หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 03, 2008 8:33 pm
โดย honeypor
เราเป็นสมาชิกมาเป็นปีแล้ว แต่ไม่ค่อยเข้ามา เราเป็นคนพุทธโดยกำเนิดและยังเป็นอยู่ แต่ก่อนอ่านที่เพื่อนๆเขียนกันก็ไม่ค่อยเข้าใจ เพราะโดยพื้นฐานความเชื่อและลักษณะการคิดไม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้พระจิตเจ้าทำงานในตัวเรามานาน พอเข้ามาอ่านณ ตอนนี้ทุกคำพูดซึมเข้าไปถึงใจเลย เรามีเรื่องนึงอยากจะเล่าให้ฟัง เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ถ้าเพื่อนๆไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าเราโกหกคำพูดเราก็ปรักปรำตัวเราเอง และพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้
เรานับถือศาสนาพุทธ และมีอภิญญา คือมีฤทธิ์ทางใจ เราใช้จิตพูดคุยกับเทวดาได้ ตอนเราอายุ 17 ปี ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏและอยู่กับเรา ท่านพูดถึงพระเจ้าและพระเยซู แต่ใจเราอคติและต่อต้านอย่างมาก เราก็ไม่เชื่อ ทูตสวรรค์บอกว่าให้เชื่อในพระเจ้า และทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ ซึ่งเราคิดว่ามันงี่เง่ามากๆเลย เพราะว่าพนะพุทธเจ้าบอกว่าอัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน ใจเราดื้อด้านและไม่รับฟัง ทูตสวรรค์ปรากฏตัวบ่อยจนเหมือนเป็นเพื่อน
ตัวเราแต่ก่อนนั้นเป็นคนอัตตาสูง ทิฏฐิมานะก็สูง เพราะว่าเป็นคนที่ทำอะไรก็สำเร็จอย่างง่าย ไม่เคยล้มเหลว และยึดถือเรื่องทางโลกเป็นดั่งพระเจ้าของตน วันหนึ่งพระเจ้าบันดาลให้ทุกอย่างเป็นอย่างตรงข้าม เราสูญเสียทุกอย่าง เรียนไม่จบ สุขภาพแย่ลง ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด เป็นที่นินทาของคน โดนคนซ้ำเติม ผิดใจกับครอบครัวตัวเอง เราพยายามอดทน สู้ และผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปให้ได้ เราสูญเสียทุกอย่างและคิดว่าตัวเองสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว และในวันหนึ่ง ในวินาทีที่คิดว่าตัวเองยอมแพ้แล้ว และคิดจะจบทุกสิ่งทุกอย่างด้วยการฆ่าตัวตาย เราร้องไห้อย่างหนักอย่างที่เค้าบอกว่าน้ำตาเป็นสายเลือด และทูตสวรรค์ก็ปรากฏตัวขึ้น และทูตสวรรค์ก็พูดภาษาแปลกๆที่เราไม่รู้จัก สมองแปลไม่ออก แต่ว่าใจเรารับรู้ สิ่งที่ท่านพูดทำให้เราร้องไห้และทำให้เรารู้ว่าเราไม่ได้ถูกทอดทิ้ง ท่านทำให้เรานิ่งลงและหลับไป เป็นการหลับจริงๆครั้งแรกในระยะเวลา 2 ปี
เมื่อตื่นขึ้นมา โลกของเราก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เราเชื่อทูตสวรรค์ และพระเยซู และพระเจ้า เราเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตนอย่างไร ก็ไม่เคยเรียนรู้เรื่องพระเจ้า แล้วจิตใจเราก็ยังหยาบ ยังมีความดื้อด้านเหลืออยู่ แม้จะโดนตีสั่งสอนอย่างหนักมาเป็นเวลา 2ปี
หลังจากนั้นอีก 1 ปี พระเจ้าย้ายเรามาอยู่ต่างประเทศ ชีวิตตอนนี้ก็พลิกผันไปอีก เพราะว่าต้องปรับตัวใหม่ ไม่มีเพื่อนและครอบครัว ไม่ชินกับสภาพอากาศ อาหาร คือว่าก็ลำบากแต่จำเป็นต้องสู้และอดทน ก็เก็บกดพอสมควร แล้ววันหนึ่งก็มีหมอสอนศาสนาของพยานพระยะโฮวามากดกริ่งหน้าบ้าน เขามาพูดเรื่องพระเจ้า และถามว่าอยากเรียนเกี่ยวกับพระเจ้าไหม เขาจะมาสอนที่บ้าน เราอยากเรียนอยู่พอดี ก็เลยบอกว่าเรียนก็ดี อาทิตย์ถัดมา เขาก็มาสอน เราก็ไม่เข้าใจเลยว่าเขาพูดอะไรของเขา แต่ก็อดทนเรียนเพราะว่าพูดไปแล้ว เขาก็มาที่บ้านทุกอาทิตย์ เวลาเขาถามอะไร เราก็ตอบอย่างที่เขาอยากให้ตอบ ใจจริงนะไม่เชื่อหรอก เพราะว่าไม่เข้าใจไง
แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็มาอีก พอเรียนเสร็จ เราไปส่งเขากลับที่หน้าบ้าน พอลากันเสร็จ เขาจากไป เรารู้สึกหน้ามืด จะเป็นลม เบลอๆ มีบางอย่างบังคับตัวเราไปนอนที่เตียง พอล้มลงนอน มีบางสิ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเรา เราสัมผัสได้ แล้วเราก็ร้องไห้อย่างเด็กๆ น้ำตาน้ำมูกไหล เราก้มหน้าลงด้วยความเกรงกลัว เราเหลือบตามองกลัวสิ่งนั้นจะรู้ สิ่งนั้นสว่างมากๆ ยิ่งใหญ่มากๆ แล้วก็เป็นความรักความเมตตาอย่างมหาศาล สิ่งนั้นพูดกับเรา สิ่งนั้นอยู่กับเราประมาณ 10 นาที สิ่งนั้นละลายความทุกข์ของเราไปกับน้ำตา สิ่งนั้นจากไปแล้วเราก็รู้ว่าสิ่งนั้นคือ พระเจ้า
จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ 10ปีมาแล้ว พระเจ้าเปลี่ยนเราเป็นคนละคน และชีวิตที่เหลืออยู่มีเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าเท่านั้น

Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 03, 2008 10:29 pm
โดย Immanuel (MichaelPaul)
ยินดีด้วยนะครับที่ได้มีประสบการณ์เช่นนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องระมัดระวังคือ "การแยกแยะ" เพราะว่าสำหรับคนที่มีพระพรพิเศษอย่างคุณอาจจะถูกสิง่ที่เรียกว่า "มาร" ล่อลวงและทำให้หลงได้
ยังไงก็ขอบพระคุณพระเจ้า และยินดีต้องรับครับ ^^
อ่อ แนะนำตัวหน่อยสิครับว่าชื่ออะไร ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ไหน เข้าโบสถ์ที่ไหน
ส่วนตัวผม เอก ครับ ก.ท.ม เข้าวัดที่ เซนต์หลุยส์ สาทรจ้า (คาทอลิค)
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 03, 2008 11:34 pm
โดย Holy
รม 8:28-30 พระเจ้าทรงเรียกเราให้ร่วมรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงกำหนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วย เพื่อพระบุตรจะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจำนวนมาก ผู้ที่ทรงกำหนดไว้แล้วนั้นพระองค์ทรงเรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 04, 2008 8:38 am
โดย Batholomew
ขอบคุณพระเจ้าครับ
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 04, 2008 11:09 am
โดย ignatius
ยน.20:29 "ผู้ที่เชื่อ แม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข"
ฟป.4:4 นักบุญเปาโล กล่าวว่า
"จงชื่นชมในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลาเถิด ข้าพเจ้าขอยำ้อีกว่า จงชื่นชมเถิด"
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 4:28 am
โดย honeypor
ชื่อว่าปอค่ะ ยังไม่ได้เข้าโบสถ์ไหน กำลังตัดสินใจอยู่ ด้วยว่าอยู่เมืองนอก แล้วที่เมืองไทยต้องเรียนคำสอนนานๆก่อนจึงจะเข้าเป็นคริสเตียนได้ ปีหนึ่งเราไม่ได้อยู่เมืองไทยนานขนาดนั้น เราอ่านพระคัมภีร์เองที่บ้านอ่ะค่ะ
ครั้งหนึ่งทูตสวรรค์บอกว่า อย่ากังวลถึงอนาคต จงไว้ใจในพระเจ้าว่าพระเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นและทรงพระประสงค์(พระองค์ทรงทราบว่าสิ่งไหนจำเป็นแท้จริง) เวลาอธิษฐานให้อธิษฐานให้ชีวิตเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า ให้ฟังมากกว่าพูด จงขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี เมื่อพระองค์ตีสอนทรงเล็งเห็นแล้วว่าเหมาะสม
เคยมีความรู้สึกบ้างไหมคะว่า เพียงพระเจ้านั้นเพียงพอ
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 6:38 am
โดย Holy
honeypor เขียน:
ชื่อว่าปอค่ะ ยังไม่ได้เข้าโบสถ์ไหน กำลังตัดสินใจอยู่ ด้วยว่าอยู่เมืองนอก แล้วที่เมืองไทยต้องเรียนคำสอนนานๆก่อนจึงจะเข้าเป็นคริสเตียนได้ ปีหนึ่งเราไม่ได้อยู่เมืองไทยนานขนาดนั้น เราอ่านพระคัมภีร์เองที่บ้านอ่ะค่ะ
ครั้งหนึ่งทูตสวรรค์บอกว่า อย่ากังวลถึงอนาคต จงไว้ใจในพระเจ้าว่าพระเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นและทรงพระประสงค์(พระองค์ทรงทราบว่าสิ่งไหนจำเป็นแท้จริง) เวลาอธิษฐานให้อธิษฐานให้ชีวิตเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า ให้ฟังมากกว่าพูด จงขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี เมื่อพระองค์ตีสอนทรงเล็งเห็นแล้วว่าเหมาะสม
เคยมีความรู้สึกบ้างไหมคะว่า เพียงพระเจ้านั้นเพียงพอ
มีครับ
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 5:02 pm
โดย oata_kung
พี่ปอ ขอถามหน่อยได้ไม๊ว่า ความรู้สึกที่ว่าเพียงพระเจ้าเพียงพอ เป็นอย่างไร
และความรู้สึกเช่นว่านั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 5:23 pm
โดย honeypor
งั้นขออนุญาตตอบตามความรู้สึกในฐานะมนุษย์บาปคนหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบนะ
เพราะว่าพระเจ้าคือความรัก ในความรักมีความอ่อนโยน ในความอ่อนโยน เราไม่มีความกลัว เราไม่มีความกังวลว่าจะกินอะไร จะดื่มอะไร อนึ่ง อาหารสำหรับจิตใจสำคัญกว่าอาหารสำหรับกาย และพระเจ้าทรงเป็น
และในพระเจ้ามีสติปัญญาอย่างพระเจ้า เมื่อเราอยู่ในการทดลอง พระเจ้าทรงประทานให้ตามน้ำพระทัยและตามที่ขอและตามที่จำเป็น คือว่าแน่นอนว่าเมื่อมีพระเจ้านั้น เราจะไม่มีชีวิตอยู่อย่างปราศจากความยากลำบาก แต่เมื่ออดทนได้จนถึงที่สุด ผลคือรางวัลของพระองค์ที่จะประทานให้
ปล. เคยได้ยินในพระคัมภีร์เรื่องแกะที่หลงหายไปไหมคะ มีอยู่ตอนหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ในเล่มไหน บอกว่า เมื่อเราได้ช่วยเหลือจิตวิญญาณผู้อื่น ก็เท่ากับว่าเราได้ช่วยเหลือจิตวิญญาณของตัวเองด้วย

Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 5:30 pm
โดย Holy
oata_kung เขียน:
พี่ปอ ขอถามหน่อยได้ไม๊ว่า ความรู้สึกที่ว่าเพียงพระเจ้าเพียงพอ เป็นอย่างไร
และความรู้สึกเช่นว่านั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะดูเหมือนจะเป็นพระหรรษทานที่มาจากพระไม่ได้มาจากตัวเราหรือวิธีคิด แต่เป้นการยอมรับข้อความจริงดังกล่าวด้วยจิตวิญญาณ เพียงแต่มีประสบการณ์ ก็เล่าได้แค่ประสบการณ์
เมื่อราว5ปีก่อน ตอนนั้นมีวิกฤตเกิดขึ้นกับการงานที่ทำ ทำให้เป้นทุกข์และเครียดมาก พอดีวันอาทิตย์ เลยคิดว่าจะไปวัดเพื่อขอพรจากพระให้ช่วยในเรื่องธุรกิจการงานดังกล่าว พอไปถึงวัดอัสสัมซึ่งเป้นมิซซา5โมงเย็นวันอาทิตย์ คนไม่เยอะมาก จำได้ว่าตอนนั้นยืนอยู่ข้างอ่างน้ำเสกด้านขวา ก็รู้สึกว่ามีความอบอุ่นและสันติสุขจู่โจมเข้าในใจ ในแบบลึกซึ้งที่ไม่เหมือนปรกติ จากนั้นก็รู้สึกถึงการทรงประทับอยู่และซาบซึ้งอย่างมาก ทั้งที่จำบทเทศน์หรือบทอ่านอะไรไม่ได้คือความรู้สึกนี้ไม่ได้มาจากบทเทศน์และบทอ่านที่โดนใจแต่อย่างใด จำได้แต่ว่าตาเราพร่าไปด้วยน้ำตาและมองไปที่รูปแม่พระกลางวัด เหมือนในโลกตอนนั้นมีแต่เรากับพระ กำลังพบกัน วิญญาณของเราปลื้มปิติ และลืมหมดสิ้นถึงคำที่ตั้งใจจะอะษฐานขอ ในหัวมีแต่การพร่ำพรรณนาว่า ขอบคุณพระองค์ลูกมีสันติสุขเหลือเกิน ลูกไม่อยากได้อะไรในโลกนี้อีกเลย นอกจากมีพระองค์ มีความสุขมากจนร้องไห้ตลอดมิสซา เวลารับศีลก็ตื้นตันมาก รู้สึกจริงๆถึงความใกล้ชิดพระองค์ เหมือนเข้าไปหากษัตริย์แล้วจะเข้าไปขอปลดหนี้สัก100นึง แต่แค่ก้าวเข้าไปเจอก็ขุนทรัพย์สุดประมาณและรับรู้ว่านี่คือของเรา มันไม่สนใจในความต้องการของตัวเองแล้ว และไม่สนใจจะวอนขออะไร ขอแต่ว่า ขอพระองค์อยู่กับลูกเสมอ ขออย่าให้ลูกลืมความรู้สึกนี้
และจากนั้นหลายๆครั้งที่ความทุกข์จู่โจม คำว่ามีพระองค์ไม่ขาดสิ่งใด ได้กลายเป็นคำปลอบประโลมที่หวานกว่าน้ำผึ้งสำหรับวิญญาณของเรา
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 7:48 pm
โดย In the name of father
honeypor เขียน:
ทูตสวรรค์ปรากฏตัวบ่อยจนเหมือนเป็นเพื่อน
อ่าตรงนี้เผลอนึกถึง "แสตนด์" ในโจโจ้เลยแฮะ

(สงสัยเราจะเสพการ์ตูนมากไป)
เรื่องการทรงนำของพระเจ้ามันเป็นประสบการณ์ส่วนตัวซะด้วยสิ 100 คนก็ 100 แบบ (พระองค์ช่างคิดมาได้ สุดยอดจริงๆ) ยังไงก็ขอแสดงความยินดีที่เปิดใจนะครับ
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 8:51 pm
โดย :: ทั่ น เ บ เ น ดิ๊ ก โ ต ::
แล้วทำไงให้เห็นทูติสวรรค์อ่า -*- อยากเห็น.... จะยินดี
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 9:08 pm
โดย Batholomew
> บุ ต ร แ ห่ ง อ ดั ม แ ล ะ เ อ ว า < เขียน:
แล้วทำไงให้เห็นทูติสวรรค์อ่า -*- อยากเห็น.... จะยินดี
ยน 20:29
พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า
“ท่านเชื่อเพราะได้เห็นเรา
ผู้ที่เชื่อแม้ไม่ได้เห็น ก็เป็นสุข”
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 9:11 pm
โดย Dis volentibus
> บุ ต ร แ ห่ ง อ ดั ม แ ล ะ เ อ ว า < เขียน:
แล้วทำไงให้เห็นทูติสวรรค์อ่า -*- อยากเห็น.... จะยินดี
เชื่อในคำสอนของพระคริสต์ เเละนำไปปฏิบัติตาม.... เเล้วท่านจะได้เห็น มากกว่าทูตสวรรค์
ไม่เห็น ก็ไม่ได้เเปลว่าไม่มี อารักขาเทวดา อยู่ใกล้คุณ คุณไม่เห็น เเต่ท่านก็ยังคงอยู่ ค่ะ

Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 9:11 pm
โดย :: ทั่ น เ บ เ น ดิ๊ ก โ ต ::
อ่า อันนั้นก็จริงอยู่ แต่เราก็ปารถนากันทุกคนที่จะได้เห็นพระองค์ แม้พระองค์สูงไปก็ทูติสวรรค์เป็นดีก็ได้
แต่ ผี คงไม่อ่า วิณณาญก็ อย่า ดีก่า ขอเทวดาอ่า มีปีกด้วย เอิ๊กๆ
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 9:26 pm
โดย Buddy
honeypor เขียน:
ปล. เคยได้ยินในพระคัมภีร์เรื่องแกะที่หลงหายไปไหมคะ มีอยู่ตอนหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ในเล่มไหน บอกว่า เมื่อเราได้ช่วยเหลือจิตวิญญาณผู้อื่น ก็เท่ากับว่าเราได้ช่วยเหลือจิตวิญญาณของตัวเองด้วย
ใช่ค่ะ เพราะว่า เวลาพระทำงาน พระองค์ทำงานกับทั้งสองคน ไม่ใช่ทำกับคนใดคนหนึ่ง
เราเป็นคริสต์ เวลาเราช่วยใคร เราจะช่วยด้วยความรู้สึกว่า เรารับใช้เค้า เราต่ำกว่าเค้า ไม่ใช่เหนือเค้า เรารับใช้ซึ่งกันและกัน รับใช้ด้วยความรัก และเป็นของขวัญให้แก่กันและกันค่ะ
อยู่ต่างประเทศก็เรียนคำสอนได้นี่คะ ไม่เห็นต้องรอมาเรียนที่เมืองไทยเลย จะได้มีเพื่อนเยอะๆ และจะได้ปรับตัวไปด้วยไงคะ ดีออก

ลองไปเรียนดีมั้ยคะ และสิ่งนึงที่ทำได้คือ การไปเป็นอาสาสมัคร ได้ฝึกรับใช้คน และได้ให้ความรักกับคน เพราะพระพรทุกอย่างที่พระให้เรามา ไม่ว่าอะไรก็ตาม ไม่ได้ให้มาเพื่อตัวเราเอง แต่ให้มาเพื่อคนอื่นด้วยค่ะ เป็นหน้าที่เราที่ต้องแบ่งปัน

... และที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีพระเจ้า เราจะได้สัมผัสกับพระเป็นเจ้าเยอะๆด้วยไงคะ
พระอวยพรนะคะ

Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 10:35 pm
โดย Dis volentibus
honeypor เขียน:
ปล. เคยได้ยินในพระคัมภีร์เรื่องแกะที่หลงหายไปไหมคะ มีอยู่ตอนหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ในเล่มไหน บอกว่า เมื่อเราได้ช่วยเหลือจิตวิญญาณผู้อื่น ก็เท่ากับว่าเราได้ช่วยเหลือจิตวิญญาณของตัวเองด้วย
เเกะที่พลัดหลง มัทธิว 18:12-14
ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร ถ้าชายคนหนึ่งมีเเกะอยู่ร้อยตัว เเล้วเเกะตัวหนึ่งบังเอิญหลงทาง
เขาจะไม่ปล่อยเเกะเก้าสิบเก้าตัวไว้บนภูเขา เพื่อค้นหาแกะตัวที่หลงไปหรือ
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าเขาหาเเกะตัวนั้นพบเเล้ว
เขาจะรู้สึกยินดีที่ได้พบมัน มากกว่ายินดีในเเกะเก้าสิบเก้าตัวที่ไม่ได้พลัดหลง
พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ก็เช่นกัน ไม่ทรงปราถนาให้คนธรรมดาๆเหล่านี้เเม้เพียงผู้เดียวต้องพินาศไป...
ป.ล. เเอบสับสน เพราะมีคนชื่อปอ 2 คน....

Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 11:05 pm
โดย honeypor
เราแต่ละคนมีทูตสวรรค์อารักขา
มัทธิว 18 :10 "จงระวังให้ดี อย่าดูหมิ่นผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่ง ด้วยเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ทูตสวรรค์ประจำของเขาเฝ้าอยู่เสมอ ต่อพระพักตร์พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ "
อย่าใช้เวลาที่เหลือกับพระเจ้า แต่มอบทั้งชีวิตแด่พระองค์
ครั้งหนึ่ง เราเหนื่อยกับงานทางโลก วันหนึ่งๆ ตื่นขึ่นมา สมองก็คิดๆๆๆๆ วางแผนๆๆๆ กังวลๆๆๆ ทำอะไรก่อนดี ดื่มกาแฟ เรียนหนังสือ ทำงานบ้าน แล้วรีบไปทำงาน ทำงานเสร็จ เดินทางกลับบ้าน กลับถึงบ้านแล้วพักผ่อนหย่อนใจ เล่นเนตให้หายเหนื่อย หายเหนื่อยแล้ว ฮ่า ได้เวลาของพระเจ้าแล้ว อธิษฐาน แล้วนอนอย่างเหนื่อย

ตื่นมาวันใหม่ก็เป็นเหมือนเดิม เป็นวงจร ซ้ำๆซากๆ จนรู้สึกว่าเหนื่อยจังเลย

ไม่เห็นมีความสุขเลย เราทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า
ที่ผิดพลาดไปก็คือ เราไม่ไว้วางใจในพระปรีชาชาญในพระเจ้า เราคิด เรากังวล เราวางแผน ที่ผิดพลาดไปก็คือเราใช้เวลาที่เหลือกับพระเจ้า เราไม่ได้มอบทั้งชีวิตแด่พระองค์ ขอสดุดีแด่พระเจ้า พระองค์ทรงทราบดีที่สุดในเรื่องชีวิต
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 11, 2008 11:20 pm
โดย ~KaThaRoS~
ลองวิธีนู๋ม่ะค่ะ
ตื่นเช้า Good morning my Lord
Good morning my jesus christ
Good morning ค่ะแม่พระ
Good morning ค่ะอารักขเทวดา
Good morning ค่ะ ทุกๆคน
ก่อนออกไปเรียน แม่พระขา วันนี้ไปมหาลัยเป็นเพื่อนหนูนะค่ะ
แม่พระขา ฝากครอบครัวและบ้านหนูและทุกๆคนด้วยนะค่ะ
อยู่บนรถไฟฟ้า สวดสายประคำ
เดินมาถึงหน้าวัดเซนหลุยส์ก็9โมงเช้าพอดี ก็สวดบทพรหมถือสาร
เดินมาหน้าวัดพระจิต หวัดดีค่ะพระเยซู หนูรักพระองค์นะ
หวัดดีค่ะแม่พระ อวยพรลูกในการเรียนวันนี้ด้วยนะค่ะ
เดินเข้าโรงบาล Good morning ค่ะ นักบุญหลุยส์
Good morning ค่ะ นักบุญเปาโล
ตอนเย็นก็เป็นแบบนี้เหมือนตอนเช้าที่มา
(ฟังเพลง ก็ฟังเพลงวัด จิงๆจับผิดเสียงเพี๊ยนของตัวเอง 55+)
กินข้าวก็สวด แบบที่พี่จิงเคยสอนนู๋ ให้ขอบคุณทุกๆคนในที่ในของทุกๆสิ่งในชีวิต ขอพระอวยพรพวกเค้าทุกๆคน
ก่อนนอนก็สวด แต่จะน้อยหน่อย เพราะเมื่อหัวถึงหมอนนู๋ก็สลบเหมือบแล้วค่ะ
เราคิดว่า ถ้าชีวิตเราไม่มีพระคงอยู่ไม่ได้ เพราะชีวิตลุกอยู่ในพระองค์ และพระองค์ก็อยู่ในชีวิตของหนู
รักพระเจ้าจังเลยอ่ะ

ซึ้งจิงๆ
Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 12, 2008 12:31 am
โดย Buddy
นู๋รี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากของ การรู้ว่า พระอยู่กับเราทุกที่ ไม่ใช่เฉพาะเวลาอธิษฐานเท่านั้น เหมือนเราอยู่กับเพื่อนเรา หรือใครก็ได้น่ะค่ะ เวลาเราไม่ได้คุยกับเค้า เค้าก็อยู่ข้างๆเรา อยู่กับเรา
ขอบคุณ รี่ และ ปอ ที่แบ่งปันค่ะ

Re: ตอนที่เราเจอพระเจ้า
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 12, 2008 8:02 am
โดย ignatius
Buddy เขียน:
นู๋รี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากของ การรู้ว่า พระอยู่กับเราทุกที่ ไม่ใช่เฉพาะเวลาอธิษฐานเท่านั้น เหมือนเราอยู่กับเพื่อนเรา หรือใครก็ได้น่ะค่ะ เวลาเราไม่ได้คุยกับเค้า เค้าก็อยู่ข้างๆเรา อยู่กับเรา
ขอบคุณ รี่ และ ปอ ที่แบ่งปันค่ะ
น้องรี่น่ารักเป็นตัวอย่างที่ดีมาก เหมือนอย่างที่น้องส้มชมเลย ปลื้ม !
