนี่เพื่อให้คำอ้างเหล่านั้นเข้าข้างผลประโยชน์ต่อตนเอง (จะทำให้เกิดเหตุการณ์ได้คืบเอาซอก หล่ะทีนี้)

3. ผลลัพธ์ของเขา เป็นยังไงบ้าง (Value)... สร้างความวุ่นวาย ,เริ่มมีกระแสความคิดเข้ามาหนุน เพื่อจะได้สมความปรารถนาของตนเอง ,ประชาชนเริ่มแตกแยกกันเองรวมทั้งพระสงฆ์ด้วย (สรุปไม่มีอะไรเจริญงอกงามในการก้าวหน้าทาง ศีลธรรมเลย)

รูปแบบของแม่พระ สร้างสันติ  หรือความวุ่นวายมาสู่เราหล่ะ .... สันติ และความศรัทธา
1. รูปแบบของแม่พระประจักษ์ เป็นยังไงบ้าง (Style)... รักษาสัญญาต่อพระเจ้า ,รักษาพรหมจารี ,นอบน้อมต่อพระประสงค์ของพระเจ้า และแม่พระสง่ามากๆ

2. วิธีการของเขา เป็นยังไงบ้าง (Method)... แม่พระบอกให้เราเลิกทำสงครามกันเพื่อสันติภาพ ,สวดภาวนา และใช้โทษบาป

3. ผลลัพธ์ของเขา เป็นยังไงบ้าง (Value)... มีความวุ่นวายกันเกิดขึ้น แต่ก็เป็นความวุ่นวายเชิงสร้างสรรค์ กระตุ้นให้คนหันมาให้ความสำคัญกับการหลีกหนีจากบาป และหาทางให้เกิดสันติภาพบนโลกใบนี้ และเกิดผู้ศรัทธาจำนวนมากมายเกิดขึ้นจากผลลัพธ์การมาประจักษ์นี้
bb

เสาร์ ม.ค. 26, 2008 5:12 pm

จำรหัสผ่านไม่ได้ เลยเข้ามาแบบนี้

ผมคิดว่าพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่สอง พระองค์ทรงมีพระเมตตามากเลยทั้งๆที่เขาทำผิดอย่างมากก็ยังไม่ไล่เขาออกจากศาสนจักร  แต่ตอนนี้เขาไม่สำนึกพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันท่านก็เลยไล่ออกจากพระศาสนจักร เพราะพระองค์ทรงเด็ดขาดกับเรื่องนี้มาก  ก็เลยคิดว่า องค์ก่อนมีเมตตา  องค์ปัจจุบันท่านเข้มงวดเด็ดขาดในเรื่องการรับใช้ คิดว่าข้อดีต่างกัน ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า

ส่วนเรื่องที่เขาทำผิดไม่ขอออกความเห็นดีกว่า ให้พระเจ้าตัดสิน
ตอบกลับโพส