<<<<< มนุษย์ปัจจุบันคิดว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นใคร >>>>>

[Holy]

มนุษย์ปัจจุบันคิดว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นใคร




พระเยซูเจ้า ชาวนาซาเรท เป็นใครกันแน่ การกระทำของพระองค์ต้องการสิ่งใด มิใช่สิ่งง่ายที่จะตอบคำถามเหล่านี้ เพราะเรามีชีวิตอยู่สองพันปี หลังจากพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ ถึงกระนั้นก็ดี มนุษย์ทุกสมัยคิดว่า รู้จักและเข้าใจพระคริสตเจ้าบ้าง และเขาอ้างว่า ความคิดของตนสอดคล้องกับความคิดของพระองค์ทั้งๆที่ความคิดของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน เช่น คริสตชนแต่ละนิกาย มีภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าต่างกัน ผู้ที่ไม่เป็นคริสตชนอาจพยายามนำทัศนะของพระคริสตเจ้ามาใช้สนับสนุนความคิดเห็นของตน  ดอรอตี เซอล์เล (DOROTHY SOELLE) ผู้สอนเทววิทยาในเยอรมนี ยืนยันว่า

[Holy]

1.   ภาพลักษณ์พระคริสตเจ้าตามความคิดของศาสนาฮินดู



มะหัตมะ  คานธี เคยประทับใจบทเทศน์ของพระเยซูเจ้าบนภูเขาและคิดว่าคำปราศรัยนี้มีข่าวสารทั้งหมดที่พระองค์ทรงประกาศอย่างสังเขป      เขาเทียบบทเทศน์นี้กับคัมภีร์    ภะคะวัทคีตา แล้วตัดสินว่ามีคำสอนคล้ายกัน แตกต่างกันเพียงในเรื่องเล็กน้อย

[Holy]

2.      ภาพลักษณ์พระคริสตเจ้าตามความคิดของศาสนาอิสลาม

คัมภีร์ อัล-กุรอานกล่าวถึงพระเยซูเจ้า (ISA) ใน 15 บท จากจำนวนทั้งหมด 114 บท รวมเป็น 93 ข้อ สำหรับอิสลามแล้วพระเยซูเจ้าทรงเป็นประกาศกผู้ยิ่งใหญ่  ประสูติจากพระนางมารีพรหมจารีย์ เดชะพระอานุภาพของพระเจ้า พระองค์ทรงกระทำอัศจรรย์มากมายและทรงเป็นอาจารย์สอนมนุษย์ให้นมัสการพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวและอ่อนน้อมต่อพระองค์อย่างสิ้นเชิง (อิสลาม) พระเยซูเจ้าจึงทรงเป็นมุสลิมที่แท้จริง (ผู้อ่อนน้อมต่อพระเจ้า)    ตามแบบอย่างของอาดัมมนุษย์คนแรกที่สืบเนื่องจากอับราฮัม สำหรับอัล-กุรอานทั้งอาดัมและอับราฮัมเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์



แม้พระเยซูเจ้าทรงเป็นประกาศกผู้ศักดิ์สิทธิ์รองจากพระมะหะหมัดเท่านั้น  กระนั้นก็ดีพระองค์ทรงเป็นเพียงประกาศกองค์หนึ่ง อัล-กุรอาน ปฏิเสธไม่ยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเพราะต้องการยึดมั่นในคำสอนที่ว่ามีพระเจ้าเพียงแต่พระองค์เดียว พระเจ้าทรงอุตรภาพ คืออยู่พ้นขอบข่ายของโลกหรือธรรมชาติโดยสิ้นเชิง พระองค์ทรงไม่เปลี่ยนแปลงจึงจะทรงรับธรรมชาติมนุษย์ไม่ได้ ในอัล-กุรอานมีเขียนไว้ว่า

[Holy]

3. ภาพลักษณ์พระคริสตเจ้าตามความคิดของชาวยิว

ภาพลักษณ์พระคริสต์ตามความคิดของชาวยิวในสมัยของพระเยซูเจ้ามักจะเป็นในแง่ลบ ผู้ร่วมสมัยของพระคริสตเจ้าตำหนิพระองค์ว่า ทรงเป็น

[Holy]

4.  ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าตามความคิดของผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่มีใจมนุษยธรรม

ผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่มีใจมนุษยธรรมมักจะมองพระคริสตเจ้าในแง่ที่ทรงเป็นอาจารย์สูงส่ง ทรงมีบุคลิกภาพที่สมบูรณ์ผิดกับคนธรรมดา  ซึ่งพวกคริสตชนคิดว่าพระคริสตเจ้าทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้า แต่ที่จริงแล้ว เราพบภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าอย่างแท้จริง ต่อเมื่อเรานำพระคริสตเจ้าลงมาจากพระบัลลังก์ ซึ่งคริสตชนนำขึ้น พวกเขาบิดเบือนความจริง ความจริงคือพระคริสตเจ้าทรงเป็นเพียงมนุษย์ แต่มนุษย์ที่ไม่เหมือนใคร เป็นผู้ที่ชี้หนทางนำไปสู่การรู้จักตนเอง

ขอยกตัวอย่างของ คาร์ล ยัสเปิร์ส (1883-1969) ซึ่งเป็นผู้แทนแนวความคิดนี้ เขาเป็นจิตแพทย์และนักปราชญ์ชาวเยอรมัน เขาคิดว่าพระคริสตเจ้าทรงเป็นอาจารย์แท้จริง อาจารย์ยิ่งใหญ่ที่สอนในเรื่องสำคัญฝ่ายวิญญาณนั้นมีเพียง 4 คนคือ โสกราตีส ขงจื๊อ พระพุทธเจ้า และพระคริสตเจ้า อาจารย์ทั้ง 4 คนนี้ สอนมนุษย์เรื่องการชำระจิตใจของตนให้บริสุทธิ์ การชนะวัตถุนิยมโดยสนใจเรื่องวิญญาณมากกว่าสอนวิธีบังคับตนเอง ควบคุมกิเลส สอนความรักต่อมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าเป็นชาติใดภาษาใด สอนให้มนุษย์เป็นอิสระอย่างแท้จริง สอนคุณค่าแห่งความเงียบ สอนความกล้าหาญในการรับทรมานและความตาย แต่พระคริสตเจ้าทรงสอนเรื่องเหล่านี้อย่างลึกซึ้งและเด็ดขาดมากกว่าผู้อื่น เช่น เรื่องความรัก จะต้องรักมนุษย์ทุกคนแม้แต่ศัตรู พระองค์ทรงเน้นอิสรภาพมากกว่าคนอื่น



คริสตเจ้าทรงกล้าเผชิญกับการทรมานแบบที่ไม่เคยมีตัวอย่างเช่นนี้มาก่อน ถึงกระนั้นยัสเปิร์สคิดว่า พระคริสตเจ้าไม่ทรงเป็นพระแมสซียาห์ผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากบาปดังที่คริสตชนเข้าใจผิด ความตายของพระคริสตเจ้าจะช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากบาปไม่ได้เลย  คริสตชนยกพระคริสตเจ้าขึ้นเป็นพระเจ้า และนมัสการพระองค์ แต่พระคริสตเจ้าไม่ทรงพระประสงค์เช่นนั้น คริสตชนหลงทำสิ่งที่พระคริสตเจ้าไม่ทรงต้องการ คือยกย่องพระองค์เป็นพระบุตร ยัสเปิร์สสอนว่า เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมีความจำกัดของธรรมชาติมนุษย์ จะสำคัญมากจนกระทั่งเป็นความหมายอย่างถาวรสำหรับมนุษย์ทุกคน  หรือสามารถไถ่บาปของมนุษย์ทุกคน

สรุป    ยัสเปิร์สมองพระคริสตเจ้าเป็นศาสดาที่สูงส่ง น่านับถือ สอนให้รู้จักตนเอง มีความกล้าหาญที่จะดำเนินชีวิตฝ่ายจิต แต่เป็นเพียงมนุษย์ที่จำกัดอยู่ ไม่มีลักษณ์อุตรภาพ      (TRANSCENDENCE)

[Holy]

5. ภาพลักษณ์พระคริสตเจ้าของผู้ถือลัทธิมาร์กซิสต์

คาร์ล มาร์กซ์ ได้รับการอบรมในนิกายโปรเตสแตนต์ เพราะบิดาเป็นยิวที่กลับใจ ในตอนแรกเขาเขียนข้อความเกี่ยวกับพระคริสตเจ้า  แต่ในภายหลังเขาสอนว่า ศาสนาเป็นเพียงการกระทำของมนุษย์ เกิดขึ้นเพราะสถานการณ์ทางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ศาสนาจึงเป็นอุปสรรคในความก้าวหน้าของสังคมและเศรษฐกิจ



เลนิน กล่าวว่าทุกศาสนาเป็นฝิ่นทำให้ประชาชนมึนเมา (หลับ) แทนที่ประชาชนจะลงมือปฏิรูปสังคม เขากลับมาเชื่อในศาสนา ซึ่งสอนเขาให้มีความอดทน เพราะผู้ที่ประสบความยากลำบากในโลกนี้ มีความหวังว่าจะได้มีความสุขในโลกหน้า  คำสอนทางการของลัทธิมาร์กซิสต์ดังที่เราพบในพรรคคอมมิวนิสต์มักจะมองศาสนาในแง่นี้ คือ ศาสนาเป็นอุปสรรคในการต่อสู้เพื่อปฏิรูปสังคม  ศาสนาเป็นความห่างเหินชนิดหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดอัญภาวะ (ALIENATION) เพราะทำให้จิตใจมนุษย์ไม่อยู่ในสภาพตามธรรมชาติของตน มีสิ่งอื่นมาดึงดูดไป จนลืมสภาพตามธรรมชาติของตนไป

ในสมัยนี้มีนักปราชญ์บางคนถือลัทธิมาร์กซิสต์และยังสนใจเรื่องพระคริสตเจ้า เช่น มิลาน มาโคเวช  และเอินสต์ บลอค์

5.1 มิลาน มาโคเวช เขียนหนังสือที่มีชื่อว่า

[Holy]

6.  ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าตามความคิดของผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อคนชั้นกลาง

ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อคนชั้นกลาง หมายถึงคนที่ประท้วงสังคมบริโภค  โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนในยุโรปและสหรัฐในปี 1968-1970 แม้ปัจจุบันนี้ มีหลายคนเป็นปรปักษ์ต่อสังคมในยุคโลกาภิวัตน์  เพราะเป็นสังคมที่มีคนชั้นกลางเป็นผู้ปกครองและตั้งค่านิยม โดยปกติพวกเยาวชนหลายคนไม่ชอบคำสอนทางการของนิกายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิก แองกลิกัน โปรแต็สตัน เพราะคำสอนเหล่านี้สนับสนุนระบบสังคม แต่เขาสนใจในพระคริสตเจ้า เพราะคิดว่าพระองค์ทรงทำลายขนบประเพณีของชนชั้นกลาง พระคริสตเจ้าทรงประท้วงสังคมในสมัยของพระองค์ และทรงดำเนินชีวิตเหมือนพวกฮิปปี้ในปัจจุบัน พระคริสตเจ้าทรงเป็นที่นิยมชมชอบของผู้ที่ชอบดนตรีสมัยใหม่ ศิลปะแบบประชานิยม และขบวนการ UNDERGROUND ต่าง ๆ  



เราพบทัศนะดังกล่าวนี้ในหนังสือพิมพ์ และในภาพยนต์บางเรื่อง  รวมทั้งขบวนการที่เรียกว่า

[Holy]

7. ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าของพระศาสนจักร

        พระศาสนจักรทุกสมัยได้พยายามตอบคำถามที่ว่าพระคริสตเจ้าคือใครเสมอมา พระองค์ทรงมีความหมายอะไรสำหรับมนุษย์ ทำไมมนุษย์เราต้องการมีผู้ช่วยให้รอดพ้นจากบาปได้ ทำไมนอกจากพระคริสตเจ้า

[Holy]

8.   การวิจารณ์ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าแบบต่างๆ

ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าตามความคิดของคนปัจจุบัน โดยทั่วไปมีความจริงหลายอย่าง ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าแต่ละแบบ อาจจะเน้นคุณลักษณะบางอย่างของพระคริสตเจ้าชัดเจนมากกว่าความคิดของผู้มีความเชื่อในพระคริสตเจ้า  เพราะคริสตชนอาจจะลืมคุณลักษณะนั้นบ้าง หรือไม่เน้นเท่าที่ควร ทุกแบบพยายามที่จะสอนว่า   พระคริสตเจ้าทรงเกี่ยวโยงกับชีวิตมนุษย์ปัจจุบัน ทั้งในด้านคำสอนและในด้านวิธีการดำเนินชีวิตของพระองค์

8.1    วิจารณ์ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าตามความคิดของชาวยิว

ในแง่บวก ชาวยิวปัจจุบันที่สนใจพระคริสตเจ้าเน้นว่า ความคิดของพระองค์สอดคล้องกับความคิดตามศาสนาของชาวยิวที่ร่วมสมัยกับพระองค์ พระองค์ทรงเป็นชาวยิวแท้  ทรงคิดและพูด แบบยิวแท้ๆ

ในแง่ลบ จริงหรือไม่ที่การเทศน์หรือความคิดของพระคริสตเจ้าไม่มีอะไรแตกต่างจากคำสอนของบรรดาธรรมาจารย์อื่นๆ  ทุกอย่างสอดคล้องกับความคิดของชาวยิว หรือมีความคิดใหม่ซึ่งแตกต่างจากความคิดของชาวยิว ทำไมหัวหน้าของชาวยิวในสมัยของพระองค์ตัดสินว่า   พระคริสตเจ้าสมควรที่จะถูกประหารชีวิต ถ้าพระองค์ทรงสั่งสอนตามแนวความคิดของเขา น่าสังเกตว่า เคลาสเนอร์ อาจารย์ปัจจุบัน พูดถึงพระคริสตเจ้าอย่างน่าจับใจ แต่ยังได้พบข้อบกพร่องในคำสอนของพระองค์  นอกจากนั้น ประวัติของพระเยซูเจ้าตามเอกสารของหนังสือพระวรสารไม่จบลงเมื่อพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพราะพระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพ 



8.2 วิจารณ์ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าตามความคิดของผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้าแต่มีใจมนุษยธรรม

ในแง่บวก พวกนี้เน้นถึงบุคลิกภาพอันสมบูรณ์ไม่เหมือนใครของพระคริสตเจ้า พระองค์ทรงชี้แจงหนทางไปสู่ความรู้จักตนเอง ความสำนึกในตนเอง พระคริสตเจ้าทรงเป็นมนุษย์ยอดมนุษย์ ทรงเป็นมาตรฐานสำหรับคนอื่นๆ ทั้งในชีวิตและในความตาย ดังนั้น คำสอนของพระองค์ล้วนมีคุณค่าสำหรับมนุษย์ทุกสมัยในด้านมนุษยธรรม

ในแง่ลบ  เราอาจจะถามต่อไปว่า  ทำไมพระคริสตเจ้าทรงเป็นมนุษย์มาตรฐาน มิใช่เพราะพระองค์ทรงมีบางสิ่งบางอย่างมากกว่ามนุษย์คนอื่นๆ หรือ ถ้าหากพระคริสตเจ้าทรงเป็นมนุษย์เหมือนผู้อื่น จะมีความหมายและเป็นมาตรฐานสำหรับมนุษย์ทุกคนได้อย่างไร พระคริสตเจ้าทรงเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมีมนุษยธรรมยอดเยี่ยมมากกว่าคนอื่นๆ อย่างเดียว หรือทรงเป็นมนุษย์ซึ่งในเวลาเดียวกันเป็นพระเจ้าด้วย พระคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า  หรือทรงเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมนุษย์อื่นๆ ได้ยกขึ้นเป็นมาตรฐาน หรือยกขึ้นเป็นพระเจ้าจริงหรือ

8.3 วิจารณ์ภาพลักษณ์ของพระคริสตเจ้าตามความคิดของผู้ถือลัทธิมาร์กซิสต์

ในแง่บวก อาจารย์มาร์กซิสต์บางคนเน้นถึงกิจการของพระคริสตเจ้า  และดึงดูดความสนใจของคน ปัจจุบันต่ออุดมการณ์ของพระองค์ (Cause of Jesus) พวกเขาถามว่า ปัจจุบันนี้ผู้ที่ช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นตามแบบของพระคริสตเจ้าอยู่ที่ไหน ใครรักมนุษย์เหมือนพระคริสตเจ้าโดยทุ่มเทชีวิตของตน เพื่อเปลี่ยนสภาพน่าสงสารของมนุษย์ปัจจุบัน  พระคริสตเจ้าไม่ทรงสอนศาสนาซึ่งเน้นเรื่องจิตอย่างเดียว พระองค์ทรงสนใจประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในด้านสังคม ด้านการเมืองและด้านวัฒนธรรมอีกด้วย

ในแง่ลบ เราอาจจะถามพวกมาร์กซิสต์ว่า โครงการของพระคริสตเจ้านั้น ไม่พูดถึงความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีกับพระเจ้าเลยหรือ? ถ้าเรามาศึกษาข่าวสารของพระคริสตเจ้า   เราจะเห็นว่าพระคริสตเจ้าทรงเอาใจใส่มนุษย์อื่นๆ และทุ่มเทชีวิตเพื่อคนอื่นๆ ก็จริง เพราะว่าพระองค์ทรงเอาใจใส่ในพระเจ้าพระบิดาเสียก่อน พระองค์ทรงมอบชีวิตอย่างสิ้นเชิงแก่ผู้อื่นตามพระประสงค์ของพระบิดา ก่อนอื่นหมด พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ปฏิรูปสังคม หรือว่า ดังที่นักบุญมาร์โกเขียนไว้  ทรงเป็นผู้ไถ่บาปมนุษย์

[Holy]

9. สรุป



ภาพลักษณ์ต่างๆ ของพระคริสตเจ้ามีความจริงบ้าง แต่ไม่สามารถแสดงภาพที่สมบูรณ์ของพระคริสตเจ้า คล้ายกับว่าภาพลักษณ์เหล่านี้แคบเกินไป ลดคุณค่าและความหมายของพระองค์มากไป กลุ่มต่างๆ มองพระคริสตเจ้าในแง่ที่เป็นมนุษย์ตัวอย่าง และผู้ประกาศโครงการด้านศีลธรรมที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาโลกมนุษย์ พูดอีกนัยหนึ่ง พระคริสตเจ้าทรงเป็นอาจารย์สอนศีลธรรม แต่ทรงปฏิบัติตามคำสอนนั้นก่อน พระคริสตเจ้าทรงเป็นเพียงแค่นี้หรือ พระคริสตเจ้าไม่ทรงมุ่งที่จะพัฒนาโลก แต่ทรงประกาศเหตุการณ์ใหม่ในโลก คือพระอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งเป็นการกระทำของพระเจ้า ไม่ใช่การกระทำของมนุษย์ที่ถือศีลธรรมอย่างเคร่งครัด ดังนั้นจำเป็นต้องศึกษาประวัติแท้ของพระคริสตเจ้า คือ สิ่งที่พระองค์ทรงสั่งสอนและสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำอย่างแท้จริง เมื่อทรงมีพระชนมชีพบนแผ่นดินนี้.

ที่มา-แสงธรรมปริทัศน์

[Prod Pran]

ขอข้อมูลเพิ่ม แสงธรรมปริทัศน์ ว่า คพ.ท่านไหนเขียน และฉบับใด เพราะอยากหาอ่านจากห้องสมุดค่ะ

[Batholomew]

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ครับ

[(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)]

ขอบคุณมากค่า

[:+: seraphim :+:]

ขอบคุณจ้า น่าเอาไปลงพันทึปเนอะ

[Holy]

ขอบคุณจ้า น่าเอาไปลงพันทึปเนอะ

พี่ฟิมเอาไปลงสิครับ

ขอข้อมูลเพิ่ม แสงธรรมปริทัศน์ ว่า คพ.ท่านไหนเขียน และฉบับใด เพราะอยากหาอ่านจากห้องสมุดค่ะ

เสียดายไม่มีบอกไว้ครับ

[Viridian]

ขอข้อมูลเพิ่ม แสงธรรมปริทัศน์ ว่า คพ.ท่านไหนเขียน และฉบับใด เพราะอยากหาอ่านจากห้องสมุดค่ะ

เสียดายไม่มีบอกไว้ครับ

เป็นบทความทางวิชาการที่ดีค่ะ...

เสียดายที่ไม่รู้ว่าคุณพ่อท่านไหนเขียน น่าเสียดายจริงๆ ค่ะ

[Nihil]

ขอบคุณครับผม 

[siriya]

ดีจริง ๆ เป็นข้อมูลที่ดีจริง ๆ  ขอบคุณมากค่ะ

[yack]

ขอบคุณที่เเบ่งบันนะครับ 
สำหรับ yack พระเยซูทรงเป็นความรอด เเละเป็นเเบบอย่างที่พระเจ้าทรงเเสดงถึงความรักที่มีต่อมนุษย์
เเละทรงเป็นเเบบอย่างให้ yack มีใจเสียสละอย่างพระองค์
ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเมตาให้ yack ได้รู้จักพระองค์
อาเเมน

[Dis volentibus]

ในที่สุดก็อ่านจบค่าๆๆๆ ขอบพระคุณมากๆเจ้าค่ะ 

[วอ]

ดีครับ 

[Like a Heaven]

แจ่มแมวไปเลยครับ

[Batholomew]

แจ่มแมวไปเลยครับ

คืออะไรหรอครับ

[Holy]

แจ่มแมวไปเลยครับ

คืออะไรหรอครับ

คือแมวแจ่มใสไง

[Like a Heaven]

แจ่มแมวไปเลยครับ

คืออะไรหรอครับ

คือแมวแจ่มใสไง

แฮ่ะๆ .. จริงๆมันก้อคือแจ่มแหละครับ แค่เติมแมวเข้ามาเพราะความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่น 

[Stephen]

ครับ ข้อมูลความรู้ที่คุณ holy หามาให้ก็เป็นเหมือน แสงสว่าง ทำให้เราได้เห็นถึงความเป็นไปต่างมิติรอบด้าน ดีมากเลยครับ

[Apostolic`See]

ผมสงสัยนะครับลูกแกะ คืออะไรครับ งง นะครับ (มะเค้าใจนะครับ เห็นเปรียบเราเหมือนลูกแกะ) งืมๆๆ 

[ชิปโป]

ผมสงสัยนะครับลูกแกะ คืออะไรครับ งง นะครับ (มะเค้าใจนะครับ เห็นเปรียบเราเหมือนลูกแกะ) งืมๆๆ 

ยน 10:1
เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่ไม่เข้าคอกแกะทางประตู แต่ปีนเข้าทางอื่น ก็เป็นขโมยและโจร  ผู้ที่เข้าทางประตูก็เป็นผู้เลี้ยงแกะ คนเฝ้าประตูย่อมเปิดประตูให้เขาเข้าไป บรรดาแกะก็ฟังเสียงเขา เขาเรียกชื่อแกะของตนทีละตัว และพาออกไปข้างนอก  เมื่อเขาพาแกะออกไปหมดแล้ว เขาจะเดินนำหน้า และแกะก็ตามไปเพราะจำเสียงของเขาได้  แกะจะไม่ตามคนแปลกหน้าเลย แต่จะหนีจากเขา เพราะไม่รู้จักเสียงของคนแปลกหน้า
พระเยซูเจ้าตรัสอุปมาเรื่องนี้ให้คนเหล่านั้นฟัง แต่เขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสนั้นหมายถึงสิ่งใด
พระเยซูเจ้ายังตรัสกับเขาอีกว่า
เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า
เราเป็นประตูคอกแกะ
ทุกคนที่มาก่อนหน้าเรา
เป็นขโมยและโจร
แต่แกะมิได้ฟังเสียงของเขาเหล่านั้น
เราเป็นประตู
ผู้ที่เข้ามาทางเราก็จะรอดพ้น
เขาจะเข้าจะออก
และจะพบทุ่งหญ้า
ขโมยย่อมมา
เพื่อขโมย ฆ่าและทำลาย
เรามา
เพื่อให้แกะมีชีวิต
และมีชีวิตอย่างสมบูรณ์
เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี
ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน
ลูกจ้าง ที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะ
และไม่เป็นเจ้าของแกะ
เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามา
ก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป
สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป
ลูกจ้างวิ่งหนีเพราะเขาเป็นเพียงลูกจ้าง
ไม่มีความห่วงใยฝูงแกะเลย
เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี
เรารู้จักแกะของเรา
และแกะของเราก็รู้จักเรา
เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี
ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน
ลูกจ้าง ที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะ
และไม่เป็นเจ้าของแกะ
เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามา
ก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป
สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป
ลูกจ้างวิ่งหนีเพราะเขาเป็นเพียงลูกจ้าง
ไม่มีความห่วงใยฝูงแกะเลย
เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี
เรารู้จักแกะของเรา
และแกะของเราก็รู้จักเรา
พระบิดาทรงรู้จักเราฉันใด
เราก็รู้จักพระบิดาฉันนั้น
เรายอมสละชีวิตเพื่อแกะของเรา
เรายังมีแกะอื่น ๆ
ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้
เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย
แกะจะฟังเสียงของเรา
จะมีแกะเพียงฝูงเดียว
และผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว
พระบิดาทรงรักเรา
เพราะเราสละชีวิตของเรา
เพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก
ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้
แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น
เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา
และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก