Belong to the Truth Jesus Christ

เรามาช่วยกันบอกเหตุผลกันดีกว่าว่าเหตุการ์ณอะไรบ้างในชีวิตเราที่ยืนยันได้ว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่จริง ไม่ใช่เป็นเพียงข้อความเชื่อที่ไร้สาระอย่างที่ใครบางคนกล่าวหา  โดยเรียงเป็นข้อๆไปนะครับเอาให้ถึง 999 ข้อเลย(ดีไม่ดีอาจน้อยไปด้วยซ้ำ)


1. ทุกอย่างในโลกก่อกำเนิดมาอย่างสอดคล้องกันเป็นวัฏจักรพอดี(ต้นไม้ให้ออกซิเยนสิ่งมีชีวิตใช้ออกซิเยนคายคาร์บอนไดออกไซด์แล้วต้นไม้เอาไปใช้ มีแบคทีเรียย่อยเศษอาหาร ฯลฯ)  หากเป็นความบังเอิญก็เกรงว่าอายุของจักรวาลตามที่นักวิทยาศาสตร์คำนวนใว้ก็อาจจะไม่นานเพียงพอที่จะทำให้เกิดความบังเอิญขาดนี้ขึ้นได้


2. พระคำภีร์ไบเบิ้ล ไม่สามารถใช้วิทยาศาสตร์หักล้างได้


3. การหายจากอาการป่วยของคนที่เป็นโรคร้ายอย่างฉับพลันผ่านทางความเชื่อและการวิงวอนจากพระเจ้า  ซึ่งวิทยาการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดก็ยังหาคำตอบไม่ได้

4. ได้สัมผัสกับพระองค์ ในขณะที่อ่านพระคัมภีร์เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน 2551 ที่ผ่านมา เป็นประสบการณ์ส่วนตัว เพราะอ่านพระคัมภีร์มาไม่รู้กี่ครั้ง ก็ไม่เคยได้รับสัมผัสเหมือนครั้งนั้นเลย และก็ครั้งเดียวจริงๆ เพราะลองอ่านพระคัมภีร์ในบทเดียวกันในคราวอื่นๆ ก็ไม่เหมือนครั้งนั้นที่ผ่านมาเลย

5.สัมผัสพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง ไม่ต้องนั่งสกัดอารมณ์จนกลายเป็นมนุษย์หินถึงจะเห็นพระของตน
6.พระเจ้าไม่ต้องมีสื่อนำการติดต่อ พวกของขลังค์รูปเคารพ พระเจ้าอยู่กับเรา และรู้ว่าเรากำลังทำอะไร บางทีเจอวิกฤตไม่ทันอธิษฐานขอพระเจ้าก็สำแดง
7.เวลาโดนผีอำ แค่ตะโกนเรียกว่า "เยซู" (แปลว่า พระเจ้าช่วย) พระองค์ก็มาปราบผีนั้น และช่วยเรา ไม่เห็นต้องสวดร่ายเวทย์ให้ยืดยาว..ไม่ต้องพึ่งตนเองก็รอดได้
8.เป็นเพียงศาสนาเดียวที่มีการประจักษ์ของพระเจ้า พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ ในรูปแบบที่ชัดเจน มีพยาน ไม่ใช่แบบที่รู้อยู่คนเดียวไม่ค่อยจะน่าเชื่อ การประจักษ์เช่น การหายโรคร้ายที่หมอรักษาไม่ได้ การเกิดปรากฏการณ์ต่างๆในพระศาสนจักร การอัศจรรย์หลายๆครั้งในคริสตจักร เป็นต้น
9.พระวาจา พระบัญญัติ พระกิตติคุณ พระคัมภีร์เดิมและใหม่ เป็นจริงทุกประการ ปรัชญาใช้ได้จริงจนจวบปัจจุบันถึงจะผ่านมากี่พันกี่หมื่นปีก็ตาม ยังคงเป็นจริง
10.เป็นเพียงพระเจ้าองค์เดียว ที่บอกว่า เราเป็นผู้สร้างอย่างเป็นลำดับ และวิทยาศาสตร์ไม่สามารถหาเหตุผลมาขัดแย้งได้
11.ผู้เชื่อ ที่ตอนรับเชื่ออาจเชื่อเพราะคำเชิญชวนที่อาจจะไม่ได้สัมผัสอะไร แต่สุดท้ายเกือบ100%ที่เป็นคริสตชนที่เหนียวแน่น เช่น สุดหล่อคนนี้ เป็นต้น
12.คำพยากรณ์เป็นจริงทุกคำ เหลือเพียงอย่างเดียวที่ยังไม่เป็นจริง คือ "พระเยซูจะเสด็จมารอบ2เพื่อพิพากษาคนชั่วและผู้ดูหมิ่นพระเจ้าแล้วไม่กลับใจ"
13.ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ ของแต่ละคน ซึ่งมีออกมาอย่างไม่เว้นแต่ละวัน มีคำพยานมากมายหลายอย่าง

........ เอ่อ 999 เหตุผล เชื่อว่ามีแน่ แต่ถ้าผมเขียนมากกว่านี้ สงสัยได้ซ้ำแน่เลย อิอิ

14.เหตุเพราะ หนังสือพระวรสารยอห์นผู้เตรียมมรรคาของพระเจ้าเป็นจริง และพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์เหนือจักรวาลและชาวโลกทุกคน พระกายของพระองค์จึงถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วด้วยใจศรัทธาซึ่งนำมาซึ่งศรัทธาและคำพยานที่มีมากเป็นอันดับ1 ในบรรดาศาสนาแต่เก่าแต่โบราณทั้งหมด คำสอนของพระองค์ก็เป็นจริง ใช้ได้จริง
15.พระองค์ไม่ได้เกิดมาในราชวัง แต่ทรงเริ่มสั่งสอนประชาชนในตอนนั้นซึ่งทรงเป็นแค่ชาวบ้าน แต่ข่าวประเสริฐของพระองค์ก็แผ่ไปทั่วดินแดนพระสัญญาอย่างรวดเร็ว ถ้ามิใช่พระเจ้าก็คงเป็นไปได้ยาก เนื่องด้วยพระองค์ไม่ได้ทรงตำแหน่งทางการเมือง ทางกษัตริย์...
16.เพราะพระองค์ถูกข่มเหง ด้วยเหตุที่ทรงทำคุณงามความดี กอปรพระคุณแก่เพื่อนมนุษย์ นี่ล่ะ พระเจ้าแห่งความรอด
17.เพราะพระองค์ทรงสร้างมนุษย์และทรงให้มีเพียงชาติกำเนิดเดียว (เหตุุข้อนี้ ทำให้ชีวิตมนุษย์มีความหมายอย่างมาก...ฯลฯ)

นึกไม่ออกแล้วง่ะ

18. พระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสกับกับโมเสส

พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า "เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น" แล้วพระองค์ตรัสว่า "เจ้าจงไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า `เราเป็นได้ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย'"
dixit Deus ad Mosen ego sum qui sum ait sic dices filiis Israhel qui est misit me ad vos
And God said unto Moses, I AM THAT I AM: and he said, Thus shalt thou say unto the children of Israel, I AM hath sent me unto you.

19 พระตรัสกับฉันและทุกคำที่ตรัสก็เป็นความจริง
20 พระพรที่รับสามารถส่งต่อให้ผู้อื่นได้โดยสิ่งนั้นๆก็บังเกิดกับเขาเช่นเดียวกับที่เกิดกับเรา
21 ทุกสิ่งเป็นไปได้เพียงแค่เปดใจและวางใจในพระเจ้า เช่นสวดให้เหตุการณ์ที่เราต้องการเกิดมันก็เกิด

22. ตราบใดที่โลกนี้ยังมีความรักและความดีงาม ตราบนั้นพระเป็นเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่เสมอในตัวเราทุกคน

23. เหตุว่าคำพยากรณ์ถึงพระเยซูคริสต์ผู้ที่จะเสด็จมาช่วยประชากรของพระองค์นั้น ถูกพยากรณ์โดยพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมและบรรดาผู้รับใช้พระเจ้าในสมัยพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม ซึ่งล้วนแต่เป็นศาสนายิว ซึ่งบูชาและนมัสกาลพระบิดาองค์เดียว นี่จึงเป็นอีกเหตุที่บ่งบอกว่าพระบิดาทรงมีจริง
24. เพราะพระเจ้าเป็นพระบุคคลที่เป็นจริง เราคริสตชนหลายๆคนจึงเข้าใจและได้สัมผัส "ความรักระหว่างเราและพระเจ้าอย่างพ่อกับลูก"

25. ได้หลานชายมา 1 คน จากการสวดสายประคำขอพระบิดาเจ้า ผ่านบุญราศีทั้ง7แห่งสองคอน

เรื่องมีอยู่ว่า ... คู่สะใภ้เป็นจักษุแพทย์ อยากมีลูกมาก อายุ 36 แล้วแต่ยังไม่มีลูกเลย มาขอให้ช่วยบนกับท่านบุญราศีให้หน่อย เพราะตัวเองเป็นพุทธ ไม่กล้าบนเอง   แหม...เข้าล็อกเรา   ...เลยบอกว่า"งั้นขอหลานเข้าคริสต์นะ" แล้วให้เขาสังเกตดูระยะเวลาเอาเอง ถ้าท้องภายใน 3 เดือน ต้องให้หลานเข้าคริสต์ แต่ถ้าเกินกำหนด 3 เดือน ถือว่าไม่ใช่ที่ขอบนไว้ แล้วก็ไปสวดบอกกับท่านบุญราศีให้ช่วยหน่อย เร็วมาก..ทันใจจริงๆ! 2 สัปดาห์เท่านั้น ท้องเห็นๆ
คือ หลังจากตกปากรับคำก็เริ่มสวดทันที พอเข้าสัปดาห์ที่ 2 ก็มีอาการแพ้ท้องทันทีทันใด ตอนคู่สะใภ้เขาโทร.มาบอก ดีใจมากน้ำตาไหลเองเลย ไม่คิดว่าสวดสายประคำผ่านท่านบุญราศีแล้วจะได้รับเร็วขนาดนี้ บางอย่างรอนานกว่านี้หน่ะค่ะ แล้วพระบิดาเจ้า คงต้องการให้เด็กคนนี้เป็นคริสต์แน่ๆ เกิดมาเมื่อ 5 ก.พ.51 ที่ผ่านมานี้เอง ใช้นามนักบุญอันตน ด้วยหล่ะ

26. ในพิธีมิสซา พระองค์มาเสกศีล

27. เราเห็นความรักของพระองค์ในเรา และทุกๆคน

จิตใจที่เป็นอิสระ......ในพระนามพระเยซูคริสต์

29. พระองค์ไม่ลืมพระสัญญา 

30.ทุกครั้งที่คิดถึงพระองค์ สวดสายประคำ รึแค่วอนขอพระองค์
จิตใจจะสงบอย่างน่าประหลาด แม้ว่าขณะนั้นกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ 

31. แม้เดินอยู่คนเดียวก็รู้สึกได้ว่าพระองค์ทรงเดินร่วมทางกับเรามาตลอด

32 ผมรักคนรอบข้างมากขึ้น และตราบใดที่ผมยังไม่หยุดรัก พระเจ้าของผมก็ยังดำรงอยู่แน่นอน

33 ผมเกลียดคนอื่นน้อยลง และเมื่อจำนวนคนที่ผมเกลียดลดลงเรื่อยๆ แสดงว่าพระเจ้าของผมยังคงดำรงอยู่

34 ผมให้อภัยง่ายขึ้น และเมื่อการให้อภัยของผมง่ายมากขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าพระเจ้าของผมยังคงดำรงอยู๋

35. เพราะพระองค์ทรงตอบข้าพเจ้าผ่านทางบทเทศน์ของคุณพ่อในมิสซา ในวันที่3 มีนาคม 2009

36  ปี2003พระเจ้าทดลองผม พระเจ้าดำรงอยู่

37  ปี2004พระเจ้าทดลองผม พระเจ้าดำรงอยู่

38  ปี2007ผมรับพระเจ้าไว้ในชีวิต พระเจ้าดำรงอยู่

39  ปีต่อๆมา พระองค์ตอบคำถามผม (เปิดพระคัมภีร์) พระเจ้าดำรงอยู่

40  และต่อมา พระองค์ตอบคำถามผม (ทางใบพระวาจาหน้าวัด) พระเจ้าดำรงอยู่

41  จากนั้น พระองค์ตอบคำถามผมอีก (ทางใบพระวาจาหน้าวัด) พระเจ้าดำรงอยู่

42. พระองค์ทรงสอนข้าพเจ้าผ่านทางเพื่อนๆในห้องคำสอน
43. พระองค์ทรงสอนข้าพเจ้าผ่านทางบทเพลงที่ซ้อมวันจันทร์ที่2มีนาคม เพลงนั้นชื่อ "พักพิงในพระเจ้า" รู้สึกว่าพระองค์เป็นศิลามั่นคงจริงๆ

44. พระองค์ทรงตอบคำถามลูกบ่อยครั้งตอนลูกสวดก่อนนอน

45. ทรงใช้งานผม เอ๊ย ทรงเรียกให้ผมรับใช้ในแบบที่เหมาะสม

46. วันนี้ (4/03/09) พระองค์ตอบคำถามข้าพเจ้าเป็นฉากๆ (จากพระคัมภีร์) เเละยังเตือนเรื่อง"ความรัก" อีกด้วย

48. พระองค์ทรงเป็นลมหายใจของพวกเรา  ทุกจังหวะวินาทีของชีวิต มีอยู่เพื่อพระองค์

49.พระองค์ทรงให้ทุกชีวิตเติบโตด้วยความรัก และยังทรงกระทำอยู่ทุกเมื่อ

50. เมื่อวานพระองค์ ช่วยลูกให้พ้นปัญหา 2 อย่างโดยที่ลูกยังไม่ทูลขอ ขอบพระคุณพระองค์ เช่นนี้พระองค์ดำรงอยู่ อาเมน

51.มีวันนึงผมจัดงานวันเกิดที่บ้าน ตั้งโต๊ะเก้าอี้ ทีวี ลำโพงจะร้องคาราโอเกะกันไว้ที่ข้างบ้าน เพื่อนๆก็มากันหลายคน สักพักมีลมพายุมาแรงมากอากาศเหมือนฝนจะตก  ภรรยาผมบอกว่าเก็บของเข้าบ้านเถอะ ผมบอกภรรยาว่าไม่ต้องเก็บหรอกแล้วผมก็สวดขอพระ อย่าให้มีฝนตกเลย สักพักลมก็สงบลง (ข้าแต่พระเยซูเจ้าลูกวางใจในพระองค์) มีอีกหลาย
เหตุการณ์ที่พระองค์ทรงทำให้ลูกสัมผัสได้ว่า พระองค์ยังอยู่ใกล้ๆข้าพเจ้าเสมอ คอยรับฟังลูกอยู่เสมอ

52.  พระองค์ทรงเป็นที่พักพิง และเป็นศิลา ใว้จริงตามที่ทรงสัญญา  พระองค์ทรงปล่อยให้ลูกเผชิญปัญหาแต่ก็ผ่านมาได้ทุกครั้งและแข็งแกร่งขึ้น พระองค์ทรงให้ลูกเจอความล้มเหลวผิดพลาด เพื่อจะได้เติบโตและแข็งแกร่งขึ้น  พระองค์ทรงดูเราอยู่ทุกคืนวันไม่ว่าเราจะทำดีทำบาปพระองค์ทรงดูเราอยู่และพร้อมอุ้มชูเราเมื่อเราหมดแรง จริงตามที่พระองค์ทรงสัญญาว่า "ใครที่เหน็ดเหนื่อยให้มาหาเรา ทำจะทำให้ท่านได้หายเหนื่อย"

53. ยามลูกขัดสนพระองค์ประทานให้ เหตุนี้พระองค์ทรงดำรงอยู่