Belong to the Truth Jesus Christ

เมื่อวานตอนกลางคืนประมาณ3ทุ่มครึ่งมั้ง ผมก็ทานข้าวแล้วก็อาบน้ำหลังจากเรียนพิเศษเสร็จ ก็มาเล่นเว็บบอร์ดnewmanaที่คอมชั้นล่างของบ้าน พอเล่นไปสักพัก ก็มีเสียงแม่ดังมาจากข้างหลังว่า"บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วก็ไม่เคยฟัง" ผมหันไปก็เห็นแม่ผมยืนอยู่ข้างๆคอมแล้วทำหน้าโกรธแกมผิดหวัง ผมช็อคมาก พูดอะไรไม่ออกเลย ผมว่าแม่โกรธผมเรื่องnewmanaแน่เลย เพราะแม่ไม่ชอบให้ไปยุ่งกะศาสนาคริสต์ แล้วแม่ก็เดินขึ้นห้องนอน ในใจคิดว่าแย่แล้ว! จะทำยังไงดี ผมก็รีบปิดคอมแล้วก็เข้าห้องนอน

ผมไม่รู้ว่าแม่ผมเขาไปบอกพ่อหรือเปล่าเรื่องที่ผมมายุ่งกะศาสนาคริสต์ พอเช้าวันรุ่งขึ้น พ่อก็เป็นเหมือนปกติ แต่แม่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมคุยด้วย ไม่แน่ว่าคืนนี้ หรืออาจจะวันเสาร์-อาทิตย์ อาจจะมาระเบิดใส่ผมแน่เลย เพราะวันนี้ตอนเช้าต้องรีบออกจากบ้าน ผมไม่รู้ว่าจะตอบคำถามต่างๆนาๆของแม่ยังไง จะพูดโกหกเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นกับแม่ดีมั้ย คือพ่อกับแม่ผมไม่อยากให้เราศึกษาเรื่องศาสนาตอนนี้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ผมอยากจะทำนี่นา มันเกี่ยวกับความศรัทธาของผมนะ

ช่วยตอบผมด้วยนะครับ เพราะผมเชื่อว่าอีกไม่นานผมจะงานเข้า

ไม่ต้องโกหกอะไรทั้งนั้นครับ พูดไปตามความจริง พูดให้เขาเข้าใจถึงความศรัทธาของเราที่มาจากใจจริง และด้วยความสุภาพ

ขอพระเจ้าอวยพร

ขอบคุณครับพี่Holy ผมจะทำตามที่พี่บอกนะครับ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นผมจะมาเล่าให้ฟัง

พระเจ้าอวยพรให้ นายปรับความเข้าใจกับแม่เร็วๆนะ 

ที่บ้านผมโหดกว่านี้ 

  รอให้แม่เค้าใจเย็นก่อน พอเขาเอ่ยปากก็ฟังเขาก่อน อย่าชักสีหน้าล่ะ พอแม่พูดจบก็ค่อยๆพูดแบบใจเย็นๆ
อธิบายว่าทำไมน้องถึงศรัทธา  อธิบายได้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ไม่ใช่ว่าเราติดเกมส์ หรือดูเวปลามก
พี่ว่าคุณแม่ท่านก็คงยังงอนอยู่อีกพักใหญ่ ถึงแม้ว่าน้องอธิบายแล้ว แต่ว่าอย่างน้อยท่านก็ได้รับทราบว่า
ลูกชายท่านสนใจและศรัทธาในศาสนาคริสต์  ตัวน้องเองก็ต้องทำตัวให้เป็นเด็กดีด้วยนะ ท่านจะได้ไม่เอาตรงนี้มาเป็นข้อต่อว่าได้
เพราะถ้าเราทำตัวดี ท่านก็จะชื่นชมว่าเพราะศาสนาคริสต์กล่อมเกลาให้น้องเป็นเด็กดี  พี่เอาใจช่วย เพราะพี่ก็โดนมาเหมือนกัน
แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี

อย่าโกหกแม้แต่ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าโกหกกับพ่อแม่ของตัวเองเด็ดขาด ไม่ว่าจะอย่างไรควรพูดความจริงกับท่านจะดีกว่า แต่ต้องรู้จักจังหวะและเวลาในการพูด ใช้คำพูดที่เหมาะสม ค่อยๆพูดทีละเล็กละน้อย ค่อยๆให้ท่านซึมซับรับรู้ทีละหน่อย ว่าเราสนใจศาสนาคริสต์ อยากศึกษารายละเอียด อธิบายให้ท่านรู้ว่าเราสนใจตรงไหน เพราะอะไร

พระบัญญัติประการที่ 4 จงนับถือบิดามารดา
หากพูดจากโกหกกับท่าน ก็เท่ากับไม่นับถือบิดามารดา หากรักพ่อแม่ ก็ควรจะพูดความจริงกับท่านเท่านั้น

"จะโกหกคนทั้งโลกก็ช่างเถอะ แต่อย่าโกหกคนที่รักเรา" โดยเฉพาะพ่อแม่ท่านรักเรายิ่งกว่าชีวิตของท่าน ท่านเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่แบเบาะ ทุกวันนี้หากท่านไม่รัก คงไม่เอาเงินที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยยากมาจ่ายค่าเล่าเรียนให้เราหรอก เมื่อคนเรามีครอบครัวเมื่อไหร่จะเข้าใจหัวอกพ่อแม่ได้ดีที่สุด
และ
"หากคนทั้งโลกจะอวยพรให้ ก็ไม่เท่าคำอวยพรจากพ่อแม่" คำสาปแช่งและคำอวยพรของพ่อแม่มีผลกับลูกเร็วที่สุด
แล้วการโกหก ก้อผิดศีลข้อ 3 ด้วยนะ (เอ๋......ใช่ป่าวเอ่ย ข้อ 2 หรือ ข้อ 3 นะ)

การพูดโกหกโดยคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าทำบ่อยๆ จะติดเป็นนิสัย ฉะนั้น อย่าโกหกจะดีกว่า ให้เป็นคนพูดแต่ความจริงจะดีกว่า แล้วจะเห็นผลดีของการพูดความจริงเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ คนทั่วไปจะนับถือว่า คนนี้พูดจาเชื่อถือได้เพราะไม่เคยพูดจาโกหก

แล้วจะสวดให้นะคะ  ขอพระอวยพรค่ะ

รักพ่อแม่ให้มากๆนะคะ ทุกวันนี้ท่านทำงานเหนื่อยยากเพื่อให้เราได้เรียนหนังสือก็เพื่ออนาคตของตัวเราเอง

Buondi เขียน:   รอให้แม่เค้าใจเย็นก่อน พอเขาเอ่ยปากก็ฟังเขาก่อน อย่าชักสีหน้าล่ะ พอแม่พูดจบก็ค่อยๆพูดแบบใจเย็นๆ
อธิบายว่าทำไมน้องถึงศรัทธา  อธิบายได้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ไม่ใช่ว่าเราติดเกมส์ หรือดูเวปลามก
พี่ว่าคุณแม่ท่านก็คงยังงอนอยู่อีกพักใหญ่ ถึงแม้ว่าน้องอธิบายแล้ว แต่ว่าอย่างน้อยท่านก็ได้รับทราบว่า
ลูกชายท่านสนใจและศรัทธาในศาสนาคริสต์  ตัวน้องเองก็ต้องทำตัวให้เป็นเด็กดีด้วยนะ ท่านจะได้ไม่เอาตรงนี้มาเป็นข้อต่อว่าได้
เพราะถ้าเราทำตัวดี ท่านก็จะชื่นชมว่าเพราะศาสนาคริสต์กล่อมเกลาให้น้องเป็นเด็กดี  พี่เอาใจช่วย เพราะพี่ก็โดนมาเหมือนกัน
แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี

สมกับเป็นคุณแม่จริง จริงเลยจ๊ะ น่ารักซะ

วอ เขียน: ที่บ้านผมโหดกว่านี้ 

นายวอ เดี๋ยวพี่จะโหดกับเธอบ้างดีกว่า แอบขู่

Buondi เขียน:   รอให้แม่เค้าใจเย็นก่อน พอเขาเอ่ยปากก็ฟังเขาก่อน อย่าชักสีหน้าล่ะ พอแม่พูดจบก็ค่อยๆพูดแบบใจเย็นๆ
อธิบายว่าทำไมน้องถึงศรัทธา  อธิบายได้ว่าเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ไม่ใช่ว่าเราติดเกมส์ หรือดูเวปลามก
พี่ว่าคุณแม่ท่านก็คงยังงอนอยู่อีกพักใหญ่ ถึงแม้ว่าน้องอธิบายแล้ว แต่ว่าอย่างน้อยท่านก็ได้รับทราบว่า
ลูกชายท่านสนใจและศรัทธาในศาสนาคริสต์  ตัวน้องเองก็ต้องทำตัวให้เป็นเด็กดีด้วยนะ ท่านจะได้ไม่เอาตรงนี้มาเป็นข้อต่อว่าได้
เพราะถ้าเราทำตัวดี ท่านก็จะชื่นชมว่าเพราะศาสนาคริสต์กล่อมเกลาให้น้องเป็นเด็กดี  พี่เอาใจช่วย เพราะพี่ก็โดนมาเหมือนกัน
แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี

ถ้าแม่ของน้องเริ่มเอ่ยปากว่า..เอาแต่พระเจ้า...ก็..เตรียมหาสื่อ..ที่เป็นสื่อครอบครัวของคริสเตียนไปให้เค้าได้ชิม(ไม่ใช่พระคัมภีร์นะ)
เช่น เพลง ฉันมีวันนี้เพราะคุณแม่ที่เคยแจกไว้..
พอดีผ่านประสบการณ์ตรงนี้มา... อิอิ

...พระเยซู คือสมาชิกใหม่ของครอบครัว...

(เพราะพระองค์รักเราก่อนที่เราจะรู้จัก..)

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ