การที่เรารู้จักใครๆ ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ ?
เคยอ่านหนังสือเรื่อง "เราจะข้ามเวลามาพบกัน" กันบ้างป่าวคะแล้วมีความคิดเห็นว่าไงกันบ้าง ?
.....แปลว่าทุกๆ คนที่เราได้พบและผูกพันกันชาติภพนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ.....
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่, คนรัก, เพื่อนทั้งที่สนิทและไม่สนิท, เพื่อนร่วมงาน, เจ้านาย ฯลฯ... :o
.....ถ้างั้นเวลาที่มีเรื่องยุ่งและปํญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกะความสัมพันธ์ของคน ก็ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญด้วยป่าวนะ.... ???
.....โอยปวดหมองจัง....เฮ้อ....
.....แปลว่าทุกๆ คนที่เราได้พบและผูกพันกันชาติภพนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ.....
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่, คนรัก, เพื่อนทั้งที่สนิทและไม่สนิท, เพื่อนร่วมงาน, เจ้านาย ฯลฯ... :o
.....ถ้างั้นเวลาที่มีเรื่องยุ่งและปํญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกะความสัมพันธ์ของคน ก็ไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญด้วยป่าวนะ.... ???
.....โอยปวดหมองจัง....เฮ้อ....
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เออ...น้องmoonlit
หนูต้องเข้าใจก่อนนะคะว่า ในศาสนาคริสต์ เราไม่มีเรื่องชาติก่อน ชาติหน้า
เรามีชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น
แต่เรื่องการรู้จักใคร ไม่ใช่เรื่องบังเอิญนั้นจริงจ๊ะ
เพราะศาสนาเรา ไม่มีเรื่องบังเอิญ ไม่มีโชคดี หรือ ฟลุ๊ค
การที่เราได้พบ ได้รู้จักใคร
ก็เป็นเรื่องที่พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว *no1
หนูต้องเข้าใจก่อนนะคะว่า ในศาสนาคริสต์ เราไม่มีเรื่องชาติก่อน ชาติหน้า
เรามีชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น
แต่เรื่องการรู้จักใคร ไม่ใช่เรื่องบังเอิญนั้นจริงจ๊ะ
เพราะศาสนาเรา ไม่มีเรื่องบังเอิญ ไม่มีโชคดี หรือ ฟลุ๊ค
การที่เราได้พบ ได้รู้จักใคร
ก็เป็นเรื่องที่พระเจ้ากำหนดไว้แล้ว *no1
Iv'e read this book and used to believe it when I was a Bhuddist. It still influenced me after my baptism and I finally overcame that confusion. I'll share with you later when I have time and have Thai fonts.. :)
Anyway, in my opinion, that book is destructive in the following ways.
1. We don't believe in past lives... as Little Lamb said..
2. It limits our capacity to reach out out loves to others... If you believe that you have to find your soulmate because you'll be able to make a good relationship with only your soulmates, don't you think it limits yourselves? Love and relationship is from God. We don't need to search for the soulmates. What we need to do is to reach out our loves to everyone and trust the Lord with what He'll be giving us.. :)
3. We are not related just to our soulmates... In fact, we are related to everyone in the world since we all have the same Father.
The story sounds touching and convincing na ja... but it's destructive... :) The approach that the doctor were using is the hypnosis, in which I'm not sure it's approved. If you like this kind of story, you may like to read something about the 'theophostic healing'... the healing from God, pretty much like what you read from the book but the Healer is God... The one who took you to the past and healed is God. What God does is more fascinating and powerful than what that dostor did with hypnosis. ... :)
Anyway, in my opinion, that book is destructive in the following ways.
1. We don't believe in past lives... as Little Lamb said..
2. It limits our capacity to reach out out loves to others... If you believe that you have to find your soulmate because you'll be able to make a good relationship with only your soulmates, don't you think it limits yourselves? Love and relationship is from God. We don't need to search for the soulmates. What we need to do is to reach out our loves to everyone and trust the Lord with what He'll be giving us.. :)
3. We are not related just to our soulmates... In fact, we are related to everyone in the world since we all have the same Father.
The story sounds touching and convincing na ja... but it's destructive... :) The approach that the doctor were using is the hypnosis, in which I'm not sure it's approved. If you like this kind of story, you may like to read something about the 'theophostic healing'... the healing from God, pretty much like what you read from the book but the Healer is God... The one who took you to the past and healed is God. What God does is more fascinating and powerful than what that dostor did with hypnosis. ... :)
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
เห็นด้วยกับพี่ LL ครับไม่มีคำว่าบังเอิญทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามน้ำพระทัยพระเป็นเจ้าครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เพิ่มเติมๆๆ
เรื่องยุ่ง ๆ ที่เกิดขึ้นบ้างครั้ง เราโบ้ยว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือ
หนูก็ไปโทษพระไม่ได้หรอกคะว่าพระองค์ทำให้เกิด
พระเจ้าให้อิสระเราที่จะเลือก
ดังนั้น บางครั้งเรื่องที่เราหรือคนรอบข้างตัดสินทำ
บางครั้งก็ทำให้เกิดผล หรือ ความยุ่งยากขึ้นมา
ดังนั้น เรื่องยุ่งยากที่เกิด หรือ เรื่องร้าย ๆ ต่าง ๆ
ก็เป็นเรื่องที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นกับเรา
ตามผลจากอิสระในการตัดสินใจของเราเอง
(ไม่ใช่พระเจ้าทำให้เกิด....หนูเข้าใจที่พี่พยายามอธิบายมั๊ยคะ?)
ประมาณว่า....เมื่อเลือกทำอะไรลงไปแล้ว
แล้วมันส่งผลให้เกิดเรื่องยุ่งยาก หรือ ร้าย ๆ ขึ้น
ก็ไม่ใช่ว่าพระเจ้าทำให้เกิด แต่เป็นผลจากการกระทำของเราเอง
ซึ่งพระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้หรือปรับปรุงแก้ไข
ดูอย่างเช่น....การเกิดภาวะโลกร้อน/เรือนกระจก
พระเจ้าเป็นผู้ทำให้เกิดรึเปล่า?? พระองค์มีอำนาจทำได้แน่นอน
และพระองค์ก็มีอำนาจที่จะรักษาไม่ให้เกิดด้วยก็ได้
แต่คนที่ทำให้เกิดสภาวะนี้ขึ้นจริง ๆ คือมนุษย์ต่างหาก
มนุษย์สร้างมลพิษ ทำลายธรรมชาติ ใช้ธรรมชาติอย่างไม่ทะนุถนอมเอง
ดังนั้น...พระเจ้าก็อนุญาตให้เกิดมลพิษขึ้น
ปล.
แต่อย่าคิดในแง่ร้ายว่าพระเจ้าอนุญาตให้เกิดแต่เรื่องร้าย ๆ นะคะ
เพราะมนุษย์เรา เวลาเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นก็โทษพระ
แต่เวลามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น....ทำม๊าย...ไม่เคยคิดว่ามาจากพระเลย
แต่พวกพี่ ๆ มีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งนะคะว่า
ไม่มีเรื่องไหนที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นแล้วจะไม่ดี
บางที ณ เวลานั้น เราอาจจะมองไม่เห็นความดีที่แอบแฝงไว้
แต่ถ้าพิจารณาดูให้ดี ทุกอย่างมีความหมาย และ มีความดีซ้อนอยู่ทั้งนั้นจ๊ะ
*no1
เรื่องยุ่ง ๆ ที่เกิดขึ้นบ้างครั้ง เราโบ้ยว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือ
หนูก็ไปโทษพระไม่ได้หรอกคะว่าพระองค์ทำให้เกิด
พระเจ้าให้อิสระเราที่จะเลือก
ดังนั้น บางครั้งเรื่องที่เราหรือคนรอบข้างตัดสินทำ
บางครั้งก็ทำให้เกิดผล หรือ ความยุ่งยากขึ้นมา
ดังนั้น เรื่องยุ่งยากที่เกิด หรือ เรื่องร้าย ๆ ต่าง ๆ
ก็เป็นเรื่องที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นกับเรา
ตามผลจากอิสระในการตัดสินใจของเราเอง
(ไม่ใช่พระเจ้าทำให้เกิด....หนูเข้าใจที่พี่พยายามอธิบายมั๊ยคะ?)
ประมาณว่า....เมื่อเลือกทำอะไรลงไปแล้ว
แล้วมันส่งผลให้เกิดเรื่องยุ่งยาก หรือ ร้าย ๆ ขึ้น
ก็ไม่ใช่ว่าพระเจ้าทำให้เกิด แต่เป็นผลจากการกระทำของเราเอง
ซึ่งพระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้น เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้หรือปรับปรุงแก้ไข
ดูอย่างเช่น....การเกิดภาวะโลกร้อน/เรือนกระจก
พระเจ้าเป็นผู้ทำให้เกิดรึเปล่า?? พระองค์มีอำนาจทำได้แน่นอน
และพระองค์ก็มีอำนาจที่จะรักษาไม่ให้เกิดด้วยก็ได้
แต่คนที่ทำให้เกิดสภาวะนี้ขึ้นจริง ๆ คือมนุษย์ต่างหาก
มนุษย์สร้างมลพิษ ทำลายธรรมชาติ ใช้ธรรมชาติอย่างไม่ทะนุถนอมเอง
ดังนั้น...พระเจ้าก็อนุญาตให้เกิดมลพิษขึ้น
ปล.
แต่อย่าคิดในแง่ร้ายว่าพระเจ้าอนุญาตให้เกิดแต่เรื่องร้าย ๆ นะคะ
เพราะมนุษย์เรา เวลาเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นก็โทษพระ
แต่เวลามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น....ทำม๊าย...ไม่เคยคิดว่ามาจากพระเลย
แต่พวกพี่ ๆ มีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งนะคะว่า
ไม่มีเรื่องไหนที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นแล้วจะไม่ดี
บางที ณ เวลานั้น เราอาจจะมองไม่เห็นความดีที่แอบแฝงไว้
แต่ถ้าพิจารณาดูให้ดี ทุกอย่างมีความหมาย และ มีความดีซ้อนอยู่ทั้งนั้นจ๊ะ
*no1
LL (or anyone) , do you have any article explaining about past lives? I think this is very useful for the converts. It took me long to be able to believe that we have just one life. ....
The book "เราจะข้ามเวลามาพบกัน" ... is basically based on past lives and reincarnation. ... I myself used to believe in this... and I believe that the teaching of past life influences many Bhuddists since it's what we've been told from our childhood.
Thanks ja.. :)
The book "เราจะข้ามเวลามาพบกัน" ... is basically based on past lives and reincarnation. ... I myself used to believe in this... and I believe that the teaching of past life influences many Bhuddists since it's what we've been told from our childhood.
Thanks ja.. :)
อฟ 1:4
พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้วตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามพระประสงค์ที่พอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ซึ่งโปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รัก
---รับประกันกับคุณได้ว่า ความรอดผ่านทางพระเยซูเจ้าคือ "ไม่เกิดในโลกนี้อีกแล้ว"
1ปต 1:18
เพราะท่านรู้ว่าท่านได้รับการไถ่กู้หลุดพ้นจากวิถีชีวิตไร้ค่าที่สืบมาจากบรรพบุรุษ มิใช่ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง แต่ด้วยพระโลหิตประเสริฐของพระคริสตเจ้า ดังเลือดของลูกแกะไร้มลทินหรือจุดด่างพร้อย พระองค์ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ก่อนสร้างโลก และทรงเปิดเผยพระคริสตเจ้าเพื่อท่านทั้งหลายในวาระสุดท้าย
พระเจ้าทรงเลือกสรรเราในพระคริสตเจ้าแล้วตั้งแต่ก่อนการเนรมิตสร้างโลก เพื่อให้เราศักดิ์สิทธิ์และปราศจากมลทินเฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก พระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วที่จะให้เราเป็นบุตรบุญธรรม เดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามพระประสงค์ที่พอพระทัย เพื่อสรรเสริญพระสิริรุ่งโรจน์แห่งพระหรรษทานของพระองค์ซึ่งโปรดประทานให้เราเดชะพระบุตรผู้ทรงเป็นที่รัก
---รับประกันกับคุณได้ว่า ความรอดผ่านทางพระเยซูเจ้าคือ "ไม่เกิดในโลกนี้อีกแล้ว"
1ปต 1:18
เพราะท่านรู้ว่าท่านได้รับการไถ่กู้หลุดพ้นจากวิถีชีวิตไร้ค่าที่สืบมาจากบรรพบุรุษ มิใช่ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง แต่ด้วยพระโลหิตประเสริฐของพระคริสตเจ้า ดังเลือดของลูกแกะไร้มลทินหรือจุดด่างพร้อย พระองค์ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ก่อนสร้างโลก และทรงเปิดเผยพระคริสตเจ้าเพื่อท่านทั้งหลายในวาระสุดท้าย
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ก.พ. 13, 2006 7:26 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
คือเรื่องของตัวเองเป็นแบบนี้ค่ะพี่โฮลี่ คุณป้าแท้ๆ ได้ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตขณะตั้งท้อง เค้าก็ทำการผ่าเด็กออก เป็นเด็กผู้หญิง และตามความเชื่อ เค้าก็เอาปูนขาวมาป้ายเป็นปานที่ข้อศอกด้านซ้าย เชื่อว่าเด็กคนนี้จะมาเกิดอีกในครอบครัว พอตัวเองเกิดมา ก็เกิดมาพร้อมปานขาวที่ข้อศอกซ้าย คนที่ป้ายปานนั้นก็ยังอยู่ตอนที่เกิดมา เค้าก็มาดูว่า เออ เด็กคนนี้เกิดมาแล้วนะ
I'd like to totally believe as the church teaching... but this story has been with me since I was young. It influences me a lot. .. What God revealed to me is that .. It's the way he created me that I have that white mark so that I'll be loved in the family. It's like I'm somebody, you know... This revelation soothe me a lot... I'm quite OK now... but sometimes, I'd like to have an explanation.... Anyway, it's OK this is what God wants me to know... :)
Thanks again ka.. P'Holy.. :)
I'd like to totally believe as the church teaching... but this story has been with me since I was young. It influences me a lot. .. What God revealed to me is that .. It's the way he created me that I have that white mark so that I'll be loved in the family. It's like I'm somebody, you know... This revelation soothe me a lot... I'm quite OK now... but sometimes, I'd like to have an explanation.... Anyway, it's OK this is what God wants me to know... :)
Thanks again ka.. P'Holy.. :)
แต่พวกพี่ ๆ มีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งนะคะว่า
ไม่มีเรื่องไหนที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นแล้วจะไม่ดี
บางที ณ เวลานั้น เราอาจจะมองไม่เห็นความดีที่แอบแฝงไว้
แต่ถ้าพิจารณาดูให้ดี ทุกอย่างมีความหมาย และ มีความดีซ้อนอยู่ทั้งนั้นจ๊ะ
:) :) :) :) :) :)
...........................................................
พอดีตอนนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ ที่ทำงานน่ะค่ะเป็นเรื่องเกี่ยวกะคน การแบ่งแยกเป็นพวกเค้า พวกเรา
ทั้งที่ทำงานด้วยกันแท้ๆ...เฮ้อ...พอแบ่งเป็นพวกๆ ก็มีเกลียดกัน ใส่ร้ายกัน (เหมือนในละครมากๆ :P)
จนต้องออกไปแล้ว 2 คนทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดอะไรเลย (เหตุผลก็คือความเกลียดส่วนตัวเลยหาเรื่องให้ผิด)
เราคงจะเป็นรายต่อไปน่ะแต่จะลาออกเอง ก็ทนไม่ได้น่ะที่จะต้องทำงานร่วมกับคนที่มีความคิดเอาแต่ตัวเอง เอาแต่ได้แบบนั้น
....ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าเพราะอะไรน๊ะเราถึงต้องมาพบมาเจอกับคนแบบนี้ด้วย(เจ้านาย+ผู้ใกล้ชิดเค้า)
....ถอนหายใจอีกเฮือก.....เฮ้อ..... :-[
ไม่มีเรื่องไหนที่พระเจ้าอนุญาตให้เกิดขึ้นแล้วจะไม่ดี
บางที ณ เวลานั้น เราอาจจะมองไม่เห็นความดีที่แอบแฝงไว้
แต่ถ้าพิจารณาดูให้ดี ทุกอย่างมีความหมาย และ มีความดีซ้อนอยู่ทั้งนั้นจ๊ะ
:) :) :) :) :) :)
...........................................................
พอดีตอนนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ ที่ทำงานน่ะค่ะเป็นเรื่องเกี่ยวกะคน การแบ่งแยกเป็นพวกเค้า พวกเรา
ทั้งที่ทำงานด้วยกันแท้ๆ...เฮ้อ...พอแบ่งเป็นพวกๆ ก็มีเกลียดกัน ใส่ร้ายกัน (เหมือนในละครมากๆ :P)
จนต้องออกไปแล้ว 2 คนทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดอะไรเลย (เหตุผลก็คือความเกลียดส่วนตัวเลยหาเรื่องให้ผิด)
เราคงจะเป็นรายต่อไปน่ะแต่จะลาออกเอง ก็ทนไม่ได้น่ะที่จะต้องทำงานร่วมกับคนที่มีความคิดเอาแต่ตัวเอง เอาแต่ได้แบบนั้น
....ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าเพราะอะไรน๊ะเราถึงต้องมาพบมาเจอกับคนแบบนี้ด้วย(เจ้านาย+ผู้ใกล้ชิดเค้า)
....ถอนหายใจอีกเฮือก.....เฮ้อ..... :-[
ดู นางบาป ช่องสามดิ สนุกดี ใกล้จาจบแล่ว ;D
มีตัวเด่น เป็นเกย์ด้วย คุณพระ ชาติที่แล้ว มักมากเจ้าชู้เลยชาตินี้ต้องเกิดเป็นเกย์ เชื่อไหมหละ คิ คิ
ไหนจะ อีหยด กะ อีหยาด อีก กลายเป็นผีเฝ้าเรือน
คุณกำไร ชาติที่แล้วทำบุญสร้างวัด ชาตินี้เลยเกิดเป็น น้องกิฟ ดาราติงต๋อง
ถ้าชาตินี้เป็นอะไรเพราะชาติที่แล้ว แล้วชาติแรก จะเอาเหตุมาจากไหนอะ ที่มาเกิดเป็นอะไร ???
มีตัวเด่น เป็นเกย์ด้วย คุณพระ ชาติที่แล้ว มักมากเจ้าชู้เลยชาตินี้ต้องเกิดเป็นเกย์ เชื่อไหมหละ คิ คิ
ไหนจะ อีหยด กะ อีหยาด อีก กลายเป็นผีเฝ้าเรือน
คุณกำไร ชาติที่แล้วทำบุญสร้างวัด ชาตินี้เลยเกิดเป็น น้องกิฟ ดาราติงต๋อง
ถ้าชาตินี้เป็นอะไรเพราะชาติที่แล้ว แล้วชาติแรก จะเอาเหตุมาจากไหนอะ ที่มาเกิดเป็นอะไร ???
บางทีพระเป็นเจ้าอาจเตรียมงานที่ดีกว่านี้ไว้ให้เราก็ได้ ;)moonlit เขียน: พอดีตอนนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ ที่ทำงานน่ะค่ะเป็นเรื่องเกี่ยวกะคน การแบ่งแยกเป็นพวกเค้า พวกเรา
ทั้งที่ทำงานด้วยกันแท้ๆ...เฮ้อ...พอแบ่งเป็นพวกๆ ก็มีเกลียดกัน ใส่ร้ายกัน (เหมือนในละครมากๆ :P)
จนต้องออกไปแล้ว 2 คนทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดอะไรเลย (เหตุผลก็คือความเกลียดส่วนตัวเลยหาเรื่องให้ผิด)
เราคงจะเป็นรายต่อไปน่ะแต่จะลาออกเอง ก็ทนไม่ได้น่ะที่จะต้องทำงานร่วมกับคนที่มีความคิดเอาแต่ตัวเอง เอาแต่ได้แบบนั้น
....ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าเพราะอะไรน๊ะเราถึงต้องมาพบมาเจอกับคนแบบนี้ด้วย(เจ้านาย+ผู้ใกล้ชิดเค้า)
....ถอนหายใจอีกเฮือก.....เฮ้อ..... :-[
มันอาจจะเหมือนในหนังนะ แต่ต้องเข้าใจคนที่ไม่ได้เกิดเป็นคริสต์ด้วยว่า นั่นคือชีวิตและการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก อยากเชื่อว่ามีชาติเดียวใจจะขาด แต่ประสบการณ์ต่างๆที่ได้ยินมาล่ะ จะทำยังไงmind เขียน: ดู นางบาป ช่องสามดิ สนุกดี ใกล้จาจบแล่ว ;D
มีตัวเด่น เป็นเกย์ด้วย คุณพระ ชาติที่แล้ว มักมากเจ้าชู้เลยชาตินี้ต้องเกิดเป็นเกย์ เชื่อไหมหละ คิ คิ
ไหนจะ อีหยด กะ อีหยาด อีก กลายเป็นผีเฝ้าเรือน
คุณกำไร ชาติที่แล้วทำบุญสร้างวัด ชาตินี้เลยเกิดเป็น น้องกิฟ ดาราติงต๋อง
ถ้าชาตินี้เป็นอะไรเพราะชาติที่แล้ว แล้วชาติแรก จะเอาเหตุมาจากไหนอะ ที่มาเกิดเป็นอะไร ???
จริงๆ เรื่ิองการกลับชาติมาเกิดนั้น คือการปรับปรุงตนให้ดีขึ้น เหมือนกับ เราทำผิดกับใครแล้วไม่ได้สารภาพบาป วันนึงพระก็ต้องตีสอนเรา คล้ายๆแบบนั้นล่ะค่ะ และเรื่องที่เล่าให้ฟัง ก็อยากได้คำอธิบายเหมือนกัน
พี่ ๆ อธิบายเคลียรืหมดแล้ว :D
It's as simple as that!! OK ka... I'll delete my false belief and put in this idea...Holy เขียน: ไม่รู้เรื่องก่อนหน้านี้หรอก รู้แต่ว่าวิญญาณของเรามาจากพระเจ้า และเราจะกลับไปหาพระองค์เมื่อเราเชื่อในพระองค์
Thanks... :)
อย่างอื่นไม่รู้ รู้ๆคือเกิดมาแล้ว เมื่อได้เชื่อพระเจ้าก็จะกลับสู่พระเจ้าอย่างแน่นอน
Editพึ่งมารู้ว่าพิมพ์ผิด ความหมายเปลี่ยนเลย ฮ่วย :P
Editพึ่งมารู้ว่าพิมพ์ผิด ความหมายเปลี่ยนเลย ฮ่วย :P
แก้ไขล่าสุดโดย NKL เมื่อ พฤหัสฯ. มี.ค. 02, 2006 7:22 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
moonlit เขียน: พอดีตอนนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ ที่ทำงานน่ะค่ะเป็นเรื่องเกี่ยวกะคน การแบ่งแยกเป็นพวกเค้า พวกเรา
ทั้งที่ทำงานด้วยกันแท้ๆ...เฮ้อ...พอแบ่งเป็นพวกๆ ก็มีเกลียดกัน ใส่ร้ายกัน (เหมือนในละครมากๆ :P)
จนต้องออกไปแล้ว 2 คนทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดอะไรเลย (เหตุผลก็คือความเกลียดส่วนตัวเลยหาเรื่องให้ผิด)
เราคงจะเป็นรายต่อไปน่ะแต่จะลาออกเอง ก็ทนไม่ได้น่ะที่จะต้องทำงานร่วมกับคนที่มีความคิดเอาแต่ตัวเอง เอาแต่ได้แบบนั้น
....ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าเพราะอะไรน๊ะเราถึงต้องมาพบมาเจอกับคนแบบนี้ด้วย(เจ้านาย+ผู้ใกล้ชิดเค้า)
....ถอนหายใจอีกเฮือก.....เฮ้อ..... :-[
อย่างที่พี่บัดดี้ว่าจ๊ะ
พระเจ้าอาจจะเตรียมงานอื่นที่เหมาะสมกว่านี้ไว้ให้หนู
แต่การขัดแย้งในบริษัท
พระเจ้าอาจกำลังสอนหนูให้รู้จักสังคมที่โหดร้ายในสมัยนี้
-สอนให้หนูมีประสบการณ์
-สอนให้หนูรู้จักอดทน
-สอนให้หนูรู้จักคิด และ วางตัว กับทั้งสองฝ่าย
-สอนให้หนูรู้จักรับมือกับความกดดัน (ที่แน่นอนว่าหนูไม่เคยเจอที่โรงเรียน)
-สอนให้หนูเติบโตขึ้นด้วยความเข้มแข็ง
-ฯลฯ
เรื่องที่เกิดขึ้นมีอะไรแทรกอยู่เยอะคะ
เพียงแต่หนูดูออกรึเปล่า?
เม็ดข้าวจะเติบโตเป็นต้นและออกรวงได้
มันต้องตายก่อน ต้องเน่าก่อนใช่มั๊ย?
กระท้อน...จะอร่อย
มันต้องโดนทุบก่อนใช่มั๊ย?
ดาบ.....จะตรงได้
มันต้องโดนเผาไฟ และ ทั้งทุบทั้งตีใช่มั๊ย?
เหมือนกันคะ...หนูจะเติบโตได้อย่างเข็มแข็งในสังคมแบบปัจจุบันนี้
มันต้องลำบากและเจ็บปวดบ้างคะ
อดทนและเรียนรู้ที่จะรับมือด้วยใจสงบ
อย่าเอามาเป็นอารมณ์ และ อย่าเอามาคิดเคียดแค้น และ เครียดตลอดเวลา
หนูแบกปัญหา ความเครียด ความโกรธไว้ทั้งวัน
หนูก็จะไม่มีความสุขกับงาน และ ชีวิต ทั้งวันแหละคะ
ถ้าทำดีที่สุดแล้วยังอยู่ไม่ได้ ก็ออก
และวางใจเสมอว่าพระเจ้าจะเลือกทางที่ดีที่สุดให้ *no1
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร ก.พ. 14, 2006 11:44 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ตอนี้ก็กำลังมองหางานใหม่อยู่ด้วย ละก็รับจ๊อบไปด้วย...
ไม่แน่นะ เราอาจจะรับงานเองไปเรื่อยๆ ก็ดีไปอีกแบบ ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใครให้ปวดหมองด้วยนะ
ถ้าคนชอบอิสระก็ดี แต่การรับจ๊อบไม่ใช้งานที่มั่นคง ถ้าไม่ชอบเป็นลูกจ้างประจำ ก็ควรทำกิจการที่เป็นอาชีพ อาจจะค้าขาย หรือ ธุรกิจรับจ้างอะไรก็ได้ ไม่ต้องใหญ่มากให้เป็นอาชีพประจำจะดีกว่า แล้วถ้าเราทำอย่างดี อย่างซื่อสัตย์ จนชำนานแล้วมันจะเติบโตของมันเอง :) แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่น้ำพระทัยของพระที่พระองค์ว่างไว้ในแต่ละคน บางคนเหมาะที่จะทำงานกินเงินเดือน แต่บางคนเหมาะที่จะทำธุรกิจ
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. ก.พ. 16, 2006 1:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
พี่จิงตอบได้ดีมากครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
Batholomew เขียน: พี่จิงตอบได้ดีมากครับ
จ๊า.....หุ หุ
มีหน้าม้าด้วย เย้ว ๆ
*swt (เพิ่งรู้ว่าเจ๊ ซาดิสม์ เล็กๆ ชอบการทุบการตี)~@Little lamb@~ เขียน:
กระท้อน...จะอร่อย
มันต้องโดนทุบก่อนใช่มั๊ย?
ดาบ.....จะตรงได้
มันต้องโดนเผาไฟ และ ทั้งทุบทั้งตีใช่มั๊ย?
ปล. เนื้อแกะ (ตัวเล็กๆ) จะอร่อยก็ต้องทุบๆก่อนเหมือนกัน ;D
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
โดยเฉพาะแกะอ้วน ๆ ที่เพิ่งกลับมาจากเมกาP เขียน:*swt (เพิ่งรู้ว่าเจ๊ ซาดิสม์ เล็กๆ ชอบการทุบการตี)~@Little lamb@~ เขียน:
กระท้อน...จะอร่อย
มันต้องโดนทุบก่อนใช่มั๊ย?
ดาบ.....จะตรงได้
มันต้องโดนเผาไฟ และ ทั้งทุบทั้งตีใช่มั๊ย?
ปล. เนื้อแกะ (ตัวเล็กๆ) จะอร่อยก็ต้องทุบๆก่อนเหมือนกัน ;D
The belief is only the belief unless you see it by yourself that it is true.
No matter how strong you believe, the truth is still the truth.
Christ also said 'don't believe me blindly, but believe when you have found it'
Christ never persuade everyone to believe Him.
But He always told His experiences from the basic foundation of God revealed by him.
So the scriptures is not as we feel like to interpret it this way or that way.
We can only interpret it correctly when we have the same approach as the one who described it.
In short, St. Matthew, Chapter 6, Verse 19 gave some hint that
"For where your treasure is, there will your heart be also"
With even this one sentence can be understood in several ways, but only one is correct.
That correct translation will be known when we have imbibed in God, not before.
No matter how strong you believe, the truth is still the truth.
Christ also said 'don't believe me blindly, but believe when you have found it'
Christ never persuade everyone to believe Him.
But He always told His experiences from the basic foundation of God revealed by him.
So the scriptures is not as we feel like to interpret it this way or that way.
We can only interpret it correctly when we have the same approach as the one who described it.
In short, St. Matthew, Chapter 6, Verse 19 gave some hint that
"For where your treasure is, there will your heart be also"
With even this one sentence can be understood in several ways, but only one is correct.
That correct translation will be known when we have imbibed in God, not before.
นานมาแล้ว เคยมีคนมาตามหาคนแถวบ้าน
พอเจอเขาบอกว่าตามหามานานแล้ว
เคยเป็นเพื่อนรักกัน และร่วมรบกับพม่ากันมาสมัยอยุธยา
พอเจอหน้าจึงถูกชะตา
มีหลายคนเชื่อเช่นนี้ เพราะการเวียนว่ายตายเกิด
เป็นหลักศานาพุทธที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง
ใช้เป็นหลักแยกข้อความเชื่อของศาสนาทีเดียว
พอเจอเขาบอกว่าตามหามานานแล้ว
เคยเป็นเพื่อนรักกัน และร่วมรบกับพม่ากันมาสมัยอยุธยา
พอเจอหน้าจึงถูกชะตา
มีหลายคนเชื่อเช่นนี้ เพราะการเวียนว่ายตายเกิด
เป็นหลักศานาพุทธที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง
ใช้เป็นหลักแยกข้อความเชื่อของศาสนาทีเดียว
Thank you so much!! :) It's something that I need to work out... :)Guest เขียน: The belief is only the belief unless you see it by yourself that it is true.
No matter how strong you believe, the truth is still the truth.
Christ also said 'don't believe me blindly, but believe when you have found it'
Christ never persuade everyone to believe Him.
But He always told His experiences from the basic foundation of God revealed by him.
So the scriptures is not as we feel like to interpret it this way or that way.
We can only interpret it correctly when we have the same approach as the one who described it.
In short, St. Matthew, Chapter 6, Verse 19 gave some hint that
"For where your treasure is, there will your heart be also"
With even this one sentence can be understood in several ways, but only one is correct.
That correct translation will be known when we have imbibed in God, not before.
เกี่ยวกับเรื่องของความผูกพันธ์กันและกัน ผมเริ่มที่จะทำใจได้แล้วครับ
ไม่มีใครที่จะเข้าใจเราและเราก็ไม่สามารถเข้าใจใครได้ทั้งหมด
บางสิ่งบางอย่างเราอาจไม่เจตนาให้มันเกิดขึ้นแต่สถานการณ์มันก็ทำให้
ต่างคนต่างมุมมอง ความไม่เข้าใจกันก็เกิดขึ้น ยากที่จะอธิบาย
ชีวิตนี้สั้นนัก ชีวิตหน้ายังอีกยาวไกล ทำชีวิตนี้ เพื่อชีวิตหน้าหรือ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดให้ทุกอย่างดำเนินไปตามพระประสงค์ของพระ
ไม่มีใครที่จะเข้าใจเราและเราก็ไม่สามารถเข้าใจใครได้ทั้งหมด
บางสิ่งบางอย่างเราอาจไม่เจตนาให้มันเกิดขึ้นแต่สถานการณ์มันก็ทำให้
ต่างคนต่างมุมมอง ความไม่เข้าใจกันก็เกิดขึ้น ยากที่จะอธิบาย
ชีวิตนี้สั้นนัก ชีวิตหน้ายังอีกยาวไกล ทำชีวิตนี้ เพื่อชีวิตหน้าหรือ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดให้ทุกอย่างดำเนินไปตามพระประสงค์ของพระ
.........เฮ้อ....อออออออ....
ขอถอนหายใจยาวๆ อีกทีละกันนะ
เพราะว่าพยายามที่จะคิดให้ดี และทำตัวให้ดีแค่ไหน...มันก็ไม่ดีขึ้นเลยซิคะ..เฮ้อ.......*sob
...คงจะได้แต่สวดอ้อนวอนให้ลูกได้งานใหม่ที่ทำแล้วสบายใจกว่าที่นี่เร็วๆ....
ขอถอนหายใจยาวๆ อีกทีละกันนะ
เพราะว่าพยายามที่จะคิดให้ดี และทำตัวให้ดีแค่ไหน...มันก็ไม่ดีขึ้นเลยซิคะ..เฮ้อ.......*sob
...คงจะได้แต่สวดอ้อนวอนให้ลูกได้งานใหม่ที่ทำแล้วสบายใจกว่าที่นี่เร็วๆ....
ใจเย็นน้องเอ้ย
พี่เคยอดทนกับความเลวร้ายในที่ทำงานที่ดิ่งลง ทุกวั๊น ทุกวัน
แล้วก็เพียรพยายามสวดภาวนา พร้อมกับถวายความทุกข์ยากร่วมกับพระเยซู
และสวดขอให้พระเจ้านำทาง และจัดการทุกอย่างให้
วันหนึ่งพี่ก็ไปรู้จักอาจารย์คนหนึ่ง ซึ่งทำให้พี่สนใจในสิ่งที่แกสอน พี่ชอบงานด้านนี้ งานอย่างที่อาจารย์คนนี้ทำอยู่ ก็ตัดสินใจไปสอบ ทั้งที่ไม่ได้เตรียมตัวมากนัก แต่มีความเชื่อมั่น ลึกๆ ว่าการเป็นนักศึกษาเนี่ยแหละ คือสิ่งที่พระต้องการให้ทำ ก็เลยตัดสินใจลาออก ทั้งที่ผลการสอบยังไม่ออก
ยิ่งตอนนี้ยิ่งมั่นใจ ว่าพระนำทางพี่อยู่แน่ ๆ ตอนนี้พี่เป้ฯนักศึกษาแล้ว และรับจ๊อบทำประชาสัมพันธ์ไปเรื่อย ๆ เงินไม่มากหรอก พี่ละทิ้งเงินก้อนใหญ่ ความมั่นคงของชีวิตตัวเองและครอบครัว มารับความยากลำบากกับงานเล็ก ๆที่ไม่มั่นคง มีรายได้ที่พอแค่ค่าใช้จ่ายเท่านั้น การถูกดูแคลน ความผิดหวังของครอบครัว แต่มีความสุขนะ รู้สึกอิสระ เพราะพี่รู้ว่าพระไม่ทอดทิ้งพี่แน่ ๆ
ทางออกสำหรับปัญหาของน้องมันอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง สวดขอพระ หากเราต้องทรมานกับสถานการร์ที่เป็นอยู่ ก็ขอให้เราสามารถอดทนรับมันทุกอย่างได้
จงวางใจให้มากนะจ้ะ สวดอย่างวางใจ พระไม่เคยทอดทิ้งเรา บางครั้งพระก็อาจจะกำลังสอนเราอยู่
สวดต่อไป อย่างวางใจ
ขอพระเจ้าอวยพรจ้ะ
พี่เคยอดทนกับความเลวร้ายในที่ทำงานที่ดิ่งลง ทุกวั๊น ทุกวัน
แล้วก็เพียรพยายามสวดภาวนา พร้อมกับถวายความทุกข์ยากร่วมกับพระเยซู
และสวดขอให้พระเจ้านำทาง และจัดการทุกอย่างให้
วันหนึ่งพี่ก็ไปรู้จักอาจารย์คนหนึ่ง ซึ่งทำให้พี่สนใจในสิ่งที่แกสอน พี่ชอบงานด้านนี้ งานอย่างที่อาจารย์คนนี้ทำอยู่ ก็ตัดสินใจไปสอบ ทั้งที่ไม่ได้เตรียมตัวมากนัก แต่มีความเชื่อมั่น ลึกๆ ว่าการเป็นนักศึกษาเนี่ยแหละ คือสิ่งที่พระต้องการให้ทำ ก็เลยตัดสินใจลาออก ทั้งที่ผลการสอบยังไม่ออก
ยิ่งตอนนี้ยิ่งมั่นใจ ว่าพระนำทางพี่อยู่แน่ ๆ ตอนนี้พี่เป้ฯนักศึกษาแล้ว และรับจ๊อบทำประชาสัมพันธ์ไปเรื่อย ๆ เงินไม่มากหรอก พี่ละทิ้งเงินก้อนใหญ่ ความมั่นคงของชีวิตตัวเองและครอบครัว มารับความยากลำบากกับงานเล็ก ๆที่ไม่มั่นคง มีรายได้ที่พอแค่ค่าใช้จ่ายเท่านั้น การถูกดูแคลน ความผิดหวังของครอบครัว แต่มีความสุขนะ รู้สึกอิสระ เพราะพี่รู้ว่าพระไม่ทอดทิ้งพี่แน่ ๆ
ทางออกสำหรับปัญหาของน้องมันอาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง สวดขอพระ หากเราต้องทรมานกับสถานการร์ที่เป็นอยู่ ก็ขอให้เราสามารถอดทนรับมันทุกอย่างได้
จงวางใจให้มากนะจ้ะ สวดอย่างวางใจ พระไม่เคยทอดทิ้งเรา บางครั้งพระก็อาจจะกำลังสอนเราอยู่
สวดต่อไป อย่างวางใจ
ขอพระเจ้าอวยพรจ้ะ