ทุกวันเขาทำได้แต่เพียงเฝ้าสวดภาวนาให้หลุดจากบ่วงอบายมุขนี้เสียที กาลเวลาผ่านไปก็ยิ่งดูเหมือนว่าพระเจ้าจะทรงมิได้สดับฟังคำของเขาแต่อย่างใด คำภาวนาของเขาช่างดูไร้ค่า พระเจ้าทอดทิ้งเขาแล้วหรือ? ความคิดเช่นนี้น่าจะเกิดกับหลายๆคนเมื่อคำภาวนาที่ทูลไปมิได้รับการตอบสนอง แต่ไม่หยียังคงหนักแน่นมั่นคงในพระเจ้าเสมอมิเปลี่ยน
กระทั้งเขาถูกจับในช่วงเวลากบฏนักมวยอันคือการรวมกลุ่มของชาวจีนผู้รักชาติ แล้วฝึกฝนวิชากังฟู เพื่อต่อสู้กับชาติตะวันตก ด้วยการต่อต้านความเป็นตะวันตกทุกอย่าง และแน่นอนด้วยความคิดที่ว่าศาสนาคริสต์เป็นของพวกฝรั่ง จึงมีการเบียดเบียนคริสตชนขึ้นมีทั้งการลอบฆ่าธรรมทูตฝรั่ง เผาโบสถ์ และบังคับพี่น้องชาติเดียวกันให้ละทิ้งศาสนาฝรั่งนี้ จนมีคริสตชนจำนวนหนึ่งได้ใช้ชีวิตเป็นพยาน เขาถูกนำขึ้นศาลเตี้ยที่ให้โอกาสทองที่จะรอดวางอยู่ตรงหน้า เขาก็เลือกที่ปฏิเสธมันและยึดมั่นในพระเจ้าทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าถ้าเลือกหนทางนี้เขาจะต้องตายก็ตาม เล่าว่ากันว่าขณะพวกกบฏพาตัวหยีไปประหาร เขาได้ร้องเพลงเร้าวิงวอนแม่พระไปด้วย มาระโก หยี จบชีวิตลงตามแบบฉบับมรณสักขีด้วยอายุประมาณ 66 ปี ในวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ.1900 ณ เมืองบ้านเกิดของเขา ตามครอบครัวที่ได้สิ้นไปก่อนตามคำขอเขาไป ภายหลังนามของหยีได้ถูกบันทึกในสารบบบุญราศีในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ.1955 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 10 พร้อมสหายอีก 55 คน และที่สุดในวันที่ 1ตุลาคม ค.ศ.2000 บุญราศีหยีก็ได้รับการประกาศเป็นนักบุญในกลุ่มมรณสักขีแห่งประเทศจีน โดยสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2
“ข้าแต่นักบุญมาระโก หยี เทียนซิง และเพื่อนมรณสักขี ช่วยวิงวอนเทอญ”