หลายท่านอาจแปลกใจและเกิดคำถามในใจว่า คณะพระมหาไถ่มีผู้หญิงด้วยหรือ? เนื่องจากเคยได้ยินแต่คณะสงฆ์พระมหาไถ่ ที่จริงแล้ว คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่นั้น ได้ก่อตั้งขึ้นก่อนหน้าคณะสงฆ์พระมหาไถ่เสียอีก คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่นั้นถือกำเนิดขึ้นที่เมืองสกาลา ประเทศอิตาลี เมื่อปีค.ศ.1731 ในวันสมโภชพระจิตเจ้าเสด็จลงมา โดยคุณแม่มารี เซเลสต์(Venerable Mother Merie Celeste)
คุณแม่มารี เซเลสต์ เป็นผู้ที่มีชีวิตสนิทกับพระอย่างมาก ท่านรู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระในตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก พ ระเยซูเจ้าได้ประทานพระพรและความรู้ทั้งทางด้านชีวิตฝ่ายจิตและธรรมชาตเหนือ มนุษย์แก่คุณแม่ตั้งแต่ยังเยาว์วัยจวบจนกระทั่ววันสุดท้ายในชีวิตของคุณแม่ ในวันที่ท่านจะสิ้นใจนั้นเอง นักบุญเยราร์ด มาเจลลา ผู้กำลังนอนป่วยอยู่ในเมืองCaposele ใกล้กับเมืองFoggiaที่คุณแม่นอนป่วยอยู่ ท่านนักบุญได้บอกกับบราเดอร์ผู้ดูแลว่า “คุณแม่มารี เซเลสต์ได้เสียแล้ว ผมเห็นวิญญาณของคุณแม่ลอยเข้าสู่ประตูสวรรค์” วันนั้นตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กันยายน ค.ศ.1755 ซึ่งตรงกับวันเทิดทูนไม้กางเขนพอดี
จิตตารมณ์
คณะสงฆ์พระมหาไถ่ได้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1732 โดยท่านนักบุญอัลฟอนโซ ลีโกวรี ท่านนักบุญได้รับคำบอกเล่าจากคุณแม่มารี เซเลสต์ว่า เธอไดรับการดลใจจจากพระเป็นเจ้าให้ท่านนักบุญตั้งคณะสงฆ์ขึ้นใหม่ เพื่อทำงานกับคนยากจนและผู้ที่ถูกทอดทิ้ง
คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่เป็นคณะซิสเตอร์ที่อุทิศชีวิตอยู่ในอาราม เพื่อพลีกรรมและสวดภาวนา หรือที่เราเรียกกันว่า “ชีลับ”นั่งเอง คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่มีจิตตารมณ์เพื่อเป็นพยานรักที่มีชีวิตขององค์พระเยซูเจ้า(Viva Memoria) ชีวิตทั้งครบของบรรดาซิสเอตร์ได้อุทิศเพื่อ เป็นการระลึกถึงการไถ่บาปมวลมนุษย์ที่องค์พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงกระทำเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์อยู่ในโลกนี้เยี่ยง “ คนเดินทาง” (WayFarer ) จิตตารมณ์ที่จะเป็นพยานรักที่มีชีวิต ถือเป็นหัวใจของคณะ องค์พระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็น “คนเดินทาง” ซึ่ง มีพระธรรมชาติพระเจ้า ยังปรากฏองค์อยู่ตลอดเวลาจนทุกวันนี้ พระองค์ผู้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ทรงรับทรมาน และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงกลับคืนชีพ ยังคงประทับอยู่ในตัวของผู้ที่มีความเชื่อ พระเขาได้มอบชีวิตของตนเองแด่พระ และให้พระทำงานในตัวเขา ดังที่นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ มิใช่ข้าพเจ้าเอง แต่เป็นองค์พระคริสต์ที่สถิตอยู่ในตัวข้าพเจ้า” (พิลิปปี 1:21)
ชีวิตประจำวัน
หลายคนอาจสงสัยว่า “ซิสเตอร์ชีลับนี่ วัน ๆ เขาทำอะไรกันบ้างนะ?” หรือ “สวดกันทั้งวันหรือ?” เป็นธรรมดาอยู่เองที่หลายคนจะไม่เข้าใจ การใช้ชีวิตเก็บตัวในอารามเพื่อสวดภาวนานั้นมีรากฐานมาจากธรรมเนียมดั้งเดิม ของพระศาสนจักร ตารางเวลาในแต่ละวันมีรูปแบบมาจาก “โครงสร้างแปดชั่วโมง” ของฤาษีในสมัยก่อน คือ แปดชั่วโมงสำหรับการสวดภาวนา แปดชั่วโมงสำหรับทำงาน และอีกแปดชั่วโมงสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและอื่น ๆ ในการภาวนานั้น ตางรางเวลาได้จัดให้กระจายออกทั้งวัน นับรวมไปถึงบูชามิสซา การเฝ้าศีลมหาสนิท และการทำวัตร(ซึ่งเป็นการสวดพร้อมกันวันละ 5 ครั้ง) และอีก 2 ชั่วโมงสำหรับการรำพึงภาวนาและอ่านหนังสือศรัทธาส่วนตัว โดยปรกติแล้ว ซิสเตอร์แต่ละคนจะหาเวลาพิเศษในการสวดสายประคำและเดินรูป14ภาค อีกทั้งพระมารดานิจจานุเคราะห์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ในวัดน้อยของเรามีพระแท่นของแม่พระนิจจานุเคราะห์ ซึ่งเราจุดเทียนไว้ตลอดเวลา และที่สำหรับทูลเสนอคำวอนขอความช่วยเหลือต่าง ๆ จากพระแม่ ทุก ๆ ปี ที่อารามลีโกวรีของเรา จะจัดให้มีนพวารสำหรับพระมารดานิจจานุเคราะห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน ไปสิ้นสุดในวันฉลองพระมารดานิจจานุเคราะห์ คือวันที่ 27 มิถุนายน ช่วงเวลานี้ถือเป็นเวลาสำหรับการวอนขอพระหรรษทานพิเศษจากพระแม
่
ในเวลา 8 ชั่วโมงที่ซิสเตอร์ทำงานนั้น แต่ละคนจะแยกย้ายไปตามแผนกต่าง ๆ ที่ตนรับผิดชอบอยู่ จะมีแผนกซักรีด ทำครัว ตัดเย็บ และงานด้านเอกสารต่าง ๆ งานด้านตัดเย็บเป็นงานที่ทำรายได้สำหรับมาใช้ในอาราม เราตัดเย็บเสื้อหล่อของพระสงฆ์พระมหาไถ่ ชุดที่ใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ สโตลา(Stoles) และ Mozzettas สำหรับสมาชิกของ Equestrian Order of the Holy Sepulchre นอกจากนั้นยังช่วยงานด้านเอกสารของสำนักพิมพ์ Liguori Publications อันเป็นสำนักพิมพ์ของคณะพระมหาไถ่ในอเมริกา
งานต่าง ๆ เหล่านี้แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ยุ่งยากพอสมควร งานแต่ละอย่างสำเร็จลงได้ก็เพราะพระพรของพระเท่านั้น ไม่ว่างานนั้นจะยากลำบากเพียงไร ความสำเร็จหาได้มาจากความสามารถของบรรดาซิสเตอร์ไม่ ทุกอย่างได้มา เพราะคำภาวนา และการพึ่งพิงพระอย่างสุดจิตใจ บางทีด้วยเหตุผลนี้เอง กระแสเรียกให้เข้ามาดำเนินชีวิตสวดภาวนานี้จึงถือเป็นกระแสเรียกพิเศษ และกระแสเรียกนี้ได้นำมาซึ่งพระพรและพระหรรษทานเป็นอันมากแก่พระศาสนจักร และสมาชิกของพระศาสนจักรทุก ๆ คน
คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่ดำเนินชีวิตเพื่อสรรเสริญโมทนาคุณพระตลอดเวลา ทุก ๆ วันที่อารามจะได้รับโทรศัพท์และจดหมายมากมายจากผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือท ั้งฝ่ายกายและจิตใจ ผู้คนที่อยู่ในภายนอกก็ช่วยบริจาคทรัพย์สินเงินทานเพื่อให้เรานำเงินเหล่านี ้ไปช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้น พระศาสนจักรจึง ได้เล็งเห็นความสำคัญของกระแสเรียกลักษณะนี้ จนถึงกับบอกว่า นี่คือส่วนหนึ่งในงานแพร่ธรรมของพระศาสนจักร
การดำเนินชีวิตแต่ละวันของซิสเตอร์พระมหาไถ่ เป็นการดำเนินชีวิตอย่างร่าเริงเบิกบาน ดังกฎของคณะที่ว่า “การรำพึงถึงรหัสธรรมของพระคริสเจ้าอย่างสม่ำเสมอจะพัฒนาให้เรามีความสุขและ ร่าเริงแจ่มใส” บรรดาซิสเตอร์มีความปรารถนาที่จะแบ่งปันความสุข ความร่าเริงนี้ให้แก่ทุกคน พวกเรากระทำได้ก็โดยทางคำภาวนาและความห่วงใยในประชากรของพระทุกคน พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มาหาเราเถิด และเราจะทำให้ท่านสดชื่น” เราเพียงหวังให้ท่านทุกคนระลึกอยู่เสมอว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงประทับอยู่ในตัวท่าน ในการที่ท่านเป็น “พยานรักที่มีชีวิต” ของพระองค์
------------------------------------------------------------
คัดย่อจาก บทความแนะนำคณะของ Sr. Joan Calver, O.Ss.R.
อธิการิณีอารามนักบุญอัลฟอนโซ ลีโกวรี
http://www.cssr.or.th/thai/index.php?op ... Itemid=229
ตั้งที่นี่ถูกมั๊ยคะต้องการปชส. กับขอคำภาวนาอ่ะคะ ถ้ายังไงไม่ถูกต้องย้ายได้เลยนะคะ