ขอความช่วยเหลือ แบบสุด ๆ ค่ะ...

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
Humming_Fox
โพสต์: 19
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 11, 2009 6:16 pm

พุธ พ.ค. 20, 2009 10:43 pm

คือว่า นี้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ถ้าเราทำได้ เราจะได้เปลี่ยนศาสนาแบบไม่มีใครว่าอะไรได้อีกแล้วค่ะ

"ศาสนาคริสต์มีข้อดีอะไรที่ศาสนาพุทธไม่มี และ ศาสนาพุทธมีข้อเสียอะไร??" ::029::

ขอความช่วยเหลือด้วยค่า ในใจเราเองก็มีคำตอบเหมือนกัน แต่อยากได้ที่แบบดีสุด ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ค. 20, 2009 11:01 pm

ผมไม่เห็นความจำเป็นที่ว่า
ถ้าเราจะเลือกอะไร แล้วต้องหาข้อเสียของสิ่งอื่น

เพราะว่า สิ่งที่เราเลือกนั้นก็มีข้อดีมากมายอยู่แล้วเราถึงเลือก : emo045 :

ข้อดีของศาสนาคริสต์ก็คือ

การที่มีพระเจ้าที่แสนดี และใกล้ชิดมนุษย์
ถึงกับยอมมาบังเกิดใช้ชีวิตลำบากๆอย่างมนุษย์
ในนามของคนที่ชื่อว่าเยซู

และแสดงความรักที่ยิ่งใหญ่จนยอมเสียสละได้แม้ชีวิตตัวเองครับ : xemo017 :
Humming_Fox
โพสต์: 19
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 11, 2009 6:16 pm

พุธ พ.ค. 20, 2009 11:13 pm

เป็นคำถามที่แม่ถามเราค่ะ...จริง ๆ เราก็ไม่ได้อยากหาอะไรมาเปรียบเทียบเหมือนกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ พ.ค. 20, 2009 11:14 pm

ขอเสียนี่ขอผ่านนะครับ โดนข้อหาว่าเป็นการด่าศาสนาเปล่าๆ

ถ้าข้อดีคือ

มีพระเจ้าที่รักเราครับ

ศาสดาของศาสนาคริสต์ก็ยืนยันครับว่าไม่ใช่ว่าพระองค์ไปสวรรค์แล้ว จะหายจากโลกไปเลย แล้วทิ้งแค่พระคัมภีร์ หรือข้อปฏิบัติให้คนที่เชื่อได้ทำตามเท่านั้น  แต่ตรัสว่า จะทรงอยู่กับเราทุกคนทุกวันเสมอไป ครับ

และศาสนาคริสต์เป็นศาสนาเดียวที่ตลอดเวลา2000ปี ศาสดายังประจักษ์มาให้คนเห็นและพูดคุยกับผุ้เชื่อในรูปแบบต่างๆอยู่เรื่อยๆครับ ซึ่งยืนยันพระสัญญาที่ว่าจะไม่ทอดทิ้งเราให้เป็นลูกกำพร้า

และสิ่งสูงสุดในศาสนาคริสต์ ไม่ได้มีสถานภาพ พระเจ้าที่ต้องกราบไหว้อย่างเดียว หรือ ศาสดาที่แสนสูงส่งเท่านั้น แต่ยังมาเป็นพ่อ เป็นพี่ เป็นเพื่อน และเรียกเราว่า ลูก และเรียกเราว่า มิตรสหาย ไม่ได้เป็นแต่คนใช้ หรือสาวกเท่านั้นในสายตาของพระองค์

และพระเจ้าหรือพระเยซู ไม่ได้ให้แต่ความเมมตา สงสาร เวทนาในความทุกข์ของเราเท่านั้น แต่ยังรัก รักเหมือนลูก เหมือนเพื่อน และเหมือนครอบครัวของพระองค์

นี่คือเป็นตามที่เขียนว่า พระเยซูคริสต์เป็นทุกสิ่งในทุกคน อย่างแท้จริงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Lumen
โพสต์: 57
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ย. 04, 2008 7:32 pm
ที่อยู่: Bangkok Metropolis

พุธ พ.ค. 20, 2009 11:39 pm

ศาสนาคริสต์ พระเยซูสอนเราเรื่อง "ความรัก"
"ความรัก" คืออะไร

(1โครินธ์ 13:4-7)

ความรักย่อมอดทน
มีใจเอื้อเฟื้อ
ไม่อิจฉา
ไม่โอ้อวดตนเอง
ไม่จองหอง
ไม่หยาบคาย
ไม่เห็นแก่ตัว
ความรักไม่ฉุนเฉียว
ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ
ไม่ยินดีในความชั่ว
เเต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง
ความรักให้อภัยทุกอย่าง
เชื่อทุกอย่าง
หวังทุกอย่าง
อดทนทุกอย่าง


พระเจ้าทรง "รัก" มนุษย์มาก!
ตั้งเเต่ในปฐมกาลที่มนุษย์ไม่เชื่อฟังพระเจ้า พระองค์ก็ทรงเตรียมเเผนการเเห่งความรอดพ้นมาให้มนุษย์
มากมายหลายรูปเเบบ รวมถึงทางความเชื่ออื่นๆด้วย เเต่มนุษย์ก็เข้าถึงเเผนการไม่ได้ซะที เนื่องจากความบาป

จนมาในสมัยพระเยซูเจ้า พระองค์เสนอหนทางเเห่งความรอดที่ง่ายที่สุด ซึ่งมนุษย์จำนวนมากยังไม่ยอมรับ
นั่นก็คือ พระองค์สัญญาว่าจะ ยกบาป ความผิด"ทั้งหมด"ที่มนุษย์เคยกระทำ
เพียงเเค่ มนุษย์คนนั้นกลับใจมาเชื่อในความรักเเละพระเมตตาของพระองค์ ซึ่งก็คือการไถ่กู้บนไม้กางเขน


ส่วน "ศาสนาพุทธมีข้อเสียอะไร?"

เนื่องจาก "ความรักไม่จดจำความผิดที่ได้รับ" จึงลืมไปหมดเเล้วไม่สามารถตอบได้ : emo038 :


ขอพระเจ้าอำนวยพร
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 12:26 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
APaladin
โพสต์: 204
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 1:59 am

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 12:21 am

ศาสนาพุทธนั้น สอนให้คนทำดีและละเว้นจากบาป และการจะละเว้นจากการทำบาปได้คือการรักษาศีล และชี้ให้เห็นสัจจะธรรม"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" และสอนเรื่องกฎแห่งกรรม ทำดีได้ไปเสพสุขบนสวรรคตามงานดีที่ทำ ทำชั่วได้ไปชดใช้บาปในนรก คนทุกคนจะไปชดใช้บาปในนรกก่อนจนกว่าจะหมด พอหมดแล้วก็ไปเกิดใหม่ แต่ถ้ามีงานดีที่ทำด้วยก็จะได้ไปเสพสุขบนสวรรค จนกว่าจะหมดบุญแล้วก็กลับมาเกิดอีก เป็นวัฐจักรแบบวงล้อที่หมุนไปตลอด คือการเวียนว่ายตายเกิด จุดสูงสุดในพุทธคือการนิพพาน นิพพานเพื่อให้ดวงวิญญาณหลุดจากวัฐจักรการเวียนว่ายตายเกิด
  ส่วนคริสต์นั้นก็สอนให้คนทำดีโดยฟังเสียง และคำแนะนำจากพระเจ้า โดยผ่านศาสดาและสิ่งอื่นตามแต่แผนของพระเจ้าและมีมากมายและอาจจะยังมีอีกมาก คริสต์สอนให้รู้จักบาปและความจริงที่พระเจ้าประทานและทรงจะประทานให้ทั้งในโลกนี้และหลังจากโลกนี้อีกด้วย พระเจ้าสูงสุดพระบิดาจะเป็นตาชั่งวัดและตัดสินงานของมนุษย์ ซึ่งพระเจ้ารู้ว่ายากที่มนุษย์จะไม่ทำบาปเลย (และเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเรานั้นรวดเร็วที่จะทำบาปแต่ช้าที่จะทำดีเวลาจะทำดีก็คิดโน่นนี้มากมายจริงมะ) พระเจ้าประทานพระเยซูซึ่งเป็นบุตรของพระองค์ เพื่อการไถ่มนุษย์จากบาปที่เขาทำ โดยการกลับใจและเดินตามแบบอย่างที่พระเยซูทรงแสดงให้มนุษย์รู้และเห็นและสอนวิธีดำเนินชีวิตตามแบบอย่างที่พระองค์ทำ และสอนวิธีที่จะเอาชนะบาป ซึ่งโดยผ่านการเสียสละของพระเยซูมนุษย์จะได้รับการอภัยจากพระเจ้าตราบที่เขายังวางใจในพระเยซูพระบุตรของพระองค์และดำเนินชีวิตตามคำแนะนำของพระคริสต์พระเยซู ถ้าไม่โดยทางนี้ความเที่ยงธรรมของพระเจ้าย่อมตัดสินเราจากงานที่เราได้ทำบนโลกและมันยากที่มนุษย์จะไม่ทำบาปแม้เพียงน้อยนิด
ไม่มีสักสิ่งที่ไม่สะอาดจะอยู่กับพระเจ้าได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 1:06 am

เราเชื่อในพระเจ้า แต่พวกเขาไม่เชื่อเช่นนั้น

ถ้าพวกเขาอ้างว่า พระพุทธเจ้าเอาชนะพระพรหม หรือบอกว่า พระพุทธศาสนาก็มีเทพเทวดา

ก็ต้องให้พวกเขากลับไปศึกษาพระพุทธศาสนาใหม่ แล้วให้เขาเรียนรู้ว่า พระพุทธศาสนาไม่เคยสอนให้เชื่อในสิ่งเหล่านั้น

มันไม่ใช่เรื่องดีกว่า เจ๋งว่า เลิศกว่า ประเสริฐกว่า

คำตอบแบบกำปั้นทุบดินก็...มันไม่ใช่จริตของเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
~_~Katty~_~
โพสต์: 95
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 15, 2008 11:23 pm
ที่อยู่: 4 ซ.1 ถ.รถไฟ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 1:13 am

ศาสนาสั่งสอนให้เป็นคนดีหมดและค่ะ

แต่ตัวเราเองนั้นจะทำได้มากน้อยแค่ไหน

เพราะพระเจ้าทรงรู้ดีว่ามนุษย์นั้นเป็นคนบาปมีกิเลส

อ่อนแอต่อการยุยงให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี

ไม่ได้อยู่ที่ว่าศาสนาใดดีหรือไม่ดีไปกว่ากัน

อยู่ที่เราจะเชื่อมั่นในพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน

ลองศึกษาเรื่องของพระองค์ดูว่าพระองค์ทรงทำอะไรบ้าง

จะดีมากเลยค่ะ  ลองดูนะค่ะ  เพราะเราก็ลองแล้วแล้วก็รักพระองค์มากด้วย
APaladin
โพสต์: 204
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 1:59 am

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 1:41 am

Edwardius เขียน: เราเชื่อในพระเจ้า แต่พวกเขาไม่เชื่อเช่นนั้น

ถ้าพวกเขาอ้างว่า พระพุทธเจ้าเอาชนะพระพรหม หรือบอกว่า พระพุทธศาสนาก็มีเทพเทวดา

ก็ต้องให้พวกเขากลับไปศึกษาพระพุทธศาสนาใหม่ แล้วให้เขาเรียนรู้ว่า พระพุทธศาสนาไม่เคยสอนให้เชื่อในสิ่งเหล่านั้น

มันไม่ใช่เรื่องดีกว่า เจ๋งว่า เลิศกว่า ประเสริฐกว่า

คำตอบแบบกำปั้นทุบดินก็...มันไม่ใช่จริตของเรา
แหะๆ : emo102 : เรื่องศาสนาต่างๆในโลกผมเห็นในบอร์ดของเว็บนี้เป็นโพสของคุณP เขาตอบไว้ดีมากๆ ผมจำไม่ได้ว่าโพสไว้ตรงใหนในบอร์ด
แต่เขาตอบประมาณว่า ทุกศาสนานั้นเหมาะสมกับคนในแต่ละท้องถิ่นที่เขาอยู่ ตามความรู้ในแต่ละที่ที่เขาอยู่...etc
เพราะความจริงมาจากพระเจ้า
ทุกศาสนามีความจริงของพระเจ้าอยู่ ผมรู้อย่างแน่นอนเลยครับว่าใช่ว่าทุกศาสนามีความจริงของพระเจ้า แต่ก็มีบางอย่างถูกเพิ่มตามปัญญาของมนุษย์ด้วย และนั่นทำให้ผิดเพี้ยน แต่ก็นั่นละเราไปตัดสินเขาไม่ได้ว่าอะไรผิดบ้างถูกบ้าง เพราะพระเจ้าก็ได้ตรัสไว้ว่า จะตัดสินตามที่เขาเชื่อ ตามที่เขายึด และตามที่เขาและบรรพบุรุษเขารู้ มันเที่ยงธรรมที่สุดแล้วครับ ผมว่าประเด็นศาสนาใครดีสุดตัดออกไปดีกว่า มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเราค้นหาความจริงจากทุกศาสนา เพื่อเราจะได้รู้ความจริงมากมายของพระเจ้าที่ประทานให้แก่โลกและเราทุกคน : xemo026 : : xemo026 : : xemo026 : : xemo026 : : xemo026 : ให้5เลิฟไปเลยอิๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 1:53 am

หลายคนตอบไปแล้ว

งั้นถามน้อง ็ีHumming_Fox  ว่า
ทำไมถึงเชื่อพระเจ้าคะ?  ทำไมถึงรักพระเจ้าคะ? 

ตอบพี่ก่อนจะไปตอบแม่นะจ้า
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 1:55 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
takarakitten
โพสต์: 111
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 31, 2009 7:53 am
ที่อยู่: วันจันทร์-เสาร์ อยูใกล้วัดอัสสัมชัญ

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 7:49 am

เรื่องหาข้อเสียนี่ อย่าพูดถึง ก็น่าจะดีครับ ไม่มีประโยชน์อันใด  : emo102 :

อ้างคุณ Apaladin เรื่องศาสนาต่างๆ น่าจะมาจากหนังสือเล่มนี้นะครับ

เคยอ่านหนังสือของท่านพุทธทาส เรื่อง พุทธธรรม กับคริสตธรรม (อ่านเพราะอยากรู้ว่า ท่านจะเขียนอย่างไร)
ก็เป็นหนังสืออ่านแล้วก็สนุกดีครับ มองคริสตธรรม ให้เป็นมุมมองพุทธ ก็ทำได้  : emo073 :(แต่ไม่รู้ว่าถูกต้องแค่ไหนนะครับ ไม่ comment)

ศาสนาต่างๆ เกิดขึ้นเป็นจริงเป็นจังต่างช่วงเวลา และต่างสถานที่
ท่านว่า แต่ละศาสนานั้น เหมาะสม สำหรับช่วงเวลานั้น ตอนนั้น

แต่ละศาสนามี 3 ส่วนประกอบกัน คือ ปัญญา ศรัทธา และการปฏิบัติ
ท่านกล่าวว่า ถ้าต้องการจะแบ่งแยกจริงๆ (ซึ่งไม่น่าจะแบ่งแยก) ก็อาจเห็นว่า
ศาสนาพุทธเน้นด้านปัญญามากหน่อย คริสต์เน้นด้านศรัทธามากหน่อย และอิสลามเน้นการปฎิบัติมากหน่อย

ผมเคยคุยกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เป็นพุทธ เป็นคุณหมอ แต่ท่านได้ทำงานกับคริสต์เยอะ
เค้าบอกว่า ท่านชอบการเทศน์สอนของคริสต์ที่ละเอียดในวิธีการนำคำสอนของพระ นำมาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ

ถ้าถามผมว่า ศาสนาคริสต์ดียังไง
ตรงที่ เรามีโอกาสได้เรียนรู้ ได้รู้จักกับพระเจ้ามากขึ้นๆ พระเจ้าที่รักมนุษย์ทุกๆ คน

เพราะเรามนุษย์มีความอ่อนแออยู่ในตัว (ถ้าทุกคนลองสังเกต เรามีแนวโน้มที่จะทำความผิด หรือสิ่งไม่ดี ง่ายกว่าทำดีๆ มาก)
และหลายครั้ง เราอาจรู้สึกว่า ไม่สามารถเอาชนะความอ่อนแอได้ ด้วยตัวเอง และหลายครั้งเมื่อเรามีปัญหา  : xemo023 :
เราอาจรู้สึกว่า ไม่สามารถจะแก้ได้ ด้วยตัวคนเดียว

คริสตชนซาบซึ้งว่า เรามีพระเจ้า คอยเคียงข้างเรา และช่วยเหลือเราเสมอ
ผ่านความเชื่อ ความศรัทธา และความรัก : xemo026 : ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ และรักผู้อื่นมากขึ้นเรื่อยๆ
อันจะนำมาซึ่งความสุข และหรือ สวรรค์ ณ ที่นี่ตอนนี้เลย  : emo027 :สำหรับทั้งตัวเรา และเพื่อนพี่น้องรอบตัวด้วย

ปล. อยากทราบเหมือนกันครับว่า คุณ Humming_fox ทำไมถึงรักและเชื่อพระเจ้าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 9:33 am

ก็แค่เรียนคุณแม่ว่า ประเด็นอยู่ที่ความเชื่อครับ ในเมื่อเชื่อในพระเจ้าไปแล้ว จะไม่ให้เชื่อมันก็ลำบาก

ศาสนาพุทธก็ดีมาก แต่ศาสนาคริสต์ก็ไม่ได้สอนให้คนเป็นคนเลว กลับสอนให้มีความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ และสนับสนุนให้กำลังใจเราพัฒนาปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ เมื่อเราพยายามแล้ว แต่พลาด ก็ยังได้รับการอภัย มันรู้สึกมีกำลังใจที่จะพยายามเป็นคนดี มันเหมาะกับจริตของคุณ ดังนั้นถ้าคุณอนุญาตให้คุณทำตามที่เชื่อ คุณก็จะเป็นคนดีคนหนึ่งตามวิถีที่คุณเชื่อได้
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 9:41 am

หนับหนุน ทุกคำตอบครับ ::046::โดยเฉพาะของ พี่ P ไม่ยาวเกินไป : xemo026 :
Slimsafanext
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร มี.ค. 31, 2009 8:16 am

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 10:01 am

according to your Qs. that you lift out, it seem hardly to find the correct answer, but i just want to share with you in this point. both are good lar, but in the two good, we need to get one which is the best for our self. as you said the answer is  within you, but is depend on you who will choose and apply it into action in your life,  : emo045 : : emo045 : hope you will get it.
God is with you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 11:03 am

Slimsafanext เขียน: the answer is  within you
ชอบตรงนี้

ขอให้พูดออกมาจากใจ ยังไงคุณแม่ท่านต้องเห็นความมุ่งมั่นจริงใจของคุณครับ
tan
โพสต์: 390
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 13, 2008 8:47 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 11:36 am

ง่ายๆๆจ้า
รัก  คือรักผู้อื่นเหมือนรักตนเองและรักพระสุดใจ
เชื่อ  คือ เชื่อว่าเรารอด เชื่อในพระเยซู
หวัง  คือ  เราหวังว่าเรารอด หวังในพระพร หวังในสิ่งที่คนอื่นหวังไม่ได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Slave of God
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 5:56 pm

Holy เขียน:
ศาสดาของศาสนาคริสต์ก็ยืนยันครับว่าไม่ใช่ว่าพระองค์ไปสวรรค์แล้ว จะหายจากโลกไปเลย แล้วทิ้งแค่พระคัมภีร์ หรือข้อปฏิบัติให้คนที่เชื่อได้ทำตามเท่านั้น  
อิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Slave of God
โพสต์: 336
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 02, 2008 10:47 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 6:20 pm

เอาจากตัวเองดีกว่า

เมื่อก่อน

เมื่อผมทุกข์ ผมแบกคนเดียว ให้ผมวางลง แต่มันก็ยังอยู่ตรงนั้น

เดี๋ยวนี้ในพระเจ้า

เมื่อผมทุกข์ ผมยกให้พระ พระบอกแบกต่อไป ผมมีความสุขเพราะผมไม่ได้แบกเพียงลำพังอีกแล้ว

เมื่อก่อน

ผมกลัวทุกอย่างที่เป็นสิ่งลี้ลับ

เดี๋ยวในพระเจ้า

ผมรู้ว่าผมจะปลอดภัย และไม่ต้องกลัวอะไร

เมื่อก่อน

ผมโมโหง่ายอยากเอาคืนกับคนที่ทำไม่ดีกับผม

เดี๋ยวนี้ในพระเจ้า

ผมมองทุกคนเป็นพี่น้องมากขึ้น โมโหน้อยลง

เมื่อก่อน

ผมงมงายในสิ่งลี้ลับ

เดี๋ยวนี้ในพระเจ้า

ผมมีแต่ศรัทธาและความรัก


พระองค์เปลี่ยนแปลงผม  ผมมีความสุข  ผมคือลูกแกะของพระเจ้า  เอเมน
Humming_Fox
โพสต์: 19
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 11, 2009 6:16 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 10:53 pm

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบนะคะ ตอนนี้ได้เวลาหนูตอบคืนมั้งซินะคะ

คือว่า เมื่อก่อน เราเป็นคนที่ทุกคนไม่รักค่ะ พ่อกับแม่ไม่ค่อยอยู่บ้านทำให้เราเก็บตัว

ชอบอ่านแต่หนังสือ เข้ากับใครไม่ได้ ตอนนั้นอาจารย์ที่ประจำอยู่ห้องศาสนา (ตอนนั้นอยู่วัฒนาค่ะ) ก็เข้ามาช่วย

เขาให้เราเรียนพระคัมภีร์กับเค้าทุกเที่ยง สอนเรื่องต่าง ๆ ให้เยอะ รวมถึงให้เราทำงานกับคนอื่นค่ะ

ช่วงเวลานั้นมันมีความสุขมาก ๆ มันเป็นความสุขที่ว่า เราทำให้โดยเต็มใจ ไม่มีใครหรืออะไรมาบังคับ

ต่อมา เราจบจากวัฒนาก่อนจบก็อธิฐานค่ะ ว่าขอให้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ เพราะสมัยที่อยู่ตอนนั้น ไม่สามารถนั่งอยู่ในห้องเรียนเวลาพักได้

ต้องไปอาศัยอยู่กับห้องศาสนา ไม่ก็ห้องดนตรีไทยตลอด ตอนนั้นเราเรียกว่าไม่มีเพื่อนแท้ ๆ เลยสักคน คนที่คบด้วยเวลามีปัญหาก็ทิ้งเราไป เวลาทำงานกลุ่มเราก็จะเป็นเศษเหลือของห้องเสมอ

พอจบจากวัฒนา ก็ได้มาต่อที่สาธิตราม ที่ตอนแรกเพียงแค่ต้องการมาลองข้อสอบเท่านั้น และทั้งๆ ที่สามารถเข้าโรงเรียนที่ตนเองฝันไว้ แต่ก็อยากอยู่ที่นี้

โรงเรียนแห่งนี้สอนให้หนูได้รู้จักกับมิตรภาพ ช่วงนั้นก็ห่างเหินไม่ได้สนใจอะไร จนเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มที่เป็นคริสต์ เค้าพยายามนั่งร้องเพลงชื่อพระคัมภีร์เก่าเราเลยเข้าไปช่วย นั้นละมั้งคะ ทำให้กลับมามองตัวเอง ว่าตอนนี้ เป็นตามอย่างที่เคยอธิฐานเอาไว้

แต่ก็ยังเฉย ๆ ไม่รู้สึกอะไร ระหว่างนั้นได้รู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่ง เค้าก็มาคุย กับเรา ก็สนิทชนิดที่ว่า เวลามีเรื่องทุกข์ใจอะไร เราก็คุยกับเค้าเสมอ จนวันหนึ่ง คือปกติเราจะหาโอกาศออกจากบ้านได้ยากมาก ๆ เราเคยอธิฐานขอ ขอใ้ห้ได้ไปนมัสการพระเจ้าเหมือนสมัยอยู่ที่วัฒนาอีกครั้ง

เผอิญว่าวันนั้นเพื่อนชวนไปจุฬาวิชาการ แล้วโบสถ์อยู่แถวนั้นพอดี รุ่นพี่คนนั้นเลยชวนเราไปนมัสการช่วงเช้า ตอนแรกก็ลังเล แต่ตอนหนัลงก็ตัดสินใจไป ที่นั้น พอย่างเท้าเข้าไปนั่ง มันสบายใจแบบบอกไม่ถูกค่ะ มันสบายใจกว่าตอนไปทำบุญกับแม่ เหมือนกับว่า ที่นี้แหละที่ของเรา มันอบอุ่นมาก ๆ

เราจำบรรยากาศวันนั้นได้เลยค่ะ แต่ก็ไม่มีโอกาศได้ไปอีก เพราะครั้งนั้นก็แอบไป

ต่อมา เราก็คอยฟังเรื่องต่าง ๆ จากพี่คนนั้น อีกทั้งเจอปัญหาที่คุณแม่ชอบจะหนีไปอยู่วัด ทำให้พาลไม่ชอบศาสนพุทธ หนูไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องปล่อยวางกับทุกสิ่งแม้แต่คนที่รัก ตอนพ่อแม่ทะเลาะกัน หนูอธิฐานขอพระเจ้าช่วยบรรเทา ขออย่าให้คุณแม่ไปจากหนู หนูอาจจะคิดแบบเด็ก ๆ ก็ได้นะคะ แต่บางครั้งที่หนูเหงาหนูไม่มีใคร หนูก็ยังมีคนที่คอยเคียงข้างหนูเสมอ

จนมาถึงวันหนึ่ง ได้อธิฐานขอให้พระเยซูมาอยู่ในใจ ขอพระเจ้าชี้นำทาง และ...แม่ก็ส่งหนูไปเข้าค่ายธรรมะ...

ก่อนไปวันหนึ่ง รุ่นพี่ก็เอา มานาประจำวัน มาให้ หนูเลยพกติดตัวไปนอนอ่านทุกคืนตลอดเวลา จนเข้าวันที่ 3 ของการเข้าค่าย

หนูโทรกลับบ้าน พร้อมบอกคุณแม่ว่า "คุณแม่คะ หนูขอเปลี่ยนศาสนา" เท่านั้นแหละค่ะ...เสียงทะลุโทรศัพท์มาเลย
กลัวมากเลยตอนนั้น กลัวจนจากอยากกลับบ้านเป็นไม่อยากกลับบ้านแทน

ตอนนั้น 2 คืนที่เหลือก็อธิฐานแล้วก็โทรไปคุยกับพี่คนนั้นตลอด พี่เค้าก็บอกจะอธิฐานเผื่อ...แล้วก็บอกว่า พระเจ้าเลือกเวลาที่เหมาะสมแก่เราเสมอ

กลับถึงบ้าน ตอนนั้น กลัวแม่มาก แต่ก็ยึดในใจ ยังไงเราก็เชื่อพระเจ้า เชื่อในความรัก

แปลกใจหนักกว่าเก่า เพราะแม่กลับบอกว่า "ถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้แม่ไม่ว่า แต่ขอให้อายุบรรลุนิติภาวะก่อน"

จากนั้นก็ตั้งคำถามที่เราตั้งแต่แรกนั้นมา แถมยังอนุญาติให้เราไปโบสถ์ช่วงบ่ายวันอาทิตย์อีกด้วย

สรุปคือ เราเห็นทางเดินที่พระเจ้าทอดเอาไว้ให้เราค่ะ เราถึงเชื่อในพระองค์

ปล.ยาวเกินไปเปล่าคะ??
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 11:06 pm

เป็นคำพยานที่ดีมาก ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ยน 6:38
เพราะเราลงมาจากสวรรค์
มิใช่เพื่อทำตามใจของเรา
แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามา
พระประสงค์ของผู้ทรงส่งเรามาก็คือ
เราจะไม่สูญเสียผู้ใด
ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 11:07 pm

พี่จะบอกให้นะคะ


เล่าให้แม่ฟัง  เหมือนที่เล่าในนี้นั่นแหละ


เราเชื่อพระเจ้า  แล้วสัมผัสความรักอย่างไร
ไม่ใช่ว่า ศาสนานั่น ศาสนานี้ ดีกว่าด้อยกว่าตรงไหน


แต่หนูมีความสุขอย่างไรต่างหาก  ที่สำคัญ
อีกทั้งเจอปัญหาที่คุณแม่ชอบจะหนีไปอยู่วัด ทำให้พาลไม่ชอบศาสนพุทธ
หนูไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องปล่อยวางกับทุกสิ่งแม้แต่คนที่รัก ตอนพ่อแม่ทะเลาะกัน
หนูอธิฐานขอพระเจ้าช่วยบรรเทา ขออย่าให้คุณแม่ไปจากหนู หนูอาจจะคิดแบบเด็ก ๆ ก็ได้นะคะ
แต่บางครั้งที่หนูเหงาหนูไม่มีใคร หนูก็ยังมีคนที่คอยเคียงข้างหนูเสมอ

นี้คือความรู้สึกที่หนูไม่ได้รับ  
และ พระเจ้า  ทำให้หนูได้รับสิ่งนั้น
Humming_Fox
โพสต์: 19
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 11, 2009 6:16 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 11:15 pm

ขอบคุณค่ะ...

จะพยายามกลับไปหาพระองค์ให้ได้ค่ะ

ปล.ชอบลายเซ็นพี่ little Lamb ตั้งแต่เข้าบอร์ดนี้ครั้งแรกเลยค่ะ >.<
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 11:16 pm

ขอบคุณที่แบ่งปันครับ : emo038 :
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ พ.ค. 22, 2009 6:58 am

ขอบคุณที่แบ่งปันครับ...ไม่ลองกลับไปที่โบสถ์วัฒนาล่ะ มีพี่เร และพี่นก เจ้าแม่บอร์ดมานา เป็นสมาชิกด้วย

การที่คุณแม่ให้รอจนบรรลุ นิติภาวะ เพราะกลัวว่า คุณใจอ่อนไหว เชื่อคนง่าย

ตอนคุณเรียนที่วัฒนา คุณก็ได้ฟังเรื่องราว ของพระเยซูคริสต์ประจำอยู่แล้ว จากทีมศาสนกิจ และการฟื้นฟูประจำปี
ตอนที่อยู่โรงเรียนคุณอาจจะรู้สึกเหมือนถูกบังคับ แต่พอคุณมีอิสระ คุณจึงรู้สึกต้องการพระองค์ เข้ามาในชีวิตจริงๆ

แถวๆจุฬา คุณไปโบสถ์ไหนครับ เพราะแถวนั้นมีหลายโบสถ์

ขอให้เดินอย่างสม่ำเสมอกับพระเจ้า โดยพระคุณของพระบุตรคือพระเยซูคริสต์ รับรอง เป็นทางเดินที่ถูกต้อง

เพราะ พระเยซูตรัสว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้ นอกจากมาทางเรา"
Humming_Fox
โพสต์: 19
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 11, 2009 6:16 pm

ศุกร์ พ.ค. 22, 2009 9:50 am

โบสถ์สะพานเหลืองค่ะ
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

ศุกร์ พ.ค. 22, 2009 4:57 pm

"ถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้แม่ไม่ว่า แต่ขอให้อายุบรรลุนิติภาวะก่อน"
แม่พูดกะผมอย่างงี้เหมือนกันคับ ::001:: แต่ว่ายังไม่ให้ไปวัดคาทอลิก ::008::
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

ศุกร์ พ.ค. 22, 2009 7:38 pm

~Holy Bible~ เขียน:
"ถ้าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้แม่ไม่ว่า แต่ขอให้อายุบรรลุนิติภาวะก่อน"
แม่พูดกะผมอย่างงี้เหมือนกันคับ ::001:: แต่ว่ายังไม่ให้ไปวัดคาทอลิก ::008::
เป็นกำลังใจและสวดให้นะครับ : xemo028 :
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ พ.ค. 22, 2009 8:41 pm

Humming_Fox เขียน: โบสถ์สะพานเหลืองค่ะ
ให้ไปต่อไปคร้าบ มีอนุชนที่น่ารัก หลายคน พี่ๆคณะเพื่อคุณ ก็น่ารักคร้าบ วันใดวันหนึ่งอาจจะสะดุดกับเจี๊ยบได้คร้าบ ::046::
Humming_Fox
โพสต์: 19
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 11, 2009 6:16 pm

ศุกร์ พ.ค. 22, 2009 9:38 pm

Jeab Agape เขียน:
Humming_Fox เขียน: โบสถ์สะพานเหลืองค่ะ
ให้ไปต่อไปคร้าบ มีอนุชนที่น่ารัก หลายคน พี่ๆคณะเพื่อคุณ ก็น่ารักคร้าบ วันใดวันหนึ่งอาจจะสะดุดกับเจี๊ยบได้คร้าบ ::046::
ค่า แต่ตอนนี้เราไปก็อยู่ยุวชนอ่าค่ะ แต่รุ่นพี่เค้าก็ชวนไปอยู่อนุชนกับเค้าเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะว่าจะอยู่กลุ่มไหน
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ พ.ค. 23, 2009 9:56 am

Humming_Fox เขียน:

ค่า แต่ตอนนี้เราไปก็อยู่ยุวชนอ่าค่ะ แต่รุ่นพี่เค้าก็ชวนไปอยู่อนุชนกับเค้าเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะว่าจะอยู่กลุ่มไหน
ยังเรียนมัธยมเหรอ เพราะอนุชนคือรุ่นคนที่เรียนมหาวิทยาลัย  คณะเพื่อคุณ คืออนุชนที่จบมหาวิทยลัยทำงานแล้ว หรือเรียน ก็ ป.โท ป.เอก
ตอบกลับโพส