@ ป้องปราม สตรีใจศรัทธา ได้อย่างไร @

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 9:47 pm

ตอนแรกไม่อยากขึ้นกระทู้ใหม่  แต่ดูเหมือน พี่จอมนางคนสวยยุให้ตั้งกระทู้ต่างหาก

คำถาม ก็อป มาจากกระทู้ พี่จอมนาง ดังนี้

ไม่อยากฟังความข้างเดียว ที่เราพูดแต่ คุณพ่อว่าผิดอย่างโน่น อย่างนี้ กะสีกา
จนหลายต่อหลายคนถึงกับทิ้งวัดทิ้งพระไปเลย

ตามที่เราชอบพูดว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดังแน่นอน  ด้านคพ.ที่ทำผิดแบบนี้ 
หรือเราได้ยินเรื่องไม่ดี มีหลายๆคนแนะนำ จนท่านปรับตัวกันไม่หวาดไม่ไหว
และพี่พีพีเสริมว่า พวกท่านต้องมีรอยร้าว หรือรอยด่างพล่อย นั้น เพราะการกระทำของคนอื่นๆ ก็เยอะ

น้องเจี๊ยบคิดถึง สตรีใจศรัทธา ที่จ้องจับ คพ. ผู้อ่อนหัด ( หรือแกล้งอ่อนหัด )ไปเป็น สะมี
เราควรมีวิธีป้องปราม ได้อย่างไรบ้าง ที่เป็นรูปธรรม ขอรับ : xemo026 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 10:01 pm

ตรงไปตรงมา  : emo045 :

มีอะไรต้องพูดต้องคุยให้หมด  และต้องสวดมากๆ  อย่างพอวิญญาณพี่เหมือนกัน  เค้ายังหนุ่มอยู่  พี่ก็บอกพระสังฆราชไว้ว่า คุยกับพ่อคนนี้อยู่นะคะ  นำวิญญาณนะคะำ่พ่อ  และเวลาุคุยกันก็ต้องมีสติ  ถ้าเห็นอะไรผิดปกตืในอีกฝ่าย  ก็ต้องรีบเตือนกันและกันอย่างรวดเร็ว  ถ้าฝ่ายใดฝ่ายนึ่งรู้สึกเริ่มสนิืท  ก็ต้องรีบบอกกันว่า  เออ  เดี๋ยวต้องขอห่างนะ  ไปตั้งหลักสวด  เอาพระเป็นที่ตั้ง  ไม่ใช่ตัวเอง  ไม่งั้น ตามธรรมชาติแล้ว  ถ้าเราเริ่มเห็นใครมีใจหรือหวั่นไหวกับเรา  เรามักจะดึงเค้ามาเป็นของเรา  และเรื่องวุ่นๆมันก็จะเกิดขึ้น  : xemo017 :

การเปิดเผยความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา  จะดีกว่าเก็บงำไว้  เพราะทำให้เกิดคิดมาก  จินตนาการ  แก้ปัญหาไม่ทันท่วงที  ความสัมพันธ์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  ต้องพยายามมีสติกับมันค่ะ  : xemo017 :

ที่สำคัญ  สวดขอพระเยอะๆ  เพราะพระพร้อมที่จะป้องกันสงฆ์ของพระองค์อยู่แล้ว  : emo045 :
sabachthani

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 10:14 pm

ว้าว ... กลายเป็นจุดเด่นประเด็นร้อน Talk of the town ไปแล้วเหรอคะ  อย่างนี้ต้องเสนอเฮียสรยุทธ นำไปถกในรายการ"ถึงลูกถึงคน" แล้วก็ให้ประชาชนSMSเข้าไปเสนอความเห็น ความเห็นจะได้หลากหลายไงคะ ดีไหมค้า

พูดถึงประเด็นนี้ หนูว่าก็เป็นประเด็นปัญหาที่คุกคามผู้ครองเพศพรหมจรรย์ในทุกศาสนานะคะ ขนาดนิยายไซอิ๋วของจีน เห็นไหมคะ คนแต่งยังแต่งให้พระถังซำจั๋งโดนพวกนางมารหัวขนมาระบำรำฟ้อน ยั่วยวนให้ตบะแตก แต่สุดท้ายขันติของท่านก็ไม่กลายเป็นขันแตก เดินทางไปถึงชมพูทวีป  หรือแม้แต่พระสังกัจจาย แต่ก่อนท่านก็เป็นผู้มีรูปงามนะคะ แต่ตอนหลังโดนอิสตรีคุกคามบ่อยๆ ก็เนรมิตให้ร่างกายอ้วนฉุ ดูไม่งามเหมือนก่อน พวกอิสตรีก็หายต๋อมกันไปหมด  มีอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้หนูฟังว่าท่านมหาวีระ ศาสดาของศาสนาเชน แต่ก่อนก็เป็นเจ้าชายรูปงามนะคะ หล่อเหล่าเอาการถึงขนาดที่ว่าตอนที่ท่านเป็นนักบวชช่วงแรกๆ ไปบิณฑบาต(ขออนุญาตยืมศัพท์พุทธนะคะชั่วคราวนะคะ) ผู้หญิงที่จะใส่บาตรยังตะลึงในความงามทำอาหารตกร่วง หรืออึ้งไปด้วยความงามของพระองค์มหาวีระนั่นเองค่ะ  ตอนหลังท่านเลยเห็นว่าไม่ได้การณ์ เพราะท่านบำเพ็ญตบะ ตัดสละกิเลสตัณหาราคะ เป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเองคนเดียว แต่คนอื่นเมื่อเห็นท่าน ท่านก็กลายเป็นเหตุให้พวกผู้หญิงเหล่านั้นติดอยู่ในรูปโฉมอันงดงามของท่าน ก็เลยไปเอามูลและโคลนมาทาตัว ไม่บำรุงร่างกายให้ดูงดงามเหมือนก่อน ได้ผลค่ะ พวกผู้หญิงทั้งหลายก็หายแว้บกันไปหมดเหมือนกัน

หนูว่า ปัญหาสตรีกับนักบวชและผู้รับใช้ชายก็อยู่ที่ตัวผู้ชาย ไปแก้ที่ผู้หญิงคงไม่เห็นผล เพราะเราจะไปบังคับเขาให้คิดให้ทำอย่างที่เราต้องการไม่ได้  ผู้ชายจึงน่าจะเป็นฝ่ายป้องกันตนเองและเริ่มแก้ไขปัญหาจากตัวผู้ชายเองค่ะ  ดังนั้น หนูว่าน่าลองเอาวิธีการขององค์มหาบุรุษที่หนูได้กล่าวถึงข้างต้นมาประยุกต์ใช้ได้นะคะ เช่น พวกคุณพ่อ เณร และผู้รับใช้ชาย ก็ไม่ต้องบำรุงบำเรอตัวเอง ปล่อยให้ตัวเองอ้วนฉุ กินเข้าไปให้ดูเป็นอาเฮียตุ๊ต๊ะ ผมเผ้าก็ไม่ต้องไปหวีแบบแฟชั่น หวีเรียบๆก็พอ น้ำหอมก็ไม่ต้องใส่ เพราะไม่ใช่นกยูง ต้องไปรำแพนหางหาคู่  เสื้อผ้าก็ใส่แบบธรรมดา ไม่ต้องใส่หรูเลิศให้สะดุดตา

นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้ ก็ทำงานห่างๆสตรีทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่อยู่แบบสองต่อสองไว้ค่ะ เพราะเราต้องไม่เปิดโอกาสให้ปีศาจอย่างเด็ดขาดนะคะ เช่น เลขาฯสำนักงานวัด ก็จะไม่จ้างหญิงสาวจบใหม่ แต่ไปหาลุงแก่ๆสักคนมาช่วยงาน เวลาไปไหนกับผู้หญิง ก็ต้องหาบุคคลที่สามไปด้วย  ผู้หญิงชวนไปไหน ถ้าเลี่ยงได้ก็ต้องเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องศาสนา เช่น ส่งศีล ฟังแก้บาป ก็ต้องเลี่ยงให้หมดค่ะ  ต้องเด็ดขาด ไม่ไปคือไม่ไป  พวกโยมอุปัฏฐากหญิงจะพาไปเลี้ยงข้าว ก็บอกว่า ไม่เป็นไร ที่วัดมีซิสเตอร์ หรือมีแม่ครัวทำให้กินอยู่แล้ว  จะพาไปซื้อมือถือ ก็บอกว่า ไม่เป็นไร ผมไม่ใช่นักธุรกิจ ปกติถ้าไม่มีธุระอะไรก็อยู่วัดอยู่แล้ว มีอะไรก็โทรมาที่วัดได้ สะดวก ประหยัดกว่ามือถืออีก  ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มือถือ  เป็นต้น

ถ้าสุดท้ายยังไม่เป็นผล ปี่พาทย์ไม้นวมไม่เป็นผล ก็ต้องโหมโรงปี่พาทย์ไม้แข็งแล้วค่ะ บอกไปเลยว่า ผมเป็นบรรพชิตหรือผู้รับใช้พระ จะมาสนิทกับอิสตรีเช่นนี้ไม่สมควร ไม่งาม และอาจตกในการผจญได้  คือหนูว่าพ่อ เณร หรือผู้รับใช้หลายคนไม่เด็ดขาดไงคะ ต้องตัดเนื้อร้ายค่ะ ถ้าสุดท้ายทำไง้ทำไงก็ไม่เป็นผล ก็ทำแบบพระเยซูเจ้าก็ได้ค่ะ คือบอกไปเลยว่า

ยัยซาตาน จงหลีกไปให้พ้น เจ้าคิดอย่างมนุษย์ เจ้าไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า
จอมนางกระบี่เดี่ยว
โพสต์: 1159
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 2:03 pm

เสาร์ ก.ย. 02, 2006 10:49 pm

ป้องปรามคนอื่นลำบาก ไม่ว่าจะปรามสตรี หรือป้องพระสงฆ์

ป้องปรามตัวเองดีกว่า ให้มีสติเป็นอาวุธ สำนึกส่วนรวมเป้นเกราะกำบัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Q
โพสต์: 103
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 26, 2005 5:45 am

อาทิตย์ ก.ย. 03, 2006 12:20 am

น่าน  ว่าจะให้เรื่องนี้มันจบๆไปซักที  เจ้าเจี๊ยบดันมาเปิดประเด็นต่ออีก
นี่ขนาดเปลี่ยนชื่อกระทู้ มาหาวิธีปรามสตรีแล้วนะ
ไปๆ มาๆ เดี๋ยวก็วกเข้าไปเหมือนกระทู้จอมนางอีกอะเนี่ย

ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ ออกนอกประเด็นไปคุยกับน้องบิ๊กก่อนแล้วกัน
ที่น้องแนะนำวิธีมากมายให้พระสงฆ์พึงปฏิบัติมาทั้งหมดเนี่ย
ถามจริงๆเหอะ  แน่ใจหรือเปล่าอยากได้พระสงฆ์แบบนั้นอะ
ผมเผ้าไม่เคยหวี แต่งตัวม๊กซก กลิ่นตัวกลิ่นปากเหม็นไปหมด
แล้วเข้ามากอด ทักทายสัตบุรุษทุกคนที่เดินเข้ามาในวัดน่ะ
เป็นผมคงคิดอยู่ในใจล่ะ  "พ่ออย่าเดินเข้ามาแตะตัวผมนะ ผมวิ่งจริงๆนะ"

ส่วนที่แนะนำเรื่องการอยู่สองต่อสองกับเพศตรงข้าม และเรื่องอื่นๆอีก
เนี่ยเรื่องพวกนี้ก็ไม่ต้องไปแนะนำอะไรพวกท่านหรอก
พ่อทุกองค์เค้ารู้อยู่หมดแล้วล่ะ    เจ้าเจี๊ยบเลยมาตั้งกระทู้นี้ขึ้นมางัยจ๊ะ

อันที่จริง โดยส่วนตัวนะ  ถ้าผมมีลูกสาวซักคนอายุซัก 14-15
แล้วผมต้องมาเตือนลูกสาวผมว่า นี่ อย่าไปเดินแถวหน้าวัดนะ
ไม่ปลอดภัย ระวังพวกพ่อพวกนี้ให้ดีล่ะ
ผมว่าศาสนาเราเนี่ยต้องมีปัญหาแล้วแน่ๆ เลย จริงไหม

ถ้าเรามัวแต่จะมาคิดวิธีที่จะมาป้องกันพระสงฆ์ให้ไม่ทำบาปเนี่ย
ผมคิดว่า "เดินมาผิดทางแล้วล่ะ"  เพราะพวกท่าน กว่าจะได้บวชกัน
ใช้เวลากันเป็นสิบๆปีเพื่อฝึกฝนเรื่องพวกนี้ อยู่แล้วล่ะ
อันนี้เราควรไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง

ถ้าภรรยาผมเผื่ออาจจะเข้าไปคุยปรึกษาอะไรบ้างกับพ่อท่านหนึ่ง
อาจจะในเรื่องการทำบาปหรือปัญหาครอบครัวเรื่องไหนก็ตามเถอะ
คิดดูแล้วกัน ภรรยาผมจะรู้สึกยังงัย ถ้าได้ยินจากปากพระสงฆ์
"อืม ไปคุยกับซิสเตอร์ได้ไหม พ่อเป็นผู้ชายอะ
คุยกับเธอตามลำพังแบบนี้แล้ว พ่อไม่ไว้ใจตัวเอง"

ถ้าพระสงฆ์ศาสนาเราเป็นแบบนี้ ผมว่าอย่ามีดีกว่า
ถ้าพระศาสนจักรมั่นใจแล้วว่าใครซักคนสามารถมาเป็น
พระสงฆ์คอยชี้นำวิญญาณให้เราแล้ว  เรายังมัวต้องมานั่งคอย
ระวังพวกพ่อเหล่านี้อีก ผมว่าไปกันใหญ่แล้ว  ที่จะมาให้ท่าน
พอเห็นผู้หญิงที่ไหนก็ต้องวิ่งหนีอะ

เพราะฉะนั้น
ไม่ต้องไปกังวลแทนพวกพ่อหรอกว่าท่านจะไม่รู้วิธีการป้องกันตัวเอง
หรือจะมาบังคับให้ท่าน พยายามหลีกหนีการต้องคุยกับเพศตรงข้าม
แน่นอน พระสงฆ์ก็ควรพึงระวังเรื่องที่จะไม่เป็นที่สะดุดการคุยสองต่อสอง
แต่ไม่ใช่ไม่อันเป็นต้องทำงานทำการ เจอผู้หญิงมาคนเดียวเป็นต้องไล่หมด

ถ้าพวกเราต้องมานั่งกลัวกันขนาดนั้น ผมว่า ถ้างั๊นใครอยากบวช
คุณก็จับตอนกันให้หมดก่อนเลยดีไหม  ถ้าความเชื่อในตัวพระสงฆ์
มันหมดกันถึงขนาดนั้นอะ
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ก.ย. 06, 2006 10:55 am

ขอบคุณมากๆคร้าบ พี่ๆ ที่ให้คำตอบ : xemo026 :
ตอบกลับโพส