หน้า 1 จากทั้งหมด 1

สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 2:40 pm
โดย Ministry Of Men
เมื่อวันสองวันนี้ ผมได้เจอข้อมูลอึ้งๆ เรื่อง พระเยซูในอินเดีย พระเยซูเรียนพุทธศาสนา เรียนคัมภีร์ไตรเวท(รักษาโรค) ในมหาลัยนาลันทา(สอนพุทธ)
จึงเกิดมึน งง กับข้อมูลดังกล่าว นอกจากนี้ ผมยังเจอข้อมูลของนบีอีซาในอัลกุรอานด้วย..

ข้อมูลข้างต้นไม่สำคัญ

ผมรู้สึกงง อยากรู้ ด้วยอารมณ์ที่ว่า "ถ้าเป็นเรื่องจริง เราก็ไม่อยากหลอกตัวเอง" จนศึกษา ค้นข้อมูล ซึ่งหาข้อยุติไม่ได้..

ผมคิดว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือคำอธิษฐานถาม ขอคำตอบจากพระเจ้า..

ในคำอธิษฐาน หลังจากที่ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตในวันนี้ในนามพระเยซูคริสต์ ผมก็นึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่ผมแคลงใจ

ผมจึงเริ่มอธิษฐาน และถามพระองค์ในสิ่งที่สงสัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สาส์นแม่พระ เป็นโปรหรือย้ายไปคาทอลิกดี(เป็นโปรมาก่อน)  เรื่องข้อมูลพระเยซูในอินเดีย

โดยขณะที่พระองค์ตอบ ผมวาบหวิว และลักษณะคำตอบของพระองค์เป็นความเข้าใจเชิงคำพูด หมายความว่า ลักษณะการสื่อสารของพระองค์เป็นลักษณะความเข้าใจ เช่น 1 วินาที พระองค์อาจจะให้ความเข้าใจทั้งประโยคแต่เรารับรู้เป็นประโยค (อธิบายยากนะครับ ยังไงลองดู เพราะผมเองก็ทำด้วยความเชื่อที่ว่า พระองค์ทรงพระชนม์และทรงมองดูเราอยู่เสมอ)

ผมขอกล่าวถึงแต่เรื่อง พระเยซูในอินเดีย นะครับ...
"ในศาสนาพุทธไม่มีพระเยซู" (คำตอบ)
(เป็นคำตอบเชิงลักษณะเข้าใจ ประมาณนี้อธิบายยากจัง)
พระองค์ยังให้เข้าใจอีกว่า "ให้พวกเขาปฏิบัติอีกพันปี ก็ไม่เห็นเรา เขาจึงบอกว่าไม่มีพระเจ้าในทุกวันนี้" (ลักษณะนี้ครับ แปลเป็นภาษาคน)

ขอบคุณพระเจ้านะครับ
ผมเองพิมพ์ไปมือสั่น ขนลุก วาบๆ ด้วย ก็ขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่ตอบผม
ผมมันคนใจโลเลจริงๆเลยเนอะ แต่ทำไมผมถึงรักพระเจ้าแบบนี้ก็ไม่รู้  ::008::

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 3:24 pm
โดย Ministry Of Men
http://www.youtube.com/watch?v=n0Qw7wkM2l8

ตอนนี้ชีวิตผมกำลังตรงกับเพลงนี้

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนา

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 4:19 pm
โดย Holy
ทำไมบรรดาผู้นิพนธ์พระวรสารจึงไม่กล่าวถึงชีวิตวัยเด็กของพระเยซูเจ้า

เห็นได้ชัดเจนจากเนื้อหาของพระวรสารเองว่า บรรดาผู้นิพนธ์พระวรสารมิได้ตั้งใจเขียนชีวประวัติของพระเยซูเจ้าให้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ละท่านมีจุดประสงค์พิเศษเฉพาะ แต่โดยทั่วไปแล้วทุกท่านต้องการเล่าเรื่องพระเยซูแห่งนาซาเร็ธให้ผู้อ่านรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ และได้ทรงกระทำพันธกิจแห่งการไถ่กู้ของพระองค์สำเร็จลง ดังนั้น งานของพวกเขาจึงอยู่บนพื้นฐานการสอนของพระคริสตเจ้า และเล่าเหตุการณ์ซึ่งเชื่อมโยงกับพันธกิจของพระองค์ในช่วงบั้นปลายชีวิตของพระองค์ที่เราเรียกว่าชีวิตสาธารณะนั้น (เพียง 3 ปี) พระเยซูเจ้าได้ทรงรวบรวมบรรดาศิษย์ ทรงสอนพวกเขา และทรงกระทำพันธกิจของพระองค์สำเร็จลงด้วยการรับทรมาน การสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนม์ชีพ บรรดาผู้นิพนธ์พระวรสารทุกท่านเล่าเรื่องดังกล่าวนี้ให้เราฟัง

หลังจากเล่าเรื่องชีวิตบางอย่างในวัยเด็กของพระเยซูเจ้าเหตุการณ์สุดท้ายคือทรงพลัดหลงจากบิดามารดาตอนอายุ 12 พรรษา นักบุญลูกาเล่าให้เราฟังว่า หลังจากนั้นทรงดำเนินชีวิตอยู่กับบิดามารดาที่เมืองนาซาเร็ธ “พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปที่เมืองนาซาเร็ธกับบิดามารดา และเชื่อฟังท่านทั้งสอง... พระเยซูเจ้าทรงเจริญขึ้นทั้งในพระปรีชาญาณ พระชนมายุและพระหรรษทานเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์” (ลก 2 : 51-52) ถ้อยคำเหล่านี้สรุปชีวิตซ่อนเร้นทั้งหมดของพระเยซูเจ้า

ตั้งแต่อายุ 12 พรรษาจนเริ่มชีวิตสาธารณะนั้น พระเยซูเจ้าคงดำเนินชีวิตแบบเด็กชาวยิวอื่น ๆ และในวัยรุ่นด้วย จึงเห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรในชีวิตของพระองค์จะเทียบเท่าบทบาทพระเมสสิยาห์ของพระองค์ ยกเว้นว่าพระองค์ทรงอยู่เงียบ ๆ และทรงเตรียมภายในส่วนตัวของพระองค์ บรรดาผู้นิพนธ์พระวรสารจึงไม่มีอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูเจ้าก่อนชีวิตสาธารณะของพระองค์ ไม่มีความจำเป็นจะต้องเล่าถึงชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นเป็นปกติธรรมดาทั่ว ๆ ไป

อย่างไรก็ตาม การที่บรรดาผู้นิพนธ์พระวรสารมิได้เอ่ยถึงชีวิตวัยเด็กของพระพระเยซูเจ้าก็ทำให้เกิดตำนานว่าพระเยซูเจ้าทรงไปอยู่ในประเทศอินเดีย ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น

ตำนานเหล่านี้ปรากฏว่า บางครั้งถูกนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือแม้จะมีการปฏิเสธ แต่ก็ยังเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก บางทีอาจเป็นเพราะธรรมชาติอันเพ้อฝัน

ทุกเรื่องเล่าเกี่ยวกับการพักแรมของพระเยซูเจ้าในประเทศอินเดีย มีรากฐานมาจากนักประพันธ์สองท่าน คนแรกชื่อ กูลัมอามัด (ค.ศ. 1839-1908) ผู้ก่อตั้งศาสนาอิสลาม นิกายอามาดียะ เป็นผู้ยืนยันว่าพระเยซูเจ้ามิได้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่ทรงสิ้นพระชนม์เมื่ออายุ 120 ปีที่เมืองศรีนาคาร์ เมืองหลวงของแคชเมียร์

บรรดาคนยุคใหม่ที่เชื่อเรื่องพระเยซูประทับอยู่ในอินเดียนั้นเวลานี้ไม่ค่อยกล่าวถึงตำนานของกูลัมอามัดเท่าใดนัก เพราะเขาเปรียบพระเยซูเหมือนกับยูซาฟัตที่ชาวมุสลิมเคารพนับถือ และที่ฝังศพเขาก็อยู่ในเมืองศรีนาคาร์ แต่ทว่าเรื่องเหล่านี้เกิดจากข้อสมมุติฐาน

ยูซาฟัตมิใช่พระเยซูเจ้า จริง ๆ แล้วยูซาฟัตเป็นชื่อภาษาสันสกฤตที่ว่า โพธิสัตว์ ที่มาจากภาษาอิหร่านว่า Bodisaf และเพี้ยนมาจากภาษาอาหรับว่า Badasaf คำโพธิสัตว์ถูกนำไปใช้ในวรรณคดียุโรปจึงกลายเป็นตำนานเรื่องโยซาฟัต ที่มีระบุอยู่ในปฏิทินนักบุญของคริสตชน (หมายเหตุ : นักบุญสององค์ในเรื่องบาร์ลาอัมกับโยซาฟัตนั้นไม่เคยมีอยู่จริง มีแต่เรื่องนักบุญบาร์ลาอัมแห่งอันทิโอก มรณสักขีของศตวรรษที่ 4 และเรื่องนักบุญโยซาฟัต พระสังฆราชและมรณสักขีของศตวรรษที่ 17)

ผู้เขียนเล่าเรื่องพระเยซูประทับอยู่ในอินเดียอีกท่านหนึ่งนั้นเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวรัสเซีย ชื่อ นิโคลาส อเล็กซานโดรวิค โนโตวิค (ค.ศ. 1858-1915) เขาสร้างความเกรียวกราว เพราะหนังสือเรื่อง Lavie inconnu de jesus-Christ ซึ่งปรากฏอยู่ในกรุงปารีส ปี ค.ศ. 1894 (ฉบับภาษาเยอรมันมีชื่ออังกฤษว่า The Gap in the life of jesus ตีพิมพ์ที่ Stuttgart ปี ค.ศ. 1894)

ในหนังสือของเขาอ้างว่า ระหว่างการเดินทางผ่านเมืองลาดักห์ในปี ค.ศ. 1887 นั้น เจ้าอธิการอารามฤาษี Himis (i.e He-mis dGon-pa) ได้อ่านให้เขาฟังข้อความตอนที่มีชีวประวัติของพระเยซูเจ้าเรื่องที่พระองค์ได้ทรงเดินทางไปอินเดียตอนอายุได้ 14 ปี

[size=15pt] หลังจากหนังสือของโนโตวิคตีพิมพ์ออกมาได้ไม่นานนัก เจอาร์คีบาล ดักลาส และ เฟรดริค แมกซ์ มูลเลอร์ ก็ได้เขียนวิจารณ์โนโตวิกว่าเป็นคนโกง พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าในโตวิกไม่เคยไปเยี่ยมอารามแห่งนั้นเลย โดยถามท่านเจ้าอธิการอาราม และก็ไม่มีหนังสือเรื่องพระเยซูเจ้าอยู่ที่อารามนั้นด้วย[/size]

วรรณกรรมทันสมัยชิ้นหนึ่งภาษาเยอรมัน ได้เขียนหักล้างนิยายเรื่องพระเยซูในประเทศอินเดียโดยสิ้นเชิง แม้นิยายเรื่องนี้จะปรากฏออกมาอีกในบางครั้ง

วรรณกรรมของกุนเตอร์ กรอนโบลด์ เรื่องอวสานของนิยายเรื่องพระเยซูในอินเดีย (Jesus in India : Das End einer Legende) ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาคือโกเซล เวอร์ลัง พิมพ์ที่มุนเชนปี ค.ศ. 1985 จำนวน 152 หน้า

อ้างถึง (บาทหลวงวีระ อาภรณ์รัตน์, 2008, น.15-18)
บรรณานุกรม บาทหลวงวีระ อาภรณ์รัตน์. (2008). 50 คำถามเกี่ยวกับศาสนาคริสต์คาทอลิก. กรุงเทพฯ : อัสสัมชัญ.

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 9:12 pm
โดย วอ
ผมยังได้ยินที่คนพุทธมหายานพูดขึ้นมาว่า พระแม่มารีเป็นผู้รับใช้พระพุทธเจ้า ไม่รู้มันเอามาจากไหน?  :huh: (เป็นลูกครึ่งคนจีนน่ะที่ได้ยิน เป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธแปลกไปกว่าคนพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่)  : emo036 :

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 9:14 pm
โดย Dis volentibus
wowowow เขียน: ผมยังได้ยินที่คนพุทธมหายานพูดขึ้นมาว่า พระแม่มารีเป็นผู้รับใช้พระพุทธเจ้า ไม่รู้มันเอามาจากไหน?  :huh: (เป็นลูกครึ่งคนจีนน่ะที่ได้ยิน เป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธแปลกไปกว่าคนพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่)  : emo036 :


ถ้าเป็นเช่นนั้น พระนางมารีย์อาจจะอายุเกือบ500ปี ตอนที่ปฏิสนธินิรมล :grin: :grin: :grin:

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 9:17 pm
โดย Ministry Of Men
†Ecclēsia เขียน:
wowowow เขียน: ผมยังได้ยินที่คนพุทธมหายานพูดขึ้นมาว่า พระแม่มารีเป็นผู้รับใช้พระพุทธเจ้า ไม่รู้มันเอามาจากไหน?  :huh: (เป็นลูกครึ่งคนจีนน่ะที่ได้ยิน เป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธแปลกไปกว่าคนพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่)  : emo036 :


ถ้าเป็นเช่นนั้น พระนางมารีย์อาจจะอายุเกือบ500ปี ตอนที่ปฏิสนธินิรมล :grin: :grin: :grin:
เรื่องพระเยซูในอินเดีย นักบวชของพุทธ เป็นผู้พูดและชี้แจงให้ผมฟัง
ดังนั้น หลังจากได้รับการตอบกลับจากพระเจ้าชัดเจนแบบนี้ + สารานุกรมโดยHOLY อีก ฮาๆๆ  นักบวชของพุทธสอนเท็จ ผู้ถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ก็ปิ้นป้อนทั้งนั้น

แล้วแม่มารีย์ไปรับใช้พระพุทธเจ้า.. พวกนี้มันเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว

สงสัยทั้งสาวกทั้งแกนนำ พากันไปบึงไฟนรกได้แล้ว

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 9:19 pm
โดย Dis volentibus
เคร่งแต่ไม่เครียด เขียน: สงสัยทั้งสาวกทั้งแกนนำ พากันไปบึงไฟนรกได้แล้ว
ใจเย็นๆเจ้าค่ะพี่บอย ให้พระเจ้าตัดสิน  :wink:

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 9:21 pm
โดย Ministry Of Men
†Ecclēsia เขียน:
เคร่งแต่ไม่เครียด เขียน: สงสัยทั้งสาวกทั้งแกนนำ พากันไปบึงไฟนรกได้แล้ว
ใจเย็นๆเจ้าค่ะพี่บอย ให้พระเจ้าตัดสิน  :wink:
จ้า เลือดมันสูบฉีด เพิ่งวิดพื้น ซิทอัพมา ช่วงนี้ฟิตหุ่น พุงเริ่มโผล่ 20 ล่ะ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 10:14 pm
โดย Isolation
::006:: ผมว่ามันคนละศาสนากันนะครับ  พระเยซูเคยบอกไว้ว่า
เราสอนให้รักศัตรู ให้รักกันเเละกันเหมือนที่เรารักท่าน
ตอนเกิดท่านนักบุญลูกาก็เขียนพระวรสารเเล้วนี่ครับว่าท่านเกิดยังไง
::003::

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 30, 2008 10:33 pm
โดย Kichinto
Holy เขียน:
อ้างถึง (บาทหลวงวีระ อาภรณ์รัตน์, 2008, น.15-18)
บรรณานุกรม บาทหลวงวีระ อาภรณ์รัตน์. (2008). 50 คำถามเกี่ยวกับศาสนาคริสต์คาทอลิก. กรุงเทพฯ : อัสสัมชัญ.
ขอบคุณครับพี่ปอปอ ว่าแต่ว่าหนังสือเล่มนี้หน้าตาเป็นอย่างไร น่าจะซื้อได้ที่ไหนบ้างน๊า
ไม่เคยเห็นเลย รู้สึกว่าจะพิมพ์ปีนี้เองหรือเปล่าครับ

อยากดูอีก 49 คำถามที่เหลือครับ เพราะรู้สึกคุณพ่อจะตอบคำถามในหนังสือ ตามคำถามศาสนาของของสมัยนี้ดีครับ

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 12:00 am
โดย Holy
Kichinto เขียน:
Holy เขียน:
อ้างถึง (บาทหลวงวีระ อาภรณ์รัตน์, 2008, น.15-18)
บรรณานุกรม บาทหลวงวีระ อาภรณ์รัตน์. (2008). 50 คำถามเกี่ยวกับศาสนาคริสต์คาทอลิก. กรุงเทพฯ : อัสสัมชัญ.
ขอบคุณครับพี่ปอปอ ว่าแต่ว่าหนังสือเล่มนี้หน้าตาเป็นอย่างไร น่าจะซื้อได้ที่ไหนบ้างน๊า
ไม่เคยเห็นเลย รู้สึกว่าจะพิมพ์ปีนี้เองหรือเปล่าครับ

อยากดูอีก 49 คำถามที่เหลือครับ เพราะรู้สึกคุณพ่อจะตอบคำถามในหนังสือ ตามคำถามศาสนาของของสมัยนี้ดีครับ

ที่วัดอัสสัมมีขาย

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 12:08 am
โดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
จริงๆแล้วพระองค์อาจจะแอบแวปไปเดินเล่นจริงๆก็ได้นะครับ พระองค์ทรงทำได้ทุกอย่าง

บางทีอาจจมาไทยแล้วด้วยซ้ำ


ปล. ไม่ได้พูดเล่นขำๆนะ :wink:

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 12:24 am
โดย Edwardius
พระองค์ทรงเป็นอย่างที่พระเป็นเจ้าทรงโปรดให้เป็น

พระองค์จึงไม่ทรงดำรงพระชนม์ตามที่มนุษย์เข้าใจ

เมื่อมนุษย์ไม่เข้าใจสิ่งที่ตนพยายามเข้าใจ

มนุษย์จึงมักอุปโลกน์เรื่องต่างๆ ใ้ห้ต้องกับจริตของตน

มนุษย์จึงสร้างเรื่องของพระเจ้าขึ้น ซ้อนกับความเป็นจริงของพระเจ้า ฤๅมิใช่?

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 1:29 am
โดย ~@Little lamb@~
†Ecclēsia เขียน:
wowowow เขียน: ผมยังได้ยินที่คนพุทธมหายานพูดขึ้นมาว่า พระแม่มารีเป็นผู้รับใช้พระพุทธเจ้า ไม่รู้มันเอามาจากไหน?  :huh: (เป็นลูกครึ่งคนจีนน่ะที่ได้ยิน เป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธแปลกไปกว่าคนพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่)  : emo036 :


ถ้าเป็นเช่นนั้น พระนางมารีย์อาจจะอายุเกือบ500ปี ตอนที่ปฏิสนธินิรมล :grin: :grin: :grin:

เขาจะอ้างว่า เป็นชาติก่อนนู่นงัย


ปล.
มันเป็นเรื่องสะตออยู่แล้ว
ตั้งแต่ที่ได้ยินครั้งแรก ก็ไม่เชื่อเลยสักนิด
ไม่เห็นต้องคิดหาเหตุผลเลย น้องเอ้ยย

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 4:33 pm
โดย silver
เคร่งแต่ไม่เครียด เขียน:
†Ecclēsia เขียน:
wowowow เขียน: ผมยังได้ยินที่คนพุทธมหายานพูดขึ้นมาว่า พระแม่มารีเป็นผู้รับใช้พระพุทธเจ้า ไม่รู้มันเอามาจากไหน?  :huh: (เป็นลูกครึ่งคนจีนน่ะที่ได้ยิน เป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธแปลกไปกว่าคนพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่)  : emo036 :


ถ้าเป็นเช่นนั้น พระนางมารีย์อาจจะอายุเกือบ500ปี ตอนที่ปฏิสนธินิรมล :grin: :grin: :grin:
เรื่องพระเยซูในอินเดีย นักบวชของพุทธ เป็นผู้พูดและชี้แจงให้ผมฟัง
ดังนั้น หลังจากได้รับการตอบกลับจากพระเจ้าชัดเจนแบบนี้ + สารานุกรมโดยHOLY อีก ฮาๆๆ  นักบวชของพุทธสอนเท็จ ผู้ถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ก็ปิ้นป้อนทั้งนั้น

แล้วแม่มารีย์ไปรับใช้พระพุทธเจ้า.. พวกนี้มันเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว

สงสัยทั้งสาวกทั้งแกนนำ พากันไปบึงไฟนรกได้แล้ว
เรื่องพระเยซูเจ้าในอินเดียเคยได้ยิน แต่เรื่องพระนางมารีย์ไปรับใช้พระพุทธเจ้า ฟังแล้วอึ้ง สงสัยตกข่าว

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 6:23 pm
โดย วอ
อืม เรื่องของพระแม่มารี จากคนพุทธลูกครึ่งจีนคนนั้น เขาเป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธไปทางแบบจีนซะมากกว่า ทางมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีหลายองค์นะ (แบบที่คนจีนทั่วไปเชื่อ) ส่วนทางแบบไทยที่เป็นเถรวาทเชื่อว่ามีองค์เดียว แต่ผมว่ายังไงการที่ลูกครึ่งคนจีนคนนั้น พูดมาคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่พระแม่จะกลายมารับใช้พระพุทธเจ้า

* ทางจีนเชื่อว่านอกจากสิทธัตถะแล้วยังมี คนอื่นๆ ที่เป็นพระพุทธเจ้าด้วย ซึ่งความคิดต่อศาสนาพุทธของคนจีนซึ่งเป็นมหายานต่างกับคนไทยซึ่งเป็นเถรวาท โดยสิ้นเชิง เหมือนกับคาทอลิกกับโปรเตสแตนท์ ประมาณนั้น  ::006::

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 10:05 pm
โดย Immanuel (MichaelPaul)
wowowow เขียน: อืม เรื่องของพระแม่มารี จากคนพุทธลูกครึ่งจีนคนนั้น เขาเป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธไปทางแบบจีนซะมากกว่า ทางมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีหลายองค์นะ (แบบที่คนจีนทั่วไปเชื่อ) ส่วนทางแบบไทยที่เป็นเถรวาทเชื่อว่ามีองค์เดียว แต่ผมว่ายังไงการที่ลูกครึ่งคนจีนคนนั้น พูดมาคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่พระแม่จะกลายมารับใช้พระพุทธเจ้า

* ทางจีนเชื่อว่านอกจากสิทธัตถะแล้วยังมี คนอื่นๆ ที่เป็นพระพุทธเจ้าด้วย ซึ่งความคิดต่อศาสนาพุทธของคนจีนซึ่งเป็นมหายานต่างกับคนไทยซึ่งเป็นเถรวาท โดยสิ้นเชิง เหมือนกับคาทอลิกกับโปรเตสแตนท์ ประมาณนั้น  ::006::
จิงแล้ว พระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันของพุทธก็เป็นองค์ที่ 3 นะครับ องค์ที่ 4 คือพระศรีอาริยาเมตตรัย (องค์นี้น่าจะพระพุทธสมณโคดม ป่าวหว่า)

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 10:20 pm
โดย Dis volentibus
Immanuel (MichaelPaul) เขียน:
wowowow เขียน: อืม เรื่องของพระแม่มารี จากคนพุทธลูกครึ่งจีนคนนั้น เขาเป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธไปทางแบบจีนซะมากกว่า ทางมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีหลายองค์นะ (แบบที่คนจีนทั่วไปเชื่อ) ส่วนทางแบบไทยที่เป็นเถรวาทเชื่อว่ามีองค์เดียว แต่ผมว่ายังไงการที่ลูกครึ่งคนจีนคนนั้น พูดมาคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่พระแม่จะกลายมารับใช้พระพุทธเจ้า

* ทางจีนเชื่อว่านอกจากสิทธัตถะแล้วยังมี คนอื่นๆ ที่เป็นพระพุทธเจ้าด้วย ซึ่งความคิดต่อศาสนาพุทธของคนจีนซึ่งเป็นมหายานต่างกับคนไทยซึ่งเป็นเถรวาท โดยสิ้นเชิง เหมือนกับคาทอลิกกับโปรเตสแตนท์ ประมาณนั้น  ::006::
จิงแล้ว พระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันของพุทธก็เป็นองค์ที่ 3 นะครับ องค์ที่ 4 คือพระศรีอาริยาเมตตรัย (องค์นี้น่าจะพระพุทธสมณโคดม ป่าวหว่า)
จริงๆเเล้วก่อนหน้านี้ มีอยู่เเล้ว24องค์พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่25  (ในมหากัป เป็นองค์ที่ 4)
เเต่ไม่เเน่ใจว่าที่เจ้าของกระทู้กล่าวถึง คือ ในช่วงเวลาของพระพุทธเจ้า"องค์ปัจจุบัน" หรือเปล่า ที่ทางมหายานเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้ามากกว่าหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ทางเถรวาส ก็กล่าวถึง"ปัจเจกพุทธเจ้า" เช่นเดียวกัน

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 11:02 pm
โดย Immanuel (MichaelPaul)
†Ecclēsia เขียน:
Immanuel (MichaelPaul) เขียน:
wowowow เขียน: อืม เรื่องของพระแม่มารี จากคนพุทธลูกครึ่งจีนคนนั้น เขาเป็นมหายานเลยมีความคิดต่อศาสนาพุทธไปทางแบบจีนซะมากกว่า ทางมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีหลายองค์นะ (แบบที่คนจีนทั่วไปเชื่อ) ส่วนทางแบบไทยที่เป็นเถรวาทเชื่อว่ามีองค์เดียว แต่ผมว่ายังไงการที่ลูกครึ่งคนจีนคนนั้น พูดมาคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะที่พระแม่จะกลายมารับใช้พระพุทธเจ้า

* ทางจีนเชื่อว่านอกจากสิทธัตถะแล้วยังมี คนอื่นๆ ที่เป็นพระพุทธเจ้าด้วย ซึ่งความคิดต่อศาสนาพุทธของคนจีนซึ่งเป็นมหายานต่างกับคนไทยซึ่งเป็นเถรวาท โดยสิ้นเชิง เหมือนกับคาทอลิกกับโปรเตสแตนท์ ประมาณนั้น  ::006::
จิงแล้ว พระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันของพุทธก็เป็นองค์ที่ 3 นะครับ องค์ที่ 4 คือพระศรีอาริยาเมตตรัย (องค์นี้น่าจะพระพุทธสมณโคดม ป่าวหว่า)
จริงๆเเล้วก่อนหน้านี้ มีอยู่เเล้ว24องค์พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่25  (ในมหากัป เป็นองค์ที่ 4)
เเต่ไม่เเน่ใจว่าที่เจ้าของกระทู้กล่าวถึง คือ ในช่วงเวลาของพระพุทธเจ้า"องค์ปัจจุบัน" หรือเปล่า ที่ทางมหายานเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้ามากกว่าหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ทางเถรวาส ก็กล่าวถึง"ปัจเจกพุทธเจ้า" เช่นเดียวกัน
24 เลยเหรอ สงสัยอ่านมาคนละเล่ม หรือคนละนิกาย แต่ช่างมันเหอะ เรื่องพระเยซูไปเรียนศาสนาพุทธที่อินเดีย
สรุปง่ายๆ ว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ (แต่นักบวชศาสนานั้นก็ดันเอามาสอนได้ซะงั้น) แต่เรื่องนี้ก็น่ารำคาญนะ เพราะน้องแถวบ้านที่เป็นคริสต์ (คาทอลิค) แล้วเปลี่ยนเป็นพุทธก็พูดกะผมเรื่องนี้ (มาแหย่ไว้ใน Hi5 พอเราตอบก็ลบทิ้งเหอๆ)

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 01, 2008 11:12 pm
โดย Ministry Of Men
Immanuel (MichaelPaul) เขียน:
†Ecclēsia เขียน:
Immanuel (MichaelPaul) เขียน: จิงแล้ว พระพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันของพุทธก็เป็นองค์ที่ 3 นะครับ องค์ที่ 4 คือพระศรีอาริยาเมตตรัย (องค์นี้น่าจะพระพุทธสมณโคดม ป่าวหว่า)
จริงๆเเล้วก่อนหน้านี้ มีอยู่เเล้ว24องค์พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่25  (ในมหากัป เป็นองค์ที่ 4)
เเต่ไม่เเน่ใจว่าที่เจ้าของกระทู้กล่าวถึง คือ ในช่วงเวลาของพระพุทธเจ้า"องค์ปัจจุบัน" หรือเปล่า ที่ทางมหายานเชื่อว่ามีพระพุทธเจ้ามากกว่าหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ทางเถรวาส ก็กล่าวถึง"ปัจเจกพุทธเจ้า" เช่นเดียวกัน
24 เลยเหรอ สงสัยอ่านมาคนละเล่ม หรือคนละนิกาย แต่ช่างมันเหอะ เรื่องพระเยซูไปเรียนศาสนาพุทธที่อินเดีย
สรุปง่ายๆ ว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ (แต่นักบวชศาสนานั้นก็ดันเอามาสอนได้ซะงั้น) แต่เรื่องนี้ก็น่ารำคาญนะ เพราะน้องแถวบ้านที่เป็นคริสต์ (คาทอลิค) แล้วเปลี่ยนเป็นพุทธก็พูดกะผมเรื่องนี้ (มาแหย่ไว้ใน Hi5 พอเราตอบก็ลบทิ้งเหอๆ)
บางกลุ่มว่า มีเป็นล้านองค์ เอิ๊กส์

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2008 1:22 am
โดย Ministry Of Men
มะกี้คุยกับน้องคนนึง ไปเกี่ยวกับหนังเรื่อง ไททานิก

พระเอก แจ๊ค กับ โรส

พวกสาวกกลุ่มนั้น จะหาว่า มาเกิดเป็นขวัญกับเรียมมั้ยเนี่ย  ::011::

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 03, 2008 4:47 am
โดย Edwardius
พระพุทธเจ้าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มครับ
1. สัมมาสัมพุทธเจ้า - ตรัสรู้แล้วโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์
2. ปัจเจกพุทธเจ้า - ตรัสรู้แต่ไม่ได้โปรดสัตว์

พระพุทธเจ้า ที่ว่าองค์นี่้เป็น 4 จาก 5 หรือ 24 จาก 25 เป็นการแบ่งจากภัทรกัลป์ กับ มหากัลป์
ต้องไปคนดูอีกทีถ้าจะเอาละเอียดครับ

ส่วนตัวก็คิดว่า รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม
แต่ไม่ได้เอาเป็นสาระมากมายครับ

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 13, 2008 2:28 am
โดย Like a Heaven
ผมเชื่อของผมอย่างนี้

:angel:

Re: สรุป พระเยซูในอินเดีย เป็นเรื่องโกหก (ประสบการณ์การสนทนากับพระเจ้าในคำอธิษฐาน)

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 19, 2008 10:49 am
โดย Ministry Of Men
กระทู้นี้นั้นนำพา

หากผู้ใดมีสารานุกรมเพิ่มเติม เชิญเปิดบรรยายได้เลย เนื่องจากมีผู้สนใจพอสมควร แต่เป็นความสนใจเงียบๆครับ