มีพ่อจนๆ มันน่าอายนักหรือ
มีพ่อจนๆมันน่าอายนักหรือ
วันนี้เลิกงานเร็วเลยพาพี่นุ่มไปซื้อของใช้ที่ห้างแห่งหนึ่ง
รอต่อแถวจ่ายตังค์นานเลย เจ้านุ่มก็เริ่มงอแงๆ ง่วงนอน
สังเกตุว่าคิวด้านหน้าเรามากันเป็นครอบครัว
มีพ่อแม่ลูกสาววัยประมาณเจ้านุ่ม แล้วก็ผู้ชายสูงอายุคนหนึ่ง
ที่หนูน้อยเรียกว่า"ปู่" คุยกันยิ้มแย้มแจ่มใสดี
ซื้อของใช้ล้นตระกร้าเชียวค่ะ
พอแคชเชียร์คิดเงินของครอบครัวนี้จนเสร็จได้ยินคร่าวๆว่า
"ทั้งหมดพัน(กว่าๆ)บาทค่ะ...." ผู้เป็น"ปู่"
เป็นคนเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเก่าๆ จะจ่ายเงิน พร้อมทำท่าอ้ำอึ้ง
มีลูกชายลูกสะใภ้จ้องตาเขม็ง หุบยิ้มทันที
" ว่าไงพ่อ จ่ายเค้าไปสิ" ลูกชายบอก คุณปู่ยังทำท่าอ้ำอึ้ง
"ไหน ดูหน่อย มีตังค์เท่าไหร่" คุณปู่ยื่นกระเป๋าตังค์ให้ดูข้างใน
" อ้าว ไหนว่ามีตังค์เยอะไง แล้วแบบนี้จะชวนมาซื้อของทำไม
ไม่มีตังค์จ่ายก็ไม่บอก อายเค้าจริงๆ "
ลูกชายลูกสะใภ้พากันมองคุณปู่ด้วยสายตาที่เหมือนดูถูก...รำคาญ
ในที่สุดเค้าก็พากันทำสิ่งที่เราไม่อยากจะเชื่อสายตา
คืออุ้มลูกเดินหนีไปเลย พร้อมกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ไม่สนใจลูกสาวที่ร้องว่า "ปู่ๆๆๆ ปู่มาด้วย"
คุณปู่ยืนคอตก หน้าเศร้าอยู่หน้าแคชเชียร์ พอเด็กถามว่าจะเอายังไง
คุณปู่เปิดกระเป๋าตังค์ให้เด็กดู แล้วบอกว่าให้คิดเงินตามนี้
ได้ของเท่าไหร่เท่านั้น (เด็กนับแล้วมีแปดร้อยบาทค่ะ)
ระหว่างรอแคชเชียร์คิดเงินใหม่ ได้ยินคุณปู่เล่าว่า
แกบ้านอยู่ต่างอำเภอห่างไปเป็นร้อยกิโล ลูกหลานไม่ไปหานานแล้ว
แกจึงตัดสินใจรวบรวมเงินทั้งหมดที่มีนั่งรถเข้ามาเยี่ยมลูกหลานในเมือง
แล้วชวนออกมาซื้อของ ลูกแกก็ไม่ถามสักคำว่าเงินมีเท่าไหร่ หยิบของเอาๆ
แกก็ไม่เคยรู้ราคาของ เพราะอยู่บ้านนอกก็ซื้อร้านของชำทีห้าบาทสิบบาท
ใครจะจะรู้ว่าของในห้างใหญ่เค้าซื้อกันทีละเป็นพัน
เราจ่ายเสร็จเห็นคุณปู่ยังเดินเคว้งอยู่แถวๆนั้น
ก็เลยถามแกว่าจะกลับยังไง แกบอกว่าพอขึ้นรถกลับเป็น ( อ้าว
แล้วตังค์ล่ะ เมื่อกี้เห็นจ่ายไปหมดแล้วนี่นา ) แต่ก็ยังลังเลอยู่
กลัวลูกกลับมาตามหาแล้วไม่เจอ มือถือก็ไม่รู้เบอร์
เลยตัดสินใจพาคุณปู่ไปที่แผนกประชาสัมพันธ์ประกาศหาลูกค่ะ
จากนั้นเราบอกให้รอสักพัก ถ้าลูกไม่มาจริงๆ ให้ไปขึ้นรถที่คิวรถ
(ฝากเด็กที่ปชส.ค่ะ ว่าให้ย้ำคุณปู่อีกที)
พร้อมกับให้เงินแกเป็นค่ารถไว้ค่ะ จริงๆอยากรอดูสักพัก
แต่เจ้านุ่มไม่ไหวแล้วค่ะ งอแงเหลือเกิน
คุณปู่น้ำตาคลอบอกเราว่า "มันคงไม่ทิ้งปู่จริงๆหรอกนะ
นี่ก็ได้ของไปเยอะเหมือนกันถึงจะซื้อได้ไม่หมดก็เถอะ
นี่มันไม่เคยกลับไปหาปู่เลย ก็เพราะปู่มันจน ไม่มีสมบัติอะไรให้"
เราปลอบใจแกไปบอกว่าเดี๋ยวเค้าคงกลับมาน่ะ คงเดินไปดูอย่างอื่นก่อน
เดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยค่ะ
หันหลังกลับไปมองเห็นคุณปู่ยังยืนคอตกที่เดิม ในใจคิดวนเวียนตลอดเวลา
.... นี่เค้าทำแบบนี้กับพ่อตัวเองได้ยังไงนะ ...
... พ่อไม่มีตังค์พอเนี่ย มันผิดด้วยหรือ? เค้าไม่รู้หรือไงว่า
เงินเท่านี้อาจจะเป็นเงินที่คุณปู่เก็บมาทั้งชีวิตก็ได้
(คนชนบทจะไปหาเงินจากไหนล่ะ?) ...
...แล้วเค้าจะสอนลูกให้กตัญญูต่อพ่อแม่ได้อย่างไร
ก็ทำพฤติกรรมแบบนี้กับพ่อตัวเองให้ลูกเห็น....
จริงอยู่ พื้นฐานครอบครัวนี้อาจจะมีอะไรลึกซึ้งมากกว่านี้ แต่เป็นเรา
เราคงไม่มีวันทอดทิ้งพ่อให้ได้รับความเจ็บปวดอับอายจากการที่ไม่มีเงินซื้อของให้ลูก
หลานได้พอแบบนี้หรอก เป็นเรา เราคงบอกพ่อว่า
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ กลับบ้านเราเถอะ"
ขอขอบคุณเนื้อหาดีดี โดย:fwmail
วันนี้เลิกงานเร็วเลยพาพี่นุ่มไปซื้อของใช้ที่ห้างแห่งหนึ่ง
รอต่อแถวจ่ายตังค์นานเลย เจ้านุ่มก็เริ่มงอแงๆ ง่วงนอน
สังเกตุว่าคิวด้านหน้าเรามากันเป็นครอบครัว
มีพ่อแม่ลูกสาววัยประมาณเจ้านุ่ม แล้วก็ผู้ชายสูงอายุคนหนึ่ง
ที่หนูน้อยเรียกว่า"ปู่" คุยกันยิ้มแย้มแจ่มใสดี
ซื้อของใช้ล้นตระกร้าเชียวค่ะ
พอแคชเชียร์คิดเงินของครอบครัวนี้จนเสร็จได้ยินคร่าวๆว่า
"ทั้งหมดพัน(กว่าๆ)บาทค่ะ...." ผู้เป็น"ปู่"
เป็นคนเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเก่าๆ จะจ่ายเงิน พร้อมทำท่าอ้ำอึ้ง
มีลูกชายลูกสะใภ้จ้องตาเขม็ง หุบยิ้มทันที
" ว่าไงพ่อ จ่ายเค้าไปสิ" ลูกชายบอก คุณปู่ยังทำท่าอ้ำอึ้ง
"ไหน ดูหน่อย มีตังค์เท่าไหร่" คุณปู่ยื่นกระเป๋าตังค์ให้ดูข้างใน
" อ้าว ไหนว่ามีตังค์เยอะไง แล้วแบบนี้จะชวนมาซื้อของทำไม
ไม่มีตังค์จ่ายก็ไม่บอก อายเค้าจริงๆ "
ลูกชายลูกสะใภ้พากันมองคุณปู่ด้วยสายตาที่เหมือนดูถูก...รำคาญ
ในที่สุดเค้าก็พากันทำสิ่งที่เราไม่อยากจะเชื่อสายตา
คืออุ้มลูกเดินหนีไปเลย พร้อมกับโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ไม่สนใจลูกสาวที่ร้องว่า "ปู่ๆๆๆ ปู่มาด้วย"
คุณปู่ยืนคอตก หน้าเศร้าอยู่หน้าแคชเชียร์ พอเด็กถามว่าจะเอายังไง
คุณปู่เปิดกระเป๋าตังค์ให้เด็กดู แล้วบอกว่าให้คิดเงินตามนี้
ได้ของเท่าไหร่เท่านั้น (เด็กนับแล้วมีแปดร้อยบาทค่ะ)
ระหว่างรอแคชเชียร์คิดเงินใหม่ ได้ยินคุณปู่เล่าว่า
แกบ้านอยู่ต่างอำเภอห่างไปเป็นร้อยกิโล ลูกหลานไม่ไปหานานแล้ว
แกจึงตัดสินใจรวบรวมเงินทั้งหมดที่มีนั่งรถเข้ามาเยี่ยมลูกหลานในเมือง
แล้วชวนออกมาซื้อของ ลูกแกก็ไม่ถามสักคำว่าเงินมีเท่าไหร่ หยิบของเอาๆ
แกก็ไม่เคยรู้ราคาของ เพราะอยู่บ้านนอกก็ซื้อร้านของชำทีห้าบาทสิบบาท
ใครจะจะรู้ว่าของในห้างใหญ่เค้าซื้อกันทีละเป็นพัน
เราจ่ายเสร็จเห็นคุณปู่ยังเดินเคว้งอยู่แถวๆนั้น
ก็เลยถามแกว่าจะกลับยังไง แกบอกว่าพอขึ้นรถกลับเป็น ( อ้าว
แล้วตังค์ล่ะ เมื่อกี้เห็นจ่ายไปหมดแล้วนี่นา ) แต่ก็ยังลังเลอยู่
กลัวลูกกลับมาตามหาแล้วไม่เจอ มือถือก็ไม่รู้เบอร์
เลยตัดสินใจพาคุณปู่ไปที่แผนกประชาสัมพันธ์ประกาศหาลูกค่ะ
จากนั้นเราบอกให้รอสักพัก ถ้าลูกไม่มาจริงๆ ให้ไปขึ้นรถที่คิวรถ
(ฝากเด็กที่ปชส.ค่ะ ว่าให้ย้ำคุณปู่อีกที)
พร้อมกับให้เงินแกเป็นค่ารถไว้ค่ะ จริงๆอยากรอดูสักพัก
แต่เจ้านุ่มไม่ไหวแล้วค่ะ งอแงเหลือเกิน
คุณปู่น้ำตาคลอบอกเราว่า "มันคงไม่ทิ้งปู่จริงๆหรอกนะ
นี่ก็ได้ของไปเยอะเหมือนกันถึงจะซื้อได้ไม่หมดก็เถอะ
นี่มันไม่เคยกลับไปหาปู่เลย ก็เพราะปู่มันจน ไม่มีสมบัติอะไรให้"
เราปลอบใจแกไปบอกว่าเดี๋ยวเค้าคงกลับมาน่ะ คงเดินไปดูอย่างอื่นก่อน
เดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลยค่ะ
หันหลังกลับไปมองเห็นคุณปู่ยังยืนคอตกที่เดิม ในใจคิดวนเวียนตลอดเวลา
.... นี่เค้าทำแบบนี้กับพ่อตัวเองได้ยังไงนะ ...
... พ่อไม่มีตังค์พอเนี่ย มันผิดด้วยหรือ? เค้าไม่รู้หรือไงว่า
เงินเท่านี้อาจจะเป็นเงินที่คุณปู่เก็บมาทั้งชีวิตก็ได้
(คนชนบทจะไปหาเงินจากไหนล่ะ?) ...
...แล้วเค้าจะสอนลูกให้กตัญญูต่อพ่อแม่ได้อย่างไร
ก็ทำพฤติกรรมแบบนี้กับพ่อตัวเองให้ลูกเห็น....
จริงอยู่ พื้นฐานครอบครัวนี้อาจจะมีอะไรลึกซึ้งมากกว่านี้ แต่เป็นเรา
เราคงไม่มีวันทอดทิ้งพ่อให้ได้รับความเจ็บปวดอับอายจากการที่ไม่มีเงินซื้อของให้ลูก
หลานได้พอแบบนี้หรอก เป็นเรา เราคงบอกพ่อว่า
" ไม่เป็นไรหรอกค่ะพ่อ กลับบ้านเราเถอะ"
ขอขอบคุณเนื้อหาดีดี โดย:fwmail
- reccanohono
- โพสต์: 1045
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 03, 2008 7:06 pm
- ที่อยู่: thailand
ขอบพระคุณมากค่ะที่แบ่งปัน
สมัยนี้คนเราเปลี่ยนกันได้อย่างง่ายดาย เริ่มเห็นแก่ตัวมากขึ้น
เห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเองอันดับหนึ่ง จนมองข้ามสิ่งสำคัญไปหมดแล้วจริงๆค่ะ
สมัยนี้คนเราเปลี่ยนกันได้อย่างง่ายดาย เริ่มเห็นแก่ตัวมากขึ้น
เห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเองอันดับหนึ่ง จนมองข้ามสิ่งสำคัญไปหมดแล้วจริงๆค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
เห็นด้วยกับที่เล็กพูดนะ...reccanohono เขียน: สมัยนี้คนเราเปลี่ยนกันได้อย่างง่ายดาย เริ่มเห็นแก่ตัวมากขึ้น
เห็นแต่ผลประโยชน์ตัวเองอันดับหนึ่ง จนมองข้ามสิ่งสำคัญไปหมดแล้วจริงๆค่ะ
แต่ที่แย่หนักเข้าไปอีก คือทำตัวแย่ๆ ต่อหน้าลูกตัวเองนี่สิ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย
ถ้าเด็กมันจำไปทำกับตัวเองตอนที่เด็กมันโตเป็นผู้ใหญ่...แล้วจะรู้สึก...
เฮ้อออออออออ ช่างน่าเศร้าจริงๆ
ลูกชายกับลูกสะใภ้ พวกมันรู้จักคำว่า " ความรักที่บริสุทธิ์" กันบ้างหรือเปล่าครับ แบบนี้มันรักเพราะผลประโยชน์นิหว่า ฝรั่งอเมริกัน ว่าจิตใจแห้งแล้งและเย็นชาแล้ว เจอสองคนนี้เข้าไป ต้องบอกว่า " ตัวเป็นมนุษย์ แต่ใจเป็นอะไรไปแล้วก็ไม่รู้"
มีเงิน แล้วจึงรัก แบบนี้ อย่ามารักกันดีกว่า
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
มีเงิน แล้วจึงรัก แบบนี้ อย่ามารักกันดีกว่า
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
จริงๆเเล้ว งงมานานว่า ทำไปได้ยังไง...
ไม่เข้าใจความคิดของคนเหล่านี้อ่ะค่ะ เหอ เหอ เหอ
งง....
ไม่เข้าใจความคิดของคนเหล่านี้อ่ะค่ะ เหอ เหอ เหอ
งง....
จะตอบไงดี ไอแบบนี้มัน เคยเห็นเหมือนกันนะแต่คนนั้นเข้าตีแม่ตัวเอง แม่เขาต้องแอบออกมา เราก็ให้คำแนะนำไม่ถุกเหมือนกันได้แต่ให้กำลังใจ
พูดได้ว่านี้มีจริงในสังคม ไม่ใช้นิยายนะครับ เราเองละวันนี่ทำดีต่อพ่อแม่บ้างหรือยัง อย่าให้มันสายเกินไปนะ แล้วจะเสียใจเหมือนหลายๆคน
พูดได้ว่านี้มีจริงในสังคม ไม่ใช้นิยายนะครับ เราเองละวันนี่ทำดีต่อพ่อแม่บ้างหรือยัง อย่าให้มันสายเกินไปนะ แล้วจะเสียใจเหมือนหลายๆคน
ได้แต่น้ำตาคลอ พี่แกเล่าเศร้ามากเหมือนผมอยู่ในเหตุการณ์
จิงๆก่อนที่ผมจะเปิดรับพระเยซู ผมก็เข้าใจนะ ผมเคยเป็น....
รักใครไม่เป็นเลย ไม่ว่าพ่อแม่ญาติพี่น้อง เพื่อน ฯลฯ ไม่รู้เหมือนกันว่าจิตใจผมเป็นอะไร
ทำไมมันเย็นชาได้แบบนั่น มีใครตายผมก็เฉยๆ ไม่ได้เพราะช๊อคหรืออะไร ใครตายก็เหมือนกัน
ไม่เคยแคร์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นอะไรกับเรา ไม่ว่าเค้าจะดีกับเราแค่ไหน ยังไง....
นี่เป็นแผนการณ์ของพระองค์ ทุกสิ่งที่มันเลวร้ายแค่ไหน แค่เพียงเรามอบไว้กับพระองค์
ผมยังไม่เห็นตำหนิ หรือความขุ่นมัวใดๆเลย
จิงๆก่อนที่ผมจะเปิดรับพระเยซู ผมก็เข้าใจนะ ผมเคยเป็น....
รักใครไม่เป็นเลย ไม่ว่าพ่อแม่ญาติพี่น้อง เพื่อน ฯลฯ ไม่รู้เหมือนกันว่าจิตใจผมเป็นอะไร
ทำไมมันเย็นชาได้แบบนั่น มีใครตายผมก็เฉยๆ ไม่ได้เพราะช๊อคหรืออะไร ใครตายก็เหมือนกัน
ไม่เคยแคร์ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นอะไรกับเรา ไม่ว่าเค้าจะดีกับเราแค่ไหน ยังไง....
นี่เป็นแผนการณ์ของพระองค์ ทุกสิ่งที่มันเลวร้ายแค่ไหน แค่เพียงเรามอบไว้กับพระองค์
ผมยังไม่เห็นตำหนิ หรือความขุ่นมัวใดๆเลย
เคยอ่านนิทานเรื่องหนึ่งนานมาแล้วอยากเอาไปให้ลูกหลานของปู่คนนั้นอ่านจังเลย :evil: :evil:
มีครอบครัวหนึ่งลูกชายแต่งงานพ่อก็เอาเงินที่ตัวเองเก็บหอมรอบริบทั้งหมดจัดงานแต่งงานหรูหราให้ลูกชาย เมื่อลูกสะไภ้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน แรกๆก็ปรนนิบัติพ่อตาอย่างดี
แต่หลังๆพ่อตา แก่ขึ้น ก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาก เป็นภาระให้ลูกสะไภ้ดูแล จนได้หลานชายมา ก็ได้ปู่ช่วยเลี้ยงดู เมื่อหลานโตขึ้นมาหน่อย แม่ต้องการห้องให้ลูกชายได้อยู่เป็นส่วนตัว จึงขอร้องให้ปู่
ย้ายไปอยู่ห้องเก็บของ ปู่ก็ยินดี เพราะบอกว่าไม่นานแกก็ตายแล้ว แกยินดีที่ห้องของแกจะได้มีประโยชน์ได้ต่อไป นานวันเข้า บ้านนี้ก็เริ่มไม่สนใจปู่ เพราะมีภาระต่างๆมากขึ้น ทอดทิ้งปู่ให้เหงาว้าเหว่ อดมื้อกินมื้อ
จะมีก็เพียงหลานชายที่ยังคงพอจะคอยดูแลปู่บ้าง แม้เพียงเล็กๆน้อยๆ
วันหนึ่งอากาศหนาวจัด หลานชายนอนไม่หลับก็ลงมาดูปู่ เห็นนอนขดหนาวสั่นเพราะไม่มีผ้าห่ม หลานชายจึงไปปลุกพ่อ ขอผ้าห่มเก่าๆสักผืนไปให้ปู่ พ่อและแม่ค้นได้ผ้าห่ม เก่าๆบาง ขาดเป็นหย่อมๆ จึงยื่นให้ลูกชาย
เอาไปให้ปู่ ลูกชายได้ผ้าห่มมาก็จัดการฉีกแบ่งครึ่งทันที พ่อเห็นจึงถามลูกว่า ทำไมต้องฉีกผ้าห่มด้วย มันเก่าและบางมากด้วย ลูกชายตอบทันทีว่า
"ครึ่งหนึ่งผมจะเอาไปให้ปู่ อีกครึ่งหนึ่งผมจะเก็บเอาไว้ให้พ่อใช้เมื่อพ่อแก่ไงครับ"
จบค่ะ ได้ข้อคิดดี
มีครอบครัวหนึ่งลูกชายแต่งงานพ่อก็เอาเงินที่ตัวเองเก็บหอมรอบริบทั้งหมดจัดงานแต่งงานหรูหราให้ลูกชาย เมื่อลูกสะไภ้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน แรกๆก็ปรนนิบัติพ่อตาอย่างดี
แต่หลังๆพ่อตา แก่ขึ้น ก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาก เป็นภาระให้ลูกสะไภ้ดูแล จนได้หลานชายมา ก็ได้ปู่ช่วยเลี้ยงดู เมื่อหลานโตขึ้นมาหน่อย แม่ต้องการห้องให้ลูกชายได้อยู่เป็นส่วนตัว จึงขอร้องให้ปู่
ย้ายไปอยู่ห้องเก็บของ ปู่ก็ยินดี เพราะบอกว่าไม่นานแกก็ตายแล้ว แกยินดีที่ห้องของแกจะได้มีประโยชน์ได้ต่อไป นานวันเข้า บ้านนี้ก็เริ่มไม่สนใจปู่ เพราะมีภาระต่างๆมากขึ้น ทอดทิ้งปู่ให้เหงาว้าเหว่ อดมื้อกินมื้อ
จะมีก็เพียงหลานชายที่ยังคงพอจะคอยดูแลปู่บ้าง แม้เพียงเล็กๆน้อยๆ
วันหนึ่งอากาศหนาวจัด หลานชายนอนไม่หลับก็ลงมาดูปู่ เห็นนอนขดหนาวสั่นเพราะไม่มีผ้าห่ม หลานชายจึงไปปลุกพ่อ ขอผ้าห่มเก่าๆสักผืนไปให้ปู่ พ่อและแม่ค้นได้ผ้าห่ม เก่าๆบาง ขาดเป็นหย่อมๆ จึงยื่นให้ลูกชาย
เอาไปให้ปู่ ลูกชายได้ผ้าห่มมาก็จัดการฉีกแบ่งครึ่งทันที พ่อเห็นจึงถามลูกว่า ทำไมต้องฉีกผ้าห่มด้วย มันเก่าและบางมากด้วย ลูกชายตอบทันทีว่า
"ครึ่งหนึ่งผมจะเอาไปให้ปู่ อีกครึ่งหนึ่งผมจะเก็บเอาไว้ให้พ่อใช้เมื่อพ่อแก่ไงครับ"
จบค่ะ ได้ข้อคิดดี
ได้ใจมากค่ะผ่านมา เขียน: "ครึ่งหนึ่งผมจะเอาไปให้ปู่ อีกครึ่งหนึ่งผมจะเก็บเอาไว้ให้พ่อใช้เมื่อพ่อแก่ไงครับ"
อันนี้ก็อป(หรือแปล)มาจากนิทานฝรั่งใช่ไหมครับ เพราะปกติชนชาติพวกนี้ ใจโฉด เย็นชา ไร้ความเมตตา ส่วนเรื่องความรักที่บริสุทธิ์นั้น ไม่ต้องพูดถึงเลย พวกมันไม่เคยมีอยู่แล้ว(ขนาดในวัดคาทอลิกอเมริกัน มันยังแบ่งแยกชนชาติและสีผิวเลย ความรักแบบพระเยชูเจ้านั้น มีจริงแค่ปากของพระสงฆ์ฝรั่งที่พูดผ่านไมค์เท่านั้น หาใช่ในสังคม และในวัดไม่) โดนเอง เจอเอง จะรู้เองครับ ที่ใดไร้ความรัก ที่นั้นไม่มีพระเจ้าครับ In God We True บนธนบัตรของพวกมัน เอาไว้หลอกคนโง่เพียงเท่านั้นครับ โป๊ปรู้หรือเปล่าว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในพระศาสนจักรของพระองค์ คำสอนเดียวกันทั่วโลก จะเป็นจริง หรือไม่เป็นจริง ดูกันเอาเองครับผ่านมา เขียน: เคยอ่านนิทานเรื่องหนึ่งนานมาแล้วอยากเอาไปให้ลูกหลานของปู่คนนั้นอ่านจังเลย :evil: :evil:
มีครอบครัวหนึ่งลูกชายแต่งงานพ่อก็เอาเงินที่ตัวเองเก็บหอมรอบริบทั้งหมดจัดงานแต่งงานหรูหราให้ลูกชาย เมื่อลูกสะไภ้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน แรกๆก็ปรนนิบัติพ่อตาอย่างดี
แต่หลังๆพ่อตา แก่ขึ้น ก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาก เป็นภาระให้ลูกสะไภ้ดูแล จนได้หลานชายมา ก็ได้ปู่ช่วยเลี้ยงดู เมื่อหลานโตขึ้นมาหน่อย แม่ต้องการห้องให้ลูกชายได้อยู่เป็นส่วนตัว จึงขอร้องให้ปู่
ย้ายไปอยู่ห้องเก็บของ ปู่ก็ยินดี เพราะบอกว่าไม่นานแกก็ตายแล้ว แกยินดีที่ห้องของแกจะได้มีประโยชน์ได้ต่อไป นานวันเข้า บ้านนี้ก็เริ่มไม่สนใจปู่ เพราะมีภาระต่างๆมากขึ้น ทอดทิ้งปู่ให้เหงาว้าเหว่ อดมื้อกินมื้อ
จะมีก็เพียงหลานชายที่ยังคงพอจะคอยดูแลปู่บ้าง แม้เพียงเล็กๆน้อยๆ
วันหนึ่งอากาศหนาวจัด หลานชายนอนไม่หลับก็ลงมาดูปู่ เห็นนอนขดหนาวสั่นเพราะไม่มีผ้าห่ม หลานชายจึงไปปลุกพ่อ ขอผ้าห่มเก่าๆสักผืนไปให้ปู่ พ่อและแม่ค้นได้ผ้าห่ม เก่าๆบาง ขาดเป็นหย่อมๆ จึงยื่นให้ลูกชาย
เอาไปให้ปู่ ลูกชายได้ผ้าห่มมาก็จัดการฉีกแบ่งครึ่งทันที พ่อเห็นจึงถามลูกว่า ทำไมต้องฉีกผ้าห่มด้วย มันเก่าและบางมากด้วย ลูกชายตอบทันทีว่า
"ครึ่งหนึ่งผมจะเอาไปให้ปู่ อีกครึ่งหนึ่งผมจะเก็บเอาไว้ให้พ่อใช้เมื่อพ่อแก่ไงครับ"
จบค่ะ ได้ข้อคิดดี
ต้องโดนเอง เจ็บเอง ลำบากเอง จึงเข้าใจครับ ขนาดคนเคยอยากเข้าบ้านเณรแบบผม ยังหัวเสียเลย คิดดูให้ดีนะครับ การมองคนไม่ใช่คน จิตใจทำด้วยอะไร
ขอพระอวยพรทุกท่านครับผม
เย็นไว้ค่ะพี่น้องที่รัก....อย่าตัดสินคนอื่น
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีพระเจ้า
เเล้วถ้าใจเราไม่มีความรักซะเองล่ะคะ เหอ เหอ เหอ
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีพระเจ้า
เเล้วถ้าใจเราไม่มีความรักซะเองล่ะคะ เหอ เหอ เหอ
การมีพ่อจนๆ มันไม่เห็นต้องอายเลย
แต่ไม่เข้าใจว่า ตัวเค้า ภรรยาเค้า ทำไมถึงทำแบบนี้
เค้าทำแบบนี้ เหมือนเป็นการดูถูกและไม่ให้ความเครารพพ่อตัวเองเลย
ละทิ้งพ่อให้อยู่ลำพังไม่ไปหา ก็น่าเศร้า และ ไม่ควรทำแล้ว
แต่ การปล่อยพ่อทิ้งไว้ และ พาลูกและ ภรรยาเดินหนีไปแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ควรทำเลยจริงๆ
แต่ไม่เข้าใจว่า ตัวเค้า ภรรยาเค้า ทำไมถึงทำแบบนี้
เค้าทำแบบนี้ เหมือนเป็นการดูถูกและไม่ให้ความเครารพพ่อตัวเองเลย
ละทิ้งพ่อให้อยู่ลำพังไม่ไปหา ก็น่าเศร้า และ ไม่ควรทำแล้ว
แต่ การปล่อยพ่อทิ้งไว้ และ พาลูกและ ภรรยาเดินหนีไปแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ควรทำเลยจริงๆ
- I_Love_Jesus
- โพสต์: 2
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 28, 2008 8:16 am
- ที่อยู่: 401 ซ.ลาดพร้าว 15 แขวง จอมพล เขต จตุจักร กรุงเทพ 10900
[quote="