พระทรงบังเกิด โลกจงยินดี.....

วันระลึกถึงนักบุญ 365-6วัน ประวัตินักบุญ และวันฉลองสำคัญของคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

อังคาร ธ.ค. 11, 2012 5:09 pm

เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
รูปภาพ

การเสด็จมาขององค์พระเยซูคริสตเจ้าเป็นวันเวลาที่เราไม่คาดคิดมาก่อน เราไม่ทราบล่วงหน้า การเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าอาจมองได้ 2 ความหมาย

1. โลกและสรรพสิ่งจะต้องมีวันสิ้นสุดนั่นคือ วันสิ้นโลก และพระเยซูคริสตเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งในวันนั้นในฐานะพระตุลาการพิพากษามนุษยชาติ วันนั้นเป็นวันไหน เมื่อไรเราไม่ทราบ พระเยซูคริสตเจ้าบอกกับเราว่า? มีแต่พระบิดาผู้เดียวเท่านั้นทรงทราบ? เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวและจิตใจให้พร้อมอยู่เสมอ

2. วันสิ้นชีวิตของมนุษย์แต่ละคน ก็เป็นวันที่พระเยซูคริสตเจ้าเสด็จมาด้วยและใครจะตาย เมื่อไรอย่างไรเราก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน พระวาจาของพระเจ้าเตือนให้เราดำเนินชีวิตอย่าง รอบคอบ? พวกท่านจงเตรียมพร้อมอยู่เสมอเพราะพวกท่านไม่รู้วันเวลา?

เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า จึงไม่ใช่เทศกาลเตรียมสมโภชการบังเกิดมาของพระเยซูคริสตเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมต้อนรับ การเสด็จมาของพระคริสตเจ้าเป็นครั้งที่ 2 ด้วย การเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูคริสตเจ้า จะไม่ใช่การบังเกิดมาทารกน้อยนอนในรางหญ้าอีกต่อไป แต่พระองค์จะเสด็จมาเป็นผู้พิพากษามนุษยชาติ ด้วยเหตุนี้เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระ คริสตเจ้า จึงไม่ใช่เพียงเทศกาลเตรียมการฉลองรื่นเริงในวันคริสต์มาสเท่านั้น แต่ตรงข้าม ต้องเป็นเทศกาลที่เราต้องจริงจังกับชีวิตมากขึ้น เปิดบัญชีชีวิตขึ้นอ่านทบทวน ถ้าพบว่าอะไรดีเป็น สิ่งที่ส่งเสริมความเชื่อ ความศรัทธา ทำให้เราเป็นคนดีขึ้นก็ทำต่อไป และขอพลังจากพระเป็นเจ้า ให้เราพัฒนา ความเชื่อ ความศรัทธา ของเราให้เข้มแข็งมากขึ้นอยู่เสมอ ถ้าพบความบกพร่องของเรา ต้องเปิดใจรับความจริงและแก้ไข ลำพังตัวเราเองคงทำอะไรไม่ได้ เราจึงต้องขอพลังจากพระเป็นเจ้าอีกเช่นกัน ขอให้ปีใหม่ของพระศาสนจักรเป็นก้าวแรกที่ดีมั่นคง เพราะการเริ่มต้นที่ดีก็สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง

รูปภาพ

คริสตสมภพสมโภชอะไรกันแน่ ?

ที่มา: คุณพ่อ ปรีชา นิยมธรรม แสงธรรมปริทัศน์ปีที่ 18 เดือนที่กันยายน-ธันวาคม 1994

ดูเหมือนว่าห้างสรรพสินค้าจะไวกว่าเราคริสตชนจากที่พวกเขาได้เริ่มโฆษณาขายผลิตภัณฑ์แบบพิเศษ แบบพิเศษสุดก่อนที่เราจะเตรียมตัวเข้าเทศกาลเตรียมรับเสด็จด้วยซ้ำไป ไม่ว่าจะที่ตู้กระจก ไฟประดับหน้าห้างและร้าน การจัดวางผลิตภัณฑ์ที่ล่อใจผู้ที่เดินชม การจัดรายการสมนาคุณพิเศษและสี เสียง ฯลฯ ล้วนเป็นอาหารตา และจุดปรารถนาจะซื้อมาไว้ในครอบครอง

ปรากฏการณ์ที่กล่าวมาข้างบนล้วนบ่งชี้บรรยากาศของเทศกาลคริสตสมภพในหลากหลายพันรูปลักษณ์ - ประดุจพลุที่กระจายบนท้องฟ้า - กระจายออกเป็นชีวิตและความยินดี เป็นความหวังและความเชื่อ แต่บ่อยครั้งดูเหมือนว่างานฉลองนี้จะมาในรูปคู่แข่งขนานกันตลอด คือคริสตสมภพ งานสมโภชของสังคมบริโภคอันมโหฬาร และคริสตสมภพ งานสมโภชการบังเกิดของพระบุตรพระเป็นเจ้ามาเป็นมนุษย์ ต่อพระกุมารน้อยในรางหญ้า ภาพของความยากจนและการปลดเปลื้องตน เราควรเฉลิมฉลองอย่างไรให้สมพระเกียรติของพระองค์?



คริสตสมภพแท้

ในประเทศของเรา ดูเหมือนว่าจะมีการเตรียมสมโภชคริสตสมภพอย่างเอิกเกริกเป็นพิเศษ และทุกคนก็พยายามเฉลิมฉลองอย่างดีที่สุดในเวลาเดียวกันคริสตสมภพได้ถูกนำเสนอในหลายรูปแบบ เหตุมาจากความรู้สึกนึกคิดและปฏิกิริยาหลากหลาย อาทิ ความยินดีที่ได้มอบของขวัญและรับของขวัญ ได้รับของเล่น ได้แสดงออกถึงความผูกพันธ์ต่อประเพณีดั้งเดิมอย่างเช่น

ซานตาคลอส บรรยากาศของมิสซาเที่ยงคืน การสร้างถ้ำพระกุมารก่อนถึงวันพระคริสตสมภพก็มีการเตรียมตัวเตรียมของ เตรียมว่าจะใส่ชุดอะไร เตรียมว่าจะซื้อของขวัญอะไร มีการตกแต่งบ้านมากบ้างน้อยบ้างและไม่ลืมที่จะประดับต้นคริสต์มาสไว้ด้วย

แล้วก็มีผู้เตรียมเทศกาลคริสตสมภพเพื่อเรา พ่อค้า แม่ค้า ห้างสรรพสินค้าเตรียมสินค้าไว้สารพัดสิ่งไว้ให้เราบริโภค วิทยุโทรทัศน์เสนอรายการพิเศษ ถ้าเราพูดถึงยุโรปก็จะมีการเตรียมการณ์มากกว่านี้หลายเท่า การเตรียมการเหล่านี้จะช่วยเราคริสตชนให้เกิดความรู้สึกในใจว่า คริสตสมภพใกล้เข้ามาแล้ว เพราะบรรยากาศภายนอกดูเหมือนวิงวอน ขอร้อง สะกิดใจ ให้เราซึมซับคริสตสมภพเข้าในตัวถ้าจะให้คริสตสมภพเป็นคริสตสมภพแท้สำหรับเรา จำเป็นที่เราจะต้องตื่นตัวตื่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการประดับประดาร้านค้า โฆษณาต่างๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ น่าจะจุดประกายความร้อนรนที่จะเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ เพราะสิ่งรอบตัวเรานั้นนำเสนอความคิด ยัดเยียดด้วยซ้ำไป เพราะการกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าถ้าจะให้คริสตสมภพเป็นคริสตสมภพแท้สำหรับเรา เราต้องพยายามให้การตระเตรียมภายนอกพูดกับเราให้เจ้าใจว่าบรรยากาศการตระเตรียมนั้นไม่เหมือนกันตามที่ต่างๆ จากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง จากชนกลุ่มหนึ่งไปสู่ชนอีกกลุ่มหนึ่ง ผู้อาวุโสอาจคิดอาจมีปฏิกิริยาตอบไม่เหมือนวัยรุ่น คนเจ็บป่วย คนตกงานอาจมีความรู้สึกผิดแผกไป จากคนสบายดีและมีงานทำ พิธีการเฉลิมฉลองของประเทศร่ำรวยคงไม่เหมือนกับประเทศยากจนแน่ๆ ฯลฯ...ให้คริสตสมภพเป็นเหมือนงานสมโภชยิ่งวันงานสมโภชคริสตสมภพและงานวันขึ้นปีใหม่ส่งท้ายปีเก่าจะกลายมาเป็นงานเดียวกันทีละเล็กทีละน้อย ตามธรรมดา วันฉลองคืออะไร? วันฉลอง งานฉลองก็เปรียบเสมือนวงเล็บในชีวิตของเรา คือเวลาที่เรากันไว้ต่างหากเพื่อเปิดโอกาสให้มาร่วมชุมนุมกัน บ่อยครั้งที่เราทำในสิ่งที่ปกติเราไม่ทำในชีวิตประจำวัน ทุกคนมารวมกันเพื่อสร้างความยินดี สร้างความสนุกเพื่อความสุข และทุกคนก็มีความรู้สึกว่ามีความเป็นหนึ่งเดียวกันและอาจรับประทานหรือดื่มมากกว่าปกติงานฉลองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนต้องการ เป็นส่วนประกอบของชีวิตดังเช่น ครอบครัว การงาน ความรักความเอื้ออาทร ความสนุก สังสรรค์และความตาย คงจะเป็นชีวิตที่เศร้ามากถ้าใครคนใดไม่มีโอกาสได้มีงานฉลองในชีวิตของเขาดังนี้คริสตสมภพอาจหลงเดินไปในหนทางและการตกระดับ "เป็นการกินอย่างเอิกเกริก" ซึ่งไม่ตรงกับความหมายจริงของ "งานฉลอง" ถ้าจะให้คริสตสมภพเป็นคริสตสมภพที่แท้ ควรมีบรรยากาศหรือความรู้สึกอะไรๆ ที่ไม่ธรรมดา ต้องเจือปนด้วยกลิ่นไอและสัมผัสของ "งานฉลอง" โดยไม่จำเป็นต้องมีอาหารเลิศรสหรือจัดงานใหญ่โตหรือมีของแพงๆ ก็ได้ แต่การบังเกิดของพระกุมารน่าจะเป็นโอกาสมีอะไร "สักอย่าง" ประทับตราตรึงใจเราบ้างคือน่าจะมีหมายอะไรบอกว่า "เป็นพิเศษ" สักอย่าง เพราะแท้จริงแล้วต้นกำเนิดนั้น คริสตสมภพคือวันแห่งความโดดเดี่ยวเงียบเหงาประสามนุษย์แต่ในความเงียบเหงาโดดเดี่ยวประสามนุษย์ของวันนั้น มีมิตรภาพ มีความยินดี และนี่คือกุญแจดอกสำคัญไปสู่ "งานฉลอง" ที่ผ่านไปอย่างเป็นผลสำเร็จ เพราะจิตใจที่เปิดกว้างสู่คนรอบข้าง สู่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว และนักบุญลูกาได้บอกให้รู้ว่าในคืนอันโดดเดี่ยวแต่สุขใจของคริสตสมภพบรรดาคนเลี้ยงแกะได้พบความยินดีและสันติ (เทียบ ลูกา 2:8-20)

คริสตสมภพ พระคริสตเจ้าเกิดเป็น "กุมารน้อย" โดยทั่วไปดูเหมือนว่าคริสตสมภพจะเป็น "งานฉลอง" ของบรรดาหนูน้อยทั้งหลาย (เป็นพิเศษในประเทศยุโรป โดยเฉพาะในเช้าของคริสตสมภพ 25 ธันวาคม ที่พวกเขาจะไปดูที่ถุงเท้าของตนว่ามีของขวัญอะไรบ้าง แล้วก็จะเห็นความยินดีปรีดา ความตื่นเต้นของสีหน้าและอิริยาบถของพวกเขาเหล่านั้น) และครอบครัวส่วนมากก็ปรารถนาให้ลูกๆ ได้มาร่วมฉลองคืนคริสตสมภพคล้ายๆกับมีความปรารถนาลึกๆ จะได้พบบรรยากาศอันอบอุ่นในวัยเด็กของตนอีกครั้ง คงไม่ผิดทีเดียวถ้าจะกล่าวว่าเด็กๆ เป็น "ดารา" ของงานฉลองคริสตสมภพแต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า เด็กหลายคนได้รับการเอาอกเอาใจมากมีเดียว ส่วนเด็กจำนวนไม่น้อยบนโลกต้องนั่งตาปริบๆเพราะพวกเขาไม่มีโอกาสได้รับของขวัญใดๆเลย



คริสตสมภพคือ พระกุมารเยซูที่กลายเป็นเป้าความสนใจ

ประสบการณ์ความจริงกับเราข้อนี้เตือนใจให้เรานึกถึงอาณาจักรสวรรค์ "พระอาณาจักรสวรรค์เป็นของผู้ที่เหมือนเด็กเล็กๆ..." เป็นการเชิญอันเน้นย้ำให้พวกเรา ผู้ใหญ่กลับเป็นเหมือนเด็ก ถอดหน้ากากแห่งความมารยาของชีวิตของพวกเรา เมื่อเผชิญหน้ากับโลกแข็งกระด้างน่าเบื่อหน่าย คริสตสมภพเป็นประดุจท่อธารอันเย็นฉ่ำสำหรับมนุษย์ทุกคนทั่วหน้า คริสตสมภพอยู่เบื้องหน้าเราเหมือนกับบอกเราว่า "ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตด้วยลำแข้งตนเองสิ มัวปล่อยให้เป็นทาส เป็นเครื่องเล่นของเหตุการณ์ในชีวิตและความจำเจของชีวิตประจำวันทำไม!!!"

คริสตสมภพอันแท้จริง คือพระเป็นเจ้าผู้บังเกิดเป็น "กุมารน้อย" ชาวยิวและคุกคามจากความรุนแรงและความเกลียดชังของคนในสมัยนั้น และคนสมัยของเราด้วย ไม่มีใครเคยคิดว่าองค์พระเยซู จะเกิดเป็นกุมารน้อยแบบชาวอพยพในระหว่างการเดินทาง น่าคิด น่ารำพึงพินิจ น่าที่เราจะพยายามเข้าใจความหมายให้ลึกซึ้งขึ้นพระเป็นเจ้านำเสนอพระองค์และกิจการของพระองค์บ่อยครั้งในชีวิตประจำวันของเราโดยที่เราไม่คิดและคาดฝันมาก่อน และในรูปลักษณ์ที่เราไม่รู้มาก่อน



รูปภาพ
ประวัติวันสมโภชพระคริสตสมภพ

เอกสารเก่าแก่ที่สุดที่พูดถึงการสมโภชพระคริสตสมภพในวันที่ 25 ธันวาคม มีต้นกำเนิดมาจากพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก คือ ปฏิทินซึ่งบันทึกวันครบรอบการสิ้นชีวิต (เกิดใหม่ในพระเจ้า) ของพระสังฆราชแห่งกรุงโรม (พระสันตะปาปา) (Depositio episcoporum) และปฏิทินซึ่งบันทึกวันครบรอบการสิ้นชีวิต (เกิดใหม่ในพระเจ้า) ของมรณสักขีชาวโรมัน (Depositio martyrum) ซึ่งสันนิษฐานว่าบันทึกโดยฟูริอุส ดิโอนีซิอุส ฟิโลกาลุส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 354 ทำให้เราทราบว่าอย่างน้อยในปี ค.ศ. 336 ที่กรุงโรมได้ทำการสมโภชพระคริสตสมภพในวันที่ 25 ธันวาคมแล้ว

ทำไมที่กรุงโรมจึงฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าในวันที่ 25 ธันวาคม มีสมมุติฐานดังนี้ คือ

1.เป็นการแทนที่วันฉลองของชาวโรมันซึ่งฉลองในวันที่ 25 ธันวาคม คือ ฉลองการบังเกิดของสุริยเทพผู้พิชิต (Natale (Solis) Invicti) ที่จักรพรรดิเอาเลเรียนเป็นผู้ริเริ่มให้ฉลองในปี ค.ศ. 274 คริสตชนฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทนที่วันฉลองนี้ โดยเปรียบเทียบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็น “ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรม” (Sun of Justice) “แต่ดวงอาทิตย์แห่งความชอบธรรมซึ่งมีปีกรักษาโรคภัยได้ จะขึ้นมาสำหรับคนเหล่านั้นที่ยำเกรงนามของเรา เจ้าจะกระโดดโลดเต้นออกไปเหมือนลูกวัวออกไปจากคอก” (มลค 4:2) “เดชะพระเมตตากรุณาของพระเจ้าของเรา พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยมเราจากเบื้องบน ดังแสงอรุโณทัย” (ลก 1:78) และพระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างส่องโลก (ยน 8:12)

2.ธรรมประเพณีโบราณในศตวรรษที่ 2-3 ที่เชื่อว่า พระเยซูเจ้าทรงปฏิสนธิและสิ้นพระชนม์ในวันและเดื อนเดียวกัน คือ วันที่ 25 มีนาคม (วันที่ 14 เดือนนิสาน) ดังนั้น วันบังเกิดของพระองค์จึงเป็นวันที่ 25 ธันวาคม

การฉลองวันพระคริสตสมภพแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็วทั้งทางตะวันตกและตะวันออกในศตวรรษที่ 4 สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะธรรมล้ำลึกที่ฉลองในวันพระคริสตสมภพเป็นคำตอบที่ถูกต้องต่อคำสอนที่หลงผิดของ พวกเฮเรติ๊กลัทธิอาเรียน (Arianism) ที่สอนว่าพระบุตร (พระเยซูเจ้า) ไม่เท่ากับพระบิดา พระบุตรเป็นเพียงสิ่งสร้างแรกของพระบิดาแม้จะ ทรงเป็นสิ่งสร้างที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในเรื่องการรับเอากายเป็นมนุษย์ของพระบุตรนั้น เฮเรติ๊กลัทธินี้สอนว่าธรรมชาติพระเจ้าของพระบุตรเข้าแ ทนที่ธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์ เราเห็นคำสอนที่ถูกต้องของพระศาสนจักรเรื่องการรับเอากายเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้าได้อย่างชัดเ จนในพิธีกรรมวันสมโภชพระคริสตสมภพ ซึ่งเน้นที่ธรรมชาติพระเจ้าแท้และมนุษย์แท้ของพระเยซูเจ้า สอดคล้องกับคำสอนของสังคายนาที่นิเชอา (ค.ศ. 325) ซึ่งประณามคำสอนของลัทธิอาเรียน

พิธีกรรมสมโภชคริสตสมภพ
รูปภาพ
ตามธรรมประเพณีโรมัน จากบทเทศน์พระคริสตสมภพของพระสันตะปาปาเกรโกรี่ มหาสมณะ (ค.ศ. 604) เราพบว่าในวันสมโภชพระคริสตสมภพ อนุญาตให้พระสงฆ์ถวายมิสซาได้ 3 มิสซา คือ มิสซากลาง คืน (Missa in nocte) มิสซารุ่งอรุณ (Missa in aurora) และมิสซากลางวัน (Missa in die) (สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 เพิ่มมิสซาเย็นเตรียมสมโภชเข้าไปอีก 1 มิสซา) บทอ่านของทั้ง 3 มิสซา เป็นคำยืนยันของพยาน และผู้นิพนธ์พระวรสารเกี่ยวกับธรรมล้ำลึกแห่งการรับเอากายมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า พระบุตรพระเจ้า

อันที่จริงในศตวรรษที่ 4 มีมิสซาสมโภชพระคริสตสมภพเพียงมิสซาเดียวที่มหาวิหารนักบุญเปโตร (เ วลาประมาณ 9.00 น.) ต่อมาในศตวรรษที่ 5 มีมิสซาเที่ยงคืนที่มหาวิหารแม่พระ (St. Marry Major) ซึ่งสร้างขึ้นหลังสังคายนาที่เอเฟ ซัส ในปี ค.ศ. 431 สังคายนานี้ประกาศว่า พระนางมารีย์คือพระมารดาของพระเจ้า และในวัดน้อยใต้ดินของมหาวิหารนี้ได้เก็บรักษาพร ะธาตุของถ้ำเลี้ยงสัตว์ที่เบธเลเฮม สถานที่ที่พระเยซูทรงบังเกิดไว้ด้วย จึงเป็นธรรมเนียมที่พระสันตะปาปาจะมาถวายมิสซาในตอนเที่ยงคื นที่วัดน้อยแห่งนี้ เชื่อว่าการถวายมิสซาเที่ยงคืนน่าจะมาจากธรรมเนียมของคริสตชนที่กรุงเยรูซาเล็ม ในคืนก่อนวันสมโภชพระคริสต์แสดง องค์ (Epiphany) คริสตชนที่กรุงเยรูซาเล็มจะร่วมขบวนแห่เพื่อไปร่วมมิสซาที่เบธเลเฮม ในวัดที่จักรพรรดิคอนสแตนตินสร้างขึ้นบนสถาน ที่ที่เชื่อว่าเป็นถ้ำที่พระเยซูเจ้าทรงบังเกิด หลังจากนั้นพวกเขาจะแห่กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มและร่วมมิสซาเช้าที่นั่น ประมาณกลางศตวรร ษที่ 6 เพิ่มมิสซารุ่งอรุณที่วัดนักบุญอนาสตาเซียแห่งซิมิอุม (St. Anastasia of Sirmium) นักบุญองค์นี้เป็นมรณสักขีที่คริสตชนจารีตต ะวันออกให้ความนับถืออย่างมาก และฉลองท่านในวันที่ 25 ธันวาคม พระสันตะปาปาจะแวะมาถวายมิสซาที่นี่ก่อน จึงจะไปถวายมิสซาที่มหาวิหารนักบุญเปโตร

หลังจากนั้นธรรมเนียมการถวาย 3 มิสซาในวันสมโภชพระคริสตสมภพ ถูกบันทึกอยู่ในหนังสือพิธีกรรมของพระสันตะปาปาเกรโกรี่ (Gregorian Sacramentary) ในศตวรรษที่ 7 และแพร่หลายต่อไปทั่วยุโรป

1.มิสซากลางคืน

พิธีมิสซานี้เต็มไปด้วยบรรยากาศของการสำแดง “พระสิริรุ่งโรจน์” ของพระเจ้าในพระคุณของพระผู้ไถ่ที่ ประทานแก่มนุษย์ และบรรยากาศของ “ความยินดี” ของมนุษย์ผู้ต้อนรับพระองค์ “วันนี้ พระผู้ไถ่ คือองค์พระคริสต์ ได้ประสูติเพื่อเราแล้ว”

ในพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญลูกา (ลก 2:1-14) กล่าวถึงการบังเกิดของพระเยซูเจ้าที่เบธเลเฮม พ ระวรสารจบลงที่ทูตสวรรค์ร้องเพลงพระสิริรุ่งโรจน์ (Gloria) ซึ่งเป็นเพลงพิเศษของวันสมโภชนี้ จะเห็นได้ว่าการอวยพรให้มี “สันติสุข” จากปากของทูตสวรรค์ในพระวรสารของนักบุญลูกา (ลก 2:14) เป็นคำเดียวกันกับที่พร ะเยซูเจ้าตรัสกับพวกอัครสาวก หลังจากที่พระองค์เสด็จกลับคืนชีพแล้วเช่นกัน (ลก 24:36) (ทำให้เราเห็นความสัมพันธ์ระหว่างการสมโภชพระคริสตสมภพกับธรรมล้ำลึกปัสกา)

บทอ่านที่ 1 จากหนังสือประกาศกอิสยาห์ (อสย 9: 2-4, 6-7) กล่าวถึงความหวังเรื่องพระเมสสิยาห์ สำเร็จลงในวันนี้ “ชนชาติที่ดำเนินในความมืด จะได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งความตาย แสงสว่างจะได้ ส่องมายังเขา... เหตุว่ามีกุมารผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของพระองค์ และเขาจะขนานนามว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงอำนาจ พระบิดานิรันดร เจ้าแห่งสันติ”

บทอ่านที่สองจากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงทิตัส (ทต 2:11-14) กล่าวถึงพระหรรษทานของพระเ จ้าปรากฎมาแล้ว (ในการบังเกิดของพระเยซูเจ้า) ขอให้เราเจริญชีวิตอย่างรู้ประมาณ ยุติธรรม และชอบธรรมในโลกนี้

บทอัลเลลูยากล่าวถึงความชื่นชมยินดีว่า “เรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย วันนี้ พระผู้ไถ่ได้เกิดมาเพื่อท่านแล้ว”

เราพบสัญลักษณ์ของความสว่าง ซึ่งหมายถึงพระเยซูเจ้าทรงเสด็จมาเพื่อขับไล่ความมืดของบาป ในบทภาวนาของประธาน และบทนำขอบพระคุณที่ 1 เทศกาลพระคริสตสมภพ

ในบทภาวนาเตรียมเครื่องบูชา เราขอให้พระเจ้าทรงเปลี่ยนเราให้เหมือนกับพระเยซูเจ้า “ขอให้เครื่ องบูชาที่เปลี่ยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระบุตรนี้ จงบันดาลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายละม้ายคล้ายกับพระองค์ท่าน ผู้ทรงถ่อมองค์มารับสภาพมนุษย์”

เราแสดงความเคารพเป็นพิเศษต่อพระเยซูเจ้าผู้ทรงถ่อมพระองค์ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อสวดบทข้าพเจ้าเชื่อ (credo) ถึงตอน “มาบังเกิดเป็นมนุษย์” ทุกคนคุกเข่า (เฉพาะวันสมโภชพระคริสตสมภพ(ทุกมิสซา) และวันสมโภชการแจ้งสารเรื่องพระวจนาตถ์ทรง รับสภาพเป็นมนุษย์)

2.มิสซารุ่งอรุณ

หัวข้อสำคัญของพิธีมิสซานี้ คือ ความเชื่อ ในที่นี้ความเชื่อถูกมองเป็นทั้งเส้นทางเดินของชีวิต และในเวลาเดียวกัน เป็นพระคุณที่พระเจ้าประทานให้ (บทอ่านที่ 1 และ 2)

ในพระวรสารตามคำเล่าของนักบุญลูกา (ลก 2:15-20) กล่าวถึงบรรดาชุมพาบาลพบพระกุมารบนรางห ญ้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ต่อจากพระวรสารของมิสซากลางคืน พระวรสารตอนนี้เป็นปฏิกิริยาของพวกเขา ซึ่งเราสามารถเห็นวิธีการบรรยายเส้นทางเดินของความเชื่อ ได้แก่ “การประกาศข่าวเกี่ยวกับความรอด จากนั้นมีการตอบสนองของความเชื่อ ซึ่งแสดงออกมาด้วยการฟัง (มิสซากลางคืน) การไปโดยไม่รอช้า การเห็น และจบลงด้วยการสรรเสริญพระเจ้าและการเป็นพยานให้คนอื่น
ทราบ”

สัญลักษณ์ของความสว่างถูกกล่าวถึงชัดเจนยิ่งขึ้นกว่ามิสซากลางคืน ซึ่งเราพบได้ในเพลงเริ่มพิธี บทภ าวนาของประธาน สดุดี 97 (การประกาศสรรเสริญพระเจ้าผู้ทรงเป็นกษัตริย์ และเป็นความสว่างส่องเหนือผู้ชอบธรรม)

ความเชื่อและความยินดีเป็นหัวข้อที่เราพบเสมอในมิสซารุ่งอรุณ เช่น ในบทภาวนาหลังรับศีล เราภาวนาว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าทั้งหลายกำลังชื่นชมฉลองวันสมภพพระบุตรด้วยความศรัทธา ขอโปรดให้เชื่ออย่างมั่นคงในธรรมล้ำลึกประการนี้ และมีใจเร่าร้อนรักพ ระองค์ท่านด้วยเทอญ ทั้งนี้ ขอพึ่งพระบารมีพระคริสตเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย”

3.มิสซากลางวัน

มิสซากลางวันเสนอธรรมล้ำลึกเกี่ยวกับพระธรรมชาติของพระเยซู ผู้ทรงบังเกิดมาและเป็นพระมหาไถ่ของอิสราเอลและของประชาชาติว่า พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงเสมอเทียบเท่าพระบิดา ได้ถูกส่งมาท่ามกลางมนุษย์ และเพื่อมนุษย์ทุกคน ในพิธีกร รมเน้นพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรพระเจ้า

ในพระวรสารของนักบุญยอห์น (ยน 1:1-18) กล่าวว่าพระวจนาตถ์ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์ และมาประทับท่ามกลางเรา พระองค์ทรงรับเอากายเป็นมนุษย์เพื่อทำให้มนุษย์เกิดใหม่เป็นบุตรของพระเจ้า “มีบางคนที่ยอมรับและเชื่อถือพระองค์ พระเจ้าทรงให้คนเหล่านี้มีสิทธิเป็นบุตรของพระองค์” ที่สุด ประโยคสุดท้ายนับเป็ นการยืนยันถึงความหมายของ “เอมมานูเอล” ได้อย่างดี คือ “ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรเพียงพระองค์เดียว ผู้สถิตอยู่ในพระอุระของพระบิดานั้นได้ทรงเปิดเผยให้เรารู้” (ยน 1:18)

บทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือประกาศกอิสยาห์ (อสย 52:7-10) กล่าวถึง ความรอด สันติสุข และข่าวดี “พระเจ้าทรงเตรียมพระกรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เพื่อช่วยเหลือประชาชาติทั้งปวง และที่สุดปลายแผ่นดินทั้งสิ้น จะเห็นความรอดของพระเจ้าของเรา” และสิ่งที่ประกาศกอิสยาห์ประกาศได้สำเร็จลงไปในการบังเกิดของพระเยซูเจ้า

บทอ่านที่สองจากจดหมายถึงชาวฮีบรู (ฮบ 1:1-6) กล่าวถึงพระเจ้าตรัสกับเราผ่านทางพระบุตร พระบุตรทรงสะท้อนพระสิริรุ่งโรจ น์ของพระเจ้า ทรงเป็นรูปแบบสมบูรณ์แห่งธรรมชาติของพระเจ้า ทรงผดุงจักรวาล และทรงประทับเบื้องขวาพระบิดา

สังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ได้เพิ่มมิสซาเตรียมสมโภช (vigil mass) ของวันสมโภชพระคริสตสมภพ ดังนี้

4 มิสซาเย็นเตรียมสมโภช

พระวาจาของมิสซาเตรียมสมโภชเป็นการเน้นที่ธรรมล้ำลึกเกี่ยวกับการมีเชื้อสายดาวิดดของพระเยซูเจ้าและความสำเร็จของพระสั ญญาที่พระเจ้าเคยให้ไว้ หัวข้อสำคัญนี้ได้มีการประกาศแล้วตั้งแต่วันอาทิตย์หลังๆ ของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า

มิสซานี้ใช้ตอนเย็นหรือหัวค่ำ วันที่ 24 ก่อนหรือหลังพิธีทำวัตรเย็นที่หนึ่งของวันสมโภชพระคริสตสมภพ

ในพระวรสารของนักบุญมัทธิว (มธ 1:1-25) กล่าวว่าพระเจ้าทรงรักษาพระสัญญา แผนการแห่งความรอดพ้นสำเร็จโดยอาศัยการบังเกิดของพระเยซูเจ้า และการบังเกิดของพระองค์เป็นผลงา นของพระจิตเจ้า เพราะนักบุญโยเซฟไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระนางมารีย์ในฐานะสามีภรรยา

บทอ่านที่ 1 จากหนังสือประกาศกอิสยาห์ (อสย 62:1-5) ประกาศว่า พระเจ้าไม่ทรงทอด ทิ้งประชากร แต่กำลังจะทำให้พระสัญญาแห่งความรอดกลับเป็นความจริง ไม่เพียงแต่เท่านั้น แต่ประชากรนี้จะได้มีชื่อว่า “ความพึงพอใจของท่าน” คำพูดเดียวกันนี้ที่ทูตสวรรค์ใช้กับพระนางมารีอาเมื่อมาแจ้งสารการบังเกิดของพระเยซูเจ้า (ลก 2:14)

บทอ่านที่ 2 จากหนังสือกิจการอัครสาวก (กจ 13:16-17,22-25) เป็นคำให้การของนักบุญเปาโลเกี่ยวกับพระเยซูเจ้า บทอ่านบ ทนี้มีสาระใกล้เคียงกับพระวรสารในเรื่องเกี่ยวกับการที่พระเยซูเจ้าเป็นคนเชื้อสายของดาวิดและการบังเกิดของพระองค์เป็นความสำเร็จจริงของพระสัญญาในพันธสัญญาเดิม

เนื่องจากมิสซานี้เป็นส่วนหนึ่งของการสมโภชพระคริสตสมภพ จึงมีบทพระสิริรุ่งโรจน์ เมื่อสวดบทข้าพเจ้าเชื่อ (credo) ถึงตอน “มาบังเกิดเป็นมนุษย์” ทุกคนคุกเข่า และใช้บทนำขอบพระคุณสำหรับเทศกาลพระคริสตสมภพ...

รูปภาพ

GLORIA PATRI, et Filio, et Spiritui Sancto. Sicut erat in principio, et nunc, et semper, et in saecula saeculorum AMEN...
magicgreen
โพสต์: 361
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 08, 2012 8:57 pm

อังคาร ธ.ค. 11, 2012 8:26 pm

ขอบคุณน้องซันมากจ้า :s015: :s012: :s021:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

อังคาร ธ.ค. 11, 2012 11:26 pm

ครับ :s015:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พุธ ธ.ค. 12, 2012 6:04 am

คริสมัส :s021: :s021: :s021:
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

พุธ ธ.ค. 12, 2012 10:44 am

ลูกซันละเอียดดีมาก แถมมีภาพสวยๆ สดใส ดูแล้วสดชื่นหัวใจ
พิมพ์ไปพร้อมฟังเพลง คริสตมาสไปด้วย อยากให้ถึงคริสมาสเร็วๆ จัง
:s007: :s007: :s007:
แก้ไขล่าสุดโดย rosa-lee เมื่อ ศุกร์ ธ.ค. 14, 2012 7:09 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

พุธ ธ.ค. 12, 2012 5:52 pm

ครับ ...ขอพระกุมารเยซูทรงปกป้องคุ้มครอง เมจิ และ มาม๊า ครับ :s015: :s015:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 4:18 pm

sunofgod เขียน:ครับ ...ขอพระกุมารเยซูทรงปกป้องคุ้มครอง เมจิ และ มาม๊า ครับ :s015: :s015:
เช่นกันค่ะ ::020::
ตอบกลับโพส