เทศกาลปัสกา (เดิม :อาทิตย์ที่3 เทศกาลปัสกา)
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 08, 2008 10:01 pm
อ่าน ลูกา 24:13-35
มองใหม่ (บทความจากหนังสือ " ฤดูกาล " วันเวลากับพระวาจา วันอาทิตย์ ปี A โดย น.สาราจิตต์)
เขาทั้งสองก้าวเดินออกจากเยรูซาเล็ม
...ดินแดนที่ความหวังพบจุดจบแห่งความแพ้พ่าย
ชายแปลกหน้าร่วมทางไปกับเขาบนถนนสายนี้
...พวกเขาเล่าเรื่องหัวใจที่หมดหวัง
...พระเบซูผู้เคยเป็นความหวังว่าจะปลดปล่อยอิสราเอลใหเป็นอิสระ
บัดนี้มาตายจาก....และสูญหาย
ในเรื่องราวของพวกเขา...สองสิ่งดูสวนทาง
..ความหวังในพระเยซู กับ ความตายของพระองค์
ความตายของพระองค์ ถูกมองเหมือนความตายอื่น
...จุดจบสิ้น..สถานีสุดท้าย..ของทางสายแห่งคำสัญญา
พวกเขาโศกเศร้า มิเพียงแต่ความตายของพระเยซู
แต่...เพราะความตายของความสัมพันธ์กับพระองค์
ณ เวลานี้ พวกเขาเป็นเพียงแค่อดีตสาวก ของประกาศกผู้ตายจาก
จนกระทั่งเรื่องราวที่น่าเศร้าจบลง
ชายแปลกหน้าจึงเริ่มเรื่องราวใหม่
ทรงเชิญพวกเขาให้มองดูอดีตอีกครั้ง...ด้วยแสงแห่งพระวาจา
ทรงให้ความหมายใหม่ แก่เรื่องราวเก่า
...ความตายของพระคริสตเจ้า เป็นประตูสู่สิริมงคล
สำหรับชายแปลกหน้า...ความตายของพระเยซู เป็นความสำเร็จแห่งภารกิจ
และ...มิใช่ความล้มเหลว...หรือจุดจบสิ้น
ชายแปลกหน้า นำพาพวกเขาให้ค้นพบความหมายของอดีต
ด้วยแสงตะวันใหม่
พวกเขาของพระองค์ให้ค้างคืน เพราะคำ่แล้ว
ณ ที่โต๊ะอาหาร...ทรงบิปัง และส่งให้พวกเขา
ตาของพวกเขาเปิดออก และจำพระองค์ได้...พระเยซูผู้กลับคืนชีพ
พวกเขาเริ่มมองเห็นอนาคตใหม่...ความหวังใหม่
กล้าพอที่จะเดินกลับสู่เยรูซาเล็ม...แม้ในความมืด
เพื่อเล่าขานเรื่องราวแห่งการพบเจอ.
อาทิตย์ที่ 4 เทศกาลปัสกา
ยอห์น 10:1-10
ไม่แปลกหน้า
ย่างก้าวของตนแปลกหน้า
ก่อเกิดฝุ่นดินแห่งความหวาดระแวงและความสงสัย
ย่างก้าวของชุมพาบาล
นำพาสายลมแห่งความอิ่มสุข และมั่นคงปลอดภัย
เขาเรียกแกะด้วยชื่อ....พาสู่พื้นหญ้าเขียวสด
เขาเดินนำหน้า......แกะรู้จักเสียงของเขา
เขายอมสละชีวิตเพื่อแกะของตน
พระองค์มิใช่คนแปลกหน้า
มิใช่มนุษย์ต่างดาวที่ปรากฎตัวยามคำ่คืน ห่อหุ้มด้วยความแตกต่าง
พระองค์ทรงเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติ
ทรงเสด็จมาสูู่บ้านเมืองของพระองค์
แตประชากรของพระองค์มิได้ต้อนรับ
ทรงเกิดและเติบโตในหมู่ประชากร
ทรงหลั่งนำ้ตา...ในวันนั้นที่มนุษยชาติเจ็บปวดร้องไห้
ทรงร่วมเสียงหัวเราะ....ในวันนั้นที่ดอกไม้บานบนผืนแผ่นดินแห่งหัวใจมนุษย์
พระองค์ทรงรับการดูหมิ่น แต่มิเคยตอบโต้
ทรงเป็นทุกข์เจ็บปวด แต่.....ไม่เคยแก้แค้น
เพราะทรงวางทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดา
ทั้งหมดนี้ มิได้บ่งแสดงการเป็น ยอดมนุษย์
แต่.....ประกาศถึงหนทางการเป็น มนุษย์ ของพระองค์
มนุษย์...ผู้กล่าวความจริงอย่างสงบนิ่ง และหนักแน่น
แม้ยืนอยู่ต่อหน้าศัตรูผู้โกรธแค้น และมุ่งทำร้าย
มนุษย์...ผู้เลี้ยงฝูงชนที่ขาดแคลนจนอิ่มล้น
.....ผู้รักและเห็นใจฝูงชนที่ทนทุกข์
.....ผู้มีหัวใจอิสระจากรอยเจ็บปวดในอดีต
ในมนุษย์ผู้นี้
.....ที่มนุษยชาติได้รู้จักเสียงแห่งความรักนิรันดร์กาลของพระบิดา.
มองใหม่ (บทความจากหนังสือ " ฤดูกาล " วันเวลากับพระวาจา วันอาทิตย์ ปี A โดย น.สาราจิตต์)
เขาทั้งสองก้าวเดินออกจากเยรูซาเล็ม
...ดินแดนที่ความหวังพบจุดจบแห่งความแพ้พ่าย
ชายแปลกหน้าร่วมทางไปกับเขาบนถนนสายนี้
...พวกเขาเล่าเรื่องหัวใจที่หมดหวัง
...พระเบซูผู้เคยเป็นความหวังว่าจะปลดปล่อยอิสราเอลใหเป็นอิสระ
บัดนี้มาตายจาก....และสูญหาย
ในเรื่องราวของพวกเขา...สองสิ่งดูสวนทาง
..ความหวังในพระเยซู กับ ความตายของพระองค์
ความตายของพระองค์ ถูกมองเหมือนความตายอื่น
...จุดจบสิ้น..สถานีสุดท้าย..ของทางสายแห่งคำสัญญา
พวกเขาโศกเศร้า มิเพียงแต่ความตายของพระเยซู
แต่...เพราะความตายของความสัมพันธ์กับพระองค์
ณ เวลานี้ พวกเขาเป็นเพียงแค่อดีตสาวก ของประกาศกผู้ตายจาก
จนกระทั่งเรื่องราวที่น่าเศร้าจบลง
ชายแปลกหน้าจึงเริ่มเรื่องราวใหม่
ทรงเชิญพวกเขาให้มองดูอดีตอีกครั้ง...ด้วยแสงแห่งพระวาจา
ทรงให้ความหมายใหม่ แก่เรื่องราวเก่า
...ความตายของพระคริสตเจ้า เป็นประตูสู่สิริมงคล
สำหรับชายแปลกหน้า...ความตายของพระเยซู เป็นความสำเร็จแห่งภารกิจ
และ...มิใช่ความล้มเหลว...หรือจุดจบสิ้น
ชายแปลกหน้า นำพาพวกเขาให้ค้นพบความหมายของอดีต
ด้วยแสงตะวันใหม่
พวกเขาของพระองค์ให้ค้างคืน เพราะคำ่แล้ว
ณ ที่โต๊ะอาหาร...ทรงบิปัง และส่งให้พวกเขา
ตาของพวกเขาเปิดออก และจำพระองค์ได้...พระเยซูผู้กลับคืนชีพ
พวกเขาเริ่มมองเห็นอนาคตใหม่...ความหวังใหม่
กล้าพอที่จะเดินกลับสู่เยรูซาเล็ม...แม้ในความมืด
เพื่อเล่าขานเรื่องราวแห่งการพบเจอ.
อาทิตย์ที่ 4 เทศกาลปัสกา
ยอห์น 10:1-10
ไม่แปลกหน้า
ย่างก้าวของตนแปลกหน้า
ก่อเกิดฝุ่นดินแห่งความหวาดระแวงและความสงสัย
ย่างก้าวของชุมพาบาล
นำพาสายลมแห่งความอิ่มสุข และมั่นคงปลอดภัย
เขาเรียกแกะด้วยชื่อ....พาสู่พื้นหญ้าเขียวสด
เขาเดินนำหน้า......แกะรู้จักเสียงของเขา
เขายอมสละชีวิตเพื่อแกะของตน
พระองค์มิใช่คนแปลกหน้า
มิใช่มนุษย์ต่างดาวที่ปรากฎตัวยามคำ่คืน ห่อหุ้มด้วยความแตกต่าง
พระองค์ทรงเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติ
ทรงเสด็จมาสูู่บ้านเมืองของพระองค์
แตประชากรของพระองค์มิได้ต้อนรับ
ทรงเกิดและเติบโตในหมู่ประชากร
ทรงหลั่งนำ้ตา...ในวันนั้นที่มนุษยชาติเจ็บปวดร้องไห้
ทรงร่วมเสียงหัวเราะ....ในวันนั้นที่ดอกไม้บานบนผืนแผ่นดินแห่งหัวใจมนุษย์
พระองค์ทรงรับการดูหมิ่น แต่มิเคยตอบโต้
ทรงเป็นทุกข์เจ็บปวด แต่.....ไม่เคยแก้แค้น
เพราะทรงวางทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดา
ทั้งหมดนี้ มิได้บ่งแสดงการเป็น ยอดมนุษย์
แต่.....ประกาศถึงหนทางการเป็น มนุษย์ ของพระองค์
มนุษย์...ผู้กล่าวความจริงอย่างสงบนิ่ง และหนักแน่น
แม้ยืนอยู่ต่อหน้าศัตรูผู้โกรธแค้น และมุ่งทำร้าย
มนุษย์...ผู้เลี้ยงฝูงชนที่ขาดแคลนจนอิ่มล้น
.....ผู้รักและเห็นใจฝูงชนที่ทนทุกข์
.....ผู้มีหัวใจอิสระจากรอยเจ็บปวดในอดีต
ในมนุษย์ผู้นี้
.....ที่มนุษยชาติได้รู้จักเสียงแห่งความรักนิรันดร์กาลของพระบิดา.