เพราะความรักของพระเจ้า
โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 10, 2009 3:55 pm
[เหตุที่ดิฉันมาเชื่อพระเจ้า เพราะดิฉันสัมผัสได้ถึงความรักของพระเยซูคริสต์ ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของดิฉันเป็นครอบครัวที่เชื่อเรื่องผี ไสยศาสตร์ โดยเฉพาะปู่กับตาของดิฉันเป็นหมอผีประจำหมู่บ้าน แต่วันหนึ่งความรอดขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาถึงครอบครัวดิฉัน ไม่รู้เพราะสาเหตุใด คุณพ่อของดิฉันก็ให้ทั้งครอบครัวมาเป็นคริสเตียน ญาติพี่น้องทุกคนไม่มีใครเห็นด้วยเลย ญาติพี่น้องบางคนก็โกรธและโมโห มาบอกครอบครัวดิฉันว่า " ตั้งแต่นี้ไปความเป็นพี่น้อง ของพวกเราตัดขาดกัน เราไม่ใช่พี่น้องกันอีก"
นับว่าเป็นเรื่องที่เศร้าใจมาก ทั้งครอบครัวดิฉันมี 7 คน พวกเราต้องอยู่ด้วยความเชื่อและอธิษฐานต่อพระเป็นเจ้าว่า ขอพระองค์ทรงช่วยครอบครัวของเรา เรารู้สึกแปลกใจว่า "ทำไม มาเชื่อพระเยซูแล้วไม่มีใครเห็นด้วย สังสัยว่าพระองค์มีจริงไหม? แต่พวกเราก็คงรอคอยอย่างมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเราทั้งครอบครัวได้ไปร่วมนมัสการพระเจ้ามาโดยตลอด จนกระทั่งพวกเราสัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ เป็นความรักที่ไม่สามารถบรรยายได้หมด เป็นความรักที่วันนี้ดิฉันได้อยู่ ณ ที่นี้ได้ ซึ่งสัมผัสได้ว่าทุกย่างก้าวที่เราเดินไป ไม่ว่าจะแห่งใดก็ตาม พระองค์ทรงอยู่เคียงข้าง ปกป้องคุ้มภัย เวลาที่เราเจอกับความทุกข์ ร้องไห้เสียน้ำตา หรือ ผิดหวังในชีวิต พระองค์คอยเช็คน้ำตาทุกๆ หยด เวลาที่เรารู้สึกว่าเราคนเดียว โดดเดี่ยวเดียวดาย เหมือนผู้คนที่ละทิ้งเราหมด พระองค์ทรงตรัสกับเราว่า "อย่ากลัว เราอยู่กับเจ้า" พระองค์คอยชี้แนะเราเวลามีปัญหา ในพระวรสารของพระองค์คอยหนุนใจ และให้คำตอบในชีวิตทุกๆ ครั้ง และที่สำคัญที่สุดในวันนี้ที่ดิฉันได้ค้นพบคือ " พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงรักเราทั้งหลาย ที่เป็นคนบาป ที่ไม่สมควรแม้แต่น้อย เหมือนอย่างที่นักบุญยอห์นได้กล่าวไว้ว่า "ไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์" สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่า ชีวิตของเรามีค่ามากในสายพระเนตรของพระองค์
ไม่ใช่ดิฉันเท่านั้น พวกเราทั้งครอบครัว วันนี้เรามีความสุขมากที่อยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้จะทุกข์หรือสุข เรายิ้มได้ เพราะเรารู้ว่า เราไม่ใช่ต่อสู้เพียงลำพัง พระองค์ทรงอยู่กับเรา นับแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ ญาติพีน้องที่เคยบอกว่า "ตัดขาดกัน" กลับมาเป็นพี่น้องที่รักกันเหมือนเดิม "เขาบอกว่า ทำไมครอบครัวดิฉันไม่เหมือนครอบครัวอื่น เราไม่ได้ร่ำรวยขึ้นเลย แต่ทำไมเราถึงมีความสุขได้ เขาอยากรู้จักพระเจ้า แต่เหมือนยังมีบางสิ่งที่บังตาเขาอยู่ พวกเราก็ได้แต่อธิษฐานเผื่อพวกเขา " ดิฉันอยากจะกล่าว ณ ตอนนี้ว่า "แท้ที่จริงแล้วเมื่อเราอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ความร่ำรวย ทรัพย์สิ่งของมากมายในโลกนี้ เป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเรารู้ว่า แท้ที่จริงบ้านของเราอยู่บนสวรรค์ต่างหาก. องค์พระเยซูคริสตเจ้าได้ตรัสไว้ว่า "อย่าให้เราส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในโลก เพราะมันจะเสื่อมสูญไป แมลงอาจกัดกินได้ แต่ให้เราส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้บนสวรรค์ ที่ไม่มีวันร่วงโรย หรือแมลงกัดกินได้" เราขอบคุณพระเยซูคริสตเจ้าที่ให้พวกเราไม่มั่งมีจนเกินไป หรือยากจนเกินไป เรามีเพียงพอในแต่ละวัน เมื่อเราทุกข์ยาก เรากลับขอบคุณพระองค์ที่ให้เราได้มีส่วนในการทนทุกข์กับพระองค์ แม้เป็นเพียงทุกข์เล็กๆ น้อยๆ แต่นั่นเป็นบทเรียนที่ทำให้เรารู้ว่า เราพร้อมที่จะให้พระองค์ทั้งชีวิต และทุกสิ่งที่เรามีอยู่ เพราะสิ่งที่เราคิดว่าเป็นของเรา แท้จริงแล้วเป็นของพระองค์เพียงผู้เดียว..
ดิฉันเชื่อเหลือเกินว่า คำพยานของดิฉันแม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบทุกอย่าง....พระองค์จะทรงให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความเชื่อให้แก่ทุกท่านที่ได้มาหาพระองค์อย่างหมดใจ....
และให้ท่านที่จะเป็นดังแสงสว่างส่องไปในทุกที่... เพื่อให้ผู้คนมากมายได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์
นับว่าเป็นเรื่องที่เศร้าใจมาก ทั้งครอบครัวดิฉันมี 7 คน พวกเราต้องอยู่ด้วยความเชื่อและอธิษฐานต่อพระเป็นเจ้าว่า ขอพระองค์ทรงช่วยครอบครัวของเรา เรารู้สึกแปลกใจว่า "ทำไม มาเชื่อพระเยซูแล้วไม่มีใครเห็นด้วย สังสัยว่าพระองค์มีจริงไหม? แต่พวกเราก็คงรอคอยอย่างมีความหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเราทั้งครอบครัวได้ไปร่วมนมัสการพระเจ้ามาโดยตลอด จนกระทั่งพวกเราสัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ เป็นความรักที่ไม่สามารถบรรยายได้หมด เป็นความรักที่วันนี้ดิฉันได้อยู่ ณ ที่นี้ได้ ซึ่งสัมผัสได้ว่าทุกย่างก้าวที่เราเดินไป ไม่ว่าจะแห่งใดก็ตาม พระองค์ทรงอยู่เคียงข้าง ปกป้องคุ้มภัย เวลาที่เราเจอกับความทุกข์ ร้องไห้เสียน้ำตา หรือ ผิดหวังในชีวิต พระองค์คอยเช็คน้ำตาทุกๆ หยด เวลาที่เรารู้สึกว่าเราคนเดียว โดดเดี่ยวเดียวดาย เหมือนผู้คนที่ละทิ้งเราหมด พระองค์ทรงตรัสกับเราว่า "อย่ากลัว เราอยู่กับเจ้า" พระองค์คอยชี้แนะเราเวลามีปัญหา ในพระวรสารของพระองค์คอยหนุนใจ และให้คำตอบในชีวิตทุกๆ ครั้ง และที่สำคัญที่สุดในวันนี้ที่ดิฉันได้ค้นพบคือ " พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงรักเราทั้งหลาย ที่เป็นคนบาป ที่ไม่สมควรแม้แต่น้อย เหมือนอย่างที่นักบุญยอห์นได้กล่าวไว้ว่า "ไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์" สิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่า ชีวิตของเรามีค่ามากในสายพระเนตรของพระองค์
ไม่ใช่ดิฉันเท่านั้น พวกเราทั้งครอบครัว วันนี้เรามีความสุขมากที่อยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้จะทุกข์หรือสุข เรายิ้มได้ เพราะเรารู้ว่า เราไม่ใช่ต่อสู้เพียงลำพัง พระองค์ทรงอยู่กับเรา นับแต่วันนั้นมาถึงวันนี้ ญาติพีน้องที่เคยบอกว่า "ตัดขาดกัน" กลับมาเป็นพี่น้องที่รักกันเหมือนเดิม "เขาบอกว่า ทำไมครอบครัวดิฉันไม่เหมือนครอบครัวอื่น เราไม่ได้ร่ำรวยขึ้นเลย แต่ทำไมเราถึงมีความสุขได้ เขาอยากรู้จักพระเจ้า แต่เหมือนยังมีบางสิ่งที่บังตาเขาอยู่ พวกเราก็ได้แต่อธิษฐานเผื่อพวกเขา " ดิฉันอยากจะกล่าว ณ ตอนนี้ว่า "แท้ที่จริงแล้วเมื่อเราอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ความร่ำรวย ทรัพย์สิ่งของมากมายในโลกนี้ เป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเรารู้ว่า แท้ที่จริงบ้านของเราอยู่บนสวรรค์ต่างหาก. องค์พระเยซูคริสตเจ้าได้ตรัสไว้ว่า "อย่าให้เราส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในโลก เพราะมันจะเสื่อมสูญไป แมลงอาจกัดกินได้ แต่ให้เราส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้บนสวรรค์ ที่ไม่มีวันร่วงโรย หรือแมลงกัดกินได้" เราขอบคุณพระเยซูคริสตเจ้าที่ให้พวกเราไม่มั่งมีจนเกินไป หรือยากจนเกินไป เรามีเพียงพอในแต่ละวัน เมื่อเราทุกข์ยาก เรากลับขอบคุณพระองค์ที่ให้เราได้มีส่วนในการทนทุกข์กับพระองค์ แม้เป็นเพียงทุกข์เล็กๆ น้อยๆ แต่นั่นเป็นบทเรียนที่ทำให้เรารู้ว่า เราพร้อมที่จะให้พระองค์ทั้งชีวิต และทุกสิ่งที่เรามีอยู่ เพราะสิ่งที่เราคิดว่าเป็นของเรา แท้จริงแล้วเป็นของพระองค์เพียงผู้เดียว..
ดิฉันเชื่อเหลือเกินว่า คำพยานของดิฉันแม้จะเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบทุกอย่าง....พระองค์จะทรงให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานความเชื่อให้แก่ทุกท่านที่ได้มาหาพระองค์อย่างหมดใจ....
และให้ท่านที่จะเป็นดังแสงสว่างส่องไปในทุกที่... เพื่อให้ผู้คนมากมายได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์