เกิดอะไรขึ้น
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ผมคิดว่า คุณต้องทำความเข้าใจ ถึง ธรรมล้ำลึก ของ พิธีกรรมslater เขียน: ผมเป็นคริสตังค์ยืนไปวัดแทบจะทุกวันสวดสายประคำร่วมพิธีมิสซาและรับศิลทุกครั้ง
แต่เหตุไฉนความเชื่อถึงใด้ลดลง กลุ้มใจจัง
ทำมิสซาทำไม?
สวดสายประคำทำไม?
รับศีลมีคุณค่าอย่างไร?
อาศัยการภาวนา ความเชื่อคุณจะจำเริญขึ้นเองครับ
ไม่รู้คุณเคยอ่านหรือยัง
มีอะไรใน"พิธีบูชาขอบพระคุณ(มิสซา)"
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... 88#p112488
ถ้าอ่านแล้วยังไม่แจ่มถามได้ครับ
-
- โพสต์: 973
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
- ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
- ติดต่อ:
ที่สำคัญจง"ทวีความรัก"ครับ
"เชื่อ รัก วางใจ ในพระอาจารย์เจ้าเถิด ขอให้พระองค์นำทาง"
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโครินทร์
(1) แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็เป็นแต่เพียงฉาบหรือฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก
(2) แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรมล้ำลึกทุกข้อ และมีความรู้ทุกอย่าง หรือมีความเชื่อพอที่จะเคลื่อนภูเขาได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด
(3) แม้ข้าพเจ้าจะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่คนยากจน หรือยอมมอบตนเองให้นำไปเผาไฟเสีย ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็มิได้รับประโยชน์ใด
(4) ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง
(5) ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ
(6) ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง
(7) ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง
(8) ความรักไม่มีสิ้นสุด แม้การประกาศพระวาจาจะถูกยกเลิก แม้การพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจจะยุติ แม้ความรู้จะหมดสิ้น
(9) เพราะเรารู้อย่างไม่สมบูรณ์ และประกาศพระวาจาอย่างไม่สมบูรณ์
(10) แต่เมื่อสิ่งที่สมบูรณ์มาถึง ความไม่สมบูรณ์จะสูญสิ้นไป
(11) เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าก็พูดจาเหมือนเด็ก ๆ คิดเหมือนเด็ก ๆ ใช้เหตุผลเหมือนเด็ก ๆ แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกประพฤติเหมือนเด็ก
(12) ในเวลานี้ เราเห็นพระเจ้าเพียงราง ๆ เหมือนเห็นในกระจกเงา แต่เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเห็นพระองค์เหมือนพระองค์ทรงอยู่ต่อหน้าเรา เวลานี้ ข้าพเจ้ารู้อย่างไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนที่พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า
(13) ขณะนี้ยังมีความเชื่อ ความหวังและความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมดคือ ความรัก(1โครินทร์13: 1-13)
"เชื่อ รัก วางใจ ในพระอาจารย์เจ้าเถิด ขอให้พระองค์นำทาง"
บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลถึงชาวโครินทร์
(1) แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์และของทูตสวรรค์ได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็เป็นแต่เพียงฉาบหรือฉิ่งที่ส่งเสียงอึกทึก
(2) แม้ข้าพเจ้าจะประกาศพระวาจา เข้าใจธรรมล้ำลึกทุกข้อ และมีความรู้ทุกอย่าง หรือมีความเชื่อพอที่จะเคลื่อนภูเขาได้ ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด
(3) แม้ข้าพเจ้าจะแจกจ่ายทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่คนยากจน หรือยอมมอบตนเองให้นำไปเผาไฟเสีย ถ้าไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็มิได้รับประโยชน์ใด
(4) ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่อิจฉา ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง
(5) ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำความผิดที่ได้รับ
(6) ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง
(7) ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง
(8) ความรักไม่มีสิ้นสุด แม้การประกาศพระวาจาจะถูกยกเลิก แม้การพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจจะยุติ แม้ความรู้จะหมดสิ้น
(9) เพราะเรารู้อย่างไม่สมบูรณ์ และประกาศพระวาจาอย่างไม่สมบูรณ์
(10) แต่เมื่อสิ่งที่สมบูรณ์มาถึง ความไม่สมบูรณ์จะสูญสิ้นไป
(11) เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าก็พูดจาเหมือนเด็ก ๆ คิดเหมือนเด็ก ๆ ใช้เหตุผลเหมือนเด็ก ๆ แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกประพฤติเหมือนเด็ก
(12) ในเวลานี้ เราเห็นพระเจ้าเพียงราง ๆ เหมือนเห็นในกระจกเงา แต่เมื่อถึงเวลานั้น เราจะเห็นพระองค์เหมือนพระองค์ทรงอยู่ต่อหน้าเรา เวลานี้ ข้าพเจ้ารู้อย่างไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนที่พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า
(13) ขณะนี้ยังมีความเชื่อ ความหวังและความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมดคือ ความรัก(1โครินทร์13: 1-13)
"ความเชื่อลดลง" ในที่นี้หมายถึง วิญญาณแห้งแล้ว ขาดความร้อนรน รู้สึกเหนื่อยๆ เบื่อๆ ฯลฯ อะไรแบบนี้รึเปล่าคะ :huh:
ถ้าเป็นแบบนี้...คงต้องหันหน้าเข้ามา "คุย" กับพระองค์ให้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ
เช่น ภาวนาส่วนตัว เฝ้าศีล รำพึงพระคัมภีร์ เข้ากลุ่มแบ่งปัน ฯลฯ
ถ้าเป็นแบบนี้...คงต้องหันหน้าเข้ามา "คุย" กับพระองค์ให้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ
เช่น ภาวนาส่วนตัว เฝ้าศีล รำพึงพระคัมภีร์ เข้ากลุ่มแบ่งปัน ฯลฯ
ใช่ค่ะ ละก็ดูว่าใจเราอยู่กับมิสซา อยู่กับบทสวดที่กำลังสวดหรือเปล่าViridian เขียน:
"ความเชื่อลดลง" ในที่นี้หมายถึง วิญญาณแห้งแล้ว ขาดความร้อนรน รู้สึกเหนื่อยๆ เบื่อๆ ฯลฯ อะไรแบบนี้รึเปล่าคะ :huh:
ถ้าเป็นแบบนี้...คงต้องหันหน้าเข้ามา "คุย" กับพระองค์ให้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ
เช่น ภาวนาส่วนตัว เฝ้าศีล รำพึงพระคัมภีร์ เข้ากลุ่มแบ่งปัน ฯลฯ
ขอพระอวยพรนะคะ
- อ่านพระคัมภีร์ให้มากขึ้น, อ่านบทอ่านประจำอาทิตย์อย่างช้าๆ เเละใส่ใจ
- ไตร่ตรองพระคัมภีร์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น, ไตร่ตรองบทอ่านประจำอาทิตย์ เเล้วถามตนเองว่า "พระต้องการจะบอกอะไรเรา"
จะได้ไม่รู้สึกเหมือนว่า เราคุยกับพระองค์ข้างเดียว
พระเจ้าตรัสแก่เราผ่านทางพระคัมภีร์ คำตอบทั้งหมด...อยู่ในพระคัมภีร์
เมื่อได้คำตอบเเล้วจดใส่กระดาษไว้...เมื่อความเชื่อเริ่มสั่นคลอน นำมันกลับมาอ่านใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ขอพระจิตเจ้าทรงนำค่ะ
- ไตร่ตรองพระคัมภีร์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น, ไตร่ตรองบทอ่านประจำอาทิตย์ เเล้วถามตนเองว่า "พระต้องการจะบอกอะไรเรา"
จะได้ไม่รู้สึกเหมือนว่า เราคุยกับพระองค์ข้างเดียว
พระเจ้าตรัสแก่เราผ่านทางพระคัมภีร์ คำตอบทั้งหมด...อยู่ในพระคัมภีร์
เมื่อได้คำตอบเเล้วจดใส่กระดาษไว้...เมื่อความเชื่อเริ่มสั่นคลอน นำมันกลับมาอ่านใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ขอพระจิตเจ้าทรงนำค่ะ
อายุไม่น่าจะมีส่วนนะคะ
ผู้ใหญ่หลายคน ยิ่งอาวุโส ยิ่งศรัทธา ยิ่งรู้สึกสนิทกับพระมากยิ่งขึ้น
ขณะที่เด็กบางคน เเม้จะยังเด็กอยู่ เเต่ก็รู้สึกเฟวได้ เเละหนักข้อกว่าเดิมอีก หากไม่รู้สึกหรือไม่สนใจอะไร"เลย"เกี่ยวกับพระ
นับว่าโชคดีที่คุณSlater พยายามจะแก้ไขปรับปรุง เเสดงว่าตอนนี้ในตัวคุณก็มีความร้อนรนเหมือนกัน เเต่อาจจะลืมสังเกตไป เท่านั้นเอง ::014::
ขอพระจิตเจ้าทรงนำ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ผู้ใหญ่หลายคน ยิ่งอาวุโส ยิ่งศรัทธา ยิ่งรู้สึกสนิทกับพระมากยิ่งขึ้น
ขณะที่เด็กบางคน เเม้จะยังเด็กอยู่ เเต่ก็รู้สึกเฟวได้ เเละหนักข้อกว่าเดิมอีก หากไม่รู้สึกหรือไม่สนใจอะไร"เลย"เกี่ยวกับพระ
นับว่าโชคดีที่คุณSlater พยายามจะแก้ไขปรับปรุง เเสดงว่าตอนนี้ในตัวคุณก็มีความร้อนรนเหมือนกัน เเต่อาจจะลืมสังเกตไป เท่านั้นเอง ::014::
ขอพระจิตเจ้าทรงนำ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ไม่เกี่ยวกับอายุหรอกค่ะ เพราะแม้แต่นักบุญก็เคยผ่านช่วงเวลาแห่งทะเลทรายแบบนี้slater เขียน: ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับสำหรับทุกความเห็นเป็นการกระตุ้นเตือนที่ดีมากๆครับ
ว่าแต่ว่าผมกำลังจะเป็นแบบที่คุณ(viridian)กล่าวถึง ไม่ทราบว่าอายุมีส่วนหรือไม่
ขอบคุณครับผมจะพยายามอย่างที่คุณทั้งหลายแนะนำ
ดังคำกล่าวของนักบุญเทเรซา แห่งอาวิลลา ผู้ปฏิรูปคณะคาร์แมลที่ว่า
"ข้าแต่พระเป็นเจ้า เนื่องจากพระองค์ปฏิบัติเช่นนี้กับสหาย จึงไม่แปลกเลยที่พระองค์มีสหายเพียงไม่กี่คน"
"รัก" คำเดียวนี่แหละ ที่ทำให้ฉัน (น.เทเรซาแห่งพระกุมารเยซู) รักษาพระกระแสเรียกไว้จนตลอดรอดฝั่ง
(ที่มา: ครูต้อย, ชีวประวัตินักบุญเทเรซา แห่งพระกุมารเยซู (กรุงเทพฯ : แม่พระยุคใหม่, 2549), 95.)
ป.ล. หนังสือที่นำมาอ้างอิงเป็นการ์ตูนค่ะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
สิ่งเหล่านี้ แก้ไขได้ด้วยการอ่านหนังสือเสริมศรัทธา
และการรวมกลุ่มแล้วสนทนาธรรมค่ะ
มีเพื่อนรวมสนทนา เติมฟืนเติมไฟเรื่องความเชื่อ
แล้วไฟจะลุกใหม่ได้ค่ะ
ว่าแต่....ไปวัดไหนประจำเหรอคะ
และการรวมกลุ่มแล้วสนทนาธรรมค่ะ
มีเพื่อนรวมสนทนา เติมฟืนเติมไฟเรื่องความเชื่อ
แล้วไฟจะลุกใหม่ได้ค่ะ
ว่าแต่....ไปวัดไหนประจำเหรอคะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ ก.พ. 23, 2009 2:37 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 11
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 17, 2008 11:57 pm
ลองคุยกับพระเจ้าเหมือนกับคุณคุยกับพ่อแม่ดูค่ะ
สวดอ้อนวอนต่อพระองค์
ขอให้พระองค์โปรดส่งพระจิตให้มาสถิตอยู่กับตัวเรา
และประทานความเชื่อให้เราอีกครั้งค่ะ
สวดอ้อนวอนต่อพระองค์
ขอให้พระองค์โปรดส่งพระจิตให้มาสถิตอยู่กับตัวเรา
และประทานความเชื่อให้เราอีกครั้งค่ะ
ลองเปลี่ยนวิธีการไปวัดดูสิครับ เช่นนั่งรถไป ขับรถไปก็ให้เดินไป ระหว่างเดินก็ค่อยๆรำพึงพิเคราะห์ไปว่าความร้อนรนหายไปไหน ถ้าบ้านกับวัดไกล้กันนักแรงก็ลองเปลี่ยนวัดเป็นการชั่วคราวเพื่อเดินไปดู ผมเคยเดินไปวัดครับ แม้จะเดินไม่ถึงเพราะไกลร่วมสิบกิโล แต่ว่าต้องเดินขึ้นเขาลงห้วยไปไกลเหมือนกันกว่าจะเจอถนนที่มีรถเข้าไปวัดได้ ประสบการณ์ดีนะครับ บางทีการทำอะไรซ้ำๆนั่นแหละที่ทำให้เราเกิดความเบื่อหน่าย ลองเปลี่ยนลำดับหรือวิธีการในสิ่งที่ทำซ้ำๆดูสิครับ จากสวดสายประคำธรรมดาก็ลองเป็นสวดสายประคำพระเมตตา จากนั่งสวดลองเปลี่ยนเป็นยืนสวด
จำตอนที่เขาไปหาพระเยซูที่หลุมฝังศพได้ไหมครับ แล้วเขาพูดว่าพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ถามว่าพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่นแต่พระองค์ยังคงอยู่ไหมครับ ยังคงอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าจุดที่เรากำลังมองหาพระองค์อยู่แล้วเราไม่เจอพระองค์ แสดงว่าพระองค์ทรงเป็นขึ้นแล้วและไปอยู่ที่อื่นแล้ว เราลองมองหาพระองค์จากมุมอื่นดูบ้างแล้วกัน แล้วเราจะได้พบพระองค์ (จากสวดเรื่อยๆ เป็นสวดแบบคำเดียวแต่แกนหลักของบทจริงๆอะไรทำนองนี้)
ขอให้พระอวยพรครับ
จำตอนที่เขาไปหาพระเยซูที่หลุมฝังศพได้ไหมครับ แล้วเขาพูดว่าพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว ถามว่าพระองค์ไม่ได้อยู่ที่นั่นแต่พระองค์ยังคงอยู่ไหมครับ ยังคงอยู่ เพราะฉะนั้นถ้าจุดที่เรากำลังมองหาพระองค์อยู่แล้วเราไม่เจอพระองค์ แสดงว่าพระองค์ทรงเป็นขึ้นแล้วและไปอยู่ที่อื่นแล้ว เราลองมองหาพระองค์จากมุมอื่นดูบ้างแล้วกัน แล้วเราจะได้พบพระองค์ (จากสวดเรื่อยๆ เป็นสวดแบบคำเดียวแต่แกนหลักของบทจริงๆอะไรทำนองนี้)
ขอให้พระอวยพรครับ
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
มีอะไรกังวลใจหรือเปล่า สังสัยอะไรเกียวกับพระไหม บางทีถ้าเรามีอะไรในใจมันก็ทำให้เบื่อได้นะ มีช่วงนึงผมก็เป็น พอเป็นแล้วก็ไม่ไปวัดเลย ทำแต่เรื่องที่อยากทำ พระก็เลยตามกลับมาด้วยให้ป่วยซะ ทีนี้ก็เลยรักพระมากขึ้น
บางทีมารซาตาน อาจกำลังเล่นสนุกอะไรกับคุณอยู่ก็ได้นะ ลองไปนั่งนิ่งๆและนึกถึงกางเขนของพระองค์ ภาพความทรมานของพระองค์ดู บางทีคุณอาจจะได้ยินคำตอบอะไรบางอย่าง
ยังไงก็อย่าให้อะไรมันสายไปนะคับ
บางทีมารซาตาน อาจกำลังเล่นสนุกอะไรกับคุณอยู่ก็ได้นะ ลองไปนั่งนิ่งๆและนึกถึงกางเขนของพระองค์ ภาพความทรมานของพระองค์ดู บางทีคุณอาจจะได้ยินคำตอบอะไรบางอย่าง
ยังไงก็อย่าให้อะไรมันสายไปนะคับ
ความสัมพันธ์ทุกอย่างในโลกนะคะ ไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว กับเพื่อน หรือกับพระ มันจะมีช่วงเวลาแบบนี้เสมอ ไม่ใช่ไม่ดีนะคะ จริงๆแล้วช่วงเวลาแบบนี้จำเป็นด้วยซ้ำ เพื่อให้เราได้มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
อย่างที่หลายๆคนแนะนำนะคะ อย่างในครอบครัว ถ้าเรารู้สึกเบื่อๆ ปกติก็กินข้าวกันทุกวัน (เหมือนไปมิสซาเป็นประจำ) หรือทำกิจกรรมซ้ำๆตลอด มันก็มีเบื่อได้ เราก็ต้องหาเวลาเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเที่ยวกัน ทำอะไรที่ไม่เคยทำกันบ้าง เพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตชีวาอีกครั้งนึง กรณีกับพระ เราก็พยายามลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำดูบ้าง คาทอลิกเรามีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะค่ะ อย่างนึงที่ช่วงนี้ที่อยากแนะนำ ก็คงเป็นไปฟัง ซ. เอมมานูเอล พูดที่มหาไถ่นะคะ http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=10202.0
ในช่วงเวลาเบื่อหน่ายนะคะ
1. ถ้าบอกว่า ความเชื่อลดลงเนี่ย ควรเปลี่ยนบรรยากาศ หาอะไรใหม่ๆทำ อย่างที่ทุกคนแนะนำ เหมือนเป็นสัญญาณหรือกระแสเรียกสู่การเรียนรู้ใหม่ๆและความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้น
2. แต่ถ้าความเชื่อ ความรัก ความหวัง ไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้ลดลง ทั้งยังเพิ่มขึ้น แต่ว่าเราเพียงแต่ไม่ได้รับความบรรเทาใจหรือมีความสุขจากสิ่งเดิมๆที่เคยทำเท่านั้น สิ่งที่ต้องทำคือ อดทน ค่ะ อดทนแบบนักบุญนั่นแหละ อย่าหยุดที่จะภาวนาในแบบเดิมๆ ทำอะไรแบบเดิมๆ เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวบอกความจริงใจและความรักมั่นคงนานที่เรามีค่ะ
สรุปคือ ตรวจสอบตัวเองดีๆก่อนนะคะว่า ความรัก ความเชื่อ ความหวัง นั้น ได้ลดลงจริงมั้ย เพราะมันจะมีอยู่ 2 อย่างคือ 1. อดทนทำสิ่งที่ทำอยู่ กับ 2. กระแสเรียกให้ทำในสิ่งใหม่ อาจจะไม่ใช่อะไรที่ใหม่ ฉีกแหวกแนวไปเลยก็ได้ แค่เราไปมิสซาและเห็นความหมายหรือมิติที่ลึกขึ้น นั่นก็คือ สิ่งใหม่แล้ว
ศีลบนข้อ 4 ของเบเนดิกตินคือ Stability นั่นคือ ต้องปฎิญาณว่า จะทำสิ่งซ้ำๆเดิมๆ เช่นตื่นนอน เคยหันไปทางหน้าต่าง มองต้นไม้ ก็ทำแบบนั้นทุกวัน วันแรก เราเห็นแค่ต้นไม้ ก็อาจจะน่าเบื่อนิดๆ แต่ถ้าเราอดทนต่อไป ต่อมาเราก็จะเห็นลายไม้ และต่อมาก็จะเริ่มเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆบนนั้น เห็นมดเดิน (ถ้าเรามองแค่วันแรก แล้วเลิกมอง เราก็จะเห็นแค่ต้นไม่นั้นแหละ) ... ต่อมา เราก็เริ่มเห็นเรื่องราวของมด เห็นมันทำงาน บางครั้งมันทะเลาะกันก็มี บางครั้งบางตัวตาย บางครั้งมีตัวอะไรไม่รู้มากินมด ต้นไม้นั้น ก็ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา แต่จะเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นในใจเรา แล้วจิตเราก็จะละเอียดขึ้น จิตที่ละเอียดขึ้นจะเห็นความงามและความสดชื่นที่คนอื่นมองข้ามไป พอมองเห็นภาพนะคะ ในพิธีมิสซาหรืออะไรก็ตามที่เราทำซ้ำๆ เหมือนกัน ถ้าเรามีความลึกซึ้งขึ้น เราก็จะมีชีวิตมากขึ้น
เรื่องกระแสเรียกให้ทำสิ่งใหม่ ไม่มีใครตอบได้นะคะว่า ต้องทำอะไร จะเฝ้าศีลดี จะอ่านหนังสือศรัทธาดี หรืออะไร วิธีหาคือ ต้องลองทำค่ะ แล้วพระจิตจะนำทางเองว่า นี่คือสิ่งที่พระอยากให้คุณได้ทำมั้ย
มหาพรต พระจะสร้างสิ่งใหม่ในเรานะคะ ขอให้ใช้โอกาสนี้ในการกระชับความสัมพันธ์กับพระองค์นะคะ
อย่างที่หลายๆคนแนะนำนะคะ อย่างในครอบครัว ถ้าเรารู้สึกเบื่อๆ ปกติก็กินข้าวกันทุกวัน (เหมือนไปมิสซาเป็นประจำ) หรือทำกิจกรรมซ้ำๆตลอด มันก็มีเบื่อได้ เราก็ต้องหาเวลาเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเที่ยวกัน ทำอะไรที่ไม่เคยทำกันบ้าง เพื่อให้ครอบครัวมีชีวิตชีวาอีกครั้งนึง กรณีกับพระ เราก็พยายามลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำดูบ้าง คาทอลิกเรามีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะค่ะ อย่างนึงที่ช่วงนี้ที่อยากแนะนำ ก็คงเป็นไปฟัง ซ. เอมมานูเอล พูดที่มหาไถ่นะคะ http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=10202.0
ในช่วงเวลาเบื่อหน่ายนะคะ
1. ถ้าบอกว่า ความเชื่อลดลงเนี่ย ควรเปลี่ยนบรรยากาศ หาอะไรใหม่ๆทำ อย่างที่ทุกคนแนะนำ เหมือนเป็นสัญญาณหรือกระแสเรียกสู่การเรียนรู้ใหม่ๆและความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้น
2. แต่ถ้าความเชื่อ ความรัก ความหวัง ไม่ได้หายไปไหน ไม่ได้ลดลง ทั้งยังเพิ่มขึ้น แต่ว่าเราเพียงแต่ไม่ได้รับความบรรเทาใจหรือมีความสุขจากสิ่งเดิมๆที่เคยทำเท่านั้น สิ่งที่ต้องทำคือ อดทน ค่ะ อดทนแบบนักบุญนั่นแหละ อย่าหยุดที่จะภาวนาในแบบเดิมๆ ทำอะไรแบบเดิมๆ เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวบอกความจริงใจและความรักมั่นคงนานที่เรามีค่ะ
สรุปคือ ตรวจสอบตัวเองดีๆก่อนนะคะว่า ความรัก ความเชื่อ ความหวัง นั้น ได้ลดลงจริงมั้ย เพราะมันจะมีอยู่ 2 อย่างคือ 1. อดทนทำสิ่งที่ทำอยู่ กับ 2. กระแสเรียกให้ทำในสิ่งใหม่ อาจจะไม่ใช่อะไรที่ใหม่ ฉีกแหวกแนวไปเลยก็ได้ แค่เราไปมิสซาและเห็นความหมายหรือมิติที่ลึกขึ้น นั่นก็คือ สิ่งใหม่แล้ว
ศีลบนข้อ 4 ของเบเนดิกตินคือ Stability นั่นคือ ต้องปฎิญาณว่า จะทำสิ่งซ้ำๆเดิมๆ เช่นตื่นนอน เคยหันไปทางหน้าต่าง มองต้นไม้ ก็ทำแบบนั้นทุกวัน วันแรก เราเห็นแค่ต้นไม้ ก็อาจจะน่าเบื่อนิดๆ แต่ถ้าเราอดทนต่อไป ต่อมาเราก็จะเห็นลายไม้ และต่อมาก็จะเริ่มเห็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆบนนั้น เห็นมดเดิน (ถ้าเรามองแค่วันแรก แล้วเลิกมอง เราก็จะเห็นแค่ต้นไม่นั้นแหละ) ... ต่อมา เราก็เริ่มเห็นเรื่องราวของมด เห็นมันทำงาน บางครั้งมันทะเลาะกันก็มี บางครั้งบางตัวตาย บางครั้งมีตัวอะไรไม่รู้มากินมด ต้นไม้นั้น ก็ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา แต่จะเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นในใจเรา แล้วจิตเราก็จะละเอียดขึ้น จิตที่ละเอียดขึ้นจะเห็นความงามและความสดชื่นที่คนอื่นมองข้ามไป พอมองเห็นภาพนะคะ ในพิธีมิสซาหรืออะไรก็ตามที่เราทำซ้ำๆ เหมือนกัน ถ้าเรามีความลึกซึ้งขึ้น เราก็จะมีชีวิตมากขึ้น
เรื่องกระแสเรียกให้ทำสิ่งใหม่ ไม่มีใครตอบได้นะคะว่า ต้องทำอะไร จะเฝ้าศีลดี จะอ่านหนังสือศรัทธาดี หรืออะไร วิธีหาคือ ต้องลองทำค่ะ แล้วพระจิตจะนำทางเองว่า นี่คือสิ่งที่พระอยากให้คุณได้ทำมั้ย
มหาพรต พระจะสร้างสิ่งใหม่ในเรานะคะ ขอให้ใช้โอกาสนี้ในการกระชับความสัมพันธ์กับพระองค์นะคะ
ขอขอบคุณท่านทั้งหลายมาอีกครั้งขอบคุณจริงๆครับ น่าจะเป็นที่(NEWMANA)ที่เดียวมังครับที่มีการให้กำลังใจไม่ผิดหวังเลยครับ
ทุกท่านโพสต์มาใด้ถูกต้องทุกท่าน ผมละอายใจจริงที่จะบอกว่าผมก็ใกล้ชิดกับพระองค์มากคนนึง เพราะผมเป็นผู้นึงที่อ่านบทอ่าน
อยู่เกือบจะเป็นประจำ แหมมันน่าจริงๆ ครับ ok มีกำลังใจท่วมท้นแบบนี้ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ
ทุกท่านโพสต์มาใด้ถูกต้องทุกท่าน ผมละอายใจจริงที่จะบอกว่าผมก็ใกล้ชิดกับพระองค์มากคนนึง เพราะผมเป็นผู้นึงที่อ่านบทอ่าน
อยู่เกือบจะเป็นประจำ แหมมันน่าจริงๆ ครับ ok มีกำลังใจท่วมท้นแบบนี้ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ
ขอพระอวพรค่ะslater เขียน: ขอขอบคุณท่านทั้งหลายมาอีกครั้งขอบคุณจริงๆครับ น่าจะเป็นที่(NEWMANA)ที่เดียวมังครับที่มีการให้กำลังใจไม่ผิดหวังเลยครับ
ทุกท่านโพสต์มาใด้ถูกต้องทุกท่าน ผมละอายใจจริงที่จะบอกว่าผมก็ใกล้ชิดกับพระองค์มากคนนึง เพราะผมเป็นผู้นึงที่อ่านบทอ่าน
อยู่เกือบจะเป็นประจำ แหมมันน่าจริงๆ ครับ ok มีกำลังใจท่วมท้นแบบนี้ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ
มิน่าล่ะslater เขียน: ผมละอายใจจริงที่จะบอกว่าผมก็ใกล้ชิดกับพระองค์มากคนนึง เพราะผมเป็นผู้นึงที่อ่านบทอ่าน
อยู่เกือบจะเป็นประจำ
ไม่แปลกนะคะที่คนที่ช่วยพิธีกรรมจะเป็นแบบนี้ บางครั้งด้วยหน้าที่ ทำให้เรามุ่งที่จะทำให้สำเร็จจนไม่ได้รำพึงอะไร อย่างอ่านบทอ่าน ตอนอ่านเราก็ไม่ได้รำพึง ไม่เหมือนคนนั่งข้างล่าง เค้ามีโอกาสได้นั่งหลับตา ไตร่ตรอง เราจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องจดจ่อกับการอ่าน ... ต้องเตรียมขึ้นไปอ่าน ตอนอ่านก็ต้องมีสมาธิ เดี๋ยวหลุด พอจะเดินลง ก็ต้องเดินดีๆ เกิดสะดุดล้มไปก็แย่เลย และพอมานั่ง ก็จะใช้เวลาซักพัก กว่าจะหายตื่นเต้น จะให้รำพึงลึกซึ้งอะไร ก็จะทำยากเหมือนกัน
เป็นเด็กช่วยมิสซาเหมือนกันค่ะ ตอนช่วยก็ไม่ได้สวดหรือรำพึงอะไรมากเท่ากับตอนที่นั่งข้างล่าง เพราะต้องมีสมาธิ เดี๋ยวหลุด ก็ต้องพยายามปรับสมดุลตัวเองเหมือนกันค่ะ ให่สามารถที่จะรับใช้ได้ และก็มีเวลาได้ลึกซึ้งกับพระองค์ไปด้วย อย่างตอนรับศีลเสร็จ ปกติจะได้สวดนานๆ ก็ไม่ได้สวด เพราะต้องคอยดูว่า แถวไหนแผ่นศีลจะหมด ต้องคอยเติม ก็ต้องปรับตัวน่ะค่ะ
ทำดีแล้ว ขอให้ทำดีต่อไปนะคะ พระอวยพรนะคะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ทำสปา ...ล้างพิษ จิตวิญญาณบ่อยๆ คร้าบ :afro: