Belong to the Truth Jesus Christ

มันเป็นคำถามที่ถามกันมานักต่อนัก

สำหรับผมแล้ว ... เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องแก้ไข
เพราะทุกคนที่เป็นน้อยคนนักที่รักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้
ดั่งนั้น สิ่งที่เราควรแก้ไขก็คือ
จากสิ่งที่ไม่บริสุทฺธิ์ ก็เปลี่ยนให้บริสุทธิ์
โดยการ ลด ละ เลิก ...

ผมแอบชอบน้องคนหนึ่งอยู่
เรากะเขาสนิทกันมาก รวมแล้วเกือบ 2 ปี
ช่วงหลังๆ เขาเปลี่่ยนไป ... (เขาเป็นคาทอลิก)
เขาไม่ให้เราเข้าใกล้ ...
เขาพยายามทุกวิถีทางที่ทำให้เขาบริสุทธิ์อยู่ ...
จนทำให้ผมต้องตั้งคำถามมากมายให้เขา ...

แต่เขาตอบผมว่า "พระเจ้าไม่ต้องการให้ผมรักใครแบบนี้"
"ผมหัดที่จะตัดใจ ตัดใจ จนเป็นนิสัยของผม"

การตัดใจ และการปฏิเสธ เมื่อทำไปเรื่อยๆ
จะติดเป็นนิสัย ซึ่งมีความสามารถในการลดดีกรี

เมื่อดีกรีถูกลด ไปเรื่อยๆ ความเป็นเกย์ (ความชอบเพศเดียวกัน)
ก็ยังคงอยู่ แต่ไม่มีจิตกิเลส ทุกอย่างก็จะบริสุทธิ์

หากเราแก้ไม่ได้ เราก็ยากในการที่จะเข้าพระราชัยสวรรค์

ขอพระเจ้าทรงเปลี่ยนจิตใจผมเถิด

การเป็นเกย์ไม่ใช่บาปหรอก

แต่การไม่คุมกำหนัดต่างหากที่เป็นบาป
(การคุมกำเนิดถือเป็นบาปนะ)

พระวจนะก็บอกว่า ชายใดที่เกิดใจกำหนัดเพียงมองหญิงก็บาปแล้ว (มธ5:28)

จะสวดเผื่อนะครับ

ก็นั่นแหละที่ยาก++

แวะเข้ามาอ่านดูจ้า

ขอพระเป็นเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย และเป็นผู้ชูกำลังแก่ข้าพเจ้าและท่านในสงครามนี้ด้วยเทอญ อาเมน

แต่คนจำนวนมาก ไม่คิดจะแก้ไข ฮะ :cheesy:

Jeab Agape เขียน:
แต่คนจำนวนมาก ไม่คิดจะแก้ไข ฮะ :cheesy:

ผมว่ายากด้วยแหละนะ เพราะว่าสิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจ ว่าพระสร้างเรามาเป็นแบบนี้

แต่ผมเชื่อว่า ที่พระสร้างเรามาเป็นแบบนี้ ไม่ได้ต้องการให้เราใช้เพศไม่ถูกต้องแน่นอน

แต่อาจจะต้องการให้เราสามารถที่จะควบคุมตัวเองให้ได้ รู้ตัวเองให้มาก

บางที พระอาจจะอยากให้เราเป็นฆราวาสที่ถือพรหมจรรย์ก็ได้ ใครจะรู้

ไม่มีพระพรในการมีคู่ชีวิต แต่มีพระพรในการถือพรหมจรรย์

คิดในแง่ดีครับ

ใช่เลยครับการที่คุณ bomzaiya  ที่คิดได้ดี และทำดีด้วย
เดินมาถูกทางแล้วครับ  การที่เรารักใครซักคนนั้นไม่บาปหรอก
แต่เราต้องรักด้วยเจตนาบริสุทธิ์
ไม่ได้คิดในเรื่อง(อย่างว่า)
เพราะพระเยซูเจ้ารักทุกคน ไม่ได้คิดอื่นไดเหมือนกัน
ถ้ารักแบบบริสุทธิ์ก็เป็นรักที่ประเสริฐ ไม่มีใครมาว่าเราได้
...เป็นกำลังใจให้นะครับ...
......รักเพื่อนๆในพระคริสต์ทุกคนครับ...

ผมก็ได้เจอเพื่อนที่เป็นคาทอลิกอีกคน
ใน postjung เนี่ยแหละครับ

ดันเ็ป็นคนชลเหมือนกัน
เลยนัดเจอกัน แล้วก็ดันมีอะไรดลใจ
นั่งคุยเสียยืดยาว ...

เขายังคงมีคติที่ว่า ... เป็นเกย์ทำอะไรก็ไม่ผิด เพราะไม่เดือดร้อนใคร ...
ผมบอกว่า แต่ก่อนก็เคยคิดแบบนั้น ...
แต่ การที่เรา กระทำการใดๆ กับร่างกายเรานั้น ก็ถือว่า บาป
    ยิ่งถ้าเรากระทำการใดๆ กับร่างกายเรา และผู้อื่นด้วยนั้น ก็บาป มากขึ้นอีก
ผมพยายามพูดกับเขา แต่เขาก็หัวเราะ ไม่สนกับคำที่ผมพูดไป ...

แต่หากเราเพียงรู้ีสึกชอบ และรัก โดยไม่ได้เกินเลย เนี่ย ก็ไม่บาป
แฮะๆ อย่าคิดแบบนั้นนะ ก็อาจบาปได้ ...

การที่จะหนีจากสภาพบาปแบบนี้ ยากมากครับ

งั้นขอสรุปว่า คนที่เป็นเกย์เนี่ย มักจะมีคติแปลกๆ คล้ายๆ กัน บางคนอาจมี บางคนอาจไม่มี ดังนี้
แบบที่ 1
1. คิดว่าการช่วยเหลือตัวเอง ไม่บาป หรือ บาปน้อย
2. คิดว่าการมีแฟนแล้วทำอะไรกับแฟน ไม่บาป หรือ บาปน้อย
3. คิดว่าชายหญิงที่มีอะไรกันก่อนแต่งงานยังทำได้เลย ทำไมเราจะทำไม่ได้ ยังไงๆ ก็บาป ไม่ต่างกัน
4. คิดว่าบาปทั้งหมดที่ได้ทำตลอดมานั้น พระเจ้าอภัยได้ทั้งหมด ดังนั้นทำไปเหอะ

แบบที่ 2
1. คิดว่าการช่วยเหลือตัวเองเป็นบาป พยายาม ลด ละ เลิก แต่ยังเลิกไม่ได้
2. คิดว่าการมีแฟนแล้วไม่มีอะไรกับแฟน ก็คงดี แต่ถ้าไม่มีคงเหงา และจะยิ่งไปกันใหญ่
3. คิดว่าชายหญิงที่มีอะไรกันก่อนแต่งงานก็บาป ดังนั้น เพื่อให้ไม่ตกในบาป เราจะพยายามไ่ม่ทำแบบนั้น
4. คิดว่าพระเจ้าอภัยบาปได้ แต่พระองค์ทรงมีพระยุติธรรมเช่นกัน ต้องลด ละ เลิก นะ

แบบที่ 3
1. คิดว่าจะไม่ช่วยเหลือตัวเอง เพราะมันบาป ขอทำอย่างอื่นแทนละกัน
2. คิดว่ามีแฟนแล้วก็คงบาป เพราะคงห้ามใจไม่ได้ แต่เหงาก็ช่างมัน ทำอย่างอื่นดีกว่า
3. คิดว่า เราคงไม่ีมีโอกาสแบบนั้น เพราะ้เราไม่อยากมีเรื่องแบบนั้นเลย
4. คิดว่าพระเจ้าจะทรงช่วยให้หลีกหนีโอกาสบาปได้

ก็ลองวัดกันดูละกันครับ ว่าใครเป็นเกย์ แบบ 1 2 หรือ 3
ผมพยายามให้เป็นแบบ 3 ให้ได้ แต่ยากเหลือเกิน ยังอยู่ประมาณ 2
แต่ก่อนนู้น แบบ 1 เลยแหละ

แค่นี้คับ

หลักการต่อไปนี้ พระเจ้าสั่งสอนคริสตชนทุกคนไม่ว่าเขาจะเป็นเพศไหนก็ตาม


1ธส 4:3
นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้า คือให้ท่านเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ละเว้นจากการผิดประเวณี แต่ละคนรู้จักใช้ร่างกายของตน ด้วยความศักดิ์สิทธิ์และด้วยความเคารพ  โดยไม่ปล่อยตัวตามราคะตัณหาอย่างคนต่างชาติที่ไม่รู้จักพระเจ้า   อย่าให้ผู้ใดล่วงเกินหรือหลอกลวงพี่น้องของตนในเรื่องนี้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงโทษในเรื่องความผิดเหล่านี้ทั้งหมดดังที่เราเคยบอกและกำชับท่าน พระเจ้ามิได้ทรงเรียกเราให้มาเป็นคนสกปรกลามก แต่ให้เป็นคนศักดิ์สิทธิ์  




แล้วการเป็นคนศักดิ์สิทธิ์อย่างที่พระเจ้าหมายถึงคือทำตัวแบบไหน



อฟ 5:1-20   
ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบฉบับของพระเจ้า ประดุจบุตรสุดที่รักของพระองค์   จงดำเนินชีวิตในความรักดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเราและทรงมอบพระองค์เพื่อเรา เป็นเครื่องบูชากลิ่นหอมถวายแด่พระเจ้า

ในหมู่ท่านทั้งหลาย อย่าให้มีการผิดประเวณี ความลามกโสมมต่าง ๆ หรือความโลภ อย่าให้มีแม้แต่การพูดถึง จึงจะเป็นการเหมาะสมกับผู้ศักดิ์สิทธิ์  อย่าให้มีทั้งการพูดหยาบคาย พูดไร้สาระและตลกหยาบโลนซึ่งไม่เป็นการสมควร แต่ให้มีการขอบพระคุณ

ท่านทั้งหลายจงรู้ไว้เถิดว่า คนผิดประเวณี คนลามกโสมม และคนโลภซึ่งเป็นเสมือนคนนับถือรูปเคารพ ไม่มีสิทธิรับมรดกในพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้าและของพระเจ้าเลย  อย่าให้ใครใช้คำพูดไร้สาระหลอกลวงท่าน ผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังและทำความผิดเหล่านี้สมควรจะได้รับโทษจากพระเจ้า  จงอย่าสมาคมกับคนเหล่านี้เลย  ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด 

ผลแห่งความสว่างคือความดี ความชอบธรรมและความจริงทุกประการ  จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย  จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืดซึ่งไร้ผล ตรงกันข้าม จงประณามกิจการเหล่านั้น  เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่กระทำกันอย่างปิดบังซ่อนเร้นนั้น แม้เพียงพูดถึงก็น่าละอายแล้ว  ทุกสิ่งที่ถูกประณามนั้นย่อมปรากฏชัดในความสว่าง  และทุกสิ่งที่ปรากฏชัดนั้นคือความสว่าง จึงมีคำกล่าวไว้ว่า

อย่าทำบาปและที่สำคัญอย่าปล่อยตนเองให้อยู่ในท่าทีบาปด้วย

ท่าทีอันอาจจะทำบาปนี่สำคัญมาก ถ้าประมาทอาจพลาดท่าได้ ระวัง...อย่ามองข้ามความปลอดภัย