หน้า 1 จากทั้งหมด 2

“บาปหนักสมัยใหม่ 7 ประการ”

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 08, 2008 10:21 pm
โดย Buddy
สองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวจากสื่อมวลชนบางแหล่งว่า  วาติกันแถลงเรื่อง

Re: “บาปหนักสมัยใหม่ 7 ประการ”

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 08, 2008 10:33 pm
โดย Batholomew
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ ::001::

Re:

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 08, 2008 10:35 pm
โดย Viridian
ขอบคุณที่แบ่งปันค่าาาา :grin: : xemo026 :

Re:

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 09, 2008 8:30 am
โดย EZRA
เห็นในเว็บของสังฆมลฑลแล้ว.. แต่เข้ามาอ่านอีก ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ ^^

Re:

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 09, 2008 12:47 pm
โดย tan
ผมเห็นด้วยในเรื่องที่กล่าวมานะ ในพระคำภีร์มีเขียนไว้ ในเรื่องที่เศรษฐีหนุ่มถามพระเยซูว่าต้องทำอย่างไรจึงจะได้ชีวิตรนิรันดร พระองค์ทอดพระเนตรเขาด้วยความเอ็นดู ตรัสกับเขาว่า "ท่านยังขาดอิกสิ่งหนึ่ง จงไปขายทุกอย่างที่มี มอบเงินให้คนอยากจนแล้วท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด" เมื่อได้ฟังพระวาจา ชายผู้นั้นหน้าสลดลงเพราะเขามีสมบัติมากมาย จึงจากไปด้วยความทุกข์ (มาระโก10:22)
        เห็นได้ว่าการมีสมบัติมากไปไม่ใช้เรื่องผิดนะแต่ถ้ามีความยึดติดกับสิ่งเหล่านั้น ทำให้เราเสียพระราชัยสวรรค์ได้เลยละแม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปแต่ส่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ ความชั่วยังคงวนเวียนอยู่ข้างเราเสมอ เราจะรอดได้ก้ต่อเมื่ออดทนและเชื่อในความรักของพระ การอภัย ความรัก การเสียสละ ความไม่เห็นแก่ตน ยอมรับความผิดพลาด และปรับปรุง นี้บางที่อาจทำให้เราเขาใจในพระและรักพระองคืมากขึ้น ก็ได้
       

Re:

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 09, 2008 1:53 pm
โดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
เป็นดอกของต้นเดิม คือบาปต้น 7 ประการ


ถ้าจะตัดต้องถอนที่ราก ไม่ใช่ตัดที่ดอก

Re:

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 09, 2008 11:57 pm
โดย Buddy
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: เป็นดอกของต้นเดิม คือบาปต้น 7 ประการ


ถ้าจะตัดต้องถอนที่ราก ไม่ใช่ตัดที่ดอก
แต่บางทีดอก  มันก็หนาและใหญ่มาก  จนไม่เห็นราก  เลยไม่รู้ว่า  นี่คือ  ดอกของต้นบาป  ::001:: 

จริงๆ  ทั้ง 7 ข้อนี้  มีนัยยะทางเทววิทยาที่ลึกซึ้งนะคะ  ไม่ใช่อะไรตื้นๆง่ายๆ  มันเป็นภาพสะท้อนของบาปในยุคปัจจุบัน  เป็นภาพสะท้อนของคนในยุคนี้  และความรุนแรงต่างๆที่เกิดขึ้นในโลก 

Re:

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 10, 2008 10:30 pm
โดย :+:Regina Pacis:+:
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันค่ะ  ::001::

Re: “บาปหนักสมัยใหม่ 7 ประการ”

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 11:04 am
โดย KuRapiKa
ขอบคุณมากครับพี่  ::001::

Re:

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2008 5:32 pm
โดย †mommomza†
เห็นด้วย

Re:

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2008 5:59 pm
โดย bb_z
ข้องใจสองข้อนี้อะครับ
ข้อที่
3. ความร่ำรวยขึ้นจนเกินไป (Accumulating excessive wealth)
2. การใช้ยีนของมนุษย์ในทางผิดศีลธรรม (Genetic manipulation)
6. การค้นคว้าทดลองที่ยังไม่สรุปตกลงด้านศีลธรรม (Morally debatable experiments)

บิล เกตส จะได้ขึ้นสวรรค์ไหมครับ เพราะเขารวยสุดในโลก รวยเกินไป รวยเว่อ ๆ แต่เด๋วนี้เขาหันมาทำด้านการกุศลเต็มทีแล้วนิครับ
ข้อที่สอง ใช้แค่ยีน ผิดศีลธรรมด้วยเหรอครับ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย
ข้อที่หก

ผมว่านะ สองข้อนี้ รวมกันเป็นข้อเดียวคือ ห้ามการทดลองที่จะส่งผลกระทบต่อความเชือที่ว่าพระเจ้าสร้างโลก เพราะความจริงก็คือ พระเจ้าเป็นคนสร้างโลก การทดลองใดๆ ซึ่งผลการทดลองจะมาขัดกับหลักความจริง ถือว่าเป็นบาปหนัก

Re:

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2008 6:02 pm
โดย bb_z
ผมว่าบาปหนัก 7ประการสมัยเก่า ดีกว่านะครับ
มันนิยามคำว่าบาปได้ ดีกว่าอะ

ตรงๆดี ผมว่ามันไม่เก่าหรอก ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย อันในที่ตั้งขึ้นมา มัน.... อยุนะ  ::015::

Re:

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 02, 2008 11:22 pm
โดย Valkyrie Zero Number
เท่าที่อ่านดู 7 ข้อนั่น มันก็มีรากฐานมาจากบาป 7 ตัวเดิมอยู่ดีนี่นาครับ
(โลภ ยะโส โกรธ หลง ตะกละ อิจฉา เกียจคร้าน)

สรุป มันก็ของเดิมนั่นแหละแต่ที่ว่าเป็นของใหม่ก็แค่ "ผลส่วนหนึ่ง" ที่มาจากเจ้าเจ็ดตัวเก่าอยู่ดี

Re: “บาปหนักสมัยใหม่ 7 ประการ”

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 03, 2008 12:26 am
โดย Dis volentibus
bb_z เขียน: ข้องใจสองข้อนี้อะครับ
ข้อที่
3. ความร่ำรวยขึ้นจนเกินไป (Accumulating excessive wealth)
2. การใช้ยีนของมนุษย์ในทางผิดศีลธรรม (Genetic manipulation)
6. การค้นคว้าทดลองที่ยังไม่สรุปตกลงด้านศีลธรรม (Morally debatable experiments)

บิล เกตส จะได้ขึ้นสวรรค์ไหมครับ เพราะเขารวยสุดในโลก รวยเกินไป รวยเว่อ ๆ แต่เด๋วนี้เขาหันมาทำด้านการกุศลเต็มทีแล้วนิครับ
ข้อที่สอง ใช้แค่ยีน ผิดศีลธรรมด้วยเหรอครับ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนสักหน่อย
ข้อที่หก

ผมว่านะ สองข้อนี้ รวมกันเป็นข้อเดียวคือ ห้ามการทดลองที่จะส่งผลกระทบต่อความเชือที่ว่าพระเจ้าสร้างโลก เพราะความจริงก็คือ พระเจ้าเป็นคนสร้างโลก การทดลองใดๆ ซึ่งผลการทดลองจะมาขัดกับหลักความจริง ถือว่าเป็นบาปหนัก
- บิล เกตส์ ขึ้นสวรรค์ไหม ไม่รู้ ไม่ตัดสิน...เเต่รํารวยในที่นี้ หมายถึง มีเงินเเละไม่คิดจะบริจาคให้ใคร เกินความจำเป็นของคนๆนั้น
(ถ้าบิล เกตส์ มีตังค์เท่าข้าพเจ้า เขาอาจจะให้เงินเดือนพนักงานบริษัทไม่ได้ เเละอาจจะบริจาคทุนให้คนขัดสน ไม่ได้)

- ใช้ยีนในทางที่ผิดศีลธรรมค่ะ อ่านดีๆ ไม่ใช่ ใช้ยีนเเล้วผิดศีลธรรม
เช่น เอายีนมนุษย์ มาตัดต่อกับสุนัข...เป็นตัวคุณเอง ก็คงไม่ยอม

- ไม่เกี่ยวกับพระเจ้าสร้างโลกตรงไหนเลยค่ะ เเล้วให้ตายยังไงก็ไม่ขัดกันด้วย
ยกเว้นจะมีใครบางคนตีความพระคัมภีร์เเบบผิดๆ เข้าใจมาผิดๆ ฝังหัวมาผิดๆ
นึกว่าพระคัมภีร์ เป็นหนังสือชีวประวัติโลก  คุณอย่าเอามารวมกันดีกว่า มันเป็นการเเสดงถึงความ "ไม่มีเหตุผล" ของคุณเอง

การทดลอง ในที่นี้ ยกตัวอย่างเช่น...ทดลองระเบิด เช่น อยู่ดีๆคุณอยากทดลองระเบิด อยากทราบว่าสภาพศพของคนที่โดนระเบิดเป็นอย่างไร
เเล้วอยู่ดีๆ คุณก็เอาระเบิดไปลง คนบริสุทธิ์ตายมากมาย เพื่อผลการทดลองของคุณ อันนี้ผิดศีลธรรมไหม...ผิด

Re:

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 03, 2008 6:07 am
โดย Alphonse
ขอขยายผลเพิ่มเติม ข้อ ๖ การทดลองที่ยังไม่ได้ข้อยุติทางศีลธรรม
คือ บางทีแม้แต่การผลิตอาวุธขึ้นมา...ทางศีลธรรมเองก็ยังไม่ได้ข้อยุติ
เพราะปกติอาวุธ สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายชีวิต ดังนั้นในทางผลจึงเป็นการผิดศีลธรรม

ขอบคุณฮะ

Re:

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 08, 2008 12:19 am
โดย Like a Heaven
น้องเจนเยี่ยมไปเลย ::020::

Re:

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 5:02 am
โดย bb_z
- บิล เกตส์ ขึ้นสวรรค์ไหม ไม่รู้ ไม่ตัดสิน...เเต่รํารวยในที่นี้ หมายถึง มีเงินเเละไม่คิดจะบริจาคให้ใคร เกินความจำเป็นของคนๆนั้น
(ถ้าบิล เกตส์ มีตังค์เท่าข้าพเจ้า เขาอาจจะให้เงินเดือนพนักงานบริษัทไม่ได้ เเละอาจจะบริจาคทุนให้คนขัดสน ไม่ได้)
แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่า พอดี(ไม่เกินความจำเป็นของคนๆนั้นละครับ) ถึงอย่างงั้นผมว่ามันก็ไม่เหมาะอยุ่ดีครับ บิล เกตส์เขาหาเงินมาได้ ด้วยความสามารถของเขาเองไม่ได้ไปโกงใคร ดังนั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของเขา ถ้าไม่ทำให้ใครเดือนร้อนเขาก็ไม่น่าจะบาปนิครับ (บาปเพราะรวยเกิน -*-)
- ใช้ยีนในทางที่ผิดศีลธรรมค่ะ อ่านดีๆ ไม่ใช่ ใช้ยีนเเล้วผิดศีลธรรม
เช่น เอายีนมนุษย์ มาตัดต่อกับสุนัข...เป็นตัวคุณเอง ก็คงไม่ยอม

- ไม่เกี่ยวกับพระเจ้าสร้างโลกตรงไหนเลยค่ะ เเล้วให้ตายยังไงก็ไม่ขัดกันด้วย
ยกเว้นจะมีใครบางคนตีความพระคัมภีร์เเบบผิดๆ เข้าใจมาผิดๆ ฝังหัวมาผิดๆ
นึกว่าพระคัมภีร์ เป็นหนังสือชีวประวัติโลก  คุณอย่าเอามารวมกันดีกว่า มันเป็นการเเสดงถึงความ "ไม่มีเหตุผล" ของคุณเอง
ผมขอโทษแล้วกันครับที่เข้าใจผิด
-
การทดลอง ในที่นี้ ยกตัวอย่างเช่น...ทดลองระเบิด เช่น อยู่ดีๆคุณอยากทดลองระเบิด อยากทราบว่าสภาพศพของคนที่โดนระเบิดเป็นอย่างไร
เเล้วอยู่ดีๆ คุณก็เอาระเบิดไปลง คนบริสุทธิ์ตายมากมาย เพื่อผลการทดลองของคุณ อันนี้ผิดศีลธรรมไหม...ผิด
ด้วยความรู้ที่มีอยุ่น้อยนิดของผมเข้าใจว่า ประเทศที่ชอบล่าอาณานิคม เขานับถือศาสนาคริสติมิใช่เหรอครับ
ประเทศที่ประชาชนกว่าร้อยละ40% เชื่อว่าพระเจ้าสรางโลก (ประเทศสหรัฐอเมริกา) มิใช่หรอกหรือครับที่ทำสงครามกับอิรัก เหตุผลเพราะหวังน้ำมันโดยกล่าวหาว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ

Re:

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 9:42 am
โดย Dis volentibus
แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่า พอดี(ไม่เกินความจำเป็นของคนๆนั้นละครับ) ถึงอย่างงั้นผมว่ามันก็ไม่เหมาะอยุ่ดีครับ บิล เกตส์เขาหาเงินมาได้ ด้วยความสามารถของเขาเองไม่ได้ไปโกงใคร ดังนั้นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของเขา ถ้าไม่ทำให้ใครเดือนร้อนเขาก็ไม่น่าจะบาปนิครับ (บาปเพราะรวยเกิน -*-)
ก็ไม่ได้มีใครว่าเขา(บิล เกตส์)บาปนิ่คะ :grin:
เเละปกติเขาก็บริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนในสหรัฐมากมายอยู่เเล้ว

ด้วยความรู้ที่มีอยุ่น้อยนิดของผมเข้าใจว่า ประเทศที่ชอบล่าอาณานิคม เขานับถือศาสนาคริสติมิใช่เหรอครับ
ประเทศที่ประชาชนกว่าร้อยละ40% เชื่อว่าพระเจ้าสรางโลก (ประเทศสหรัฐอเมริกา) มิใช่หรอกหรือครับที่ทำสงครามกับอิรัก เหตุผลเพราะหวังน้ำมันโดยกล่าวหาว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
ถ้าจำไม่ผิด ประเทศนี้ไม่ได้ยึดพระบัญญัติ เสมือน กฎหมายบ้านเมือง เหมือนในบางประเทศเเถบเอเชียตะวันตกเฉียงใต้หรอกค่ะ  :smiley:
เเล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับพรรครีพับลิกัน (สังเกตได้จากโพล เลือกตั้งประธานาธิปดีสหรัฐฯปีนี้)  :grin:

ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ :angel:

Re:

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 3:43 pm
โดย bb_z
ก็ไม่ได้มีใครว่าเขา(บิล เกตส์)บาปนิ่คะ 
เเละปกติเขาก็บริจาคเงินเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนในสหรัฐมากมายอยู่เเล้ว
แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่บิล เกตส์ ละครับ เป็นคนที่รวยมากๆ รวยด้วยความสามารถของตัวเองและรวยโดยสุจริต แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว(แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็นมหาเศรษฐี) เขาจึงไม่บริจาค เขาบาปไหม

Re:

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 4:34 pm
โดย Dis volentibus
bb_z เขียน: แล้วถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่บิล เกตส์ ละครับ เป็นคนที่รวยมากๆ รวยด้วยความสามารถของตัวเองและรวยโดยสุจริต แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว(แต่คนส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็นมหาเศรษฐี) เขาจึงไม่บริจาค เขาบาปไหม
ตรงนี้ไม่ต้องไปดูถึงบาปหนักสมัยใหม่ก็ได้นะคะ  :grin:
ย้อนกลับไปตั้งเเต่ บาปต้น 7ประการเลยก็ยังไงได้

โดนเรื่อง "ความตระหนี่" (Covetousness) ไปเต็มๆเลยค่ะ  :grin: เพราะไม่บริจาค
ในพระคัมภีร์ เเม้เเต่หญิงม่ายที่มีเงินเพียง 2 เหรียญ ยังบริจาคเลย

นายคนนี้(ที่คุณสมมติขึ้นมา) มีเงินขนาดที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็น มหาเศรษฐีได้ เเสดงว่า ปัจจุบันต้องมีกินมีใช้มากทีเดียว
เเละนอกจากปัจจุบันจะ "รวย" อยู่เเล้ว!!!!!!!

แต่ก็ยังคิดว่า ฉันรวยไม่พอ...ฉันจะรวยกว่านี้อีก.....(ตีความจากข้อความนี้ "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว")
ความรู้สึกนี้เเหล่ะค่ะ เเถวบ้านเรียกว่า โลภ
ผิดบาปต้นอีก1 "โลภอาหาร" (Gluttony)

สมบัติเเท้

มธ 6:19

ท่านทั้งหลายจงอย่าสะสมทรัพย์สมบัติบนเเผ่นดินนี้เลย
ที่นี่ทรัพย์สมบัติทั้งหลายถูกสนิมเเละขมวนกัดกิน
เเละถูกขโมยเจาะช่องเจ้ามาขโมยไปได้
เเต่จงสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด ที่นั่น
ไม่มีสนิมหรือขมวนกัดกิน
เเละขโมยก็เจาะช่องเข้ามาขโมยไม่ได้
เพราะทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด
ใจของท่านก็จะอยู่ที่นั่นด้วย


ป.ล. อย่างไรก็ตาม การจะตอบว่า "ทำเช่นนี้เป็นบาปหรือไม่" ไม่สามารถตอบได้ง่ายๆ
เพราะมันขึ้นอยู่กับมโนธรรมของเเต่ละคน ซึ่งเเน่นอนว่า มีพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบ

Re:

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 9:38 pm
โดย bb_z
คำว่า "โลภ" กับ "ไม่บริจาค" มันความหมายไม่เหมือนกันนะครับ

การที่เราบริจาคหรือไม่บริจาค มันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ ผมว่า

ให้ตังขอทานเป็นการบริจาคไหม (เป็น ใช่ไหมครับ )
ขอทาน เราตังเขาไป ขอทานก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัญหาของสังคม และขอทานก็ทำกันเป็นขบวนการ ขอทานที่จังหวัดผมบางคนมีเงินฝากธนาคารหลายหมื่นเชียว

Re: “บาปหนักสมัยใหม่ 7 ประการ”

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 10:48 pm
โดย KuRapiKa
bb_z เขียน: คำว่า "โลภ" กับ "ไม่บริจาค" มันความหมายไม่เหมือนกันนะครับ

การที่เราบริจาคหรือไม่บริจาค มันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ ผมว่า

ให้ตังขอทานเป็นการบริจาคไหม (เป็น ใช่ไหมครับ )
ขอทาน เราตังเขาไป ขอทานก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นปัญหาของสังคม และขอทานก็ทำกันเป็นขบวนการ ขอทานที่จังหวัดผมบางคนมีเงินฝากธนาคารหลายหมื่นเชียว
ก็ยังไม่มีใครบอกเลยนี่ครับ ว่า "โลภ" กับ "ไม่บริจาค" ความหมายเหมือนกัน

ที่น้องเจน บอกด้านบนคือ

1. ถ้าไม่บริจาค คือผิด เรื่องความตระหนี่
2. นายคนนี้(ที่คุณสมมติขึ้นมา) มีเงินขนาดที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็น มหาเศรษฐีได้ เเสดงว่า ปัจจุบันต้องมีกินมีใช้มากทีเดียว
เเละนอกจากปัจจุบันจะ "รวย" อยู่เเล้ว!!!!!!!

แต่ก็ยังคิดว่า ฉันรวยไม่พอ...ฉันจะรวยกว่านี้อีก.....(ตีความจากข้อความนี้ "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว")
ความรู้สึกนี้เเหล่ะ เเถวบ้านเรียกว่า โลภ

ซึงมันก็คนละหัวข้อกันเลยครับ

แล้วเรื่องการบริจาค ก็เป็นสิทธิ์ของใครของมัน ใช่แล้วครับผม
แต่ว่าไม่จำเป็นต้องบริจาคขอทานนี่ครับ  บริการมูลนิธิสงเคราะห์คนพิการ หรืออย่างอื่นก็ได้
และเรื่องบริจาคให้คนพิการ แค่เราคิดว่าเป็นการทำบุญก็พอครับ คิดว่าให้แล้ว ก็สบายใจ
ไม่ต้องคิดว่าเขาจะเป็นขบวนการหรือหรือแก๊งอะไรหรอกครับ
การบริจาคแบบเต็มใจให้ก็เพียงพอแล้วครับ

Re:

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 27, 2008 10:49 pm
โดย Dis volentibus
bb_z เขียน: การที่เราบริจาคหรือไม่บริจาค มันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ ผมว่า

อันนี้คุณพูดถูกค่ะ เป็นสิทธิ์ของเราจริงๆ

คนที่มีทรัพย์สมบัติ หากคิดดีๆก็ควรจะขอบพระคุณพระเจ้า เพราะพระองค์ให้โอกาสเราช่วยเหลือพี่น้องคนอื่นๆ
น้อยคนนักที่จะบอกว่า "การทำดี ทำให้จิตใจเขาไม่สงบสุข" ค่ะ  :angel:

ในพระคัมภีร์ก็มีกล่าวไว้

- จงมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกัน... (คส 3:12)

- อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว...จงเห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นด้วย (ฟป 2:4)

- จงยื่นมือช่วยคนยากจนเช่นกัน เพื่อท่านจะได้รับพระพรอย่างอุดม (บสร 7:32)

พระคัมภีร์ไม่ได้บังคับจิตใจ ให้ใครต้องบริจาคเงินหรอกนะคะ เเต่ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
เเละมีประโยชน์เพื่อสั่งสอนว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขเเละอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม (2ทธ 3:16) : xemo026 :


พระเจ้าอวยพรค่ะ

Re:

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 8:56 am
โดย ดานุ้งพุงระเบิด
ด้วยความรู้ที่มีอยุ่น้อยนิดของผมเข้าใจว่า ประเทศที่ชอบล่าอาณานิคม เขานับถือศาสนาคริสติมิใช่เหรอครับ
ประเทศที่ประชาชนกว่าร้อยละ40% เชื่อว่าพระเจ้าสรางโลก (ประเทศสหรัฐอเมริกา) มิใช่หรอกหรือครับที่ทำสงครามกับอิรัก เหตุผลเพราะหวังน้ำมันโดยกล่าวหาว่าเขามีอาวุธร้ายแรง แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอ
มันก็ไม่ได้แปลว่า เขาไปทำแบบนั้น เขาจะไม่บาป เพราะว่าประเทศเขานับถือคริสต์นี่

Re:

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 4:23 pm
โดย bb_z
แต่ก็ยังคิดว่า ฉันรวยไม่พอ...ฉันจะรวยกว่านี้อีก.....(ตีความจากข้อความนี้ "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว")
ความรู้สึกนี้เเหล่ะ เเถวบ้านเรียกว่า โลภ
แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่าไม่โลภ(พอดีแล้ว) เอาไรมาเป็นเกณฑ์ครับ (ไม่มี) มันขึ้นอยุ่กับแต่ละคนนะครับ สมมุติ คนทั่วโลกบอกว่า นาย ก. เป็นมหาเศรษฐี แต่นายก็ไม่เคยบริจาค เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆนานา เพื่อความสุขส่วนตนอยู่เรื่อยๆ และเขามีความคิดว่าเงินที่เขาหามาได้ เขาจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลานเขา เพื่อวันข้างหน้าลูกหลานเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาค

อย่างงี้เขาสมควรบาปไหมครับ

Re:

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 9:16 pm
โดย ดานุ้งพุงระเบิด
bb_z เขียน:
แต่ก็ยังคิดว่า ฉันรวยไม่พอ...ฉันจะรวยกว่านี้อีก.....(ตีความจากข้อความนี้ "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว")
ความรู้สึกนี้เเหล่ะ เเถวบ้านเรียกว่า โลภ
แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่าไม่โลภ(พอดีแล้ว) เอาไรมาเป็นเกณฑ์ครับ (ไม่มี) มันขึ้นอยุ่กับแต่ละคนนะครับ สมมุติ คนทั่วโลกบอกว่า นาย ก. เป็นมหาเศรษฐี แต่นายก็ไม่เคยบริจาค เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆนานา เพื่อความสุขส่วนตนอยู่เรื่อยๆ และเขามีความคิดว่าเงินที่เขาหามาได้ เขาจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลานเขา เพื่อวันข้างหน้าลูกหลานเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาค

อย่างงี้เขาสมควรบาปไหมครับ
ก็เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆ นานา เพื่อความสุขส่วนตน... เห็นได้ชัดเลย ความสุขส่วนตน พระเยซูเจ้าก็สอนเราแล้วว่าสุขที่แท้จริงคือการได้ให้ เขาอาจไม่บาปตรงนี้ แต่ว่า ถ้าเรื่อยๆ ล่ะ โดยไม่ทำทานช่วยเหลือใครเลย คำว่าเรื่อยๆ อยากได้เรื่อยๆ นี่แหล่ะครับ โลภ กับ ตัณหา

เขามีความคิดว่าเงินเขาหามาได้ จะเก็บไว้ให้ลูกหลาน เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาค - พระเยซูเจ้าลงมาบังเกิดก็ไม่ได้สุขสบายนะครับอย่าลืม ให้ลองดูอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่เขาอยู่สุขสบายเพราะมรดกเยอะ จะบาป แต่ว่า ถ้าเขาไม่รู้จักให้ มัวแต่จะเก็บๆ ไว้ อยู่ดีๆ วันหนึ่งบ้านบึ้มตายทั้งบ้าน เงินล่ะ?

ถ้าสมมติว่าโลกเรารวยหมด แต่ละคนใช้แต่ของของตน โดยไม่นึกถึงใครเลย คนเราจะเห็นแก่ตัวขนาดไหน? (ผมไม่ได้ฟันธง คิดเอาเองว่าขนาดไหน) แล้วการที่ทุกคนมีพอแล้ว ไม่มีใครรวยไม่มีใครจน ไม่มีใครทำทาน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความรักจะกำเนิดได้อย่างไร (คิดเอาเองอีกเช่นกัน)

คำตอบของคำถามของคุณ หาได้ในพระคัมภีร์ครับ ลองเปิดอ่านดูนะ

Re:

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 28, 2008 11:15 pm
โดย Dis volentibus
bb_z เขียน:
แล้วแค่ไหนถึงเรียกว่าไม่โลภ(พอดีแล้ว) เอาไรมาเป็นเกณฑ์ครับ (ไม่มี) มันขึ้นอยุ่กับแต่ละคนนะครับ สมมุติ คนทั่วโลกบอกว่า นาย ก. เป็นมหาเศรษฐี แต่นายก็ไม่เคยบริจาค เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆนานา เพื่อความสุขส่วนตนอยู่เรื่อยๆ และเขามีความคิดว่าเงินที่เขาหามาได้ เขาจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลานเขา เพื่อวันข้างหน้าลูกหลานเขาจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาค

อย่างงี้เขาสมควรบาปไหมครับ

เอา พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เป็นเกณฑ์ค่ะ

1. โลภ
ความหมาย

น. ความอยากได้ไม่รู้จักพอ. (ป., ส.).

อาการของนาย ก. ที่เกี่ยวข้อง
- "เพราะเขาต้องการสิ่งต่างๆนานา เพื่อความสุขส่วนตนอยู่เรื่อยๆ "
- "แต่เขายังไม่รู้สึกว่าพอดีแล้ว"


2. ตระหนี่
ความหมาย

[ตฺระหฺนี่] ว. หวงไม่อยากให้ง่าย ๆ เช่น ตระหนี่ทรัพย์ ตระหนี่ความรู้.

3. หวง
ความหมาย

ก. ไม่อยากให้, สงวนไว้, กันไว้

อาการของนาย ก. ที่เกี่ยวข้อง
- "แต่นายก็ไม่เคยบริจาค "
- "เขาจึงไม่บริจาค "


ถ้าเป็นคนใจดี บริจาคคนอื่นซัก 5 บาท ก็ยังดีค่ะ....บริจาค 5 บาท คงไม่ถึงกับทำให้ชีวิตลูกหลานตนเองต้องตกอับหรอกนะคะ  :azn:

Re:

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 29, 2008 2:14 am
โดย bb_z
เขามีความคิดว่าเงินเขาหามาได้ จะเก็บไว้ให้ลูกหลาน เพื่อลูกหลานจะได้ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องรอให้ใครมาบริจาค - พระเยซูเจ้าลงมาบังเกิดก็ไม่ได้สุขสบายนะครับอย่าลืม ให้ลองดูอุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่เขาอยู่สุขสบายเพราะมรดกเยอะ จะบาป แต่ว่า ถ้าเขาไม่รู้จักให้ มัวแต่จะเก็บๆ ไว้ อยู่ดีๆ วันหนึ่งบ้านบึ้มตายทั้งบ้าน เงินล่ะ?
มันยุติธรรมเหรอครับ กว่าที่คนคนหนึ่งจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ แล้วมีความคิดอยากเก็บเงินที่ตัวเองหามาได้ให้ลูกให้หลานใช้ ลูกหลานจะได้ไม่ลำบาก
หรือให้เขาเอาเงินที่หามาทั้งชีวิต บริจาค เหลือไว้ใช้พอตัวเอง
ลูกหลานเกิดมาให้มาดิ้นรนเอาเองไม่ต่างไรกับลูกหลานของขอทาน(สมมุตินะครับ)


ถึงคุณ †Ecclēsia

ช่วยดูพจนารุกรมให้ทีครับ ว่าคำว่า แค่ไหน ถึงเรียกว่า "พอ"

Re:

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 29, 2008 4:08 am
โดย Dis volentibus
ภาษาอังกฤษอธิบายได้เข้าใจมากกว่า

คำว่าพอ...
- enough (adv.)
to the degree that is necessary or wanted....

- moderately (adv.)
in a way which is not extreme or stays within reasonable limits. (ชัดเจนนะคะ)


ในกรณีของบาปหนักข้อที่คุณสงสัย "รวยเกินความจำเป็น"  (ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดรีพลายตามหลังมาอีกมากมายนั้น)
ภาษาอังกฤษนอกจาก "Accumulating excessive wealth" เเล้ว ยังเขียนได้อีกว่า "the obscenely rich"

The obscenely rich

- Obscene (adj.)
extremely unfair, immoral or unpleasant...

+ immoral (adj) = morally wrong

Ex.  It's immoral to be rich while people are starving and homeless. (ตัวอย่างเขาได้ใจมาก)

ข้อสังเกต :ดิคเล่มนี้พิมพ์ออกมาก่อนที่พระสันตะปาปาจะประกาศให้อาการ "รวยเกินความจำเป็น" เป็นบาปซะอีกนะคะ
จากตัวอย่างตะกี้ เเสดงว่าสังคมทั่วไป(รวมถึงคนเขียนหนังสือ) ได้ยอมรับมาก่อนเเล้วว่า การที่รวย ขณะที่คนอื่นเขายากลำบาก นั้นผิดศีลธรรม

อ้างอิง :Longman Exams Dictionary

ลองเปรียบเทียบดูเองเเล้วกันนะคะ ว่ามหาเศรษฐีที่คุณสมมติขึ้นมานั้น เข้าข่ายหรือเปล่า 

เเต่"พอ" สำหรับข้าพเจ้าเเล้วเเหล่ะค่ะ...เกิดขอบเขตเนื้อหาของกระทู้นี้มาพักนึงเเล้ว  That's enough for me...

Re:

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 29, 2008 5:43 am
โดย Buddy
เรื่องบาปหนักสมัยใหม่เนี่ย  คนที่จะเถียงได้  ความรู้พื้นฐานทางเทววิทยาต้องมีมากกว่านี้นะคะ  จะได้รู้ว่า  เค้าคิดอะไรกัน  มีพื้นฐานความคิดมาจากไหน เพราะความคิดที่ออกมาค่อนข้างลึกซึ้ง  และที่สำคัญ  ต้องรู้นิยามพื้นฐานของคำว่า  "บาป" ก่อน  ไม่งั้นคุยกันคนละเรื่องเลย