แผนการของพระผู้เป็นเจ้าในการเรียกเรามาเป็นคริสตชน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 17, 2005 4:29 pm
ตอนแรกตั้งใจจะตอบกระทู้เรื่อง อะไรทำให้คุณเชื่อในพระเจ้า
แต่พิมพ์แล้วมันยาวมากๆ เลยคิดว่า ตั้งใหม่เป็นคำพยานของตัวเองดีกว่า
เมื่อก่อนเรไม่เคยเชื่อ และ ไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนศาสนา...ไม่เคยคิดเลยจริงๆ
พระเจ้าทรงนำทางเรมาช้าๆ และ ไม่รีบร้อน อาจจะทรงปูทางมาตั้งแต่เด็กโดยที่เรไม่รู้ตัวก็ได้
ตอนอนุบาลเรเคยเรียนโรงเรียนแคธอลิคอยู่ 2ปี แต่ความที่เด็กมากๆ สิ่งที่จำได้ก็มีเพียง 2 อย่างคือ
เพลง "สรรเสริญพระเจ้า" ที่ครูบังคับให้ร้องตอนเช้าทุกวัน
กับละครวันคริสมาสต์ ซึ่งเรเล่นเป็น "ลูกแกะ" ใส่ชุดขนๆ คลานไปมาอยู่บนเวที เสี้ยนตำหัวเข่าเจ็บไปหมด
ตอนนั้นคิดแต่ว่า ทำไมเราต้องเล่นเป็นแกะด้วย เล่นเป็นก้อนหิน หรือ ต้นทุเรียนยังจะเข้าท่ากว่า ไม่ต้องโดนเสี้ยนตำ
ตอนนี้เพิ่งมาคิดได้ว่า ได้เป็นลูกแกะของพระเยซู นับเป็นเกียรติปานใด
ตอน ป.1 เรย้ายไปต่างจังหวัดและเรียนโรงเรียนไทยมาตลอด ไม่เคยได้ยินเรื่องพระเจ้าอีกเลย
แต่ไม่รู้ทำไมเรไม่ชอบการทำบุญที่ต้องนั่งฟังพระสวดเป็นที่สุด สำหรับเด็กเล็กๆ มันเป็นอะไรที่เมื่อยและเบื่อมาก
ถ้าโดดไม่ได้ ก็จะเอาการ์ตูนไปนั่งอ่านใต้ถุนศาลาวัดทุกทีไป และทำมาจนโต
รู้สึกอิจฉาคริสตชน ที่เค้าไม่ต้องทนนั่งไหว้จนเหน็บกินอย่างเรา
ตอนนั้นรู้สึกอยากเป็นคริสต์ แค่เพราะว่าไม่ต้องนั่งพนมมือเวลาพระสวด
โตขึ้นมาก็มีความขัดแย้งหลายๆอย่างกับความเชื่อของที่บ้าน
ไม่เกี่ยวกับที่เคยเรียนคอนแวนต์สมัยอนุบาล เพราะเรจำอะไรไม่ได้เท่าไหร่
แต่เพื่อนสนิทเรตอนประถมเป็นอิสลาม ทำให้เรได้รู้ว่า โลกนี้ไม่ได้มีแค่ศาสนาเดียว
หลายครั้งที่ถามตัวเองว่า อะไรที่ทำให้เราเกิดมาในแผ่นดินพุทธ ?
แผนการของพระผู้เป็นเจ้าทำงานในชีวิตเรอย่างช้าๆ และ แนบเนียน...
แฟนเก่าเรเป็นโปรเตนแตนต์ แต่เค้าก็ไม่เคยชวนเรสักคำ
ตอนนั้นคงยังไม่ถึงเวลากระมัง ถึงเค้าชวนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เรก็คงไม่ไปอยู่ดี (เลิกกันไปเมื่อ 5ปีก่อน)
ไม่รู้ว่าทำไม เรถึงรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป และรู้สึกว่า ไม่มีความมั่นคงอะไรเลย
ศาสนาพุทธสอนว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน และ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน
เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี แต่ในใจกลับโหยหาความมั่นคงทางวิญญาณ
สิ่งใดสักสิ่งที่จะมั่นคง จริงแท้ และ เป็นนิรันดร์ ก็ศาสนามีไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจมิใช่หรือ ? แต่กลับไม่มีอะไรให้เรายึด
และบ่อยครั้งที่รู้สึกว่า อยากให้มีคนนำทางเรา อยากให้มีคนสัญญาจะช่วยเหลือเรา
ไม่ใช่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตลอดเวลา แต่เรก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนศาสนา...ไม่เคยคิดเลย
ฟังเพลง "มีเธอ" ของพี่ปุ๊ อัญชลี ได้รู้ว่า คำว่า เธอ ของเค้าหมายถึง พระผู้เป็นเจ้า
เริ่มอยากรู้ว่า ความรักที่แท้จริง ที่เค้าพูดถึงคืออะไรกัน
ตอนที่ดูโฆษณา "พลังชีวิต" เรไม่ได้อินกับเนื้อหาโฆษณาหรอก คนดังที่มาออกเรก็ไม่ได้ปลื้มอะไรเลย
เรแค่สะกิดใจคำว่า "พลังชีวิต"
วันหนึ่ง เดินผ่านห้องรับแขก คุณแม่กำลังดูยูบีซี มีคำพูดประโยคนึงที่กระแทกใจมากๆ
จำข้อความเป๊ะๆไม่ได้ แต่เนื้อหาประมาณนี้อ่ะ (มันนานแล้ว อาจจะมีแต่งเติมเองนิดหน่อยนะคะ)
ผู้ชาย 2 คนกำลังคุยกันเรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกโลก และกำลังสงสัยว่า นี่จะเป็นการอวสานของโลกหรือเปล่า
ผู้ชายคนนึงพูดขึ้นมาว่า เมื่อวันแห่งหายนะมาถึง โลกนี้จะมีคนอยู่ 2 ประเภท
คือประเภทแรก พวกคนที่คิดว่าเชื่อมั่นในเหตุผล และเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรทั้งสิ้น จะต้องพึ่งพากำลังตนเองเท่านั้น
กับคนประเภทที่สอง ที่เชื่อว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือต่อให้โลกจะถล่มทลาย จะมีใครคนหนึ่งบนฟ้า ที่พร้อมจะช่วยเหลือพวกเขาเสมอ
และความเชื่อมั่นนี่เองที่ทำให้พวกเขามีความหวังอยู่ได้แม้ในยามที่ทุกข์ยากที่สุด
ฟังปุ๊บ อึ้งไปเลย 3 วินาที...
นี่แหละ พลังชีวิตที่เราขาดไป ถามตัวเองว่า เราอยากจะเป็นคนประเภทแรก หรือ ประเภทที่สอง ?
เสียงลึกๆตอบมาว่า เรอยากจะเชื่อมั่นว่า แม้ในยามที่โลกถึงกาลอวสาน
จะมีใครคนหนึ่งบนฟ้า ที่พร้อมจะปกป้องคุ้มครองเรา
ใครสักคนที่จะมารับเราไปเมื่อเราจากโลกนี้ไป
และสถานที่อันเป็นนิรันดร์ที่เราจะได้อยู่ท่ามกลางคนที่เรารัก และ ความสงบสุขตลอดไป
เรลองคุยกับแม่ ถ้าหนูเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จะเป็นยังไง
ปรากฏว่าบ้านแตก... ถึงขนาดจะตัดแม่ตัดลูก
แล้วคุณแม่ก็เป็นโรคหัวใจเสียด้วย ถ้าแม่โกรธมากๆก็อาจจะได้หามไปโรงพยาบาล
ตั้งแต่นั้นมาเรก็เงียบ ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เค้าก็คอยจับผิดเป็นระยะๆ
เพื่อนซื้อสร้อยไม้กางเกนมาให้เพราะเห็นเรชอบ
เรก็ห้อยติดคอตลอด (เรไม่ชอบห้อยพระ แต่ทำไมห้อยกางเขนได้ก็ไม่รู้)
เค้าก็จะว่า ห้อยทำไมกางเขน จะเปลี่ยนศาสนาเหรอ... ว่าเราเป็นลูกอกตัญญู
เราเลยต้องเอาไปใส่นอกบ้าน ออกจากบ้านก่อนค่อยใส่
เพื่อนชวนเรไปเล่นเกมแรคน่าร็อค ออนไลน์ และในเกมก็มีอาชีพพรีส
เรเริ่มคุ้นเคยกับโบสถ์ที่พรอนเทร่า คำสวดอ้อนวอน และ การปฏิญาณตนจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า
ถึงจะเป็นแค่เกมแแต่เรก็สบายใจราวกับคุ้นเคยมานาน ในโลกออนไลน์เราสามารถประกาศตนเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไม่อายใคร
เดือนมกราคม ที่บ้านเรมีปัญหาด้านการเงินจากการรักษาโรคหัวใจและเบาหวานของคุณแม่ เรต้องไปกู้เงินมาใช้หนี้ให้แม่ทีละมากๆ
เงินเดือนไม่พอใช้ แค่เดินผ่านร้านไอศครีมยังต้องตัดใจว่าเราไม่มีเงินจะกิน...
เรมีรถขับมาทำงาน แต่ช่วงนั้นบางวันต้องอดข้าวเพราะว่าเติมน้ำมันไปหมดแล้ว มีเงินติดตัวแค่ 100 บาท ต้องอยู่ไปอีกทั้งอาทิตย์
เป็นช่วงที่ทรหดที่สุดแล้ว จะหยิบยืมเงินใครก็ไม่กล้า เพราะเราไม่เคยยืมใครมาก่อน
เดือนกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนที่โบนัสออก เรจะได้เอาเงินโบนัสมาล้างหนี้เจ็ดหมื่นกว่าที่มีอยู่
และถ้าเป็นไปได้ โบนัสออกแล้วอยากจะได้งานใหม่ที่รายได้ดีกว่าเดิม
เรอธิษฐานขอพระบิดา ขอให้โบนัสออกมามากกว่า 7 หมื่น จะได้หมดหนี้เสียที
ของานใหม่ที่รายได้ดีกว่า และ สบายใจกว่าเดิม... เรสมัครงานไป 2-3 ที่ โดยไม่ได้หวังอะไร
ตอนนั้นมองไม่เห็นอนาคตแล้ว ไม่ได้วางแผนว่าถ้าไม่ได้งานใหม่จะทำอะไรต่อไป
ขอแค่ให้ได้โบนัสมากกว่าจำนวนหนี้ที่มีอยู่ และ ได้งานใหม่ที่เงินเดือนดีกว่าเดิม
เรฝากชีวิตไว้กับการอธิษฐานก่อนนอน ถึงพระผู้เป็นเจ้าที่เรเชื่อว่ามีอยู่จริงโดยไม่ได้สงสัยเลยว่า
หากพระองค์ไม่ทรงช่วย เรจะทำยังไงต่อไป
สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พระผู้เป็นเจ้าตอบรับคำอธิษฐานของเร เรได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ของแผนก
เงินโบนัสออกมา 8 หมื่น ใช้หนี้แล้วเหลือให้แม่ได้อีกนิดหน่อย เรเป็นคนปลอดหนี้สินแล้ว ^^
และช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากส่งใบสมัครงานไปทางอีเมล วันรุ่งขึ้นมีคนโทรมานัดสัมภาษณ์
ตรวจร่างกาย และ เซ็นสัญญา ด้วยเงินเดือนมากกว่าเดิมอีกหมื่นนึง ในบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่ได้ชื่อว่ารับคนเข้าทำงานยากที่สุดแห่งหนึ่ง
ภายในเวลาแค่อาทิตย์เดียวเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งเรจริงๆ
ยิ่งเรเดินทางเข้าใกล้พระองค์ เรก็ยิ่งรู้สึกถึงแสงสว่าง และ แหล่งพลังงานลึกลับที่ราวกับจะดึงมาใช้ได้ไม่มีวันหมด
เรเข้างาน 7 โมงครึ่ง เลิกงานแล้วไปเรียนต่อ ถึงบ้าน 4 ทุ่มกว่า
ทำงาน 6 วัน และ เรียนวันอาทิตย์อีก 7 วันไม่ได้พักเลย
ทุกครั้งที่เหนื่อย เรจะอธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า ที่เรเองก็ยังไม่รู้จักท่านดีแต่เหมือนท่านตอบกลับมาอย่างอาทรเสมอๆ
เรเข้าไปตามเว็บของคริสตศาสนา โดยที่เรก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
มีแยกเป็นนิกายด้วย เรอยากเข้าใกล้พระองค์ให้มากกว่านี้ อยากเดินไปในทางที่พระองค์ประสงค์
ถึงเรจะบอกที่บ้านไม่ได้ แต่นอกบ้านเรก็จะเป็นสิ่งที่เรอยากจะเป็น
ความฝันเล็กๆ...
สักวันเรจะได้ล้างบาปและเป็นคนของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์
แต่พิมพ์แล้วมันยาวมากๆ เลยคิดว่า ตั้งใหม่เป็นคำพยานของตัวเองดีกว่า
เมื่อก่อนเรไม่เคยเชื่อ และ ไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนศาสนา...ไม่เคยคิดเลยจริงๆ
พระเจ้าทรงนำทางเรมาช้าๆ และ ไม่รีบร้อน อาจจะทรงปูทางมาตั้งแต่เด็กโดยที่เรไม่รู้ตัวก็ได้
ตอนอนุบาลเรเคยเรียนโรงเรียนแคธอลิคอยู่ 2ปี แต่ความที่เด็กมากๆ สิ่งที่จำได้ก็มีเพียง 2 อย่างคือ
เพลง "สรรเสริญพระเจ้า" ที่ครูบังคับให้ร้องตอนเช้าทุกวัน
กับละครวันคริสมาสต์ ซึ่งเรเล่นเป็น "ลูกแกะ" ใส่ชุดขนๆ คลานไปมาอยู่บนเวที เสี้ยนตำหัวเข่าเจ็บไปหมด
ตอนนั้นคิดแต่ว่า ทำไมเราต้องเล่นเป็นแกะด้วย เล่นเป็นก้อนหิน หรือ ต้นทุเรียนยังจะเข้าท่ากว่า ไม่ต้องโดนเสี้ยนตำ
ตอนนี้เพิ่งมาคิดได้ว่า ได้เป็นลูกแกะของพระเยซู นับเป็นเกียรติปานใด
ตอน ป.1 เรย้ายไปต่างจังหวัดและเรียนโรงเรียนไทยมาตลอด ไม่เคยได้ยินเรื่องพระเจ้าอีกเลย
แต่ไม่รู้ทำไมเรไม่ชอบการทำบุญที่ต้องนั่งฟังพระสวดเป็นที่สุด สำหรับเด็กเล็กๆ มันเป็นอะไรที่เมื่อยและเบื่อมาก
ถ้าโดดไม่ได้ ก็จะเอาการ์ตูนไปนั่งอ่านใต้ถุนศาลาวัดทุกทีไป และทำมาจนโต
รู้สึกอิจฉาคริสตชน ที่เค้าไม่ต้องทนนั่งไหว้จนเหน็บกินอย่างเรา
ตอนนั้นรู้สึกอยากเป็นคริสต์ แค่เพราะว่าไม่ต้องนั่งพนมมือเวลาพระสวด
โตขึ้นมาก็มีความขัดแย้งหลายๆอย่างกับความเชื่อของที่บ้าน
ไม่เกี่ยวกับที่เคยเรียนคอนแวนต์สมัยอนุบาล เพราะเรจำอะไรไม่ได้เท่าไหร่
แต่เพื่อนสนิทเรตอนประถมเป็นอิสลาม ทำให้เรได้รู้ว่า โลกนี้ไม่ได้มีแค่ศาสนาเดียว
หลายครั้งที่ถามตัวเองว่า อะไรที่ทำให้เราเกิดมาในแผ่นดินพุทธ ?
แผนการของพระผู้เป็นเจ้าทำงานในชีวิตเรอย่างช้าๆ และ แนบเนียน...
แฟนเก่าเรเป็นโปรเตนแตนต์ แต่เค้าก็ไม่เคยชวนเรสักคำ
ตอนนั้นคงยังไม่ถึงเวลากระมัง ถึงเค้าชวนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว เรก็คงไม่ไปอยู่ดี (เลิกกันไปเมื่อ 5ปีก่อน)
ไม่รู้ว่าทำไม เรถึงรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไป และรู้สึกว่า ไม่มีความมั่นคงอะไรเลย
ศาสนาพุทธสอนว่า โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน และ ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน
เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี แต่ในใจกลับโหยหาความมั่นคงทางวิญญาณ
สิ่งใดสักสิ่งที่จะมั่นคง จริงแท้ และ เป็นนิรันดร์ ก็ศาสนามีไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจมิใช่หรือ ? แต่กลับไม่มีอะไรให้เรายึด
และบ่อยครั้งที่รู้สึกว่า อยากให้มีคนนำทางเรา อยากให้มีคนสัญญาจะช่วยเหลือเรา
ไม่ใช่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตลอดเวลา แต่เรก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนศาสนา...ไม่เคยคิดเลย
ฟังเพลง "มีเธอ" ของพี่ปุ๊ อัญชลี ได้รู้ว่า คำว่า เธอ ของเค้าหมายถึง พระผู้เป็นเจ้า
เริ่มอยากรู้ว่า ความรักที่แท้จริง ที่เค้าพูดถึงคืออะไรกัน
ตอนที่ดูโฆษณา "พลังชีวิต" เรไม่ได้อินกับเนื้อหาโฆษณาหรอก คนดังที่มาออกเรก็ไม่ได้ปลื้มอะไรเลย
เรแค่สะกิดใจคำว่า "พลังชีวิต"
วันหนึ่ง เดินผ่านห้องรับแขก คุณแม่กำลังดูยูบีซี มีคำพูดประโยคนึงที่กระแทกใจมากๆ
จำข้อความเป๊ะๆไม่ได้ แต่เนื้อหาประมาณนี้อ่ะ (มันนานแล้ว อาจจะมีแต่งเติมเองนิดหน่อยนะคะ)
ผู้ชาย 2 คนกำลังคุยกันเรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกโลก และกำลังสงสัยว่า นี่จะเป็นการอวสานของโลกหรือเปล่า
ผู้ชายคนนึงพูดขึ้นมาว่า เมื่อวันแห่งหายนะมาถึง โลกนี้จะมีคนอยู่ 2 ประเภท
คือประเภทแรก พวกคนที่คิดว่าเชื่อมั่นในเหตุผล และเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรทั้งสิ้น จะต้องพึ่งพากำลังตนเองเท่านั้น
กับคนประเภทที่สอง ที่เชื่อว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือต่อให้โลกจะถล่มทลาย จะมีใครคนหนึ่งบนฟ้า ที่พร้อมจะช่วยเหลือพวกเขาเสมอ
และความเชื่อมั่นนี่เองที่ทำให้พวกเขามีความหวังอยู่ได้แม้ในยามที่ทุกข์ยากที่สุด
ฟังปุ๊บ อึ้งไปเลย 3 วินาที...
นี่แหละ พลังชีวิตที่เราขาดไป ถามตัวเองว่า เราอยากจะเป็นคนประเภทแรก หรือ ประเภทที่สอง ?
เสียงลึกๆตอบมาว่า เรอยากจะเชื่อมั่นว่า แม้ในยามที่โลกถึงกาลอวสาน
จะมีใครคนหนึ่งบนฟ้า ที่พร้อมจะปกป้องคุ้มครองเรา
ใครสักคนที่จะมารับเราไปเมื่อเราจากโลกนี้ไป
และสถานที่อันเป็นนิรันดร์ที่เราจะได้อยู่ท่ามกลางคนที่เรารัก และ ความสงบสุขตลอดไป
เรลองคุยกับแม่ ถ้าหนูเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จะเป็นยังไง
ปรากฏว่าบ้านแตก... ถึงขนาดจะตัดแม่ตัดลูก
แล้วคุณแม่ก็เป็นโรคหัวใจเสียด้วย ถ้าแม่โกรธมากๆก็อาจจะได้หามไปโรงพยาบาล
ตั้งแต่นั้นมาเรก็เงียบ ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แต่เค้าก็คอยจับผิดเป็นระยะๆ
เพื่อนซื้อสร้อยไม้กางเกนมาให้เพราะเห็นเรชอบ
เรก็ห้อยติดคอตลอด (เรไม่ชอบห้อยพระ แต่ทำไมห้อยกางเขนได้ก็ไม่รู้)
เค้าก็จะว่า ห้อยทำไมกางเขน จะเปลี่ยนศาสนาเหรอ... ว่าเราเป็นลูกอกตัญญู
เราเลยต้องเอาไปใส่นอกบ้าน ออกจากบ้านก่อนค่อยใส่
เพื่อนชวนเรไปเล่นเกมแรคน่าร็อค ออนไลน์ และในเกมก็มีอาชีพพรีส
เรเริ่มคุ้นเคยกับโบสถ์ที่พรอนเทร่า คำสวดอ้อนวอน และ การปฏิญาณตนจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า
ถึงจะเป็นแค่เกมแแต่เรก็สบายใจราวกับคุ้นเคยมานาน ในโลกออนไลน์เราสามารถประกาศตนเป็นสาวกของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไม่อายใคร
เดือนมกราคม ที่บ้านเรมีปัญหาด้านการเงินจากการรักษาโรคหัวใจและเบาหวานของคุณแม่ เรต้องไปกู้เงินมาใช้หนี้ให้แม่ทีละมากๆ
เงินเดือนไม่พอใช้ แค่เดินผ่านร้านไอศครีมยังต้องตัดใจว่าเราไม่มีเงินจะกิน...
เรมีรถขับมาทำงาน แต่ช่วงนั้นบางวันต้องอดข้าวเพราะว่าเติมน้ำมันไปหมดแล้ว มีเงินติดตัวแค่ 100 บาท ต้องอยู่ไปอีกทั้งอาทิตย์
เป็นช่วงที่ทรหดที่สุดแล้ว จะหยิบยืมเงินใครก็ไม่กล้า เพราะเราไม่เคยยืมใครมาก่อน
เดือนกุมภาพันธ์จะเป็นเดือนที่โบนัสออก เรจะได้เอาเงินโบนัสมาล้างหนี้เจ็ดหมื่นกว่าที่มีอยู่
และถ้าเป็นไปได้ โบนัสออกแล้วอยากจะได้งานใหม่ที่รายได้ดีกว่าเดิม
เรอธิษฐานขอพระบิดา ขอให้โบนัสออกมามากกว่า 7 หมื่น จะได้หมดหนี้เสียที
ของานใหม่ที่รายได้ดีกว่า และ สบายใจกว่าเดิม... เรสมัครงานไป 2-3 ที่ โดยไม่ได้หวังอะไร
ตอนนั้นมองไม่เห็นอนาคตแล้ว ไม่ได้วางแผนว่าถ้าไม่ได้งานใหม่จะทำอะไรต่อไป
ขอแค่ให้ได้โบนัสมากกว่าจำนวนหนี้ที่มีอยู่ และ ได้งานใหม่ที่เงินเดือนดีกว่าเดิม
เรฝากชีวิตไว้กับการอธิษฐานก่อนนอน ถึงพระผู้เป็นเจ้าที่เรเชื่อว่ามีอยู่จริงโดยไม่ได้สงสัยเลยว่า
หากพระองค์ไม่ทรงช่วย เรจะทำยังไงต่อไป
สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ พระผู้เป็นเจ้าตอบรับคำอธิษฐานของเร เรได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ของแผนก
เงินโบนัสออกมา 8 หมื่น ใช้หนี้แล้วเหลือให้แม่ได้อีกนิดหน่อย เรเป็นคนปลอดหนี้สินแล้ว ^^
และช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากส่งใบสมัครงานไปทางอีเมล วันรุ่งขึ้นมีคนโทรมานัดสัมภาษณ์
ตรวจร่างกาย และ เซ็นสัญญา ด้วยเงินเดือนมากกว่าเดิมอีกหมื่นนึง ในบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่ได้ชื่อว่ารับคนเข้าทำงานยากที่สุดแห่งหนึ่ง
ภายในเวลาแค่อาทิตย์เดียวเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงทอดทิ้งเรจริงๆ
ยิ่งเรเดินทางเข้าใกล้พระองค์ เรก็ยิ่งรู้สึกถึงแสงสว่าง และ แหล่งพลังงานลึกลับที่ราวกับจะดึงมาใช้ได้ไม่มีวันหมด
เรเข้างาน 7 โมงครึ่ง เลิกงานแล้วไปเรียนต่อ ถึงบ้าน 4 ทุ่มกว่า
ทำงาน 6 วัน และ เรียนวันอาทิตย์อีก 7 วันไม่ได้พักเลย
ทุกครั้งที่เหนื่อย เรจะอธิษฐานขอกำลังจากพระเจ้า ที่เรเองก็ยังไม่รู้จักท่านดีแต่เหมือนท่านตอบกลับมาอย่างอาทรเสมอๆ
เรเข้าไปตามเว็บของคริสตศาสนา โดยที่เรก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
มีแยกเป็นนิกายด้วย เรอยากเข้าใกล้พระองค์ให้มากกว่านี้ อยากเดินไปในทางที่พระองค์ประสงค์
ถึงเรจะบอกที่บ้านไม่ได้ แต่นอกบ้านเรก็จะเป็นสิ่งที่เรอยากจะเป็น
ความฝันเล็กๆ...
สักวันเรจะได้ล้างบาปและเป็นคนของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์