แผนการของพระผู้เป็นเจ้าในการเรียกเรามาเป็นคริสตชน
ตอนแรกตั้งใจจะตอบกระทู้เรื่อง อะไรทำให้คุณเชื่อในพระเจ้า
แต่พิมพ์แล้วมันยาวมากๆ เลยคิดว่า ตั้งใหม่เป็นคำพยานของตัวเองดีกว่า
เมื่อก่อนเรไม่เคยเชื่อ และ ไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนศาสนา...ไม่เคยคิดเลยจริงๆ
พระเจ้าทรงนำทางเรมาช้าๆ และ ไม่รีบร้อน อาจจะทรงปูทางมาตั้งแต่เด็กโดยที่เรไม่รู้ตัวก็ได้
ตอนอนุบาลเรเคยเรียนโรงเรียนแคธอลิคอยู่ 2ปี แต่ความที่เด็กมากๆ สิ่งที่จำได้ก็มีเพียง 2 อย่างคือ
เพลง "สรรเสริญพระเจ้า" ที่ครูบังคับให้ร้องตอนเช้าทุกวัน
กับละครวันคริสมาสต์ ซึ่งเรเล่นเป็น "ลูกแกะ" ใส่ชุดขนๆ คลานไปมาอยู่บนเวที เสี้ยนตำหัวเข่าเจ็บไปหมด
ตอนนั้นคิดแต่ว่า ทำไมเราต้องเล่นเป็นแกะด้วย เล่นเป็นก้อนหิน หรือ ต้นทุเรียนยังจะเข้าท่ากว่า ไม่ต้องโดนเสี้ยนตำ
ตอนนี้เพิ่งมาคิดได้ว่า ได้เป็นลูกแกะของพระเยซู นับเป็นเกียรติปานใด
ตอน ป.1 เรย้ายไปต่างจังหวัดและเรียนโรงเรียนไทยมาตลอด ไม่เคยได้ยินเรื่องพระเจ้าอีกเลย
แต่ไม่รู้ทำไมเรไม่ชอบการทำบุญที่ต้องนั่งฟังพระสวดเป็นที่สุด สำหรับเด็กเล็กๆ มันเป็นอะไรที่เมื่อยและเบื่อมาก
ถ้าโดดไม่ได้ ก็จะเอาการ์ตูนไปนั่งอ่านใต้ถุนศาลาวัดทุกทีไป และทำมาจนโต
รู้สึกอิจฉาคริสตชน ที่เค้าไม่ต้องทนนั่งไหว้จนเหน็บกินอย่างเรา
ตอนนั้นรู้สึกอยากเป็นคริสต์ แค่เพราะว่าไม่ต้องนั่งพนมมือเวลาพระสวด
โตขึ้นมาก็มีความขัดแย้งหลายๆอย่างกับความเชื่อของที่บ้าน
ไม่เกี่ยวกับที่เคยเรียนคอนแวนต์สมัยอนุบาล เพราะเรจำอะไรไม่ได้เท่าไหร่
แต่เพื่อนสนิทเรตอนประถมเป็นอิสลาม ทำให้เรได้รู้ว่า โลกนี้ไม่ได้มีแค่ศาสนาเดียว
หลายครั้งที่ถามตัวเองว่า อะไรที่ทำให้เราเกิดมาในแผ่นดินพุทธ ?
แผนการของพระผู้เป็นเจ้าทำงานในชีวิตเรอย่างช้าๆ และ แนบเนียน...
แฟนเก่าเรเป็นโปรเตนแตนต์ แต่เค้าก็ไม่เคยชวนเรสักคำ
ตอนนั้นคงยังไม่ถึงเวลากระมัง ถึงเค้าชวนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เรก็คงไม่ไปอยู่ดี (เลิกกันไปเมื่อ 5ปีก่อน)
ไม่รู้ว่าทำไม เรถึงรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป และรู้สึกว่า ไม่มีความมั่นคงอะไรเลย
ศาสนาพุทธสอนว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน และ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน
เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี แต่ในใจกลับโหยหาความมั่นคงทางวิญญาณ
สิ่งใดสักสิ่งที่จะมั่นคง จริงแท้ และ เป็นนิรันดร์ ก็ศาสนามีไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจมิใช่หรือ ? แต่กลับไม่มีอะไรให้เรายึด
และบ่อยครั้งที่รู้สึกว่า อยากให้มีคนนำทางเรา อยากให้มีคนสัญญาจะช่วยเหลือเรา
ไม่ใช่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตลอดเวลา แต่เรก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนศาสนา...ไม่เคยคิดเลย
ฟังเพลง "มีเธอ" ของพี่ปุ๊ อัญชลี ได้รู้ว่า คำว่า เธอ ของเค้าหมายถึง พระผู้เป็นเจ้า
เริ่มอยากรู้ว่า ความรักที่แท้จริง ที่เค้าพูดถึงคืออะไรกัน
ตอนที่ดูโฆษณา "พลังชีวิต" เรไม่ได้อินกับเนื้อหาโฆษณาหรอก คนดังที่มาออกเรก็ไม่ได้ปลื้มอะไรเลย
เรแค่สะกิดใจคำว่า "พลังชีวิต"
วันหนึ่ง เดินผ่านห้องรับแขก คุณแม่กำลังดูยูบีซี มีคำพูดประโยคนึงที่กระแทกใจมากๆ
จำข้อความเป๊ะๆไม่ได้ แต่เนื้อหาประมาณนี้อ่ะ (มันนานแล้ว อาจจะมีแต่งเติมเองนิดหน่อยนะคะ)
ผู้ชาย 2 คนกำลังคุยกันเรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกโลก และกำลังสงสัยว่า นี่จะเป็นการอวสานของโลกหรือเปล่า
ผู้ชายคนนึงพูดขึ้นมาว่า เมื่อวันแห่งหายนะมาถึง โลกนี้จะมีคนอยู่ 2 ประเภท
คือประเภทแรก พวกคนที่คิดว่าเชื่อมั่นในเหตุผล และเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรทั้งสิ้น จะต้องพึ่งพากำลังตนเองเท่านั้น
กับคนประเภทที่สอง ที่เชื่อว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือต่อให้โลกจะถล่มทลาย จะมีใครคนหนึ่งบนฟ้า ที่พร้อมจะช่วยเหลือพวกเขาเสมอ
และความเชื่อมั่นนี่เองที่ทำให้พวกเขามีความหวังอยู่ได้แม้ในยามที่ทุกข์ยากที่สุด
ฟังปุ๊บ อึ้งไปเลย 3 วินาที...
นี่แหละ พลังชีวิตที่เราขาดไป ถามตัวเองว่า เราอยากจะเป็นคนประเภทแรก หรือ ประเภทที่สอง ?
เสียงลึกๆตอบมาว่า เรอยากจะเชื่อมั่นว่า แม้ในยามที่โลกถึงกาลอวสาน
จะมีใครคนหนึ่งบนฟ้า ที่พร้อมจะปกป้องคุ้มครองเรา
ใครสักคนที่จะมารับเราไปเมื่อเราจากโลกนี้ไป
และสถานที่อันเป็นนิรันดร์ที่เราจะได้อยู่ท่ามกลางคนที่เรารัก และ ความสงบสุขตลอดไป
เรลองคุยกับแม่ ถ้าหนูเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จะเป็นยังไง
ปรากฏว่าบ้านแตก... ถึงขนาดจะตัดแม่ตัดลูก
แล้วคุณแม่ก็เป็นโรคหัวใจเสียด้วย ถ้าแม่โกรธมากๆก็อาจจะได้หามไปโรงพยาบาล
ตั้งแต่นั้นมาเรก็เงียบ ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เค้าก็คอยจับผิดเป็นระยะๆ
เพื่อนซื้อสร้อยไม้กางเกนมาให้เพราะเห็นเรชอบ
เรก็ห้อยติดคอตลอด (เรไม่ชอบห้อยพระ แต่ทำไมห้อยกางเขนได้ก็ไม่รู้)
เค้าก็จะว่า ห้อยทำไมกางเขน จะเปลี่ยนศาสนาเหรอ... ว่าเราเป็นลูกอกตัญญู
เราเลยต้องเอาไปใส่นอกบ้าน ออกจากบ้านก่อนค่อยใส่
เพื่อนชวนเรไปเล่นเกมแรคน่าร็อค ออนไลน์ และในเกมก็มีอาชีพพรีส
เรเริ่มคุ้นเคยกับโบสถ์ที่พรอนเทร่า คำสวดอ้อนวอน และ การปฏิญาณตนจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า
ถึงจะเป็นแค่เกมแแต่เรก็สบายใจราวกับคุ้นเคยมานาน ในโลกออนไลน์เราสามารถประกาศตนเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไม่อายใคร
เดือนมกราคม ที่บ้านเรมีปัญหาด้านการเงินจากการรักษาโรคหัวใจและเบาหวานของคุณแม่ เรต้องไปกู้เงินมาใช้หนี้ให้แม่ทีละมากๆ
เงินเดือนไม่พอใช้ แค่เดินผ่านร้านไอศครีมยังต้องตัดใจว่าเราไม่มีเงินจะกิน...
เรมีรถขับมาทำงาน แต่ช่วงนั้นบางวันต้องอดข้าวเพราะว่าเติมน้ำมันไปหมดแล้ว มีเงินติดตัวแค่ 100 บาท ต้องอยู่ไปอีกทั้งอาทิตย์
เป็นช่วงที่ทรหดที่สุดแล้ว จะหยิบยืมเงินใครก็ไม่กล้า เพราะเราไม่เคยยืมใครมาก่อน
เดือนกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนที่โบนัสออก เรจะได้เอาเงินโบนัสมาล้างหนี้เจ็ดหมื่นกว่าที่มีอยู่
และถ้าเป็นไปได้ โบนัสออกแล้วอยากจะได้งานใหม่ที่รายได้ดีกว่าเดิม
เรอธิษฐานขอพระบิดา ขอให้โบนัสออกมามากกว่า 7 หมื่น จะได้หมดหนี้เสียที
ของานใหม่ที่รายได้ดีกว่า และ สบายใจกว่าเดิม... เรสมัครงานไป 2-3 ที่ โดยไม่ได้หวังอะไร
ตอนนั้นมองไม่เห็นอนาคตแล้ว ไม่ได้วางแผนว่าถ้าไม่ได้งานใหม่จะทำอะไรต่อไป
ขอแค่ให้ได้โบนัสมากกว่าจำนวนหนี้ที่มีอยู่ และ ได้งานใหม่ที่เงินเดือนดีกว่าเดิม
เรฝากชีวิตไว้กับการอธิษฐานก่อนนอน ถึงพระผู้เป็นเจ้าที่เรเชื่อว่ามีอยู่จริงโดยไม่ได้สงสัยเลยว่า
หากพระองค์ไม่ทรงช่วย เรจะทำยังไงต่อไป
สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พระผู้เป็นเจ้าตอบรับคำอธิษฐานของเร เรได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ของแผนก
เงินโบนัสออกมา 8 หมื่น ใช้หนี้แล้วเหลือให้แม่ได้อีกนิดหน่อย เรเป็นคนปลอดหนี้สินแล้ว ^^
และช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากส่งใบสมัครงานไปทางอีเมล วันรุ่งขึ้นมีคนโทรมานัดสัมภาษณ์
ตรวจร่างกาย และ เซ็นสัญญา ด้วยเงินเดือนมากกว่าเดิมอีกหมื่นนึง ในบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่ได้ชื่อว่ารับคนเข้าทำงานยากที่สุดแห่งหนึ่ง
ภายในเวลาแค่อาทิตย์เดียวเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งเรจริงๆ
ยิ่งเรเดินทางเข้าใกล้พระองค์ เรก็ยิ่งรู้สึกถึงแสงสว่าง และ แหล่งพลังงานลึกลับที่ราวกับจะดึงมาใช้ได้ไม่มีวันหมด
เรเข้างาน 7 โมงครึ่ง เลิกงานแล้วไปเรียนต่อ ถึงบ้าน 4 ทุ่มกว่า
ทำงาน 6 วัน และ เรียนวันอาทิตย์อีก 7 วันไม่ได้พักเลย
ทุกครั้งที่เหนื่อย เรจะอธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า ที่เรเองก็ยังไม่รู้จักท่านดีแต่เหมือนท่านตอบกลับมาอย่างอาทรเสมอๆ
เรเข้าไปตามเว็บของคริสตศาสนา โดยที่เรก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
มีแยกเป็นนิกายด้วย เรอยากเข้าใกล้พระองค์ให้มากกว่านี้ อยากเดินไปในทางที่พระองค์ประสงค์
ถึงเรจะบอกที่บ้านไม่ได้ แต่นอกบ้านเรก็จะเป็นสิ่งที่เรอยากจะเป็น
ความฝันเล็กๆ...
สักวันเรจะได้ล้างบาปและเป็นคนของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์
แต่พิมพ์แล้วมันยาวมากๆ เลยคิดว่า ตั้งใหม่เป็นคำพยานของตัวเองดีกว่า
เมื่อก่อนเรไม่เคยเชื่อ และ ไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนศาสนา...ไม่เคยคิดเลยจริงๆ
พระเจ้าทรงนำทางเรมาช้าๆ และ ไม่รีบร้อน อาจจะทรงปูทางมาตั้งแต่เด็กโดยที่เรไม่รู้ตัวก็ได้
ตอนอนุบาลเรเคยเรียนโรงเรียนแคธอลิคอยู่ 2ปี แต่ความที่เด็กมากๆ สิ่งที่จำได้ก็มีเพียง 2 อย่างคือ
เพลง "สรรเสริญพระเจ้า" ที่ครูบังคับให้ร้องตอนเช้าทุกวัน
กับละครวันคริสมาสต์ ซึ่งเรเล่นเป็น "ลูกแกะ" ใส่ชุดขนๆ คลานไปมาอยู่บนเวที เสี้ยนตำหัวเข่าเจ็บไปหมด
ตอนนั้นคิดแต่ว่า ทำไมเราต้องเล่นเป็นแกะด้วย เล่นเป็นก้อนหิน หรือ ต้นทุเรียนยังจะเข้าท่ากว่า ไม่ต้องโดนเสี้ยนตำ
ตอนนี้เพิ่งมาคิดได้ว่า ได้เป็นลูกแกะของพระเยซู นับเป็นเกียรติปานใด
ตอน ป.1 เรย้ายไปต่างจังหวัดและเรียนโรงเรียนไทยมาตลอด ไม่เคยได้ยินเรื่องพระเจ้าอีกเลย
แต่ไม่รู้ทำไมเรไม่ชอบการทำบุญที่ต้องนั่งฟังพระสวดเป็นที่สุด สำหรับเด็กเล็กๆ มันเป็นอะไรที่เมื่อยและเบื่อมาก
ถ้าโดดไม่ได้ ก็จะเอาการ์ตูนไปนั่งอ่านใต้ถุนศาลาวัดทุกทีไป และทำมาจนโต
รู้สึกอิจฉาคริสตชน ที่เค้าไม่ต้องทนนั่งไหว้จนเหน็บกินอย่างเรา
ตอนนั้นรู้สึกอยากเป็นคริสต์ แค่เพราะว่าไม่ต้องนั่งพนมมือเวลาพระสวด
โตขึ้นมาก็มีความขัดแย้งหลายๆอย่างกับความเชื่อของที่บ้าน
ไม่เกี่ยวกับที่เคยเรียนคอนแวนต์สมัยอนุบาล เพราะเรจำอะไรไม่ได้เท่าไหร่
แต่เพื่อนสนิทเรตอนประถมเป็นอิสลาม ทำให้เรได้รู้ว่า โลกนี้ไม่ได้มีแค่ศาสนาเดียว
หลายครั้งที่ถามตัวเองว่า อะไรที่ทำให้เราเกิดมาในแผ่นดินพุทธ ?
แผนการของพระผู้เป็นเจ้าทำงานในชีวิตเรอย่างช้าๆ และ แนบเนียน...
แฟนเก่าเรเป็นโปรเตนแตนต์ แต่เค้าก็ไม่เคยชวนเรสักคำ
ตอนนั้นคงยังไม่ถึงเวลากระมัง ถึงเค้าชวนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เรก็คงไม่ไปอยู่ดี (เลิกกันไปเมื่อ 5ปีก่อน)
ไม่รู้ว่าทำไม เรถึงรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป และรู้สึกว่า ไม่มีความมั่นคงอะไรเลย
ศาสนาพุทธสอนว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน และ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน
เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี แต่ในใจกลับโหยหาความมั่นคงทางวิญญาณ
สิ่งใดสักสิ่งที่จะมั่นคง จริงแท้ และ เป็นนิรันดร์ ก็ศาสนามีไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจมิใช่หรือ ? แต่กลับไม่มีอะไรให้เรายึด
และบ่อยครั้งที่รู้สึกว่า อยากให้มีคนนำทางเรา อยากให้มีคนสัญญาจะช่วยเหลือเรา
ไม่ใช่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตลอดเวลา แต่เรก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนศาสนา...ไม่เคยคิดเลย
ฟังเพลง "มีเธอ" ของพี่ปุ๊ อัญชลี ได้รู้ว่า คำว่า เธอ ของเค้าหมายถึง พระผู้เป็นเจ้า
เริ่มอยากรู้ว่า ความรักที่แท้จริง ที่เค้าพูดถึงคืออะไรกัน
ตอนที่ดูโฆษณา "พลังชีวิต" เรไม่ได้อินกับเนื้อหาโฆษณาหรอก คนดังที่มาออกเรก็ไม่ได้ปลื้มอะไรเลย
เรแค่สะกิดใจคำว่า "พลังชีวิต"
วันหนึ่ง เดินผ่านห้องรับแขก คุณแม่กำลังดูยูบีซี มีคำพูดประโยคนึงที่กระแทกใจมากๆ
จำข้อความเป๊ะๆไม่ได้ แต่เนื้อหาประมาณนี้อ่ะ (มันนานแล้ว อาจจะมีแต่งเติมเองนิดหน่อยนะคะ)
ผู้ชาย 2 คนกำลังคุยกันเรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกโลก และกำลังสงสัยว่า นี่จะเป็นการอวสานของโลกหรือเปล่า
ผู้ชายคนนึงพูดขึ้นมาว่า เมื่อวันแห่งหายนะมาถึง โลกนี้จะมีคนอยู่ 2 ประเภท
คือประเภทแรก พวกคนที่คิดว่าเชื่อมั่นในเหตุผล และเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรทั้งสิ้น จะต้องพึ่งพากำลังตนเองเท่านั้น
กับคนประเภทที่สอง ที่เชื่อว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือต่อให้โลกจะถล่มทลาย จะมีใครคนหนึ่งบนฟ้า ที่พร้อมจะช่วยเหลือพวกเขาเสมอ
และความเชื่อมั่นนี่เองที่ทำให้พวกเขามีความหวังอยู่ได้แม้ในยามที่ทุกข์ยากที่สุด
ฟังปุ๊บ อึ้งไปเลย 3 วินาที...
นี่แหละ พลังชีวิตที่เราขาดไป ถามตัวเองว่า เราอยากจะเป็นคนประเภทแรก หรือ ประเภทที่สอง ?
เสียงลึกๆตอบมาว่า เรอยากจะเชื่อมั่นว่า แม้ในยามที่โลกถึงกาลอวสาน
จะมีใครคนหนึ่งบนฟ้า ที่พร้อมจะปกป้องคุ้มครองเรา
ใครสักคนที่จะมารับเราไปเมื่อเราจากโลกนี้ไป
และสถานที่อันเป็นนิรันดร์ที่เราจะได้อยู่ท่ามกลางคนที่เรารัก และ ความสงบสุขตลอดไป
เรลองคุยกับแม่ ถ้าหนูเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จะเป็นยังไง
ปรากฏว่าบ้านแตก... ถึงขนาดจะตัดแม่ตัดลูก
แล้วคุณแม่ก็เป็นโรคหัวใจเสียด้วย ถ้าแม่โกรธมากๆก็อาจจะได้หามไปโรงพยาบาล
ตั้งแต่นั้นมาเรก็เงียบ ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เค้าก็คอยจับผิดเป็นระยะๆ
เพื่อนซื้อสร้อยไม้กางเกนมาให้เพราะเห็นเรชอบ
เรก็ห้อยติดคอตลอด (เรไม่ชอบห้อยพระ แต่ทำไมห้อยกางเขนได้ก็ไม่รู้)
เค้าก็จะว่า ห้อยทำไมกางเขน จะเปลี่ยนศาสนาเหรอ... ว่าเราเป็นลูกอกตัญญู
เราเลยต้องเอาไปใส่นอกบ้าน ออกจากบ้านก่อนค่อยใส่
เพื่อนชวนเรไปเล่นเกมแรคน่าร็อค ออนไลน์ และในเกมก็มีอาชีพพรีส
เรเริ่มคุ้นเคยกับโบสถ์ที่พรอนเทร่า คำสวดอ้อนวอน และ การปฏิญาณตนจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า
ถึงจะเป็นแค่เกมแแต่เรก็สบายใจราวกับคุ้นเคยมานาน ในโลกออนไลน์เราสามารถประกาศตนเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไม่อายใคร
เดือนมกราคม ที่บ้านเรมีปัญหาด้านการเงินจากการรักษาโรคหัวใจและเบาหวานของคุณแม่ เรต้องไปกู้เงินมาใช้หนี้ให้แม่ทีละมากๆ
เงินเดือนไม่พอใช้ แค่เดินผ่านร้านไอศครีมยังต้องตัดใจว่าเราไม่มีเงินจะกิน...
เรมีรถขับมาทำงาน แต่ช่วงนั้นบางวันต้องอดข้าวเพราะว่าเติมน้ำมันไปหมดแล้ว มีเงินติดตัวแค่ 100 บาท ต้องอยู่ไปอีกทั้งอาทิตย์
เป็นช่วงที่ทรหดที่สุดแล้ว จะหยิบยืมเงินใครก็ไม่กล้า เพราะเราไม่เคยยืมใครมาก่อน
เดือนกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนที่โบนัสออก เรจะได้เอาเงินโบนัสมาล้างหนี้เจ็ดหมื่นกว่าที่มีอยู่
และถ้าเป็นไปได้ โบนัสออกแล้วอยากจะได้งานใหม่ที่รายได้ดีกว่าเดิม
เรอธิษฐานขอพระบิดา ขอให้โบนัสออกมามากกว่า 7 หมื่น จะได้หมดหนี้เสียที
ของานใหม่ที่รายได้ดีกว่า และ สบายใจกว่าเดิม... เรสมัครงานไป 2-3 ที่ โดยไม่ได้หวังอะไร
ตอนนั้นมองไม่เห็นอนาคตแล้ว ไม่ได้วางแผนว่าถ้าไม่ได้งานใหม่จะทำอะไรต่อไป
ขอแค่ให้ได้โบนัสมากกว่าจำนวนหนี้ที่มีอยู่ และ ได้งานใหม่ที่เงินเดือนดีกว่าเดิม
เรฝากชีวิตไว้กับการอธิษฐานก่อนนอน ถึงพระผู้เป็นเจ้าที่เรเชื่อว่ามีอยู่จริงโดยไม่ได้สงสัยเลยว่า
หากพระองค์ไม่ทรงช่วย เรจะทำยังไงต่อไป
สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พระผู้เป็นเจ้าตอบรับคำอธิษฐานของเร เรได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ของแผนก
เงินโบนัสออกมา 8 หมื่น ใช้หนี้แล้วเหลือให้แม่ได้อีกนิดหน่อย เรเป็นคนปลอดหนี้สินแล้ว ^^
และช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากส่งใบสมัครงานไปทางอีเมล วันรุ่งขึ้นมีคนโทรมานัดสัมภาษณ์
ตรวจร่างกาย และ เซ็นสัญญา ด้วยเงินเดือนมากกว่าเดิมอีกหมื่นนึง ในบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่ได้ชื่อว่ารับคนเข้าทำงานยากที่สุดแห่งหนึ่ง
ภายในเวลาแค่อาทิตย์เดียวเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งเรจริงๆ
ยิ่งเรเดินทางเข้าใกล้พระองค์ เรก็ยิ่งรู้สึกถึงแสงสว่าง และ แหล่งพลังงานลึกลับที่ราวกับจะดึงมาใช้ได้ไม่มีวันหมด
เรเข้างาน 7 โมงครึ่ง เลิกงานแล้วไปเรียนต่อ ถึงบ้าน 4 ทุ่มกว่า
ทำงาน 6 วัน และ เรียนวันอาทิตย์อีก 7 วันไม่ได้พักเลย
ทุกครั้งที่เหนื่อย เรจะอธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า ที่เรเองก็ยังไม่รู้จักท่านดีแต่เหมือนท่านตอบกลับมาอย่างอาทรเสมอๆ
เรเข้าไปตามเว็บของคริสตศาสนา โดยที่เรก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
มีแยกเป็นนิกายด้วย เรอยากเข้าใกล้พระองค์ให้มากกว่านี้ อยากเดินไปในทางที่พระองค์ประสงค์
ถึงเรจะบอกที่บ้านไม่ได้ แต่นอกบ้านเรก็จะเป็นสิ่งที่เรอยากจะเป็น
ความฝันเล็กๆ...
สักวันเรจะได้ล้างบาปและเป็นคนของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์
แก้ไขล่าสุดโดย -Rei- เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 17, 2005 9:43 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
พี่เรครับ ผมอ่านแล้วร้องไห้เลยพี่เรมีชีวิตที่ลำบากกว่าผมหลายเท่าแต่พี่เรยังรักพระและมีความเชื่อมากมายเนนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าถ้าผมลำบากแบบนั้นหรือหนักกว่าเบากว่าพี่เรผมยังจะสามารถวางใจในพระและมีความเชื่อแบบพี่เรได้หรือเปล่าเลย และก็กสุดท้ายก็ขอขอบคุณสำหรับบทความดีๆแบบนี้ครับผมพระอวยพร :D
อ่านแล้วดีใจด้วยครับ
ถือว่าพี่เรเป็นคนที่พรทรงรักมากอีกคน เพราะดูจากคำขอของพี่ สมปรารถนาทุกข้อเลย :D
ดีใจด้วย และขอให้พระเจ้าทรงเมตตาคุณแม่ของพี่ให้มีความเข้าใจด้วยนะฮะ
ขอให้แสงสว่างของพระเจ้าทรงส่องผ่านพี่ไป และให้แม่พระช่วยภาวนาอีกแรงนะครับ :D
เรื่องใส่กางเขนผมก็เป็นเหมือนกันนะ ต้องใส่นอกบ้าน ในบ้านใส่พระเครื่อง :P
ยังงัยก็แบกกางเขนไปด้วยกันนะครับ ขอให้พี่มีความสงบสุขที่นี่และเป็นกำลังใจกันและกันตลอดไปฮะ :D
ถือว่าพี่เรเป็นคนที่พรทรงรักมากอีกคน เพราะดูจากคำขอของพี่ สมปรารถนาทุกข้อเลย :D
ดีใจด้วย และขอให้พระเจ้าทรงเมตตาคุณแม่ของพี่ให้มีความเข้าใจด้วยนะฮะ
ขอให้แสงสว่างของพระเจ้าทรงส่องผ่านพี่ไป และให้แม่พระช่วยภาวนาอีกแรงนะครับ :D
เรื่องใส่กางเขนผมก็เป็นเหมือนกันนะ ต้องใส่นอกบ้าน ในบ้านใส่พระเครื่อง :P
ยังงัยก็แบกกางเขนไปด้วยกันนะครับ ขอให้พี่มีความสงบสุขที่นี่และเป็นกำลังใจกันและกันตลอดไปฮะ :D
อย่างน้อย หนูก็ไม่ได้มีชีวิตที่ต้องหลบๆซ่อนๆกับครอบครัวคนเดียว ยังมีเพื่นอๆพี่ๆน้องๆหลายคนที่เป็นแบบเดียวกัน แต่เราโชคดีหน่อยที่เรียนรร.คริสต์มาตั้งแต่เกิด-ปัจจุบัน เลยรับรู้เกี่ยวกับพระเจ้ามากขึ้น (รร.มีชม.พระคริสต์ทุกอาทิตย์)
อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพรนะค่ะ
อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพรนะค่ะ
ขอบคุณพระเจ้าครับ และขอมอบพระวาจานี้ให้แด่พี่น้องในพระคริสต์ที่พระองค์ทรงเรียกครับ
รม 8:28-30 พระเจ้าทรงเรียกเราให้ร่วมรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงกำหนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วย เพื่อพระบุตรจะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจำนวนมาก ผู้ที่ทรงกำหนดไว้แล้วนั้นพระองค์ทรงเรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย แล้วเราจะพูดอะไรอีกในเรื่องนี้ ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา ใครจะสู้เราได้

กท 1:15
ครั้นแล้ว พระเจ้าผู้ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ก็ทรงเรียกข้าพเจ้าเดชะพระหรรษทานของพระองค์
รม 8:28-30 พระเจ้าทรงเรียกเราให้ร่วมรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ เพราะผู้ที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้านั้น พระองค์ทรงกำหนดจะให้เป็นภาพลักษณ์ของพระบุตรของพระองค์ด้วย เพื่อพระบุตรจะได้เป็นบุตรคนแรกในบรรดาพี่น้องจำนวนมาก ผู้ที่ทรงกำหนดไว้แล้วนั้นพระองค์ทรงเรียก ผู้ที่ทรงเรียกนั้น พระองค์ทรงบันดาลให้เป็นผู้ชอบธรรม ผู้ที่ทรงบันดาลให้ชอบธรรมนั้น พระองค์ประทานพระสิริรุ่งโรจน์ให้ด้วย แล้วเราจะพูดอะไรอีกในเรื่องนี้ ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา ใครจะสู้เราได้

กท 1:15
ครั้นแล้ว พระเจ้าผู้ทรงเลือกสรรข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา ก็ทรงเรียกข้าพเจ้าเดชะพระหรรษทานของพระองค์
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ มิ.ย. 17, 2005 9:09 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณค่ะ แล้วเรก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่นี่ด้วยนะคะ
ยังไม่ได้เล่าความลำบากอีกอย่างว่า
เนื่องจากที่บ้านคอยจับผิดตลอด
บางทีอยู่บ้านต้องเอาไบเบิ้ลไปอ่านในห้องน้ำ
วันนี้นั่งอ่านหนังสือพระบิดาที่พี่ๆส่งให้
อ่านเสร็จก็นั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ
ยังไม่ได้เล่าความลำบากอีกอย่างว่า
เนื่องจากที่บ้านคอยจับผิดตลอด
บางทีอยู่บ้านต้องเอาไบเบิ้ลไปอ่านในห้องน้ำ
วันนี้นั่งอ่านหนังสือพระบิดาที่พี่ๆส่งให้
อ่านเสร็จก็นั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
พระเจ้ารักน้องเรมากเลยนะคะ
พระองค์ตอบรับคำขอที่เปี่ยมด้วยความไว้วางใจของน้องเร
เรื่องคุณแม่...ภาวนา/อธิษฐาน ถึงพระเจ้า
ขอให้พระเจ้าทรงปิดจิตใจคุณแม่นะคะ
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ลองถามคุณแม่ดูว่า
เกลียดอะไรคริสต์หนักหนาเหรอ
ลองถามแบบทีเล่นทีจริงดูสิคะ
แบบประมาณว่ายังไม่ได้จะเปลี่ยนหรอก
อยากจะรู้ว่าไม่ดียังงัย จะได้รู้ไว้
อะไรประมาณนี้อ่ะคะ
จะได้หาทางออกได้ถูกว่าจริงๆแล้วปัญหาคืออะไร :D
พระองค์ตอบรับคำขอที่เปี่ยมด้วยความไว้วางใจของน้องเร
เรื่องคุณแม่...ภาวนา/อธิษฐาน ถึงพระเจ้า
ขอให้พระเจ้าทรงปิดจิตใจคุณแม่นะคะ
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ลองถามคุณแม่ดูว่า
เกลียดอะไรคริสต์หนักหนาเหรอ
ลองถามแบบทีเล่นทีจริงดูสิคะ
แบบประมาณว่ายังไม่ได้จะเปลี่ยนหรอก
อยากจะรู้ว่าไม่ดียังงัย จะได้รู้ไว้
อะไรประมาณนี้อ่ะคะ
จะได้หาทางออกได้ถูกว่าจริงๆแล้วปัญหาคืออะไร :D
เป็นกำลังใจให้คุณเรนะครับ สวดภาวนาวอนขอ พระบิดา ด้วยความวางใจและเชื่อมั่นนะครับ แล้วทุกอย่างที่บ้านจะดีขึ้นเองนะครับ ดังที่ทรงตรัสไว้ในหนังสือพระบิดา พระองค์ทรงเข้าใจเราดีที่สุดมิใช่หรือครับ พระองค์ไม่ทอดทิ้งลูกที่พระองค์รักยิ่งให้ทุกข์ทรมานหรอกครับ สักวันคุณเรจะแสดงตนเป็นลูกของพระองค์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ขอขอบพระคุณพระบิดาผู้ทรงพระทัยดียิ่งของลูก ที่ให้ลูกได้มาอ่านกระทู้นี้ เพื่อตอกย้ำว่า ความรักของพระองค์มั่นคงนิรันดร และได้พบกับลูกของพระองค์ที่แม้จะทุกข์ยากลำบากแค่ไหน ก็ยังเชื่อและวางใจในพระองค์ ขอบคุณ คุณเรและขอเป็นกำลังใจให้ ด้วยครับ *ok
ขอขอบพระคุณพระบิดาผู้ทรงพระทัยดียิ่งของลูก ที่ให้ลูกได้มาอ่านกระทู้นี้ เพื่อตอกย้ำว่า ความรักของพระองค์มั่นคงนิรันดร และได้พบกับลูกของพระองค์ที่แม้จะทุกข์ยากลำบากแค่ไหน ก็ยังเชื่อและวางใจในพระองค์ ขอบคุณ คุณเรและขอเป็นกำลังใจให้ ด้วยครับ *ok
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ เสาร์ มิ.ย. 18, 2005 8:35 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เรจังเป็นลุกแกะน้อยน่ารัก อิๆ *ok
พึ่งรู้นะครับเนี่ยว่าสาวน้อยสุดน่ารักอย่างคุณเรมีชีวิตสมบุกสมบันพอสมควรเลย
เป็นกำลังใจให้นะครับ หลายๆคนในนี้ก็ถูกทางบ้านต่อต้านเหมือนกัน จะช่วยสวดให้คุณเรสามารถฝันฝ่าอุปสรรคไปได้ และให้ทางบ้านเปิดใจให้มากขึ้นนะครับ
การที่เรจังมาพบที่นี่ก็เป็นแผนการของพระองค์เหมือนกันเนอะครับ *ok
พึ่งรู้นะครับเนี่ยว่าสาวน้อยสุดน่ารักอย่างคุณเรมีชีวิตสมบุกสมบันพอสมควรเลย
เป็นกำลังใจให้นะครับ หลายๆคนในนี้ก็ถูกทางบ้านต่อต้านเหมือนกัน จะช่วยสวดให้คุณเรสามารถฝันฝ่าอุปสรรคไปได้ และให้ทางบ้านเปิดใจให้มากขึ้นนะครับ
การที่เรจังมาพบที่นี่ก็เป็นแผนการของพระองค์เหมือนกันเนอะครับ *ok
ขอบคุณน้องเรที่แบ่งปันประสบการณ์ความรักของพระเจ้าครับ พระเจ้าทรงน่ารักยิ่ง และลูก ๆ ของพระองค์ก็น่ารักเช่นกันครับ ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ต้องเผชิญการทดลองที่จะเชื่อในพระเจ้า เพราะหลาย ๆ คน ณ ที่นี้ก็พบสถานการณ์แบบที่น้องเรพบมาเช่นกัน ผมจะสวดภาวนาให้ครับ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
อิอิพระบิดาทรงรักลูกจริงๆ ทรงให้พระพรแม้กระทั่งในห้องน้ำ :o :oSugarRei เขียน: ขอบคุณค่ะ แล้วเรก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่นี่ด้วยนะคะ
ยังไม่ได้เล่าความลำบากอีกอย่างว่า
เนื่องจากที่บ้านคอยจับผิดตลอด
บางทีอยู่บ้านต้องเอาไบเบิ้ลไปอ่านในห้องน้ำ
วันนี้นั่งอ่านหนังสือพระบิดาที่พี่ๆส่งให้
อ่านเสร็จก็นั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ
ห้องน้ำกลายเป็นห้องภาวนาอิๆ :D
น้องเรน่ารักจังเลยค่ะ ถึงจะต้องแอบอ่านในห้องนำ้ก็ยังสุ้ไม่ถอย สุ้ต่อไปค่ะน้องเร พี่เอาใจช่วย *no1SugarRei เขียน: ขอบคุณค่ะ แล้วเรก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่นี่ด้วยนะคะ
ยังไม่ได้เล่าความลำบากอีกอย่างว่า
เนื่องจากที่บ้านคอยจับผิดตลอด
บางทีอยู่บ้านต้องเอาไบเบิ้ลไปอ่านในห้องน้ำ
วันนี้นั่งอ่านหนังสือพระบิดาที่พี่ๆส่งให้
อ่านเสร็จก็นั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
พระเจ้าทรงทอดพระเนตรในจิตใจ ฮับพี่ลิงNihil เขียน: ห้องน้ำกลายเป็นห้องภาวนาอิๆ :D
พี่เร อ่านในที่ทำงานไม่ได้เหรอ หรืออ่านที่ห้องนอนไม่ได้เหรอ
หนูชอบถามฮะ 8)
อ่านในห้องนอนได้เป็นครั้งคราวค่ะเวลาที่น้องสาวไม่อยู่ (เฮ่อ โชคดีจังที่ไม่ต้องอ่านในห้องน้ำทุกวัน)Jeab Agape เขียน:พระเจ้าทรงทอดพระเนตรในจิตใจ ฮับพี่ลิงNihil เขียน: ห้องน้ำกลายเป็นห้องภาวนาอิๆ :D
พี่เร อ่านในที่ทำงานไม่ได้เหรอ หรืออ่านที่ห้องนอนไม่ได้เหรอ
หนูชอบถามฮะ 8)
อยู่บ้านตัวเอง หาความสงบมิได้ ก่อนนอนไม่มีทางจะได้อ่านอะไรเลย
ใช้ห้องนอนร่วมกับน้องสาว อย่าได้หยิบหนังสือพระขึ้นมาเชียว บ้านแตก... T_T
ที่ทำงาน แอบอ่านตอนพักกลางวันเหมือนกัน
อ่านตอนทำงานไม่ได้อ่ะ เดี๋ยวนายตีตาย >_<
หนูจะอ่านพระคัมภีร์ให้จบภายในปีนี้ สู้ๆ ^^
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
พี่จิงน่าจะเอากระทู้รวมคำพยานของแต่ละคน(โดยขุดเอาของเก่าขึ้นมาะ) แล้วปักหมุดเอาไว้ไม่ให้ตกดีไหมครับ
ป.ล. เอาที่คุยกันเล่นๆออกด้วยเน้อ ><
ป.ล. เอาที่คุยกันเล่นๆออกด้วยเน้อ ><
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
คิดดูก่อน :D
-
- Defender of lawS
- โพสต์: 3324
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อาจจะแบ่งปันกันไป และมีบางคนในกลุ่มพวกเรา ช่วยอาสารับใช้พระเจ้า
โดยเป็น น้องก็อป ช่วยก็อปปี้ ไว้ เรื่อยๆ เมื่อ วันเวลาจังหวะเหมาะๆ
ค่อยโพสต์คำพยานเหล่านี้ให้อ่านกัน และสักระยะหนึ่ง ให้บรรณาธิการ editให้
แล้ว เราเอาไปแปะ ที่ บอร์ด บทความได้จ๊ะ :D
โดยเป็น น้องก็อป ช่วยก็อปปี้ ไว้ เรื่อยๆ เมื่อ วันเวลาจังหวะเหมาะๆ
ค่อยโพสต์คำพยานเหล่านี้ให้อ่านกัน และสักระยะหนึ่ง ให้บรรณาธิการ editให้
แล้ว เราเอาไปแปะ ที่ บอร์ด บทความได้จ๊ะ :D
มาเล่าต่อค่ะ เมื่อวานไปผจญภัยเชียงใหม่มา 1 วัน ไปคนเดียวด้วยความซ่าส์
ทั้งที่ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนไกลๆคนเดียวมาก่อน เพื่อนๆที่เชียงใหม่ก็เป็นเพื่อนในเว็บบอร์ด ที่หลายคนไม่เคยเจอตัวจริงมาก่อนเลย
ออกจากบ้านตี 4 ครึ่งวันอาทิตย์ กลับถึงบ้านตี 1 ครึ่งวันจันทร์
จะคิดว่าดวงดีก็ได้ บังเอิญก็ได้
แต่เราขอเรียกว่า พระเจ้าทรงเมตตาจะดีกว่า
ก่อนไปพี่พีพีโทรมาอธิษฐานให้พระเจ้าคุ้มครองเราตลอดการเดินทาง
ก่อนนอนเราก็อธิษฐานขอให้ทรงไปกับเราด้วย
ตื่นมาปกติถ้ารีบๆจะหลงๆลืมๆตลอด ระหว่างที่เดินไปหยิบสร้อยไม้กางเขนที่หน้าโต๊ะกระจก ก็เหลือบไปเห็นกล้องถ่ายรูป
อ๊ะ...เกือบลืมเอากล้องไปซะแล้ว
เอากล้องใส่กระเป๋าเสร็จ ก็หยิบไบเบิ้ลใส่ถุงท็อฟฟี่เค้กสวนดุสิต (ซื้อขนมฝากเพื่อนที่เชียงใหม่)
กะเอาไปอ่านตอนรอเครื่องบิน คิดขึ้นมาได้ว่า บนเครื่องจะหนาวหรือเปล่านะ
แต่ว่าเราไปวันเดียว ถ้าเอาเสื้อกันหนาวไป ไปถึงเชียงใหม่ก็ต้องมานั่งแบกเสื้ออีก
ลำบากตายชัก เอาไงดีกว่า เลยเดินไปรื้อๆตู้เสื้อผ้าดู ก็เจอผ้าพันคอสีขาวที่หายไปนาน
เอ่...มาได้ไงหว่า แต่ก็ดีเหมือนกันผ้าพันคอไม่หนักเท่าเสื้อ เอามาห่มก็ได้ หรือถ้าไปถึงแล้วไม่หนาวก็เอามาผูกเอวได้
ถึงสนามบิน กินข้าวเช้าแล้วไปรอเครื่องบิน นั่งๆอยู่เกิดคลื่นไส้ ลุกขึ้นมาอาเจียนซะงั้น
ตอนนั้นคิดว่า ซวยชิปเป๋งเลย แต่พอขึ้นเครื่อง ยิ้มเลยค่ะ
เครื่องบินมันเล็ก ช่วงไต่ระดับ มันก็โคลงไปโคลงมา
เวียนหัวที่สุด ดีที่เพิ่งเอาอาหารออกไปหยกๆ ไม่งั้นอาจจะอาเจียนบนเครื่องแทน >_<
พอไต่ระดับได้ก็โล่งแล้ว อากาศดีมากๆ ใช้เวลาบินไม่ถึงชม. ถึงแล้ว
ไปถึงเชียงใหม่เพื่อนเอารถมารับ แล้วเอาเรไปดร็อปที่โรงพยาบาลที่แฟนเพื่อนนอนป่วยอยู่
เพื่อให้เพื่อนอีกคนมารับต่อไปดูแพนด้า
คนมารับคนต่อมา เล่นเอามอเตอร์ไซต์มารับ แล้วไม่มีหมวกกันน็อคให้เรด้วยนะ คนขับใส่คนเดียว คนซ้อนนั่งหัวฟูเลย
เกือบๆจะถึงสวนสัตว์ เจอตำรวจค่ะ ทำไงดีหว่า เลี้ยวหลบไปมช.ก่อนแล้วกัน ปกติมช.จะตรวจบัตรรถเข้าออก
แต่วันนีดวงดีอีกแล้ว เค้าไม่ตรวจ ^^
ไปถึงเค้าไม่ให้เอามอเตอร์ไซต์เข้า เลยเดินเอา ด้วยความไม่รู้เดียงสาว่า สวนสัตว์เชียงใหม่มันกว้างพอๆกับเขาเขียว
แถมเป็นภูเขา ชันกว่ามากๆ เดินเที่ยวนี่เหนื่อยเลย ไปซื้อตั๋วแพนด้าตอน 10 โมง เค้าบอกว่าแพนด้าหลับอยู่ ต้องรอจนกว่ามันจะตื่น
(แล้วมันจะตื่นกี่โมงเนี่ย แง๊) ก็เลยไปเดินเที่ยวดูตัวอื่นๆก่อน ตอนเที่ยงกลับมาใหม่เค้าบอกตื่นแล้ว เข้าไปได้
เย้ ดีใจ... เดินเข้าไป หนอย... ตื่นแล้วแหละ แต่ว่าไปแอบอยู่ในถ้ำข้างบนซะสูง โผล่ขามาหน่อยนึง ( - - "
จะถ่ายรูปก็ถ่ายไม่ได้ นี่ถ่อจากกทม.มาเพื่อถ่ายขาหมีที่อยู่ไกลลิบๆเหรอเนี่ย พวกที่มาด้วยกันคนอื่นๆเริ่มบ่นว่ามาเสียเที่ยว หมีไม่ยอมออกมาให้ดู
เรก็เลยเอาไงดีหว่า . . . ข้าแต่พระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ หนูรู้ว่ามันฟังดูไร้สาระ แต่ถ้าพระองค์จะทรงกรุณา พระบิดาทรงเรียกมันลงมาให้หนูทีเถอะค่ะ
หนูอุตส่าห์มาตั้ง 700 กิโลเพื่อมาดูมัน ให้หนู ได้เห็นชัดๆเถอะนะคะ
อธิษฐานเสร็จ แพนด้ามันเดินลงมาเหมือนสั่งได้เลย ลงมาครึ่งทางมันก็ตั้งท่าอึ... ถ้าไม่ปวดอึเนี่ย หล่อนจะไม่ลงมาใช่มะ หลินฮุ่ย
อึเสร็จ มันก็เดินลงมากินต้นไผ่ที่เค้ากองไว้ มากินตรงหน้าเรเลยอ่ะ
สุดๆแล้ว...ขนลุกเลย พระบิดาทรงสั่งหมีแพนด้าให้เราด้วยเหรอเนี่ย
จากที่ถ่ายได้ขาหมีมานิดนึง ตอนนี้ได้มาเต็มๆตัว ชัดๆ ตรงหน้าเลย
ดูแพนด้าเสร็จ ก็เดินต่อจะไปดูลูกแมวน้ำค่ะ เดินๆไป อ้าว ตันนี่หว่า แผนที่เขียนยังไงเนี่ย ไม่เห็นเหมือนเลย
เดินหลงไปหลงมาอยู่ 2 ชม. จะเดินออกไปก็ไม่ไหวแล้ว ปวดขา (ใครเคยไปจะทราบว่า มันเป็นภูเขา อารมณ์เหมือนเดินขึ้นน้ำตกเลย)
เจอร้านข้าวก็เลยไปนั่งกิน เมื่อวานวันอาทิตย์ รถของสวนสัตว์แน่นมากๆ คนตัวกลมๆ 3 คน ไม่สามารถเบียดแทรกร่างกายขึ้นไปได้
จะเดินต่อก็ไม่ไหวแล้ว แต่ไหนๆก็มาแล้ว อยากดูต่อก็อยากดู เมื่อยก็เมื่อย จะกลับก็เดินไกลสุดๆ
ทันใดนั้น เพื่อนที่ไปเฝ้าแฟนที่โรงพยาบาลโทรมาค่ะ ! บอกว่าหมอให้แฟนเพื่อนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
เดี๋ยวจะพาแฟนมาสวนสัตว์ แล้วจะได้เอารถเก๋งมารับเรด้วย เย้!! เรไม่ต้องเดินกลับแล้ว แถมมีคนขับรถพาดูสัตว์ตัวที่ยังไม่ได้ดูด้วย อิอิ
มีแต่คนบอกว่า เรจังมันดวงดีอย่างร้ายกาจ แต่เรจะบอกว่าไม่ใข่เรดวงดีเองหรอก เรได้รับพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ต่างหาก
ที่เรกับพี่พีพีอธิษฐานกันเมื่อคืน พระผู้เป็นเจ้าทรงมากับเรจริงๆด้วย
ตอนเย็นจะไปกินข้าวกะเพื่อนๆน้องๆที่ acoboard.com แต่ไปโน่นมานี่ทั้งวัน
เหงื่อเปียกโชก เพื่อนๆที่ไปด้วยกันตั้งแต่เช้ามันหนีกลับบ้านอาบน้ำกันหมดแล้ว (เพื่อนผู้ชายอ่ะ จะไปอาบน้ำที่บ้านมันก็ไม่ไหวนะ)
แฟนเพื่อนเรก็พูดขึ้นมาว่า พี่เรไปอาบน้ำที่หอหนูสิ จะได้สบายตัวหน่อย
me/ ทำหน้าดีใจ เพิ่งเจอกัน 5 นาที แฟนเพื่อนชวนไปอาบน้ำที่หออ่ะค่ะ ก็เลยได้อาบ หายเหม็นเหงื่อหน่อย
แล้วก็กินข้าวริมแม่น้ำปิง ไปร้องคาราโอเกะ โดนฝนนิดหน่อยตอนวิ่งระหว่างร้านอาหารกับที่จอดรถ
แล้วก็บินกลับกทม.โดยสวัสดิภาพ ได้นอนตอนตี 2
ปวดไปหมดทั้งตัว พรุ่งนี้เข้างาน 7 โมงครึ่งแล้วมีเลี้ยงตอน 2 ทุ่มต่อด้วย โอย... จะไหวมั๊ยเนี่ย
ก่อนนอนเลยแอบอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วย ขอให้เรามีแรงที่จะลุกไปทำงานและไปเลี้ยงตอนค่ำ
ขณะนี้เวลา 18.30 น. เรจะต้องไปกินเลี้ยงตอน 2 ทุ่ม
ผ่านงานมาได้แล้วทั้งวัน และ คงจะผ่านงานเลี้ยงไปได้อย่างไม่ยากเย็น
ขอขอบพระคุณพระบิดา พระบุตร และ พระจิต ที่ทรงคุ้มครองดูแลเรค่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องเดินทางไปไหนไกลๆคนเดียว อย่าลืมอัญเชิญพระบิดาไปด้วยนะคะ
บางคนอาจจะว่าเราบ๊อง แต่เราจะขอเชื่อว่า เมื่อวานและวันนี้เราได้รับการดูแลจากพระองค์ท่านจริงๆ
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ ^^
ทั้งที่ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนไกลๆคนเดียวมาก่อน เพื่อนๆที่เชียงใหม่ก็เป็นเพื่อนในเว็บบอร์ด ที่หลายคนไม่เคยเจอตัวจริงมาก่อนเลย
ออกจากบ้านตี 4 ครึ่งวันอาทิตย์ กลับถึงบ้านตี 1 ครึ่งวันจันทร์
จะคิดว่าดวงดีก็ได้ บังเอิญก็ได้
แต่เราขอเรียกว่า พระเจ้าทรงเมตตาจะดีกว่า
ก่อนไปพี่พีพีโทรมาอธิษฐานให้พระเจ้าคุ้มครองเราตลอดการเดินทาง
ก่อนนอนเราก็อธิษฐานขอให้ทรงไปกับเราด้วย
ตื่นมาปกติถ้ารีบๆจะหลงๆลืมๆตลอด ระหว่างที่เดินไปหยิบสร้อยไม้กางเขนที่หน้าโต๊ะกระจก ก็เหลือบไปเห็นกล้องถ่ายรูป
อ๊ะ...เกือบลืมเอากล้องไปซะแล้ว
เอากล้องใส่กระเป๋าเสร็จ ก็หยิบไบเบิ้ลใส่ถุงท็อฟฟี่เค้กสวนดุสิต (ซื้อขนมฝากเพื่อนที่เชียงใหม่)
กะเอาไปอ่านตอนรอเครื่องบิน คิดขึ้นมาได้ว่า บนเครื่องจะหนาวหรือเปล่านะ
แต่ว่าเราไปวันเดียว ถ้าเอาเสื้อกันหนาวไป ไปถึงเชียงใหม่ก็ต้องมานั่งแบกเสื้ออีก
ลำบากตายชัก เอาไงดีกว่า เลยเดินไปรื้อๆตู้เสื้อผ้าดู ก็เจอผ้าพันคอสีขาวที่หายไปนาน
เอ่...มาได้ไงหว่า แต่ก็ดีเหมือนกันผ้าพันคอไม่หนักเท่าเสื้อ เอามาห่มก็ได้ หรือถ้าไปถึงแล้วไม่หนาวก็เอามาผูกเอวได้
ถึงสนามบิน กินข้าวเช้าแล้วไปรอเครื่องบิน นั่งๆอยู่เกิดคลื่นไส้ ลุกขึ้นมาอาเจียนซะงั้น
ตอนนั้นคิดว่า ซวยชิปเป๋งเลย แต่พอขึ้นเครื่อง ยิ้มเลยค่ะ
เครื่องบินมันเล็ก ช่วงไต่ระดับ มันก็โคลงไปโคลงมา
เวียนหัวที่สุด ดีที่เพิ่งเอาอาหารออกไปหยกๆ ไม่งั้นอาจจะอาเจียนบนเครื่องแทน >_<
พอไต่ระดับได้ก็โล่งแล้ว อากาศดีมากๆ ใช้เวลาบินไม่ถึงชม. ถึงแล้ว
ไปถึงเชียงใหม่เพื่อนเอารถมารับ แล้วเอาเรไปดร็อปที่โรงพยาบาลที่แฟนเพื่อนนอนป่วยอยู่
เพื่อให้เพื่อนอีกคนมารับต่อไปดูแพนด้า
คนมารับคนต่อมา เล่นเอามอเตอร์ไซต์มารับ แล้วไม่มีหมวกกันน็อคให้เรด้วยนะ คนขับใส่คนเดียว คนซ้อนนั่งหัวฟูเลย
เกือบๆจะถึงสวนสัตว์ เจอตำรวจค่ะ ทำไงดีหว่า เลี้ยวหลบไปมช.ก่อนแล้วกัน ปกติมช.จะตรวจบัตรรถเข้าออก
แต่วันนีดวงดีอีกแล้ว เค้าไม่ตรวจ ^^
ไปถึงเค้าไม่ให้เอามอเตอร์ไซต์เข้า เลยเดินเอา ด้วยความไม่รู้เดียงสาว่า สวนสัตว์เชียงใหม่มันกว้างพอๆกับเขาเขียว
แถมเป็นภูเขา ชันกว่ามากๆ เดินเที่ยวนี่เหนื่อยเลย ไปซื้อตั๋วแพนด้าตอน 10 โมง เค้าบอกว่าแพนด้าหลับอยู่ ต้องรอจนกว่ามันจะตื่น
(แล้วมันจะตื่นกี่โมงเนี่ย แง๊) ก็เลยไปเดินเที่ยวดูตัวอื่นๆก่อน ตอนเที่ยงกลับมาใหม่เค้าบอกตื่นแล้ว เข้าไปได้
เย้ ดีใจ... เดินเข้าไป หนอย... ตื่นแล้วแหละ แต่ว่าไปแอบอยู่ในถ้ำข้างบนซะสูง โผล่ขามาหน่อยนึง ( - - "
จะถ่ายรูปก็ถ่ายไม่ได้ นี่ถ่อจากกทม.มาเพื่อถ่ายขาหมีที่อยู่ไกลลิบๆเหรอเนี่ย พวกที่มาด้วยกันคนอื่นๆเริ่มบ่นว่ามาเสียเที่ยว หมีไม่ยอมออกมาให้ดู
เรก็เลยเอาไงดีหว่า . . . ข้าแต่พระบิดาผู้ยิ่งใหญ่ หนูรู้ว่ามันฟังดูไร้สาระ แต่ถ้าพระองค์จะทรงกรุณา พระบิดาทรงเรียกมันลงมาให้หนูทีเถอะค่ะ
หนูอุตส่าห์มาตั้ง 700 กิโลเพื่อมาดูมัน ให้หนู ได้เห็นชัดๆเถอะนะคะ
อธิษฐานเสร็จ แพนด้ามันเดินลงมาเหมือนสั่งได้เลย ลงมาครึ่งทางมันก็ตั้งท่าอึ... ถ้าไม่ปวดอึเนี่ย หล่อนจะไม่ลงมาใช่มะ หลินฮุ่ย
อึเสร็จ มันก็เดินลงมากินต้นไผ่ที่เค้ากองไว้ มากินตรงหน้าเรเลยอ่ะ
สุดๆแล้ว...ขนลุกเลย พระบิดาทรงสั่งหมีแพนด้าให้เราด้วยเหรอเนี่ย
จากที่ถ่ายได้ขาหมีมานิดนึง ตอนนี้ได้มาเต็มๆตัว ชัดๆ ตรงหน้าเลย
ดูแพนด้าเสร็จ ก็เดินต่อจะไปดูลูกแมวน้ำค่ะ เดินๆไป อ้าว ตันนี่หว่า แผนที่เขียนยังไงเนี่ย ไม่เห็นเหมือนเลย
เดินหลงไปหลงมาอยู่ 2 ชม. จะเดินออกไปก็ไม่ไหวแล้ว ปวดขา (ใครเคยไปจะทราบว่า มันเป็นภูเขา อารมณ์เหมือนเดินขึ้นน้ำตกเลย)
เจอร้านข้าวก็เลยไปนั่งกิน เมื่อวานวันอาทิตย์ รถของสวนสัตว์แน่นมากๆ คนตัวกลมๆ 3 คน ไม่สามารถเบียดแทรกร่างกายขึ้นไปได้
จะเดินต่อก็ไม่ไหวแล้ว แต่ไหนๆก็มาแล้ว อยากดูต่อก็อยากดู เมื่อยก็เมื่อย จะกลับก็เดินไกลสุดๆ
ทันใดนั้น เพื่อนที่ไปเฝ้าแฟนที่โรงพยาบาลโทรมาค่ะ ! บอกว่าหมอให้แฟนเพื่อนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
เดี๋ยวจะพาแฟนมาสวนสัตว์ แล้วจะได้เอารถเก๋งมารับเรด้วย เย้!! เรไม่ต้องเดินกลับแล้ว แถมมีคนขับรถพาดูสัตว์ตัวที่ยังไม่ได้ดูด้วย อิอิ
มีแต่คนบอกว่า เรจังมันดวงดีอย่างร้ายกาจ แต่เรจะบอกว่าไม่ใข่เรดวงดีเองหรอก เรได้รับพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ต่างหาก
ที่เรกับพี่พีพีอธิษฐานกันเมื่อคืน พระผู้เป็นเจ้าทรงมากับเรจริงๆด้วย
ตอนเย็นจะไปกินข้าวกะเพื่อนๆน้องๆที่ acoboard.com แต่ไปโน่นมานี่ทั้งวัน
เหงื่อเปียกโชก เพื่อนๆที่ไปด้วยกันตั้งแต่เช้ามันหนีกลับบ้านอาบน้ำกันหมดแล้ว (เพื่อนผู้ชายอ่ะ จะไปอาบน้ำที่บ้านมันก็ไม่ไหวนะ)
แฟนเพื่อนเรก็พูดขึ้นมาว่า พี่เรไปอาบน้ำที่หอหนูสิ จะได้สบายตัวหน่อย
me/ ทำหน้าดีใจ เพิ่งเจอกัน 5 นาที แฟนเพื่อนชวนไปอาบน้ำที่หออ่ะค่ะ ก็เลยได้อาบ หายเหม็นเหงื่อหน่อย
แล้วก็กินข้าวริมแม่น้ำปิง ไปร้องคาราโอเกะ โดนฝนนิดหน่อยตอนวิ่งระหว่างร้านอาหารกับที่จอดรถ
แล้วก็บินกลับกทม.โดยสวัสดิภาพ ได้นอนตอนตี 2
ปวดไปหมดทั้งตัว พรุ่งนี้เข้างาน 7 โมงครึ่งแล้วมีเลี้ยงตอน 2 ทุ่มต่อด้วย โอย... จะไหวมั๊ยเนี่ย
ก่อนนอนเลยแอบอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วย ขอให้เรามีแรงที่จะลุกไปทำงานและไปเลี้ยงตอนค่ำ
ขณะนี้เวลา 18.30 น. เรจะต้องไปกินเลี้ยงตอน 2 ทุ่ม
ผ่านงานมาได้แล้วทั้งวัน และ คงจะผ่านงานเลี้ยงไปได้อย่างไม่ยากเย็น
ขอขอบพระคุณพระบิดา พระบุตร และ พระจิต ที่ทรงคุ้มครองดูแลเรค่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องเดินทางไปไหนไกลๆคนเดียว อย่าลืมอัญเชิญพระบิดาไปด้วยนะคะ
บางคนอาจจะว่าเราบ๊อง แต่เราจะขอเชื่อว่า เมื่อวานและวันนี้เราได้รับการดูแลจากพระองค์ท่านจริงๆ
ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ ^^
เหตุการณ์ทุกอย่างในชีวิตไม่มีคำว่าบังเอิญ ทุกอย่างเป็นการดูแลเอาใจใส่จากพระองค์ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ
พระองค์เทคแคร์เราตั้งแต่ลืมตาตื่น ตลอดวัน แม้แต่ตอนหลับก็ยังเฝ้า อยู่กับเราทุกๆขณะจิต
เรื่องทัวร์ของคุณเร พิสูจน์ให้เห็นถึงความรักของพระองค์ พระองค์จะรีบมาหาทันทีสำหรับผู้ที่ร้องหาพระองค์
พระองค์เทคแคร์เราตั้งแต่ลืมตาตื่น ตลอดวัน แม้แต่ตอนหลับก็ยังเฝ้า อยู่กับเราทุกๆขณะจิต
เรื่องทัวร์ของคุณเร พิสูจน์ให้เห็นถึงความรักของพระองค์ พระองค์จะรีบมาหาทันทีสำหรับผู้ที่ร้องหาพระองค์
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
กรี๊ดพี่เรน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกภาวนาได้น่ารักโดนใจที่สุดๆ เพราะสำหรับพระเป้นเจ้าแล้วพระองค์ชอบฟังคำภาวนาน่ารักๆแบบนี้เป็นที่สุด ;D
เรยังสวดไม่เป็นอ่ะ เรขอเอาดื้อๆแบบนี้เลย
พระองค์ท่านอุตส่าห์เมตตา ลูกแกะบ๊องส์ๆ
ขอบพระคุณมากค่ะ ___/|\____
พระองค์ท่านอุตส่าห์เมตตา ลูกแกะบ๊องส์ๆ
ขอบพระคุณมากค่ะ ___/|\____
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
สวดยังไม่เป็นก็พูดไปเลยคะ
เหมือนพ่อ พูดกับพ่อ *no1
ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณีคะ :D
เหมือนพ่อ พูดกับพ่อ *no1
ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณีคะ :D
อ๋อ meet acoboard เชียงใหม่นี่เอง
อนึ่งแล้วเวลาเล่นเน็ตนี้ไม่มีใครมาดูใช่ไหมฮะ :D อ่านพระคัมภีร์บนเว็บก็ได้นะฮะ
อนึ่งแล้วเวลาเล่นเน็ตนี้ไม่มีใครมาดูใช่ไหมฮะ :D อ่านพระคัมภีร์บนเว็บก็ได้นะฮะ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
อะไรคือเหมือนพ่อพูดกับพ่อ? - - ต้องเหมือนพ่อพูดกับลูกสิ ;D~@Little lamb@~ เขียน: สวดยังไม่เป็นก็พูดไปเลยคะ
เหมือนพ่อ พูดกับพ่อ *no1
ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณีคะ :D
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
กั่กๆๆๆ ดึกๆชักเมาขี้ตา *omg
พ่อกับลูก ๆๆๆๆ
พ่อกับลูก ๆๆๆๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อังคาร มิ.ย. 21, 2005 2:25 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.