Longinus นักบุญผู้แทงสีข้างพระคริสต์
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 16, 2015 5:15 am
ลองจินัสเกิดที่ตำบลขนาดเล็กๆชื่อ กัปปาโดเชีย (ปัจจุบันนี้มีพลเมืองแค่ประมาณ 600 คน) โดยอยู่ในเขต Abruzzo หรืออาบรุซโซ่ ติดกับเมืองลันชีอาโน่
เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มเข้ารับราชการเป็นทหารโรมัน รับใช้ปอนทีอัส ปีลาต ติดตามเจ้านายมาดูแลกรุงเยรูซาเร็ม เมืองขึ้นของจักรวรรดิ์โรมัน เขาเป็นนายร้อยผู้รู้งาน จนได้รับความวางใจจาก ปีลาต ชีวิตของเขาคงก้าวขึ้นสู่การเป้นทหารระดับสูงไปเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะวันศุกร์วันหนึ่งที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
เมื่อบรรดาชาวยิวได้ลากตัวชายคนหนึ่งผู้มาจากเมืองนาซาแร็ท และได้กล่าวหาชายคนนี้ว่า ลบหลู่ดูหมิ่นพระเจ้า เขาได้เห็นชายผู้ศักดิ์สิทธิ์ ถูกซ้อม ถูกเฆี่ยนตี ถูกกระทำทารุณ โดยไม่ตอบโต้หรืออาฆาตเคียดแค้นดังเช่นอาชญากรคนอื่นๆ ลองจินัส สะดุดใจกับชายคนนี้มาก และเมื่อเขาอยู่ในห้องที่ชายคนนี้สนทนากับปิลาต เขาก็รู้สึกทึ้งและอึ้งในคำตอบต่างๆ ที่ทรงพลังอำนาจ และเป็นปริศนาธรรมที่เขาไม่เคยได้ยิน ยิ่งได้เห็นเจ้านายจอมโหดของตน ถึงกับสับสน และล้างมือในอ่างทองคำ เขายิ่งรู้สึกแปลกประหลาดที่ชายที่แม้แต่ปิลาตยังคิดว่าไม่มีความผิดจะต้องถูกประหาร และยิ่งไปกว่านั้นเขาได้รับมอบหมายให้ดูแลการประหารนี้
ตลอดทางที่เขาได้เห็นชายชาวยิวผู้นี้แบกกางเขน หกล้มครั้งแล้วครั้งเล่า เขาได้เห็นว่ามีผู้ที่รักและศรัทธาในชายคนนี้มากมาย นี่คงเป็นสาเหตุที่เขาต้องโดนประหารกระมัง
บนเนินเขากัลวารีโอ ลองจินัสถูกสั่นคลอนจิตใจชายชาติทหารอีกครั้งเมื่อชายคนนี้ประกาศยกโทษให้กับเขา ในชีวิตของเขาสังหารศัตรูมาก็มาก ประหารนักโทษมาก็เยอะ เขาไม่เคยเจอใครที่เหมือนชายคนนี้ เมื่อเขามองบนป้ายกางเขน "เยซู ชาวนาซาแรท กษัตริย์ของชาวยิว" และเมื่อเขามองไปยังใบหน้าที่เจ็บปวดของเยซูคนนี้ เขากลับพบดวงตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตามองกลับมายังเขา
และเมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมง เยซูผู้นี้ได้สิ้นชีวิตลงบนกางเขน ทันใดอากาศแปรปรวน พายุโหมกระหน่ำ แผ่นดินไหวอย่างน่าสะพรึงกลัว หรือว่าชายคนนี้จะเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ เขาคิดว่าจะรีบจบภารกิจ ตามระเบียบปฏิบัติทหารต้องทุบขานักโทษ เพื่อให้ตายบนกางเขน แต่เขาเห็นว่าเยซูผู้นี้ตายแล้ว เพื่อความแน่ใจเขาจึงเอาหอกแทงสีข้างของเยซู เพื่อให้คนที่สังเกตการณ์แถวนั้น โดยเฉพาะบรรดาหัวหน้าสมณะแย้งไม่ได้นักโทษตายหรือยัง
เหตุการณ์พลิกผันไปทันที เมื่อเกิดอัศจรรย์ขึ้น โดยพระโลหิตหยาดสุดท้ายไหลกระเซ็นปนกับน้ำไปโดนนัยน์ตาของลองจินัส แล้วเขาก็ตาสว่างเห็นว่าพระองค์คือใคร
เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ นักพระคัมภีร์บางท่านบอกว่า นัยน์ตาข้างหนึ่งของเขาอาจจะบอด อาจเป็นเพราะการสู้รบมาก่อน พอโดนพระโลหิตกระเด็นเข้าตา ตานั้นกลับมองเห็นปกติ และเขาก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ชายคนนี้เป็นบุตรของพระเจ้าแน่ทีเดียว” ดังที่มีอ้างอิงไว้ในพระวรสารตามที่บันทึกโดยนักบุญมัธทิว (27:54)
ท่านจึงตัดสินใจหักเหชีวิต จากการเป็นทหารระดับค่อนข้างสูง มีฐานะทางสังคมที่มั่นคงไปสู่การเป็นผู้เผยแพร่คำสอนของพระเยซูเจ้าแก่คนทั่วไป โดยท่านเดินทางจากเยรูซาเลม กลับบ้านเดิมที่เมืองกัปปาโดเชีย ห่างจากโรมประมาณ 160 กิโลเมตร แล้วประกาศเรีื่องพระคริสต์ให้คนแถวๆบ้านท่านในเขตอาบรุซโซ่ ซึ่งรวมถึงเมือง Anxanum หรือแองซานุม
ฝ่ายปิลาต ร้อนใจมาก เมื่อรู้ว่านายทหารคนสำคัญ กลายเป็นศิษย์พระเยซูไปแล้ว ด้วยที่ลองจินัสเคยรับใช้ใกล้ชิด จนรู้ตื่นลึกหนาบางเกี่ยวกับการพิพากษาพระเยซูเจ้า ปีลาตจึงออกคำสั่งให้ท่านหยุดเทศนาเสีย แต่ลองจินัสไม่หยุด ปีลาตจึงสั่งประหารอดีตทหารรับใช้ผู้นี้โดยการตัดศีรษะ
มีเรื่องเล่าว่าก่อนถูกประหารนั้น ท่านเคยโดนจับมาทรมาน ถูกเลาะฟันออกจากปาก และตัดลิ้น แต่เกิดอัศจรรย์คือท่านยังสามารถพูดได้ชัด และเทศน์สอนต่อไปได้ ในที่สุดท่านได้เป็นมรณสักขีในปีค.ศ.45 หลังพระเยซูสิ้นพระชนม์ 12 ปี
หลังจากการถูกตัดศีรษะของท่านแล้ว ผู้ที่ศรัทธาในตัวท่าน เก็บรักษาพระธาตุหรือวัตถุที่มีประวัติเกี่ยวกับท่านตอนยังมีชีวิตอยู่ โดยเก็บไว้ที่เมือง Mantua หรือมานทัว และตั้งให้ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของเมืองนี้