อย่างผมเรียกว่าคนทรยศรึปล่าวครับ
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
วันนี้อดีตผอ.ธงชัย ชิวปรีชามาพูดกับนักเรียนห้องผมและน้องม.4 เกี่ยวกับคุณค่าของทุนที่พวกผมได้รับอยู่
ท่านพูดให้เห็นถึงคนอื่นอีกมากที่ไม่มีโอกาสเท่าพวกเรา
เมื่อตอนอยู่ ม.4 พวกผมเคยให้คำสัญญากับเงินภาษีของประชาชนว่า
พวกผมจะต้องจบปริญญาเอกด้านวิทย์คณิตแล้วต้องกลับมาทำงานให้เมืองไทย
ในตอนนั้นหัวใจของผมรักวิทยาศาสตร์อย่างเต็มเปี่ยม
แต่พอมาถึงวันนี้แล้ว
เมื่อมาได้คลุกคลีอยู่กับวิทย์คณิตอย่างเต็มที่
ผมกลับคิดว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบเราถนัดจริงๆ
ผมเหมือนจะรู้จักตัวเองว่าชอบอะไรแล้ว
สิ่งที่ผมอยากเรียนที่สุดในโลกนี้เลยคือภาษาศาสตร์-อักษรศาสตร์
เรื่องที่ท่านผอ.พูดในวันนี้มันกระทบกับจิตใจผมมาก
ถ้าผมเลือกที่จะไปเรียนในสิ่งที่ผมชอบก็เท่ากับว่าผมได้ฆ่าโอกาสของคนอีกหลายคนที่น่าจะได้รับมัน
จะไทร์ออกจากโครงการนี้ก็กลัวว่าเราถลำมาลึกเกินไปแล้ว
อีกอย่าง เรามีเพื่อนที่เรายังรักอยู่
ตอนนี้ผมสับสนมากเลยครับ
ไม่รู้จะพูดออกมายังไง
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนทรยศต่อชาวไทย
ที่อุตส่าห์เสียภาษีมาเป็นทุนให้พวกผมได้ร่ำเรียนในด้านวิทยาศาสตร์
ผมไม่อยากเห็นทุนนี้เป็นแค่ทางผ่านทางหนึ่งที่เราต้องผ่านเท่านั้น
เลือกไม่ถูกๆๆ
ตอนนี้เหมือนกับอยู่บนทางเป็นสิบแยกเลย
สับสนในชีวิตที่สุด เป็นครั้งแรกที่เราเคยเครียดและสับสนมากขนาดนี้ตั้งแต่เกิดมา
ใครเคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้บ้างขอช่วยแนะนำผมหน่อยนะครับ ::053::
ท่านพูดให้เห็นถึงคนอื่นอีกมากที่ไม่มีโอกาสเท่าพวกเรา
เมื่อตอนอยู่ ม.4 พวกผมเคยให้คำสัญญากับเงินภาษีของประชาชนว่า
พวกผมจะต้องจบปริญญาเอกด้านวิทย์คณิตแล้วต้องกลับมาทำงานให้เมืองไทย
ในตอนนั้นหัวใจของผมรักวิทยาศาสตร์อย่างเต็มเปี่ยม
แต่พอมาถึงวันนี้แล้ว
เมื่อมาได้คลุกคลีอยู่กับวิทย์คณิตอย่างเต็มที่
ผมกลับคิดว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบเราถนัดจริงๆ
ผมเหมือนจะรู้จักตัวเองว่าชอบอะไรแล้ว
สิ่งที่ผมอยากเรียนที่สุดในโลกนี้เลยคือภาษาศาสตร์-อักษรศาสตร์
เรื่องที่ท่านผอ.พูดในวันนี้มันกระทบกับจิตใจผมมาก
ถ้าผมเลือกที่จะไปเรียนในสิ่งที่ผมชอบก็เท่ากับว่าผมได้ฆ่าโอกาสของคนอีกหลายคนที่น่าจะได้รับมัน
จะไทร์ออกจากโครงการนี้ก็กลัวว่าเราถลำมาลึกเกินไปแล้ว
อีกอย่าง เรามีเพื่อนที่เรายังรักอยู่
ตอนนี้ผมสับสนมากเลยครับ
ไม่รู้จะพูดออกมายังไง
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนทรยศต่อชาวไทย
ที่อุตส่าห์เสียภาษีมาเป็นทุนให้พวกผมได้ร่ำเรียนในด้านวิทยาศาสตร์
ผมไม่อยากเห็นทุนนี้เป็นแค่ทางผ่านทางหนึ่งที่เราต้องผ่านเท่านั้น
เลือกไม่ถูกๆๆ
ตอนนี้เหมือนกับอยู่บนทางเป็นสิบแยกเลย
สับสนในชีวิตที่สุด เป็นครั้งแรกที่เราเคยเครียดและสับสนมากขนาดนี้ตั้งแต่เกิดมา
ใครเคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้บ้างขอช่วยแนะนำผมหน่อยนะครับ ::053::
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 11:58 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
ทุนห้องเรียนวิทยาศาสตร์มหิดล-จุฬาภรณเฉยๆครับ T^TAlphonse เขียน: เป็นนักเรียนทุน พสวท. หรอครับ???
ทำไงดี T T
ต้องถามตัวเองว่าจะไปต่อ หรือจะกลับลำจ๊ะ
มันก็น่าจะมีวิธีอยู่นะ ถ้าเราเลือกที่จะไปต่อ ก็ต้องด้วยการตัดสินใจของเรา ไม่ควรให้ปัจจัยภายนอกมากดดันเรา
ก็เรียนตามทุนไปเรื่อยๆ จนจบ แล้วก็เรียน ภาษาศาสตร์-อักษรศาสตร์ ตามเวป แบบที่ริวทำยังไง
มันก็สามารถเดินคู่กันไปได้ ถ้าเราตัดสินใจเลือกทางนี้
ถ้าเลือกที่จะกลับลำ ก็อีกเหมือนกัน ตัดสินโดยตัวเราเอง อย่าให้คำพูดของคนอื่นมามีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจของเรา
ไม่ได้เนรคุณชาติจ๊ะ แต่เรามาพบตัวเราที่แท้จริงภายหลังไง มันเป็นการเรียนรู้ที่จะค้นพบตัวเราอีกแบบนึง
ลองสงบใจ สวดสายประคำขอทางสว่างจากพระสิจ๊ะ พี่ว่าพระองค์จะต้องให้คำตอบที่ดีแก่น้องแน่ๆ ค่ะ
เชื่อ และวางใจในพระองค์นะคะ พระองค์รักน้องเสมอจ๊ะ
มันก็น่าจะมีวิธีอยู่นะ ถ้าเราเลือกที่จะไปต่อ ก็ต้องด้วยการตัดสินใจของเรา ไม่ควรให้ปัจจัยภายนอกมากดดันเรา
ก็เรียนตามทุนไปเรื่อยๆ จนจบ แล้วก็เรียน ภาษาศาสตร์-อักษรศาสตร์ ตามเวป แบบที่ริวทำยังไง
มันก็สามารถเดินคู่กันไปได้ ถ้าเราตัดสินใจเลือกทางนี้
ถ้าเลือกที่จะกลับลำ ก็อีกเหมือนกัน ตัดสินโดยตัวเราเอง อย่าให้คำพูดของคนอื่นมามีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจของเรา
ไม่ได้เนรคุณชาติจ๊ะ แต่เรามาพบตัวเราที่แท้จริงภายหลังไง มันเป็นการเรียนรู้ที่จะค้นพบตัวเราอีกแบบนึง
ลองสงบใจ สวดสายประคำขอทางสว่างจากพระสิจ๊ะ พี่ว่าพระองค์จะต้องให้คำตอบที่ดีแก่น้องแน่ๆ ค่ะ
เชื่อ และวางใจในพระองค์นะคะ พระองค์รักน้องเสมอจ๊ะ
- antoinetty*
- โพสต์: 451
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 04, 2007 9:39 pm
รร. ไรอ่าครับ
เป็นพี่ พี่คิดว่าทนๆ เรียนไปเหอะน้อง : )
เรียนวิทย์คณิต มอปลายให้จบไปก่อน
แล้วเข้ามหาวิทยาลัยค่อยดูอีกที
เพราะเรียนวิทย์คณิตตอนมอปลาย มีทางเลือกมากกว่านะเออ
เรียนๆ ไปสักพัก อาจจะชอบก็ได้
เด็กวิทย์หัวใจศิลป์มีเยอะไป : ) (พี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น)
(ยังสงสัยกับประโยคที่ว่า ให้เรียนจบปริญญาเอกด้านวิทย์คณิต อ่า
ขยายความหน่อย)
เป็นพี่ พี่คิดว่าทนๆ เรียนไปเหอะน้อง : )
เรียนวิทย์คณิต มอปลายให้จบไปก่อน
แล้วเข้ามหาวิทยาลัยค่อยดูอีกที
เพราะเรียนวิทย์คณิตตอนมอปลาย มีทางเลือกมากกว่านะเออ
เรียนๆ ไปสักพัก อาจจะชอบก็ได้
เด็กวิทย์หัวใจศิลป์มีเยอะไป : ) (พี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น)
(ยังสงสัยกับประโยคที่ว่า ให้เรียนจบปริญญาเอกด้านวิทย์คณิต อ่า
ขยายความหน่อย)
††† Ryuichi ††† เขียน:ทุนห้องเรียนวิทยาศาสตร์มหิดล-จุฬาภรณเฉยๆครับ T^TAlphonse เขียน: เป็นนักเรียนทุน พสวท. หรอครับ???
ทำไงดี T T
ทุนอันนี้แบบ มหิดลวิทยานุสรณ์ รึปล่าว จ๊ะ ที่ต้องยิงยาวถึงปริญญาเอกอ่ะ
เห็นชื่อคล้ายๆ กันอ่ะค่ะ
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
อันนี้เป็นคำสัญญาที่เคยให้ไว้ตอนเข้าโครงการใหม่ๆคับantoinetty* เขียน:
(ยังสงสัยกับประโยคที่ว่า ให้เรียนจบปริญญาเอกด้านวิทย์คณิต อ่า
ขยายความหน่อย)
เป็นการตั้งปณิธานชีวิตให้กับตัวผมเองก่อนที่จะรู้จักตัวเองT T
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
ใช่ฮะsinner เขียน:††† Ryuichi ††† เขียน:ทุนห้องเรียนวิทยาศาสตร์มหิดล-จุฬาภรณเฉยๆครับ T^TAlphonse เขียน: เป็นนักเรียนทุน พสวท. หรอครับ???
ทำไงดี T T
ทุนอันนี้แบบ มหิดลวิทยานุสรณ์ รึปล่าว จ๊ะ ที่ต้องยิงยาวถึงปริญญาเอกอ่ะ
เห็นชื่อคล้ายๆ กันอ่ะค่ะ
แต่ทุนไม่ได้ประเคนให้จนถึงป.เอกฮะ
ให้จนจบม.6 ไร้ข้อผูกมัดทางกฎหมาย
แต่ผูกมัดทางจิตใจ T T
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เรียนจบอะไรไม่สำคัญ เพราะจบมาท้ายสุดแล้วเราก็จะทำตามสิ่งที่ใจเราใฝ่ฝันอยู่ดี (บางคนนะ)
พี่อยากให้น้องคิดดูดีๆว่าอะไรที่จะทรยศชาติมากกว่ากัน
1. ทนเรียนทางสายนี้ต่อไปแล้วประเทศชาติก็จะได้นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เต็มใจมาหนึ่งคนเพื่อช่วยพัฒนาชาติ แต่จะพัฒนาได้มากน้อยแค่ไหนไม่รู้เพราะใจไม่ได้อยู่ทางนี้ได้สักเท่าไหร่
2. ไม่ทนเรียนทางสายนี้โดยเรียนให้จบ แล้วไปต่อทางสายที่ตัวเองรัก ทีนี้ประเทศชาติก็จะได้บุคคลากรที่ใจพร้อมตัวพร้อมในสายอาชีพที่ตัวเองรักพร้อมที่จะพัฒนาชาติต่อไป
คำแนะนำของพี่คือเรียนให้จบ ม.6 ในทางนี้ซะ แล้วค่อยต่อความฝันของตัวเองทางอัษร ภาษา
พี่อยากให้น้องคิดดูดีๆว่าอะไรที่จะทรยศชาติมากกว่ากัน
1. ทนเรียนทางสายนี้ต่อไปแล้วประเทศชาติก็จะได้นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เต็มใจมาหนึ่งคนเพื่อช่วยพัฒนาชาติ แต่จะพัฒนาได้มากน้อยแค่ไหนไม่รู้เพราะใจไม่ได้อยู่ทางนี้ได้สักเท่าไหร่
2. ไม่ทนเรียนทางสายนี้โดยเรียนให้จบ แล้วไปต่อทางสายที่ตัวเองรัก ทีนี้ประเทศชาติก็จะได้บุคคลากรที่ใจพร้อมตัวพร้อมในสายอาชีพที่ตัวเองรักพร้อมที่จะพัฒนาชาติต่อไป
คำแนะนำของพี่คือเรียนให้จบ ม.6 ในทางนี้ซะ แล้วค่อยต่อความฝันของตัวเองทางอัษร ภาษา
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 08, 2010 12:32 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Mwit ให้ถึงแค่ ม.๖ นี่ฮะ ถ้า พสวท. ถึงจะให้ถึง ป.เอกsinner เขียน:††† Ryuichi ††† เขียน:ทุนห้องเรียนวิทยาศาสตร์มหิดล-จุฬาภรณเฉยๆครับ T^TAlphonse เขียน: เป็นนักเรียนทุน พสวท. หรอครับ???
ทำไงดี T T
ทุนอันนี้แบบ มหิดลวิทยานุสรณ์ รึปล่าว จ๊ะ ที่ต้องยิงยาวถึงปริญญาเอกอ่ะ
เห็นชื่อคล้ายๆ กันอ่ะค่ะ
อ่อ จ๊ะ เรียนใกล้ๆ กัน เมื่อนานมาละ แต่ไม่ค่อยรู้เท่าไรจ้า คริ คริAlphonse เขียน:Mwit ให้ถึงแค่ ม.๖ นี่ฮะ ถ้า พสวท. ถึงจะให้ถึง ป.เอกsinner เขียน:††† Ryuichi ††† เขียน: ทุนห้องเรียนวิทยาศาสตร์มหิดล-จุฬาภรณเฉยๆครับ T^T
ทำไงดี T T
ทุนอันนี้แบบ มหิดลวิทยานุสรณ์ รึปล่าว จ๊ะ ที่ต้องยิงยาวถึงปริญญาเอกอ่ะ
เห็นชื่อคล้ายๆ กันอ่ะค่ะ
Mwit อยู่ประตู 3 เราเข้าประตู 4 ที่ต้องผ่านหลังคาเขียวอันลือชื่อ...นึกถึงแล้ว..สยอง
อ่า...กี่ปีแล้วน๊ออออออออออออ ฮ่าาาาsinner เขียน:อ่อ จ๊ะ เรียนใกล้ๆ กัน เมื่อนานมาละ แต่ไม่ค่อยรู้เท่าไรจ้า คริ คริAlphonse เขียน:Mwit ให้ถึงแค่ ม.๖ นี่ฮะ ถ้า พสวท. ถึงจะให้ถึง ป.เอกsinner เขียน:
ทุนอันนี้แบบ มหิดลวิทยานุสรณ์ รึปล่าว จ๊ะ ที่ต้องยิงยาวถึงปริญญาเอกอ่ะ
เห็นชื่อคล้ายๆ กันอ่ะค่ะ
Mwit อยู่ประตู 3 เราเข้าประตู 4 ที่ต้องผ่านหลังคาเขียวอันลือชื่อ...นึกถึงแล้ว..สยอง
ปล. เข้าประเด็นน้องเจ้าของกระทู้
คุณพี่แนะนำสั้นๆ ง่ายๆ ครับว่า...
แม้เราจะต้องเสียสละเพื่อผู้อื่น หรืออะไรแค่ไหน...แต่สุดท้ายแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ และไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอย่างร้ายแรง...."จงปกป้องตัวตนของตัวเอง" ครับ
พี่ขอแยกตอบ2ประเด็นนะ
1.น้องไม่ใช่คนทรยศหรอกครับ
คนทรยศหน่ะ มันต้องพวกคนที่เรียนทุนหมอ เพียงเพราะต้องการได้ชื่อแค่นายแพทย์แต่ในนาม
พอจบมาก็ไม่ได้มาเป็นหมอ เอาชื่อมาไว้แค่โก้ๆเท่านั้นละ
(อันนี้ว่าเฉพาะบุคคลนะครับ ไม่ได้ว่าหมอทั้งหมด )
2.จะไทร์ออกมามั้ย น้องต้องถามตัวเองครับว่า
ถ้าไทร์ออกมาแล้ว จะได้โอกาสอะไรมากขึ้นรึเปล่า?
(เพราะเท่าที่พี่รู้สึก รัฐบาลไม่ได้ให้ทุนอะไรทางสายศิลป์เท่าไหร่นะ )
สิ่งที่สำคัญ กว่าทุน
ก็คือ เจตนารมณ์ของน้องเองครับ สู้ๆ
1.น้องไม่ใช่คนทรยศหรอกครับ
คนทรยศหน่ะ มันต้องพวกคนที่เรียนทุนหมอ เพียงเพราะต้องการได้ชื่อแค่นายแพทย์แต่ในนาม
พอจบมาก็ไม่ได้มาเป็นหมอ เอาชื่อมาไว้แค่โก้ๆเท่านั้นละ
(อันนี้ว่าเฉพาะบุคคลนะครับ ไม่ได้ว่าหมอทั้งหมด )
2.จะไทร์ออกมามั้ย น้องต้องถามตัวเองครับว่า
ถ้าไทร์ออกมาแล้ว จะได้โอกาสอะไรมากขึ้นรึเปล่า?
(เพราะเท่าที่พี่รู้สึก รัฐบาลไม่ได้ให้ทุนอะไรทางสายศิลป์เท่าไหร่นะ )
สิ่งที่สำคัญ กว่าทุน
ก็คือ เจตนารมณ์ของน้องเองครับ สู้ๆ
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ลองปรึกษากับอาจารย์หรือผู้ใหญ่ใกล้ๆ ตัวดูก่ิอนซิค่ะ
แต่ก่อนที่จะเข้าไปพูดหรือปรึกษากับใคร ก้อให้สวดภาวนาก่อน ขอพระช่วยให้พบหนทางที่ดี และหนทางแก้ไขสิ่งที่กังวลใจอยู่ เพื่อจะได้ทำทุกสิ่งให้เต็มความสามารถ และดีที่สุด เพื่อพระองค์
แล้วก็ขอคำภาวนาจะเพื่อนพี่น้องในนิวมานาช่วยด้วยอีกหลายๆ แรง ค่ะ แล้วจะสวดให้นะคะ
แต่ก่อนที่จะเข้าไปพูดหรือปรึกษากับใคร ก้อให้สวดภาวนาก่อน ขอพระช่วยให้พบหนทางที่ดี และหนทางแก้ไขสิ่งที่กังวลใจอยู่ เพื่อจะได้ทำทุกสิ่งให้เต็มความสามารถ และดีที่สุด เพื่อพระองค์
แล้วก็ขอคำภาวนาจะเพื่อนพี่น้องในนิวมานาช่วยด้วยอีกหลายๆ แรง ค่ะ แล้วจะสวดให้นะคะ
การตัดสินใจ"ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี"
ขึ้นกับสถานการณ์ครับ
ถ้า
1. ตัวเองชอบอีกทางแน่ๆ
2. โรงเรียนอนุญาตให้เปลี่ยน และถามอ.แนะแนวแล้วแน่ใจว่าไม่มีผลเสียในตอนสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
ก็จบลงที่
1. ถ้าทางบ้านมีเงิน ไม่ต้องพึ่งทุน = เปลี่ยนสาย
2. ทางบ้านไม่มีเงิน ต้องพึ่งทุน = เรียนต่อไปอย่างเดิม แล้วไปหาทางเอาตอนเข้ามหาวิทยาลัย โดยปรึกษาอ.แนะแนวว่าพอมีทางเป็นไปได้รึไม่
ถ้าโชคดี ทางทุนอนุญาตให้เปลี่ยนได้โดยไม่ต้องคืนทุน ก็ยิ่งง่ายต่อการตัดสินใจครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่เราต้องคุยด้วยและขอคำแนะนำเป็นหลัก ไม่ใช่พี่น้องในบอร์ดนี้ครับ แต่เป็นคุณพ่อคุณแม่ของเรา ท่านว่าไงก็เอาตามนั้นครับ
---
การสรุปว่าตนเอง "ทรยศ" รึไม่
การรับทุน ไม่รับทุน เรียนต่ออย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่เรียนต่ออย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่เกี่ยวกับการทรยศไม่ทรยศครับ เพราะตราบใดที่ยังมุ่งมั่นทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติเช่นนี้ ต่อให้เลิกเรียนแล้วไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว ผมว่าก็ไม่ทรศยศใครแต่อย่างใด เพราะจิตใจที่ดี ที่เห็นแก่สังคมและประโยชน์ส่วนรวม ก็เป็นสิ่งที่ดีมากพออยู่แล้ว เพราะการทำประโยชน์จริงๆเพื่อสังคม มีได้ทั้งทางตรง เห็นเป็นรูปธรรม กับทางอ้อม (เป็นคนดีของสังคม อบรมและกล่อมเกลาบุคคลรอบข้างและลูกหลานให้เป็นคนดีของสังคม)ครับ
สำหรับผม ให้ทุนนร.ไป แล้วได้นร.ที่มีความคิดอย่างนี้ขึ้นมาคนนึง ถึงนร.คนนั้นจะเปลี่ยนไปเรียนในสิ่งที่ทุนไม่ได้กำหนด แล้วทุนผมเอาไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ต้องทิ้ง .. ผมถือว่า "คุ้ม" ครับ
ถ้ามันลำบากใจมาก เรื่องทรยศไม่ทรยศ คิดง่ายๆยังงี้ก็แล้วกันนะครับ
เราคิดว่าเรา "แย่งที่" คนอื่นที่อาจจะมีความต้องการเรียนด้านนี้มา แล้วลองคิดสิครับ ว่าเราไม่อยากเรียน เรียนไปแล้วก็ไปไม่ไหว รอดแบบปริ่มๆ หรือต่อให้รอดมาอย่างสวยหรู ก็ไม่มีจิตวิญญาณหรือกำลังใจที่จะเอาไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ อย่างนี้สู้ตัดใจเลิกเสียแต่เนิ่นๆ แล้วปล่อยที่นั่งในมหาวิทยาลัยตรงนั้นให้คนอื่นที่เขาอยากเรียนจริงๆไปเรียน จบออกมาแล้วทั้งเราและเขาต่างก็ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติได้ทั้งคู่ ดีกว่าเราทำผิดต่อไป โดยการ"กินที่"คนอื่น ไปจนถึงป.เอก
เลิกตอนนี้ซะ เราก็กินที่แค่ม.ปลาย ยังเปิดที่ป.ตรี - ป. เอกให้คนอื่น
ขึ้นกับสถานการณ์ครับ
ถ้า
1. ตัวเองชอบอีกทางแน่ๆ
2. โรงเรียนอนุญาตให้เปลี่ยน และถามอ.แนะแนวแล้วแน่ใจว่าไม่มีผลเสียในตอนสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
ก็จบลงที่
1. ถ้าทางบ้านมีเงิน ไม่ต้องพึ่งทุน = เปลี่ยนสาย
2. ทางบ้านไม่มีเงิน ต้องพึ่งทุน = เรียนต่อไปอย่างเดิม แล้วไปหาทางเอาตอนเข้ามหาวิทยาลัย โดยปรึกษาอ.แนะแนวว่าพอมีทางเป็นไปได้รึไม่
ถ้าโชคดี ทางทุนอนุญาตให้เปลี่ยนได้โดยไม่ต้องคืนทุน ก็ยิ่งง่ายต่อการตัดสินใจครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนที่เราต้องคุยด้วยและขอคำแนะนำเป็นหลัก ไม่ใช่พี่น้องในบอร์ดนี้ครับ แต่เป็นคุณพ่อคุณแม่ของเรา ท่านว่าไงก็เอาตามนั้นครับ
---
การสรุปว่าตนเอง "ทรยศ" รึไม่
การรับทุน ไม่รับทุน เรียนต่ออย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่เรียนต่ออย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่เกี่ยวกับการทรยศไม่ทรยศครับ เพราะตราบใดที่ยังมุ่งมั่นทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติเช่นนี้ ต่อให้เลิกเรียนแล้วไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว ผมว่าก็ไม่ทรศยศใครแต่อย่างใด เพราะจิตใจที่ดี ที่เห็นแก่สังคมและประโยชน์ส่วนรวม ก็เป็นสิ่งที่ดีมากพออยู่แล้ว เพราะการทำประโยชน์จริงๆเพื่อสังคม มีได้ทั้งทางตรง เห็นเป็นรูปธรรม กับทางอ้อม (เป็นคนดีของสังคม อบรมและกล่อมเกลาบุคคลรอบข้างและลูกหลานให้เป็นคนดีของสังคม)ครับ
สำหรับผม ให้ทุนนร.ไป แล้วได้นร.ที่มีความคิดอย่างนี้ขึ้นมาคนนึง ถึงนร.คนนั้นจะเปลี่ยนไปเรียนในสิ่งที่ทุนไม่ได้กำหนด แล้วทุนผมเอาไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ต้องทิ้ง .. ผมถือว่า "คุ้ม" ครับ
ถ้ามันลำบากใจมาก เรื่องทรยศไม่ทรยศ คิดง่ายๆยังงี้ก็แล้วกันนะครับ
เราคิดว่าเรา "แย่งที่" คนอื่นที่อาจจะมีความต้องการเรียนด้านนี้มา แล้วลองคิดสิครับ ว่าเราไม่อยากเรียน เรียนไปแล้วก็ไปไม่ไหว รอดแบบปริ่มๆ หรือต่อให้รอดมาอย่างสวยหรู ก็ไม่มีจิตวิญญาณหรือกำลังใจที่จะเอาไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ อย่างนี้สู้ตัดใจเลิกเสียแต่เนิ่นๆ แล้วปล่อยที่นั่งในมหาวิทยาลัยตรงนั้นให้คนอื่นที่เขาอยากเรียนจริงๆไปเรียน จบออกมาแล้วทั้งเราและเขาต่างก็ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติได้ทั้งคู่ ดีกว่าเราทำผิดต่อไป โดยการ"กินที่"คนอื่น ไปจนถึงป.เอก
เลิกตอนนี้ซะ เราก็กินที่แค่ม.ปลาย ยังเปิดที่ป.ตรี - ป. เอกให้คนอื่น
คือ...ตอนนั้นกับตอนนี้อ่า มันต่างกันน้า ตอนนั้นที่คุณ ††† Ryuichi †††
ตัดสินใจอ่า คุณเพิ่งอายุ 15-16 เองนะค่ะ แต่ตอนนี้คุณเองก็โตขึ้น คงประมาณ 17-18 แล้วล่ะ
อืม...บางคนเรียบจนจบป.ตรี ป.โท แล้วเพิ่งมารู้สึกตัวว่า "มันไม่ใช่" ก็มี
ดังนั้นคุึณหน่ะโชคดีแล้วที่รู้สึกตัวเร็ว ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ...
ดังนั้นก็ไปทำตามใจที่เราชอบเถอะ เรียนในสิ่งที่เราชอบ ทำงานในสาขาที่เราชอบ
ส่วนไอ้เรื่องเอาเงินภาษีประชาชนมาเรียนอ่า แล้วบอกว่า ถ้าไม่เรียนต่อมหา'ลัยทางวิทย์-คณิต
จะเป็นการทรยศประเทศชาติ หรือคนทั้งประเทศ จริงๆแล้วโดยส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่นะ
เพราะว่า สมมติคุณไม่เรียนต่อทางวิทย์-คณิต แต่คุณไปเรียนต่อทางอักษร
แล้วพอคุณทำงาน คุณได้มีโอกาสแปลหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สักเล่ม
แล้วลองคิดดูนะ หนังสือเล่มนั้นถ้าได้ตีพิมพ์ แน่นอนอ่า มันคงไม่มีคนอ่านเพียงแค่คนเดียวหรอก
แล้วอีกอย่างการแปลหนังสือทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์พอสมควร
ดังนั้น มันไม่ใช่การทรยศเลย เพราะการเรียนทางสายศิลป์อ่า มันอาจจะดูไม่เกี่ยวกับวิทย์ใช่มะ?
แต่จริงๆการทำงานบางครั้งมันก็เกี่ยวเนื่องกันหมดอ่า ถึงเวลานั้นคุณก็จะได้เอาความรู้วิทย์
ที่เรียนตอนม.ปลายไปประยุกต์ใช้กับงานทางสายศิลป์ที่ทำก็ได้
มันก็เป็นการคืนกำไรให้กับประเทศชาติทางหนึ่งนะ
เพิ่มเติมนิดนึง คือ พี่สาวของเพื่อนสนิทตอนม.ต้น ก็จบที่มหิดลวิทยานุสรณ์เหมือนกัน
ตอนนั้นใครๆเขาก็คิดว่า พี่สาวของเพื่อนคนนี้ยังไงก็ต้องไปทางวิทย์แน่ๆ
สุดท้ายตอนเอ็นท์เธอก็เบนเข็มอย่างรวดเร็ว ไม่เข้าหมอ ไม่เข้าวิศวะ ไม่เข้า เภสัช วิทยา บลาๆ
ไปเรียนเกี่ยวกับออกแบบที่ลาดกระบังฯแทน (งงกันหมดตอนนั้น เหอๆ)
ส่วนไอ้เรื่องตอนม.ต้นชอบวิทย์แล้วพอเรียนม.ปลายไม่ชอบอ่า มันก็ไม่แปลกอ่า
อันนี้เป็นประสบการณ์ตรง เพราะว่าตอนม.ต้นเนี่ยเกรดวิทย์ของเราจะ 2.00 นิดๆตลอด (อ่านหนังสือแทบตายก็ทำไม่ได้อ่า)
เอาเป็นว่า เกลียดวิทย์ทุกวิชา ตอนนั้นจำได้แม่นเลยเกลียดเคมีมากที่สุด(เพราะโดนบังคับท่องตารางธาตุ) รองลงมาชีวะ แล้วก็ฟิสิกส์
แต่มาตอนนี้ ช๊อบชอบเคมี น่าจะเพราะความชอบ นี่แหละเคมี 4.00 ทุกเทอม (เอาง่ายๆวันไหนมีคาบเคมีจะไปร.ร.แต่เช้าทุกวัน)
ส่วนฟิสิกส์ตอนม.ต้นก็ไม่ค่อยชอบนะ พอม.4เกลียดสุดยอด (เพราะอ.ที่สอนหน้าม่ออ่า) เกรดตอนนั้น 3.00 ก็หรูแล้ว (คิดดูวิ่งแก้บน 100 รอบสนามฟุตบอลอะ (บนไว้ถ้าเกรดออกมาได้ 3.00 จะวิ่งรอบสนามฟุตบอล 100 รอบ))
พอมาม.5 กับ 6 (ปัจจุบัน) เปลี่ยนคนสอน (ไม่หน้าม่อ) ก็เริ่มชอบฟิสิกส์
ส่วนชีวะนับวันจะยิ่งเกลียดมากขึ้นเรื่อย เรื่อย เรื่อย....อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าใจ+จำไม่ได้สักที
เอาเป็นว่า อ่านๆแล้วก็ลองนึกดูนะ คนที่เกลียดวิทย์ตอนม.ต้น (จริงๆตอนประถมก็ไม่ชอบ) อย่างเรา
พอมาม.ปลายกับชอบวิทย์มากกว่าภาษามากๆ (ตอนม.ต้น+ป.ชอบภาษาอังกฤษกับไทยค่ะ )
ยังเปลี่ยนจากเกลียดวิทย์ มาชอบวิทย์ได้เลย แล้วทำไมคุณถึงจะเปลี่ยนจากวิทย์ไปชอบภาษาไม่ได้ละ
จะสวด+เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
ตัดสินใจอ่า คุณเพิ่งอายุ 15-16 เองนะค่ะ แต่ตอนนี้คุณเองก็โตขึ้น คงประมาณ 17-18 แล้วล่ะ
อืม...บางคนเรียบจนจบป.ตรี ป.โท แล้วเพิ่งมารู้สึกตัวว่า "มันไม่ใช่" ก็มี
ดังนั้นคุึณหน่ะโชคดีแล้วที่รู้สึกตัวเร็ว ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ...
ดังนั้นก็ไปทำตามใจที่เราชอบเถอะ เรียนในสิ่งที่เราชอบ ทำงานในสาขาที่เราชอบ
ส่วนไอ้เรื่องเอาเงินภาษีประชาชนมาเรียนอ่า แล้วบอกว่า ถ้าไม่เรียนต่อมหา'ลัยทางวิทย์-คณิต
จะเป็นการทรยศประเทศชาติ หรือคนทั้งประเทศ จริงๆแล้วโดยส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่นะ
เพราะว่า สมมติคุณไม่เรียนต่อทางวิทย์-คณิต แต่คุณไปเรียนต่อทางอักษร
แล้วพอคุณทำงาน คุณได้มีโอกาสแปลหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สักเล่ม
แล้วลองคิดดูนะ หนังสือเล่มนั้นถ้าได้ตีพิมพ์ แน่นอนอ่า มันคงไม่มีคนอ่านเพียงแค่คนเดียวหรอก
แล้วอีกอย่างการแปลหนังสือทางวิทยาศาสตร์ก็ต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์พอสมควร
ดังนั้น มันไม่ใช่การทรยศเลย เพราะการเรียนทางสายศิลป์อ่า มันอาจจะดูไม่เกี่ยวกับวิทย์ใช่มะ?
แต่จริงๆการทำงานบางครั้งมันก็เกี่ยวเนื่องกันหมดอ่า ถึงเวลานั้นคุณก็จะได้เอาความรู้วิทย์
ที่เรียนตอนม.ปลายไปประยุกต์ใช้กับงานทางสายศิลป์ที่ทำก็ได้
มันก็เป็นการคืนกำไรให้กับประเทศชาติทางหนึ่งนะ
เพิ่มเติมนิดนึง คือ พี่สาวของเพื่อนสนิทตอนม.ต้น ก็จบที่มหิดลวิทยานุสรณ์เหมือนกัน
ตอนนั้นใครๆเขาก็คิดว่า พี่สาวของเพื่อนคนนี้ยังไงก็ต้องไปทางวิทย์แน่ๆ
สุดท้ายตอนเอ็นท์เธอก็เบนเข็มอย่างรวดเร็ว ไม่เข้าหมอ ไม่เข้าวิศวะ ไม่เข้า เภสัช วิทยา บลาๆ
ไปเรียนเกี่ยวกับออกแบบที่ลาดกระบังฯแทน (งงกันหมดตอนนั้น เหอๆ)
ส่วนไอ้เรื่องตอนม.ต้นชอบวิทย์แล้วพอเรียนม.ปลายไม่ชอบอ่า มันก็ไม่แปลกอ่า
อันนี้เป็นประสบการณ์ตรง เพราะว่าตอนม.ต้นเนี่ยเกรดวิทย์ของเราจะ 2.00 นิดๆตลอด (อ่านหนังสือแทบตายก็ทำไม่ได้อ่า)
เอาเป็นว่า เกลียดวิทย์ทุกวิชา ตอนนั้นจำได้แม่นเลยเกลียดเคมีมากที่สุด(เพราะโดนบังคับท่องตารางธาตุ) รองลงมาชีวะ แล้วก็ฟิสิกส์
แต่มาตอนนี้ ช๊อบชอบเคมี น่าจะเพราะความชอบ นี่แหละเคมี 4.00 ทุกเทอม (เอาง่ายๆวันไหนมีคาบเคมีจะไปร.ร.แต่เช้าทุกวัน)
ส่วนฟิสิกส์ตอนม.ต้นก็ไม่ค่อยชอบนะ พอม.4เกลียดสุดยอด (เพราะอ.ที่สอนหน้าม่ออ่า) เกรดตอนนั้น 3.00 ก็หรูแล้ว (คิดดูวิ่งแก้บน 100 รอบสนามฟุตบอลอะ (บนไว้ถ้าเกรดออกมาได้ 3.00 จะวิ่งรอบสนามฟุตบอล 100 รอบ))
พอมาม.5 กับ 6 (ปัจจุบัน) เปลี่ยนคนสอน (ไม่หน้าม่อ) ก็เริ่มชอบฟิสิกส์
ส่วนชีวะนับวันจะยิ่งเกลียดมากขึ้นเรื่อย เรื่อย เรื่อย....อ่านเท่าไรก็ไม่เข้าใจ+จำไม่ได้สักที
เอาเป็นว่า อ่านๆแล้วก็ลองนึกดูนะ คนที่เกลียดวิทย์ตอนม.ต้น (จริงๆตอนประถมก็ไม่ชอบ) อย่างเรา
พอมาม.ปลายกับชอบวิทย์มากกว่าภาษามากๆ (ตอนม.ต้น+ป.ชอบภาษาอังกฤษกับไทยค่ะ )
ยังเปลี่ยนจากเกลียดวิทย์ มาชอบวิทย์ได้เลย แล้วทำไมคุณถึงจะเปลี่ยนจากวิทย์ไปชอบภาษาไม่ได้ละ
จะสวด+เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ
แต่ตอนนี้มีเรื่องให้เครียดเยอะกว่าเดิมอีก T^T
แต่ตอนนี้มีเรื่องให้เครียดเยอะกว่าเดิมอีก T^T
- Ministry Of Men
- โพสต์: 3972
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm
มีเรื่องอะไร น้องก็ตั้งกระทู้ขอคำภาวนาสิครับ ผมและพี่น้องจะได้สวดภาวนาให้††† Ryuichi ††† เขียน: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ
แต่ตอนนี้มีเรื่องให้เครียดเยอะกว่าเดิมอีก T^T
และเผื่อว่าพี่น้องอาจจะให้ทางออกดีๆได้ด้วย
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
ตอนนี้ปลงตกแล้วฮะ
= =
เหมือนยกเขาออกจากหัวแระ
สบายใจขึ้น(บ้าง)แล้วอ่ะครับ
ยังไงก้อวานช่วยสวดให้ผมเรื่องเรียนด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
= =
เหมือนยกเขาออกจากหัวแระ
สบายใจขึ้น(บ้าง)แล้วอ่ะครับ
ยังไงก้อวานช่วยสวดให้ผมเรื่องเรียนด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ให้ พิจารณา คำตอบ พี่ P ท่านเป็นด็อก เคยได้หลายทุน อยู่นอกมากกว่าอยู่ใน และกำลังทุกข์ทรมาน อยู่ ที่พระจอมเกล้าฯ 555
เล่าให้ฟัง เร็วๆ นี้ มีอดีตนักศึกษา ม.เกษตร คณะประมง คนหนึ่ง หยุดเรียนกลางคัน หลังจากผ่านไป 3 เทอม
บอกพ่อ แม่ ว่ายังไง้ ยังไง ลูกไม่ชอบ เขาหลงไปเรียน คณะประมง เพราะว่าชอบเลี้ยงปลาตู้ อิอิ จนบัดนี้ผ่านไป 3 เทอม
เรียนหนัก แย่งลงวิชาก็ไม่ค่อยทัน และยังไม่มีเวลา เลี้ยงปลาตู้ ที่บ้านอีก .....สรุป ไม่ชอบ
ถามว่า ชอบ อะไร อยาก เป็น นักเทศน์ ผู้รับใช้พระเจ้าของคริสเตียน...พ่อ แม่ไม่ปลื้ม ลูกบอกว่า ถ้าไม่ให้เรียน
จะนั่งเล่นคอมม์ อยู่บ้านนี่แหละ............ในที่สุด ตอนนี้กำลังฝึก อยู่ seminary บ้านเณรใหญ่คริสเตียน แล้ว
ปีหน้า จะตัดสินใจใหม่ ว่า จะเอาดีด้านไหน พอดีฐานะพ่อ แม่ ยังเอื้อ ถึงตอนนี้พ่อ แม่ยอมให้ลูกเรียนสาขาที่ตัวเองรัก
เล่าให้ฟัง เร็วๆ นี้ มีอดีตนักศึกษา ม.เกษตร คณะประมง คนหนึ่ง หยุดเรียนกลางคัน หลังจากผ่านไป 3 เทอม
บอกพ่อ แม่ ว่ายังไง้ ยังไง ลูกไม่ชอบ เขาหลงไปเรียน คณะประมง เพราะว่าชอบเลี้ยงปลาตู้ อิอิ จนบัดนี้ผ่านไป 3 เทอม
เรียนหนัก แย่งลงวิชาก็ไม่ค่อยทัน และยังไม่มีเวลา เลี้ยงปลาตู้ ที่บ้านอีก .....สรุป ไม่ชอบ
ถามว่า ชอบ อะไร อยาก เป็น นักเทศน์ ผู้รับใช้พระเจ้าของคริสเตียน...พ่อ แม่ไม่ปลื้ม ลูกบอกว่า ถ้าไม่ให้เรียน
จะนั่งเล่นคอมม์ อยู่บ้านนี่แหละ............ในที่สุด ตอนนี้กำลังฝึก อยู่ seminary บ้านเณรใหญ่คริสเตียน แล้ว
ปีหน้า จะตัดสินใจใหม่ ว่า จะเอาดีด้านไหน พอดีฐานะพ่อ แม่ ยังเอื้อ ถึงตอนนี้พ่อ แม่ยอมให้ลูกเรียนสาขาที่ตัวเองรัก
- Ecclēsia
- โพสต์: 976
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
- ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
- บางคนเลือกที่จะเลิกเรียนเเพทย์ปี3เพื่อไปเรียนดนตรี สิ่งที่เขาชอบ
หลายคนก็อาจจะตำหนิ (คุณเเย่งคนอื่นเข้ามา เเล้วคิดจะออกก็ไปง่ายๆหรอ?)
เเต่นั่นก็ดีกว่า เสียเวลาไปอีก 3 ปี เรียนจบออกมา ใช้ทุน เเล้วหลังจากนั้นก็
ไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นเเพทย์ เสียทั้งเวลา เเละทรัพยากร
- บางคนเลือกที่จะเรียนวิศวะ ตามที่พ่อ-เเม่ต้องการ ทั้งๆที่ตัวเองอยากเรียนสถาปัตย์
เธอเรียนได้คะเเนนดีก็จริง เเต่ไม่มีความสุขเลย เป็นเช่นนั้นจนเรียนจบ
- บางคนเลือกเรียนสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เพื่อนำกลับไปพัฒนาหมู่บ้าน เเละทำสิ่งที่ตัวเองชอบเป็นงานอดิเรก(/อาชีพเสริม)
เเต่เขาก็มีความสุขที่ได้เสียสละเวลาเรียนนั้น เพื่อคนมากมาย
หลายคนก็อาจจะตำหนิ (คุณเเย่งคนอื่นเข้ามา เเล้วคิดจะออกก็ไปง่ายๆหรอ?)
เเต่นั่นก็ดีกว่า เสียเวลาไปอีก 3 ปี เรียนจบออกมา ใช้ทุน เเล้วหลังจากนั้นก็
ไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นเเพทย์ เสียทั้งเวลา เเละทรัพยากร
- บางคนเลือกที่จะเรียนวิศวะ ตามที่พ่อ-เเม่ต้องการ ทั้งๆที่ตัวเองอยากเรียนสถาปัตย์
เธอเรียนได้คะเเนนดีก็จริง เเต่ไม่มีความสุขเลย เป็นเช่นนั้นจนเรียนจบ
- บางคนเลือกเรียนสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เพื่อนำกลับไปพัฒนาหมู่บ้าน เเละทำสิ่งที่ตัวเองชอบเป็นงานอดิเรก(/อาชีพเสริม)
เเต่เขาก็มีความสุขที่ได้เสียสละเวลาเรียนนั้น เพื่อคนมากมาย
-
- โพสต์: 605
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
- ที่อยู่: พเนจร
- ติดต่อ:
ผมคิดอยากเลือกทางนี้แหล่ะคับEcclēsia เขียน: - บางคนเลือกเรียนสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เพื่อนำกลับไปพัฒนาหมู่บ้าน เเละทำสิ่งที่ตัวเองชอบเป็นงานอดิเรก(/อาชีพเสริม)
เเต่เขาก็มีความสุขที่ได้เสียสละเวลาเรียนนั้น เพื่อคนมากมาย
แต่กลัวแค่ตัวเราจะไม่รอดก่อนเท่านั่นเอง
คนที่มีความสุข ... คือ ?
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 วินาที คือคนที่คิดถึงหน้าคนรัก
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 นาที คือคนที่เดินไปเข้าห้องน้ำหรือดื่มกาแฟ
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 ชั่วโมง คือคนที่เลิกงานแล้วรีบกลับบ้าน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 วัน คือคนวันนี้ไม่มาทำงาน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 สัปดาห์ คือคนที่ลาพักร้อน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 เดือน คือคนเพิ่งแต่งงาน(เพราะได้ไปฮันนี่มูน)
> > >> > >คนที่มีความสุขตลอดชีวิต คือคนที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก
> > >> > >ลองคิดดูว่าคุณอยากเป็นคนที่มีความสุขนานแค่ไหน?
> > >> > >ถ้าอยากมีความสุขตลอดชีวิต ก็ให้ทำงานที่ตัวเองรัก
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 วินาที คือคนที่คิดถึงหน้าคนรัก
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 นาที คือคนที่เดินไปเข้าห้องน้ำหรือดื่มกาแฟ
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 ชั่วโมง คือคนที่เลิกงานแล้วรีบกลับบ้าน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 วัน คือคนวันนี้ไม่มาทำงาน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 สัปดาห์ คือคนที่ลาพักร้อน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 เดือน คือคนเพิ่งแต่งงาน(เพราะได้ไปฮันนี่มูน)
> > >> > >คนที่มีความสุขตลอดชีวิต คือคนที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก
> > >> > >ลองคิดดูว่าคุณอยากเป็นคนที่มีความสุขนานแค่ไหน?
> > >> > >ถ้าอยากมีความสุขตลอดชีวิต ก็ให้ทำงานที่ตัวเองรัก
เห็นด้วยอย่างยิ่งเจ้าค่ะHoly เขียน: คนที่มีความสุข ... คือ ?
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 วินาที คือคนที่คิดถึงหน้าคนรัก
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 นาที คือคนที่เดินไปเข้าห้องน้ำหรือดื่มกาแฟ
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 ชั่วโมง คือคนที่เลิกงานแล้วรีบกลับบ้าน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 วัน คือคนวันนี้ไม่มาทำงาน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 สัปดาห์ คือคนที่ลาพักร้อน
> > >> > >คนที่มีความสุข 1 เดือน คือคนเพิ่งแต่งงาน(เพราะได้ไปฮันนี่มูน)
> > >> > >คนที่มีความสุขตลอดชีวิต คือคนที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก
> > >> > >ลองคิดดูว่าคุณอยากเป็นคนที่มีความสุขนานแค่ไหน?
> > >> > >ถ้าอยากมีความสุขตลอดชีวิต ก็ให้ทำงานที่ตัวเองรัก