คือ  ผมอยู่ใน  รร. ประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง  ซึ่งก็รู้ว่าเป็น รร. ชาวพุทธ จริงมั้ยครับ ชาวคริสต์เรียกว่า มีแค่
1 %  จากทั้ง รร.เลยก็ว่าได้  ผมอยากให้ภาวนาให้หน่อยครับ  ความเชื่อผมถดถอยลงมาก  ผมไม่อยากให้เป็นเช่นนี้เลยครับ  เพราะ 1.  เป็นโรงเรียนที่ นร. ส่วนมากเป็นชาวศาสนาอื่น  2. เข้ามา ม.ปลาย ก็มีงานเยอะบางทีก็อ่านหนังสือดึก  แล้วก็ดื้อไม่ยอมไปวัดวันอาทิตย์ 3. ปิดเทอมก็เรียนพิเศษ เต็มๆวันก็ไม่ได้ไปวัดอีก  แล้วติวเตอร์ก็เป็นชาวพุทธ  อีกทั้งที่เรียนสายวิทย์ก็มีแต่เนื้อที่ชวนให้ขัดกับพระเจ้าทุกที   
ซึ่งการที่ผมเข้ามาใน รร.นี้ก็ขอพระเข้ามา  แต่ทำไมมันเป็นแบบนี้ได้  ผมไม่มีวันเปลี่ยนศาสนาแน่นอน
ถึงจะฆ่าผมก็เถอะ  แต่การที่ตายด้วยความเชื่อที่ถดถอยด้วยตัวเองมันน่ากลัวมากครับ  แล้วมีใครเคยเป็นอย่างผมบ้าง   ช่วยหน่อยน่ะ ครับ  ผมกลุ้มใจอยู่พอสมควรเลย
              ขอบคุณล่วงหน้าครับ  ....  จะเข้ามาดูเรื่อยๆน่ะครับ
			
									
									
						อยากขอคำภาวนากับขอแนะนำหน่อยครับ เรื่องความเชื่อ
ที่เล่ามา คุณมองเห็นปัญหาอยู่แล้ว ก็ค่อยๆแก้ไขไปครับ สิ่งไหนรู้ว่าผิดก็พยายามอย่าทำอีก แล้วหมั่นสวดภาวนาบ่อยๆครับ ไปวัดรับศีลแก้บาปบ่อยๆให้พระองค์เข้ามาครอบครองจิตใจคุณครับ อ่านพระคัมภีร์เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต หาหนังสือหนุนความเชื่อมาอ่านครับ
พระองค์นำทางคุณแล้วครับ เพราะคุณกล้าเข้ามาเปิดใจถึงข้อผิดพลาดในสิ่งที่คุณทำครับ
เราจะช่วยสวดให้คุณนะครับ
			
									
									
						พระองค์นำทางคุณแล้วครับ เพราะคุณกล้าเข้ามาเปิดใจถึงข้อผิดพลาดในสิ่งที่คุณทำครับ
เราจะช่วยสวดให้คุณนะครับ

น้องครับ การที่เราจะเป็นส่วนน้อยในโรงเรียนไม่ใช่ปัญหา พี่ผ่านชีวิตคล้ายๆน้อง พี่โตมากับโรงเรียนคาทอลิกจนถึงม.สาม พอม.ปลายพี่ก็อยู่โรงเรียนประจำจังหวัดเหมือนกัน ยิ่งตอนนี้พี่เป็นครูโรงเรียนรัฐบาล ทั้งโรงเรียนมีพี่คนเดียวที่เป็นคาทอลิก แต่ขอบอกการรักษาความเชื่อของเราไม่ใช่เรื่องยากถ้าเรารักพระจริงๆ เนื้อหาวิชาสายวิทยาศาสตร์ถ้าคิดว่าขัดกับความเชื่อ แล้วทำไมหลุยส์ปาสเตอร์, ปาสกาลถึงรักษาความเชื่อไว้ได้ล่ะครับ ทั้งสองคนเป็นคาทอลิกและนักวิทยาศาสสตร์ที่ยิ่งใหญ่ พี่เข้าใจความรู้สึกของน้อง บางทีตอนที่พี่ยังเรียนพี่ทั้งเหนื่อยทั้งท้อ แต่น้องครับ พระคอยช่วยเหลือเราตลอด อย่าทิ้งพระ แล้วพระจะไม่ทิ้งเรา ถ้าเราต้องติวทั้งวัน แต่วัดในเมืองวันอาทิตย์ก็จะมีมิสซาหลายรอบ เราตื่นแต่เช้าหน่อยหรือไม่ก็ไปมิสซาค่ำหรือถ้าไม่สะดวกก็สวดแทน ก็มีนิทานว่าช่างทำรองเท้ายิวคนหนึ่งไปปรึกษารับไบว่าเขาไม่มีเวลาสวดเลย เพราะลูกค้ามาทำรองเท้าตั้งแต่เช้าจนค่ำ แต่ทุกครั้งที่เขาจับค้อนตีรองเท้า เขาก็บ่นว่า "ข้าช่างโชคร้ายเสียจริง เป็นคนบาปจริงๆที่ไม่มีแม้กระทั่งเวลาคิดถึงพระองค์ ขอพระองค์อภัยบาปให้ข้าด้วย" รับไบได้ฟังก็หัวเราะบอกว่า "ถ้าข้าเป็นพระเจ้า ข้าจะชอบใจบทสวดในคำบ่นมากกว่าคำสวดตอนเช้าที่รีบสวดจนไม่มีเวลาคิดถึงพระองค์อย่างแท้จริง"
			
									
									
						
