ความจริงเกี่ยวกับการตรึงกางเขน คิดว่าน่าจะรู้ไว้นะครับ

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nicolas.Not
โพสต์: 306
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 14, 2009 1:49 am

ตรึงกางเขน

รูปภาพ

               หลายคนคงเคยเห็นภาพการตรึงกางเขน ที่ฝรั่งเรียกว่า CRUCIFIXION กันดีนะครับ แต่คุณรู้ไหมว่าประวัติของมันมีที่มายังไง

               เรื่องราวของการตรึงกางเขนนั้น ผู้คิดค้นวิธีนี้คือพวกฟีนีเซียน(Phoeni Cian) ชนชาตินี้ชอบเดินทางค้าขายทางทะเลในสมัยอาณาจักรไซเรียนอันเกรียงไกรในสมัยนั้น เมื่อราว 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล โดยจุดค้าขายสำคัญของพวกเขาคือ คาร์เธจ ในอาฟริกา

               ซึ่ง ชนชาตินี้เวลาใครทำผิดอะไรก็จะโดนประหารโดยวิธีการตรึงกางเขนนี้แหละครับ และวิธีนี้ดันเป็นที่ถูกออกถูกใจ พวกกรีก อัสซีเรีย อียิปต์ เปอร์เซีย ตลอดจนโรมันอย่างมาก จึงพากันเอาไปใช้เป็นแบบอย่างทั่วหน้า

               ใน ยุคสมัยเดียวกับพระคริสต์ถูกตรึงกางเขนนั้น วิธีประหารแบบนี้ทำให้คนทั้งหลายลงความเห็นว่าเป็นวิธีที่โหดร้าย ต่ำทราม อย่างมากๆ ทำให้มีการออกกฎใหม่คือนักโทษชาวโรมันจะไม่โดนประหารด้วยวิธีนี้ แต่สำครับพวกทาสหรืออาชญากรที่ร้ายสุดๆ ยังโดนประหารด้วยการตรึงกางเขนแบบนี้อยู่

แท็กซิทัส (Tacitus) นักประวัติศาสตร์โรมันบันทึกไว้ว่าที่โรมมีสถานที่สำหรับการตรึงกางเขนโดยเฉพาะอยู่ที่นอกประตูเอสควิลีน (Esquiline Gate) และมีบริเวณเฉพาะสำหรับการประหารชีวิตทาสโดยการตรึงกางเขน สันนิษฐานกันว่าตรงที่ตรึงกางเขนจะมีเสาตรงปักไว้แล้วเป็นการถาวร และเมื่อมีผู้แบกกางเขนมาใหม่ซึ่งร่างอาจจะตรึงไว้กับไม้แล้วก็ได้ก็เอาผู้ นั้นหรือไม้นั้นผูกหรือติดไว้กับเสาที่ปักไว้ถาวร

บางครั้งผู้ที่ถูกประหารชีวิตก็อาจจะถูกผูกกับไม้ด้วยเชือกหลังจากที่ถูกตรึงตามที่บันทึกโดยนักประวัติศาสตร์โจซีฟัส (Josephus) ซึ่ง กล่าวถึงสมัยที่กรุงเยรุซาเล็มถูกล้อมเมื่อ ค.ศ. 70 ถึงการตรึงกางเขนผู้ที่ถูกจับด้วยวิธีต่างๆ ของทหารโรมันและใน จอห์น 20:25 วัตถุที่ใช้ในการตรึงกางเขนเช่นตะปูเป็นสิ่งที่แสวงหากันเพราะถือว่าช่วยกัน ภัย

              รูปภาพ

               โดย วิธีการประหารตรึงกางเขนนี้ เริ่มแรกเขาก็ทำการตรึงนักโทษโดยใช้ไม้เสาโดดๆ ท่อนเดียว นักโทษจะมัดไว้กับเสา แล้วปล่อยให้นักโทษหิวอดตายตากแดดจ้าตายเอง

               ต่อมาจึงเริ่มมีการพัฒนาโดยเอาไม้ขวางอีกท่อนหนึ่งมาใช้ประกอบ ซึ่งเป็นรูปแบบสี่แขน สามแขน หรือแบบ X ซึ่งบางครั้งเรียกว่าไม้กางเขน เซนต์แอนดรูว์ เพราะนักบุญท่านนี้ก็เคยเป็นหนึ่งผู้ต้องโทษด้วยไม้กางเขนแบบนี้

               แม้ รูปร่างของกางเขนจะแตกต่างกันออกไป แต่การประหารจะคล้ายๆ กันครับ เริ่มจากเอาแส้โบยนักโทษ แล้วใช้หามไม้ขวางเดินไปตามถนนในชุมชนเพื่อเป็นการประจาน การจะให้แบกไปทั้งกางเขนนั้นส่วนมากนักโทษจะทนไม่ไหว เนื่องจากมันหนักมากเกินไป

               ก่อน จะตรึงนักโทษ ผู้คุมจะเปลื้องเสื้อผ้าผู้เคราะห์ร้ายออกจนเหลือผ้าเตี่ยวคาดไว้กันอุจาด จากนั้นถ้าไม่ใช้วิธีตอกประตูตัวใหญ่ตรึงฝ่ามือกับหลังเท้าไว้ ก็อาจใช้เชือกมัดแทนก็ได้ โดยปกติจะใช้ไม้ลิ่มให้นักโทษยันฝ่าเท้าไว้ ไม่เช่นนั้นน้ำหนักตัวนักโทษจะถ่วงลงจนตกมาได้  พอตรึงเสร็จก็ตั้งไม้กางเขนปักลงในหลุมที่เตรียมไว้แล้ว

               ถ้า หากนักโทษมีร่างกายแข็งแรงกว่าจะตายทรมานมากๆ บางทีจึงต้องมีการหักแขนขาเสียก่อนเพื่อให้ตายไวขึ้น นักโทษจะถูกแสงแดดแผดเผาตลอดกลางวันเพราะร่างกายเกือบเปลือยเปล่า เหล่าแมลงจะมารุมตอมกินเหงื่อและเลือดที่เกิดจากการโบย นอกจากนั้นพวกเขายังอาจไอจมจากฝุ่นละอองที่ลมพัดมาจากทะเลทรายอันแห้งแล้ง แต่ถ้านักโทษยังมีลมหายใจอยู่ได้หลังพระอาทิตย์ตกดิน เขาอาจได้รับการปล่อยตัวไป โดยถือว่าพระเจ้าทรงกรุณาไว้ชีวิต

               รูปภาพ
               ส่วน ใหญ่การตรึงกางเขนมักทำในนักโทษที่เป็นหมู่มากกว่านักโทษคนเดียว บางทีอาจมากถึงหกเจ็ดคน เมื่อตายแล้วมักจะคาทิ้งเพื่อประจานก่อน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากนั้นก็ฝังพร้อมกับไม้กางเขนลงไปด้วยกัน

               บาง แห่งมีการปรับปรุงการตรึงกางเขนให้โหดน้อยลง เช่นตรึงนักโทษแบบเอาหัวลง แม้จะดูสยอดสยองยิ่งขึ้นแต่นักโทษจะหมดสติสัมปชัญญะไปในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ไม่ทุกข์ทรมานมากนัก

ด้วยเหตุที่ว่าการตรึงกางเขนทำให้นักโทษเจ็บปวดสาหัสกว่าจะตาย จักรรดิคอนสแตนตินแห่งโรมันในศตวรรษที่ 4 จึงทรงประกาศยกเลิกการประหารนี้ แต่กระนั้นวิธีการประหารนี้ยังมีอยู่เนื่องๆ เช่นในฝรั่งเศสก็ใช้ไปถึง ค.ศ. 1127 เพราะในปีนี้พระเจ้าหลุยส์อ้วน(Louis the Bullky)ได้ทรงมีพระราชโองการให้เอาตัว นายแบร์โธลเดอ ซึ่งเป็นผู้ปลงพระชนม์ ชาร์ลส์แห่งยุติธรรม ให้ไปประหารเสียด้วยการตรึงการเขน

ว่ากันว่านักโทษที่ฝรั่งเศสที่จับตรึงกางเขนส่วนใหญ่จะเป็นยิวครับ

ส่วนรายงานล่าสุดผมเห็นสารคดีหนึ่งช่วงสงครามโลกครั้งที่สองฝ่ายเยอรมันกับญี่ปุ่นก็ใช้วิธีนี้ลงโทษเชลยสงครามเช่นกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ก.ย. 14, 2009 1:52 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ต้นไม้แห่งเจสซี
โพสต์: 343
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 21, 2009 3:33 pm
ที่อยู่: หลุมที่4 สุสานวัดพระราชินีแห่งสันติภาพ อรัญประเทศ
ติดต่อ:

จันทร์ ก.ย. 14, 2009 2:18 am

ขอบคุณครับในการแบ่งปันครับ  : xemo026 :

ได้ความรู้เพิ่มขึ้น และทำให้รักในองค์พระเยซูเจ้ามากขึ้นด้วย  : xemo026 :

ขอพระคริสตเจ้าทรงพระเจริญเทอญ  : xemo026 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
dark-kanita
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm

จันทร์ ก.ย. 14, 2009 3:42 pm

: emo036 :โหด เจ็บ ทรมาร น่ากลัว!!!! พอรู้สึกแบบนี้ก็ยิ่งรักพระมากขึ้น  นี่พระองค์ต้องทรมารขนาดนั้นเพราะมนุษย์หรือเนี่ย (ยิ่งรู้สึกผิดบาปมากขึ้น) 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลคะ  หนูคิดว่าการตรึงกางเขนถุกคิดดดยชาวโรมันซะอีก

"คาร์เธจ" งั้นหรือคะ  อุอุ คาณิตาคิดตั้งนานว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหนสักแห่ง
( ที่ไหนได้ก็จากเรื่อง กลาเดียเตอร์สมัยที่หนูดูตอนเด้กๆนั่นเองอุอุ)

ขอบคุณมากคะ
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

จันทร์ ก.ย. 14, 2009 8:50 pm

งั้นหากมืดแล้ว นักโทษคนนั้นก็รอดน่ะสิ อยากรู้ว่ามีใครรอดจากการถูกตรึงแล้วมืดแล้วปล่อย

พูดแล้วนึกถึงพิธีการตรึงกางเขนของชาวฟิลิปปินส์ อ่ะ  : emo036 :
ตอบกลับโพส