Sexual inequity. Abortion.

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 4:16 pm

เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลยครับ เป็นแพทย์เวร แผนกกุมาร ต้องลุกมาดูทารกแรกเกิดที่มารดาไปทำแท้งมา แต่ดันรอด เดือนนี้เจอเป็นรายที่สองแล้วครับ รายแรกนี่ไม่แน่ใจว่าไปทำแท้งมาหรือไม่ แต่เป็นแม่วัยรุ่น มาคลอดก่อนกำหนด ชนิดก่อนมากๆสุดท้ายเด็กก็ไม่รอดครับ หลังจากทนทรมานใช้โทษบาปแทนหลายๆคนอยู่ราว 10 ชม. ของวันนี้ก็ยังลุ้นอยู่

กรณึล่าสุดเมื่อคืนจากการสอบถามประวัติได้ความว่ามารดาของทารกรายนี้ เป็นนักศึกษามหาลัยปีที่ 3 ซึ่งไปมีความสัมพันธ์ กับชายที่ไม่รับผิดชอบรายหนึ่ง ซึ่งอันที่จริงเป็นคนมีฐานะมีหน้าที่การงานที่ใช้ได้ ไม่ใช่เพื่อนนักศึกษาด้วยกัน ผมไม่ทราบว่าชายคนนั้นมีภรรยาแล้วหรือไม่


ตอนแรกก็รู้สึกว่ารับไม่ได้กับผู้หญิงที่ทำอะไรอย่างนี้ แต่มาคิดๆใคร่ครวญดู และจากการถามประวัติเพิ่มเติม ทำให้รู้สึกว่าหลายครั้ง สังคมไทยเราเอาเปรียบผู้หญิงมากเกินไปจริงๆ หลายครอบครัวสอนลูกสาวอย่างหนึ่ง แต่สอนลูกชายอีกอย่างหนึ่ง คือเป็นหญิงให้พึงระวังตัว ให้รักนวลสงวนตัว แต่เป็นชายนี่จะอย่างไรก็ได้ไม่ว่ากัน อย่าให้ติดโรคมาเป็นพอ

ในหลักศาสนาคริสต์เน้นในเรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศอยู่มาก แม้ว่าในเรื่องพิธีการ หรือตำแหน่งบาทหลวงคาทอลิกยังไม่ยอมรับให้ผู้หญิงเข้ามาทำหน้าที่ก็ตาม นับว่าน่าภูมิใจอยู่เหมือนกันที่ศาสนาเราเป็นศาสนาที่เน้นเรื่องผัวเดียวเมียเดียว

สำหรับสังคมไทยนั้นการขาดอำนาจต่อรองในเรื่องเพศทำให้เพศหญิงถูกเอาเปรียบ ถูกล่วงละเมิด และบ่อยครั้งที่ติดโรคเอดส์จากสามีที่ไม่ซื่อสัตย์ ที่แย่กว่านั้นคือเอามาติดลูกในครรภ์ด้วย

หลายครั้งทีผมเองรู้สึกหนักใจกับปัญหาของผู้ป่วยทีมีต้นตอมาจากสังคมอันยอมรับความไม่เท่าเทียมทางเพศนี้

ผมรับไม่ได้กับการนำเสนอแนวคิดว่าวัฒนธรรมไทยนั้นดี และพยายามเน้นว่าผู้หญิงไทยที่ดีต้องรักนวลสงวนตัว แต่ไม่เคยหาทางออกให้กับผู้หญิงที่พลาดไปเพราะอ่อนประสบการณ์ และแทบไม่เคยตำหนิผู้ชายที่ฉวยโอกาสจากวัฒนธรรมความไม่เท่าเทียมอันเป็นส่วนเสียที่น่ารังเกียจของวัฒนธรรมไทยเหมือนกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 11:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
minnie

ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 5:18 pm

ขอพระเยซู แม่พระของเรา อัครเทวดา สหพันธ์นักบุณ

ช่วยคุ้มครอง น้องเค้าให้เจอทางที่ถูกต้อง ให้น้องเค้ามีกำลังใจ

ในการดำเนินชีวิต มีชีวิตใหม่ที่ดีค่ะ

ขอให้ ลูกของน้องเค้า เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ค่ะ

ขอพระองค์ทรงเมตตาเทอญ

ขอขอบคุณพระองค์ค่ะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 10:20 pm

บทความที่ผมเขียนไว้นานแล้วครับ

***พระเยซูเจ้าทรงเป็นศาสดาที่ให้เกียรติสตรี ปฎิวัติสิทธิสตรี และเมตตาต่อสตรีอย่างโดดเด่นเห็นชัดที่สุด***

รูปภาพ

พระวรสารนักบุญยอห์น ยน 8/1

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหาร ประชาชนทุกคนเข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์จึงประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน

บรรดาธรรมาจารย์(ผู้สอนศาสนา)และชาวฟาริสี(พวกเคร่งครัดบัญญัติ)ได้นำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงผู้นี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางมายืนตรงกลาง

แล้วทูลถามพระองค์ว่า "อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้เอาหินทุ่มหญิงประเภทนี้ให้ตาย แล้วท่านจะว่าอย่างไร?"

เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ หากพระองค์บอกว่าไม่ให้ทุ่มนางด้วยพระทัยเมตตาเขาจะหาว่าพระองค์ผิดบัญญัติ และหากพระองค์ให้เอาหินทุ่มนาง เขาจะได้หาว่าพระองค์ไร้เมตตา

แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน

เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า "ท่านผู้ใดที่ไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด"

แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป

เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ เขาค่อยๆทยอยออกไปทีละคนด้วยความละอาย เริ่มจากผู้อาวุโสก่อน จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม

พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า "นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด? ไม่มีใครเอาโทษท่านเลยหรือ?"

หญิงคนนั้นทูลตอบว่า "ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า"

พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า "เราก็ไม่เอาโทษท่านด้วย ไปเถิด.......และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก"

----------------------------------------------

เป็นที่น่าสังเกตุว่าในเรื่องนี้จะมีการลงโทษหญิงที่ผิดประเวณี แต่หญิงผิดประเวณีคนเดียวได้ที่ไหนแสดงว่าต้องมีผู้ชายด้วย แล้วผู้ชายนั้นไม่ถือว่าทำผิดประเวณีด้วยเหมือนกันหรือ.........แล้วเขาหายไปไหน ทำไมไม่มีการโดนลากมาลงโทษ

บทนี้มี2ประเด็นให้ขบ

1. ในทุกยุคทุกสมัย สตรี จะถูกลงโทษจากสังคมรุนแรงกว่าชายในเรื่องความผิดทางเพศ
2. พระเมตตาของพระเยซู กลับตรงข้ามกับค่านิยมและอารมณ์ของคน พระองค์ทรงเมตตาทุกคนดุจเดียวกันไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง นี่เป็นจุดเด่นชัดของคำว่าสิทธิสตรีเมื่อ2000ปีมาแล้ว ไม่ใช่สิทธิในการทำผิด แต่เป็นสิทธิในการรับการให้อภัยและให้โอกาส ไม่น้อยกว่าชาย

รูปภาพ


พระวรสารนักบุญมัทธิว มธ 5/27

'ท่านได้ยินคำกล่าวที่ว่า อย่าล่วงประเวณี

แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว

ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป จงควักมันทิ้งเสีย เพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดของท่านตกนรก

------------------------------------------
เราได้พบการสอนของพระเยซูในเรื่องของการเคารพและให้เกียรติสตรี และการตำหนิในการล่วงละเมิดทางเพศ พระองค์มองว่าการมองหญิงด้วยความใคร่ของชาย เป็นหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องควบคุมจิตใจและอารมณ์ มากกว่าไปโทษความงามของหญิง ที่ไม่น่าเชื่อก็ตรงที่มันเป็นเรื่องที่กล่าวมานานกว่า2000ปี ในแถบตะวันออกกลาง ยุคสมัยที่สตรีเป็นเบี้ยล่างอย่างสุดๆแม้กระทั่งในปัจจุบัน น่าเสียดายที่ในแถบนั้นไม่ได้รับรู้ความรักและเมตตาของพระเยซูคริสต์อย่างแพร่หลาย เราจึงได้เห็นข่าวการตกนรกทั้งเป็นของสตรีในแถบนั้นอยู่บ่อยๆ


มธ 19/3

ชาวฟาริสีบางคนเข้ามาเพื่อจับผิดพระเยซู ทูลถามว่า "เป็นการถูกต้องหรือไม่ ที่ชายจะหย่าร้างกับภรรยาเนื่องจากเหตุใดก็ตาม?"

พระองค์ทรงตอบว่า "ท่านไม่ได้อ่านพระคัมภีร์หรือว่า พระผู้สร้างเมื่อแรกนั้นทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นชายและหญิง และตรัสว่า เพราะฉะนั้น ชายจะละบิดามารดาไปสนิทอยู่กับภรรยาของตนและชายหญิงจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนี้ เขาจึงไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน ฉะนั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงรวมไว้ มนุษย์อย่าได้แยกเลย"

พวกเขาจึงทูลว่า "แล้วทำไมโมเสสจึงได้สั่งให้ชายทำหนังสือหย่าร้างแล้วหย่าร้างได้เล่า?"

พระองค์ตรัสว่า "เพราะใจของท่านทั้งหลายแข็งกระด้าง โมเสสจึงยอมอนุญาตให้หย่าร้างได้ แต่เมื่อแรกเริ่มนั้น หาเป็นเช่นนี้ไม่

เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดหย่าร้างภรรยาและแต่งงานกับอีกคนหนึ่ง เขาก็ทำผิดประเวณี -เว้นแต่ในกรณีแต่งงานไม่ถูกต้อง-"

---------------------------------------

เราได้พบเห็นอีกว่าในสมัยก่อนนั้น ชายมีสิทธิหย่าภรรยาได้ แต่หญิงไม่มีสิทธิเป็นฝ่ายหย่า จุดนี้เราได้เห็นสองอย่าง คือนัยะ ของการคิดว่าภรรยาเป็นสมบัติของสามี สามีทิ้งภรรยาได้ แต่ภรรยาไม่มีสิทธิ์ทิ้งสามี และนัยยะในเรื่องสิทธิ์ที่ไม่เท่าเทียมที่ชายมีสิทธิ์หย่า แต่หญิงไม่มีสิทธิ์

แต่พระเยซูทรงบอกว่าการแต่งงานไม่ใช่ใครเป็นสมบัติใคร ไม่มีใครมีสิทธิทิ้งใคร หรือเที่ยวยกภรรยาให้ใคร แต่ทั้งสองเท่าเทียมกัน เขาเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ได้มีใครสูงต่ำกว่ากัน

รูปภาพ

เราจะเห็นว่าในทัศนะของพระเยซู คำว่าสิทธิ์ของชายและหญิงที่เท่าเทียมกันของพระองค์คือสิทธิ์ในทางดีที่ทุกคนสมควรได้รับ ถ้าใครถูกริดรอนสิทธิ์ที่ดี พระองค์จะสอนว่าต้องให้มีเท่ากัน แต่ถ้าเป็นสิทธิ์ในทางไม่ดี พระองค์จะตัดสิทธิ์ให้ไม่มีทั้งคู่เท่าๆกัน (ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนสอนย้ำและให้คำตอบในกรณี ที่หญิงบางคนในปัจจุบันที่ชอบเรียกร้องสิทธิสตรีในทางที่ผิด เช่นสิทธิในการทำแท้ง สิทธิในการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ฯลฯ)

พระองค์ทรงพระปรีชาญาณอย่างน่าอัศจรรย์

พระเยซูเจ้าจึงเป็นศาสดาผู้โดดเด่นมากในแง่ของการปฎิวัติสิทธิสตรีในประวัติศาสตร์โลก



เราจะหาพระเจ้าที่น่ารักเช่นนี้ได้ที่ไหนอีก เราจะหาคนที่รักเราเท่าเทียมกันโดยไม่มีเรื่องเพศกีดขวางได้เท่าพระองค์อีกหรือ พระเยซูไม่เคยสอนเราเลยว่าเรื่องเพศจะเป็นสาระสำคัญกีดขวางในการบรรลุเข้าสู่จุดเป้าหมายสูงสุด(อาณาจักรสวรรค์นิรันดร)ของศาสนาของพระองค์ พระองค์ทำให้ผมทึ่งเสมอ จากสิทธิเด็กถึงสิทธิสตรี พระองค์ก้าวล้ำนำโลกถึง2000ปี

พระองค์คือพระเจ้าของผู้ต่ำต้อย ผู้ถูกกดขี่ และผู้ได้รับความอยุติธรรมโดยแท้ เป็นบุญยิ่งใหญ่ของลูกที่ได้รู้จักและได้รักพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้าของลูก
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 10:31 pm

คุณหมอ โต้ง น่าจะศึกษา เรื่อง Feminist อย่างลึกนะคะ

เทอมนี้ ดิฉันเปิด สอน ด้วย และให้นักศึกษาลงพื้นที่
หาข้อมูล หลายประเด็น นักศึกษามีทั้งชายและหญิง

ทางคริสเตียนเรา ทำสัมมนา และสอนใน seminary แล้วค่ะ

ทางแสงธรรมยังไม่สอน :D
claustrophobia

ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 10:34 pm

พระองค์รักเราทุกคนครับไม่ว่าเราจะเป็นยังไงเศร้าทุกข์สนุกสนาน
;)
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 11:24 am

ผมไม่ได้เป็น feminist นะครับ ทรรศนะทางการเมืองของผมเป็น marxist ครับ แต่เป็น marxist ที่ยังเชื่อพระเจ้าอยู่ แม้จะไม่ใช่ศาสนิกชนที่เคร่งครัดนักก็ตามครับ

แนว feminist โจมตีผู้ชายว่าใช้ความได้เปรียยตามธรรมชาติ เนื่องจากแข็งแรงกว่า แต่ชาว marxist มองว่าเป็นเพราะระบบการถือครองทรัพย์สินนั้นตกเป็นของชาย หลังจากที่สังคมมนุษย์เริ่มพัฒนาการผลิต และมีอาหารส่วนเกิน ทำให้ผู้ชายเริ่มกดผู้หญิงลงเป็นเบียล่าง ขณะเดียวกันก็กดขี่กันเองจนเกิดระบบชนชั้นขึ้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
fizzy vippie
โพสต์: 371
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ม.ค. 26, 2005 10:58 am

เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 11:43 am

เรื่องแบบนี้มันเป็น social attitude ที่พัฒนามาโดยมีพื้นฐานอยู่ที่วัฒนธรรมและสังคมนั้นเคยเป็นมาอย่างไร
การที่เราจะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของสังคมไทยส่วนรวมที่มีที่มายังรากลึกในประวัติศาสตร์ก็คงจะยากอยู่
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะถ้ากระแสผู้คนต่อต้านและเลิกที่จะยอมรับสิ่งเดิมๆที่ล้าหลังไปแล้วมากๆเข้า
การเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้นได้ ตามหลักการ extinction ของพฤติกรรมมนุษย์
แก้ไขล่าสุดโดย fizzy vippie เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 11:44 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
spirit

เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 12:06 pm

แกะหลงอยากให้คุณหมอมองอีกมุมว่าเรื่องแบบนี้ เราคนเดียวแก้ไข สังคมสมัยนี้ ที่ทุกคนเอารัดเอาเปรียบกันมากขึ้น ขาดความรับผิดชอบมากขึ้นไม่ได้ หรืออยากแก้แต่ปัญหามันอยู่ที่ ไหนกันแน่ เด็ก ครอบครัว หรือศีลธรรม ผู้ชายคนนั้น วัฒนธรรมที่รับมาผิดๆๆ หรือแม้แต่เฟรชชี่ ม.เกษตรฆ่าตัวตายเพราะ หนีรับน้อง หนีพรีเทส ทะเลาะกับแฟน ความผิดอยู่ที่ เด็กเป็นคนเครียดจริงจังกับชีวิต ไม่ชอบรับน้องเต้นลามก พ่อแม่ไม่มีเวลาไปปฐมนิเทศเพราะต้องทำงานหากไปจะรู้ว่าพรีเทสอังกฤษนะไม่มีผลต่อการเรียน กดดันแต่ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีทางออก ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ หรือไม่มีใครผิด

แกะหลงคงได้แต่ร้องเพลงของวงเฉลียงเพลงนี้ว่า
เด็กหนีไม่ยอมเรียน โดดเรียนเพราะเหตุใด ใครตอบได้ไหม เด็กไปเพราะใจเบ่ง แม่ให้ไปขายของ ครูสอนไม่ดีเอง เด็กรัก เป็นนักเลง อื่นๆอีกมากมายๆ หลายอย่างที่ไม่รู้ อาจจะจริงเราเห็นอยู่ เผื่อใจไว้ที่ยังไม่เห็น
แก้ไขล่าสุดโดย spirit เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 12:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 12:06 pm

OK

ยังไงผมก็ไม่อาจจะเห็นด้วยกับกฎหมายห้ามทำแท้งครับ เพราะมันบังคับใช้ไม่ได้จริง ในทางปฏิบัติมันไม่ได้ลดอัตราการทำแท้ง หากแต่เพิ่มอัตราการทำแท้งเถื่อน การทำแท้งแบบ low tech ซึ่งทำให้ผู้หญิงต้องรับเคราะห์ แม้จะเป็นบาปกรรมที่ตนเองก่อด้วยก็ตาม แต่ผู้ชายไม่เคยต้องเสี่ยงอะไรเลย กฎหมายบอกห้ามทำแท้ง แต่ไม่เคยเอาผิดผู้ชายเลย


ไม่ได้เห็นด้วยกับทำแท้งก็จริง แต่ก็ไม่สนับสนุนให้มีกฎหมายแบบนี้เหมือนกันครับ


กฎหมายห้ามทำแท้งนี่ไม่ได้ยกระดับศีลธรรมของคนในสังคมขึ้นเลย เป็นกฎหมายที่ผู้ชายออกมาควลคุมผู้หญิงมากกว่าจะออกมาเพราะเคารพในสิทธิการมีชีวิตอยู่ของเด็กในครรภ์

กฎหมายนี้ทำให้อัตราการแท้งติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนสารพัดเกิดกับผู้หญิงที่ไม่มีเงินจะไปทำแท้งแบบสะอาด ขณะเดียวกันคนมีตังค์จ้างแพทย์ที่มีฝีมือทำให้แล้วปิดเงียบ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 11:58 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 12:21 pm

sansrepos เขียน: ผมไม่ได้เป็น feminist นะครับ ทรรศนะทางการเมืองของผมเป็น marxist ครับ แต่เป็น marxist ที่ยังเชื่อพระเจ้าอยู่ แม้จะไม่ใช่ศาสนิกชนที่เคร่งครัดนักก็ตามครับ

แนว feminist โจมตีผู้ชายว่าใช้ความได้เปรียยตามธรรมชาติ เนื่องจากแข็งแรงกว่า แต่ชาว marxist มองว่าเป็นเพราะระบบการถือครองทรัพย์สินนั้นตกเป็นของชาย หลังจากที่สังคมมนุษย์เริ่มพัฒนาการผลิต และมีอาหารส่วนเกิน ทำให้ผู้ชายเริ่มกดผู้หญิงลงเป็นเบียล่าง ขณะเดียวกันก็กดขี่กันเองจนเกิดระบบชนชั้นขึ้น
พี่พีพีฝากบอกว่า คุณหมอเข้าใจผิด เรื่อง feminist อ่ะ ถ้าพี่หมอโต้งศึกษาอย่างจริงๆ แล้ว จะเข้าใจการทรงสร้างของพระเจ้า ให้มนุษย์ ชาย หญิง อยู่ร่วมกันในสังคม อย่างมีศักดิ์ศรีทัดเทียมกัน เป็นผู้อุปถัมภ์กันและก่อให้เกิดสันติภาพ ฮะ :D

ขอคารวะ รับสาร มาแค่นี้คับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ot@
~@
โพสต์: 989
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:44 pm

เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 9:10 pm

อ่านดูแล้วค่อนข้างเห็นด้วยกับหมอนะ :-\

ผมเจอกับเรื่องแบบนี้เยอะ โดยเฉพาะที่ทำงานเจอแต่กับผู้หญิง เรื่องแบบนี้น่าสงสารเขามากๆเลยอะครับ ผู้หญิงเสียเปรียบจริงๆ

สำหรับพระเยซูเจ้าแล้ว ผมทราบว่าทุกคน ไมว่าเพศใดฐานะใด ก็เท่าเทียมกัน
แต่น่าเสียดายที่คนทุกคนในโลกไม่เอาพระเยซูเป็นแบบอย่าง :'(
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 1:32 am

แต่การยอมให้ทำแท้งเสรี
คิดดูเอาว่าเด็กผู้หญิงที่รักสนุก จะยิ่งมีความสุขกันใหญ่
การให้ทำแท้งลำบาก ก็ทำให้พวกผู้หญิงระวังมากขึ้น
เพื่อไม่ให้ท้อง

อย่างน้อยจิตสำนึกเรืองศีลธรรมก็ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง
เพราะทำให้เราเห็นถึงคุณค่าของชีวิตมากขึ้น
ถ้าเราเปิดเสรี สิ่งที่พวกผู้หญิงรักสนุกคิดก็คือ
มันแค่ก้อนเลือดที่ไหลออกไปเท่านั้นสินะ
จิตสำนึกว่านั่นคือชีวิตมันจะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ จากที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว
กลายเป็นไม่มีเลย

ขยันทำ แต่ไม่ขยันรับผิดชอบ
LL ยังเชื่อว่า หากเราเปิดเสรี ตัวเลขคนทำแท้งคงพุ่งกระฉูด
เหมือนที่แม่พระตรัสไว้ว่า
เด็กทารกถูกทำแท้งมากกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 รวมกันเสียอีก
เสียงร้องของพวกเขาดังไปถึงสวรรค์

การทำแท้งคือการฆ่าคนคะ
แถมเป็นการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมกว่าการฆาตกรรมทั่วไปด้วย
เพราะฆาตกรทั่วไป คือใครที่ไหนก็ไม่รู้
แต่การทำแท้ง ฆาตกร คือ พ่อและแม่ที่ให้กำเนิด
มันเป็นฆาตกรที่น่าสะอิดสะเอียน และ สยดสยองที่สุดในโลกคะ

ดังนั้น การห้ามทำแท้ง
เป็นการหยุดการฆาตกรรมโฉดได้ในระดับหนึ่ง

เหมือนกฏหมายที่ไม่สามารถหยุดอาญชกรรมได้
แต่ก็ควบคุมได้ในระดับหนึ่งคะ
minnie

อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 7:00 am

มานอกเรื่องค่ะ อิอิ

หมอโต้งเค้าอยู่อุตรดิตถ์ ค่ะ ใช้ทุนจะครบแล้วค่ะ
เป็นห่วงน้องหมอเหมือนกันค่ะ เรื่อง ไปโบสถ์
หมอต้องปั่น เสือภูเขา ไปโบสถื ถึง 3 กิโล

ที่โน้นหมอเล่าให้ฟังว่า มีคุณพ่อเจ้าวัดอยู่คนเดียว
และมีคณะซิสเตอร์

มีสัตบุรุษไปโบสถ์ประมาณ 15 คนเอง :(

หมอบอกว่า เมื่อก่อน ไม่มีคุณพ่อเจ้าวัด คุณพ่อจากสุโขทัย
ต้องขับรถมาถึง 60 กิโล เพื่อมาทำมิซซาให้สัตบุรุษค่ะ

อีกอย่าง หมอทำงานไม่เป็นเวลา บางทีหมอก็ไม่ได้ไปวันอาทิตย์ค่ะ

ปีหน้าหมอก็กลับมาเรียนต่อที่จุฬาแล้ว

ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ :D

ในมุมมองของหมอโต้ง หมอต้องการสื่อว่า

ทำไมไม่มีอะไรมาลงโทษผู้ชายบ้าง
ผู้หญิงเป็นฝ่ายเจ็บปวดฝ่ายเดียวค่ะ
กรณี เคส Rape มีลูกออกมา ผู้หญิงเจ๊บปวด
แต่ผู้ชายละ บทบาทการลงโทษมีแค่ใหน
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 3:35 pm

เรื่องนั้นคือต้องพิ่มบทลงโทษผู้ชายคะ
ส่วนผู้หญิงที่ถูกข่มขืน แล้วเกิดท้องขึ้นมา
นั่นก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดคะ
แต่การทำแท้ง อย่างไรมันก็คือการฆ่าชีวิตอยู่ดี
ผู้หญิงที่โดนข่มขืน อาจจะคิดว่า
การทำแท้ง คือการรีดเลือดชั่วออกไป
แค่เลือดก้อนหนึ่ง
เขาอาจจะรู้สึกดีขึ้น เมื่อคิดแบบนั้น

LL ก็ไม่เคยเป็นแบบนั้น
ตอนนี้ก็พูดได้ แต่ถ้าเกิดแบบนั้นขึ้นมา
ก็ไม่รุ้ว่าจะพูดอย่างไร รุ้สึกอย่างไร

แต่ความจริงก็คือความจริง
การทำแท้งก็คือการฆ่าเด็กอยู่ดี
ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ผู้หญิงที่ผู้ข่มขืน ก็ควรได้รับการบำบัด
การดูแลเอาใจใส่ให้สามารถตั้งสติ ตั้งหลัก ตั้งใจใหม่ให้ได้
โดยมีคนรอบข้างค่อยช่วยเหลือ

และเราต้องเปลี่ยนทัศนะของสังคมให้ได้ว่า
ผู้หญิงที่ถูกข่มขืน เธอเป็นเหยื่อ ไม่ใช่คนผิด
รวมถึงสายตาที่สอดรู้สอดเห็น สายตาสมเพศ อนาจ ฯลฯ
ก็ต้องปรับปรุงด้วย เรียกว่า รื้อระบบสังคมกันใหม่
ซึ่งยากจะสุดๆ เพราะคนไทยกลัวการเปลี่ยนแปลงคะ ::)


เรื่องทำแท้งเสรี
นอกจากจะมีสาวๆหนุ่มๆรักสนุกจะมีโอกาสมากขึ้นด้วย
หรือจะเป็นเรื่องพ่อแม่สมัยใหม่ ที่พอรู้ว่าลูกในท้องไม่สมบูรณ์
หรือมีความพิการ ก็ตัดสินใจทำแท้ง ตามที่หมอแนะนำ

กลายเป็นว่าพวกเขากำหนดชี้เป็นชี้ตายให้กับคนอีกคนหนึ่ง
คนที่เขาร่วมกันสร้างขึ้นมา ตัดสินชีวิตให้เขา
จะด้วยความสงสารเด็ก หรือ ความลำบากที่จะดูแลลูกพิการในอนาคตก็แล้วแต่
คิดแทนเขาเอาเองว่าอย่าเกิดมาเลย
ทั้งๆที่เขาอ่านจะกำลังต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์ เพื่อจะมีชีวิตรอด



ปล.
ที่หมอต้องการสื่อเนี่ย เข้าใจคะ *no1
แต่เรื่องนี้มันมีเรื่องศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ดังนั้น จึงต้องระวังเป็นพิเศษคะ 8)
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 5:15 pm

ที่ต้องการจะสื่อคือต้องการแสดงความคิดเห็นว่าไม่อยากให้มีกฎหมายอันกดขี่ทางเพศโดยใช้ศีลธรรมเป็นข้ออ้างอย่างที่เป็นอยู่ครับ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าอยากจะ promote ให้สังคมยอมรับกันว่าการทำแท้งไม่บาป ไม่เลวครับ

ส่วนเรื่องที่เสนอว่าฝ่ายชายไม่เคยต้องรับผิดชอบหรือรับโทษนั้น ก็อยากทราบว่าจะมีใครเสนอ แนวคิดที่เข้าท่าในการจับผู้ชายมาลงโทษได้บ้างครับ

เพราะเท่าที่เป็นอยู่เห็นในสังคมมีแต่พยายามสอนให้ฝ่ายหญิงกลัวบาปกรรม ให้ยอมรับในความเสียเปรียบของเพศตนเอง แถมยังจะให้ยอมรับตลอดกาลด้วยเลยกระมัง แล้วสำหรับฝ่ายชายนี่ดูเหมือนจะทำได้แค่วิงวอน แต่ไม่เคยบังคับอะไรเขาได้เลยนะครับ

ผมว่าไม่แน่นะในสายพระเนตรของพระเจ้านี่พวกผู้ชายที่บังอาจใช้ความได้เปรียบในทางสังคม เป็นต้นเหตุให้ฝ่ายหญิงต้องไปทำแท้งนี่เสี่ยงต่อการตกนรกมากกว่าฝ่ายหญิงหลายเท่าเลยนะครับ อย่าลืมพระองค์ตัดสินทุกอย่างโดยดูที่เจตานาและโดยใช้มโนธรรมของมนุษย์เองนั่นแหละ

ส่วนเรื่องการทำแท้งโดยเสรีนั้น ถ้าว่ากันตามหลักการนั้นไม่ได้เห็นด้วยครับ แต่เคยอ่านบทความบางฉบับนำเสนอว่า ตัวเลขของผู้ไปทำแท้งส่วนใหญ่เป็นหญิงที่มีสามีหรือคู่รักถาวร ไม่ใช่กลุ่มวัยรุ่นใจแตกครับ แต่รายงานนี้จะนำเสนออัตราส่วนที่เชื่อถือได้แค่ไหนนี่ผมยังไม่กล้ายืนยันในตอนนี้ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 11:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 12:17 am

พอดีไปย้อนดูกระทู้เก่า เจอกระทู้นี้เข้า
เข้าไปกระทู้นี้ดีเหมือนกัน เลยขุดมาให้ลองอ่านๆกันดูนะคะ :D


ทำแท้งฆ่าเด็กกันชั่วโมงละ9หมื่นคน!!!!!
http://www.newmana.com/yabb/http://newm ... readid=189
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 12:50 pm

ขอบคุณคุณ little lamb มากครับ ได้ไปอ่านกระทู้ที่ว่าดูแล้วครับ

ที่จริงมุมมอง marxist ที่ผมใช้ในการวิเคราะห์ปัญหาพวกนี้ ผมว่ามันถูกต้องในการวิเคราะห์แต่ยังไม่สมบูรณ์ในการหาทางออก ณ ขณะนี้ครับ ที่กล่าวเช่นนี้เพราะเคยอ่านงานเขียนของ marxsit คนหนึ่ง แกว่าเด็กในครรภ์ยังไม่เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เนื่องจากอยู่ด้วยตนเองไม่ได้ครับ การที่ต้องพึ่งร่างกายของแม่ก็เลยถือว่ายังไม่มีสภาพมนุษย์ที่สมบูรณ์นั่นเอง

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมมีความคิดเห็นว่าถ้าสนับสนุนให้มีกฎหมายห้ามทำแท้งต่อไป โดยไม่สนับสนุนให้หามาตรการมาจับผิดหรือลงโทษฝ่ายชายเลย ก็เหมือน มือถือสากปากถือศีล ครับ เพราะดีแต่ว่าพูดว่ารับไม่ได้กับการฆ่าผู้บริสุทธิ์ แต่ไม่ว่าอะไรเลยกับความอยุติธรรม ทางเพศในสังคม

ที่ผู้หญิงหลายคนยอมมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย จนทำให้เกิดตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์หรือติดเอดส์ นี่ก็เป็นเพราะสภาพสังคมไทยที่ยอมรับความอยุติธรรมทางเพศกันอย่างมาก และทำให้ฝ่ายหญิงขาด อำนาจในการต่อรอง เพื่อรักนวลสงวนตัว หรืออย่างน้อยก็เพื่อให้มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย
minnie

จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 1:01 pm

เมื่อวานไปถามคุณพ่อมาค่ะ
กรณี ผู้หญิง โดนrapeมา ทำแท้งบาปมั๊ย

คุณพ่อบอกว่าไม่ค่ะ :D
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 1:10 pm

ทำไมผมโดน log out อัตโนมัติเรื่อยเลย จะพิมพ์ตอบยาวๆแล้วเซ็งจริงๆ
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 1:13 pm

ตกลงว่าเด็กน้อยคนล่าสุดที่ผมกับรุ่นน้องพยายามยื้อชีวิตไว้สุดกำลังก็อยู่ได้ประมาณ 34 ชั่วโมงครับ อันที่จริงถ้าทราบแน่ชัดว่า แม่เด็กไปทำแท้งมาและอายุครรภ์ต่ำกว่า 28 สัปดาห์นี่ผมจะปล่อยให้เสียชีวิตไปเลยก็ยังได้ครับ ไม่ผิดกฎหมาย เพราะ ทางกฎหมายถือว่าถ้าคลอดต่ำกว่า 28 สัปดาห์เรียกว่าแท้งครับ ไม่ใช่ตายคลอด (stillbirth)

แม้จะเห็นว่าไม่รอดอยู่แล้ว แต่เห็นน้องเขาดิ้นรนตะเกียกตะกาย แล้วจะทิ้งไปก็ดูจะอำมหิตไปหน่อย ถึงจะนับถือศาสนาอะไร หรือแม้ไม่มีศาสนาก็เชื่อว่าคงมีไม่กี่คนที่ปล่อยเด็กรายนี้ไว้อย่างนั้น ผมกับหมอรุ่นน้องก็ช่วยกันเต็มที่ อดนอนไปอีกคืนตามระเบียบ

ทำงานแบบนี้ทำให้เห็นคุณค่าของชีวิตขึ้นมาเยอะครับ


แม่ของเด็กรายนี้เอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดไม่จาทำท่าเหมือนจะเป็นลม ตอนที่ทางผมกับคุณพยาบาลเรียกให้มารับศพไปพร้อมกับเซ็นเอกสาร

เหตุการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าถึงจะเป็น marxist แต่คงเห็นด้วยกับการเปิดเสรีในการทำแท้งไม่ได้

แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมรับไอ้กฎหมายห้ามทำแท้งอย่างที่เป็นอยู่หรอกครับ

คิดดูว่าตอนนี้พ่อเด็กอาจจะกำลังสนุกสนานอยู่กับสาวอื่น หรือไม่ก็คงดีใจที่ปัญหาพ้นตัวไปได้

ตอนนี้คงได้แต่ภาวนา ให้แม่เด็กเขาได้พบทางออกของชีวิตที่มันดีกว่าที่เป็นอยู่นี้
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 11:26 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 11:28 pm

*sob น่าสงสาร
ตอบกลับโพส