ช่วยด้วย........ เข้ามาอ่านละกันว่าจะบ่นเรื่องอะไร หุ หุ

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
kanommha
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2009 8:32 am
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 04, 2009 2:04 am

คือกับจุดนี้ อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราว บางอย่าง แบบคือว่า ผมเป็นคนเดียวนะ ที่ตัดสินใจมาเรียนคำสอนแล้ว และก็มีความเชื่อในพระเจ้า และแบบตอนเย็นไปร่วมมิซซา ตามวัดนั้น วัดนี้บ้าง ตอนหลังๆหลายอาทิดผ่านไป ออกจากบ้านเช้าๆไป ทางบ้านเค้าถามไปไหน นักหนาหรอ
เลยแบบบอกไปว่า ไปโบสถ์คริสอ่ะ พ่อ แม่  ทางบ้านเค้าก็แบบ เป็นคนไทยนะ ทำไมไปมีความเชื่อของต่างชาติล่ะ ทั้งที่ความจริงศาสนาก็คือสิ่งที่ทุกคนให้การนับถือ แล้วนานาชาตินะที่นับถือกัน ไม่ใช่ว่า พระฝรั่งเค้า เราคนไทย จะมาเกี่ยวกันได้ไง ทางตัวเราอ่ะ เข้าใจดี  เพราะหลังจากเรียนคำสอน หรือแบบ ร่วมมิซซาตามวัดแล้ว มันก็แบบได้รู้เรื่องราวอะไรเยอะมากมาย แต่ก็จะพยามสื่อให้ทางบ้านรู้ไง ว่าสิ่งที่เชื่อเนี่ย  มันไม่ใช่การโง่ งมงายอะไรตามที่พวกเค้าคิดกันอยู่ เค้าหาว่ามันคือการหลอกลวง จะหลอกลวงได้ไง อยากจะให้เค้ามาลองดู บทแสดงความเชื่อเลย พูดยาก กับคนผู้ใหญ่ที่ไม่เปิดรับสิ่งที่ถูกต้อง เบื่อกับการสื่อสารที่มากกว่าทีวี  ทีวียังใช้แค่ค่า แบนวิด ตรงกันรับได้บ้างชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง เฮ่อออ ละก็แบบเบื่อกับการทะเลาะ จิงๆไม่อยากมีเรื่องราวเลย น่าจะต่างคนต่างเชื่อ ไม่ใช่เอา สิ่งนึง กับสิ่งนึงของเรา มาเปรียบเทียบกัน ว่างั้น ว่างี้ เค้าว่าเราว่าแบบท่า เมิงตายนะ กรูจะส่งศพ มูลนิธิ  ไม่ต้องทำไรยุ่งยากมากมาย หลอกลวงทั้งนั้น  คิดงี้ดีกว่าท่าตายใครไม่รู้ หรือจะไปทำไงก็ปล่อยเถอะ ท่าเรามีจิตใตที่ดี อยู่ในศีลในพรของพระ เราก็จะได้ไปอยู่กะพระของเราเหมือนเดิมแหละ  แต่คนแก่ ก็คือคนแก่ พูดไรยาก ไร้ความเข้าใจ แม้จะพยามสื่อสารแค่ไหน การตอบรับก็ไม่มีเหมือนเดิม ก็ในส่วนนี้ แม้ใครจะว่าไร ก็ยังจะเชื่อในสิ่งที่ดีแบบตลอดไป

อืมขอโทษนะ ที่แบบใช้ภาษาพูด เพราะไม่ได้เรียน Journalism เรียน Broadcasting อ่ะ
Dis volentibus

เสาร์ เม.ย. 04, 2009 2:30 am

พระเยซูเจ้าทรงเป็นคน"เอเชีย" ค่ะ ::011::

ขอบคุณที่เเบ่งปัน+ขอให้เข้มเเข็งในความเชื่อ ของเเบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะ บางคนเป็นเดือน บางคนเป็นปี บางคนเป็นปีๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

เสาร์ เม.ย. 04, 2009 3:11 am

ใกล้สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เอาประโยคนี้ไปใช้ละักัน..

"พระบิดา โปรดให้อภัยเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร"

การให้อภัยเป็นสิ่งที่พิสูจน์ความเป็น "คริสตชน" ได้ดีที่สุดครับ
ถ้าเราทำดีเสียอย่าง สุดท้ายเราก็จะไม่มีอะไรให้เค้าติอีกต่อไป

kanommha
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2009 8:32 am
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 04, 2009 10:24 am

แบบนับวันยิ่งมีการพูดเสียดสี รุนแรงมากมายิ่งๆข้นตลอดเลย ไม่ไหวละ : xemo023 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ เม.ย. 04, 2009 10:59 am

sasuke เขียน: ใกล้สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เอาประโยคนี้ไปใช้ละักัน..

"พระบิดา โปรดให้อภัยเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร"

และเค้าก็ไม่รู้ด้วยว่า พระเป็นเจ้ากำลังทำอะไรอยู่  ::001::
kanommha เขียน: แบบนับวันยิ่งมีการพูดเสียดสี รุนแรงมากมายิ่งๆข้นตลอดเลย ไม่ไหวละ : xemo023 :
อดทนนะคะ และที่สำคัญ สวดภาวนาด้วยนะคะ  ::001:: สวดให้เราได้อดทนได้ และสวดให้ที่บ้านเรา  ::001:: สายประคำน่ะค่ะ สวดไปเยอะๆ ถึงเค้าไม่หยุด เราก็จะหยุดได้เองค่ะ เราจะสงบได้ค่ะ  ::001::


พระอวยพรนะคะ  ::001::
myth
โพสต์: 305
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 17, 2009 1:25 am

เสาร์ เม.ย. 04, 2009 11:27 pm

kanommha เขียน:
อืมขอโทษนะ ที่แบบใช้ภาษาพูด เพราะไม่ได้เรียน Journalism เรียน Broadcasting อ่ะ
เกี่ยวไรด้วยเหรอ 55555+ ไม่ซีเรียสนะส่วนตัวเราชอบอ่านภาษาพูด มากว่าอีกภาษาแบบที่ว่ามันดูเป็นวิชาการเกินไป ต้องมีกรอบของทฤษฎีมารองรับเสมอ คือ อธิบายให้ฟังนะ อ่ะเรายกตัวอย่างที่คุณพิมม์มาแล้วกัน
อย่าง"แต่คนแก่ ก็คือคนแก่ พูดไรยาก ไร้ความเข้าใจ แม้จะพยามสื่อสารแค่ไหน การตอบรับก็ไม่มีเหมือนเดิม ก็ในส่วนนี้ แม้ใครจะว่าไร ก็ยังจะเชื่อในสิ่งที่ดีแบบตลอดไป " ที่เป็นภาษาพูด
กับ
"เนื่องจากพูดพูดอายุยังน้อยและบิดาและมารดามีอายุมากแล้วฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารจึงมีช่องว่างระหว่างวัยคั่นกลางอยู่.........."
อันไหนจะฟังดูเข้าใจง่ายกว่ากันล่ะ :grin:
นอกเรื่องไปมากแระเข้าเรื่องดีกว่า
เราก็เป็นเหมือนกัน ทำใจสบายๆปล่อยมานไป อย่าให้เป็นตามน้ำใจเราให้ทุกอย่างเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
creamy
โพสต์: 68
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ย. 12, 2008 9:59 pm

อาทิตย์ เม.ย. 05, 2009 2:33 pm

อยากแนะนำอย่างนี้ค่ะว่า ถ้าในสถานะภาพเรา เช่นเราเป็นลูก เราก็ทำหน้าที่ช่วยงานแบ่งเบาภาระพ่อแม่ วันอาทิตย์ก็ไปวัดไปโบสถ์ทำหน้าที่คริสชน ถ้าเรายังเรียนหนังสือ เราก็รักษาหน้าที่ของเราอย่าให้ขาดตกบกพร่อง ตั้งใจอ่านหนังสือ ทำการบ้าน เป็นแบบอย่างที่ดี ให้คนในครอบครัวเราได้เห็นว่า แม้ว่าเรามีความเชื่อที่แตกต่าง แต่เราก็ยังคงทำหน้าที่เหล่านั้นได้ดี และจะดียิ่งขึ้นกว่าตอนที่เรายังไม่ได้เป็นคริสตชนเสียด้วยซ้ำ มันจะใช้เวลาช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อเขาเห็นว่าเราเปลี่ยนไปในทางที่ดี เขาจะรู้เองว่าที่ๆเราไป แท้จริงแล้วมีแต่สิ่งที่ดีที่จะช่วยขัดเกลาให้เราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น สุดท้ายเขาก็จะยอมรับการตัดสินใจของเราค่ะ เวลาที่เขาพูดกับเรา เขาอาจไม่เข้าใจ จึงมีอารมณ์เข้ามาในคำพูดด้วย แต่ขอให้อดทนค่ะ พระคริสต์เจ้าจะช่วยเราเอง 
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ เม.ย. 05, 2009 7:13 pm

สุภาพ อ่อนโยน อดทน ทำตัวเชื่อฟังง่าย(หน้าที่การงาน) ให้ประจักษ์แก่ท่าน แล้วท่านจะเห็นพระคริสต์ในเราเอง
takarakitten
โพสต์: 111
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 31, 2009 7:53 am
ที่อยู่: วันจันทร์-เสาร์ อยูใกล้วัดอัสสัมชัญ

พุธ เม.ย. 08, 2009 10:43 am

ถามเล่นๆ ครับว่า
ช่วงเวลาที่ไปโบสถ์อ่ะครับ แต่เดิมทำอะไร
ถ้าช่วงเวลานั้นเดิมที คุณอยู่ในบ้าน ทำกิจกรรมกับครอบครัว หรือแม้แต่อยู่คนเดียวเงียบๆ ในบ้าน

การที่คุณออกไปในช่วงเวลานั้นบ่อยๆ อาจจะทำให้คนที่บ้านของคุณรู้สึกว่า
กำลังสูญเสียคุณไป กำลังสูญเสียเวลาที่จะได้อยู่กับคุณไป เป็นห่วงกังวลสารพัดว่าคุณจะไปเจออะไรไม่ดีรึเปล่า
(ถ้าปกติช่วงนี้ออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ก็อาจจะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง)

ความเชื่อที่ใหม่ อะไรที่ใหม่ อะไรที่เราไม่รู้จัก อะไรที่มากระทบเปลี่ยนแปลงกับความเคยชินเดิมๆ
มันมักจะทำให้รู้สึกว่าเป็นภัยคุกคาม เป็นเรื่องไม่ดีไม่งาม
เป็นไปได้ที่ทางบ้านของคุณอาจเคยเจอประสบการที่ไม่ดี กับบุคคล หรือแนวทางความเชื่อที่แตกต่างไป
ขอให้คุณเข้าใจครอบครัวของคุณมากๆ ตัวผมเองก็เคยเจอกับเรื่องคล้ายๆ ยังงี้
ตอนนั้นผมไปเข้าสัมมนาวิชาการอย่างหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับทัศนคติ ในการใช้ชีวิต
ที่บ้านไม่ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆๆ แอนตี้สุดๆ
ก็มีผิดใจกันน้อยๆ จนถึงมาก
แต่สุดท้าย เมื่อเวลาผ่านไป ที่บ้านก็เห็นว่า เราได้ประโยชน์จากการสัมมนานั้นจริงๆ

เป็นกำลังใจให้นะครับ อยากจะบอกว่า
มันอาจจะใช้เวลาสักหน่อยในการที่จะทำให้ที่บ้านเค้ายอมรับ
ในความคิดผม ดีที่สุดคือ ทำให้ครอบครัวเห็นว่า การที่เรามาหาพระนั้น มันทำให้เรามีความสุข
ทำให้เราดีขึ้น ให้การกระทำของเราเป็นคำพูดของเรา
อีกอย่างเวลาที่ทางบ้านพูดอะไรแรงๆ หรือไม่ดี ก็อาจจะบอกเค้าไปว่า ขอบคุณสำหรับความรัก
และความเป็นห่วง (แม้ว่าการแสดงออกที่เราเห็นมันจะไม่เหมือนอย่างนั้น -_-" )
ทำยังไงก็ได้ให้ที่บ้านรู้ว่า เรา ฟัง ท่าน เรา ได้ยิน ที่ ท่าน เตือน เรา ยอมรับ ความหวังดีของท่าน

และ ภาวนาขอพระพรจากพระ เพื่อตัวคุณและครอบครัว เพื่อความรักความเข้าใจอันดีในครอบครัว
พระอวยพรครับ
Gratty
โพสต์: 10
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 05, 2008 6:35 pm

พุธ เม.ย. 08, 2009 12:57 pm

อดทนเข้าไว้นะค๊ะ..

ถ่อมสุภาพเข้าไว้ ..ให้เค้าเห็นพระเจ้าในตัวเราค่ะ

ที่บ้านเราก้อเคยด่าเราหนักเหมือนกันค่ะ แหะๆ

แต่ว่าตอนนี้เค้าไม่รู้ว่าเค้าจะด่าอะไรเราได้

เพราะว่าเราไม่เคยทำตัวอะไรที่ไม่ดีเลย

เพราะว่าที่บ้านเค้าเริ่มเห็นพระเจ้าในตัวเราแล้ว ..

สู้ๆนะค๊ะ เป็นกำลังใจให้

เวลารู้สึกแย่ หรือว่าโมโห ก็ให้หันไปพึ่งพาพระองค์อย่างสุดหัวใจ

ภาวนากับพระองค์มากๆนะค๊ะ

ยิ่งเราอยู่ใกล้พระองค์มากเท่าไร

สันติสุขจะยิ่งเทลงมาเหนือเราค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะค๊ะ ^^
kanommha
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2009 8:32 am
ติดต่อ:

ศุกร์ เม.ย. 10, 2009 12:02 am

ตอนนี้ดีขึ้นเยอะละ ไม่ค่อยบ่นไรมากมายเหมือนมะก่อนแล้ว หุ หุ  ::010::
ตอบกลับโพส