Belong to the Truth Jesus Christ

เคยไหมที่เราเคยทำอะไรผิดมากๆแล้วซ้ำๆแล้วมันยังตามหลอกหลอนเรามาตลอดทุกวันไม่ว่าเวลานอน กินเที่ยวเมื่อเวลาเราเผลอเราก็คิดถึงเรื่องนั้นอยู่ตลอดหลายครั้งที่พยายามลืมมัน หลายครั้งที่อยากจะกลับไปแก้ไขแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ยิ่งเวลาผ่านานไปสิ่งที่เราทำไปยังคงหลอกหลอนอยู่ในจิตใต้สำนึกเราบางครั้งเมื่อเราอ่อนแอมันก็จะตามมาหลอกหลอนเราตลอด ไม่ใช่แค่สิ่งที่เราเคยทำผิดเท่านั่นที่ตามมาหลอกหลอนยังมีทั้งเรื่องที่ฝังใจเราในตอนเด็กๆที่มีความคิดนั้นขึ้นมาก็เกือบจะร้องไห้ทุกครั้งแต่ก็ร้องไม่ออกบางครั้งน้ำตามันไหลออกมาเองเรื่องที่เรารู้สึกเจ็บปวดหรือโดนรังแกตอนเด็กๆและเรื่องที่เราเคยทำผิดยังคอยหลอกหลอนเรื่อยมาเคยคิดจะฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่ทำกรีดแขนตัวเองอยากจะลืมๆมันไปแต่ก้อทำไม่ได้แม้แต่ตอนนอนก็ยังมีมาตลอดจนทำให้นอนไม่หลับ เคยแอบไปร้องไห้หลายครั้ง หมดกำลังใจที่จะทำอะไรหลายครั้ง เครียดจนปวดหัวหลยครั้งบางครั้งรู้สึกว่าไม่มีใครหาทางออกไม่ได้แต่ก็ยังฝืนทนมาตลอดจนทำให้บางทีกลายเป็นคนคิดมากอารมณ์แปรปรวนไม่กล้าคิดไม่กล้าทำหวาดระแวงหวาดกลัวตลอดเวลาโดยไม่มีสาเหตุและไม่ไว้ใจใครT^T

ทางคริสเตียนเราเรียกว่า "รากขมขื่น"
พระเจ้าทรงสามารถรักษารากขมขื่นได้ครับ


ในพระเจ้า ทุกอย่างมีทางออกเสมอนะครับ
และจงรู้ไว้ว่า บาปใดๆและมลทินใดๆก็ตาม พระมหาทรมานของพระเยซูสามารถชำระล้างได้เสมอ

ขอเล่านะครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องของคุณ จขกท. นะครับ 
"มีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอขายตัวจนถึงวัยทำงาน เธอเจอพระเจ้า เธอทุกข์และเสียใจถึงสิ่งที่เธอเคยทำ นั้นคือการขายตัว เธอขยะแขยงตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย อยากใช้ร่างใหม่ อยากได้ชีวิตใหม่ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว..
เธอได้ฟังศิษยาภิบาลเทศนาถึงการขอวิงวอนต่อพระเจ้า และการเทศนาเรื่องการบังเกิดใหม่
เธอจึงอธิษฐานขอพระเจ้า ถึงเรื่องที่เธอเคยขายตัว ไม่นานเกินรอ พระเจ้าได้ทรงใช้ผู้หนึ่งเข้ามา และอธิษฐานวางมือ (Healing)
ขณะนั้นเธอได้รับรู้ถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์(พระจิตเจ้า) เคลื่อนไหวในตัวเธอ เธอได้รับการบรรเทา ผ่อนคลาย รู้สึกถึงความสดใหม่
เมื่อรอบประจำเดือนเธอมาถึง เธอสังเกตสีประจำเดือนของเธอว่า สีมันเหมือนตอนที่เธอมีประจำเดือนครั้งแรกในชีวิต"

ปล.ผมก็ไม่รู้หรอก ว่าสีประจำเดือนครั้งแรก กับครั้งต่อๆมา มันต่างกันยังไง   

แต่อยากหนุนใจว่า อะไรก็ตาม ที่แก้ไขไม่ได้แล้ว ขอจงวางใจ จงอธิษฐานขอ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณมันอาจจะไม่ได้ประจักษ์เว่อร์เหมือนกับผู้คนที่คุณได้ยินคำพยาน แต่ว่ามันเกิดขึ้นแน่ๆ และคุณจะรู้ได้ด้วยตัวเอง

"จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วเราจะเปิดให้แก่ท่าน" 
"พระเจ้าคือแพทย์ผู้ประเสริฐ" 

แนวทางนะครับ
-อ่านพระวาจาของพระเจ้า (พระคัมภีร์) อย่างสม่ำเสมอ
-เข้ารับการหนุนจิตชูใจ ฟังการแบ่งปัน คำเทศนาจากผู้ใหญ่ในคริสตจักร(วัด)
-เฝ้าเดี่ยว เข้าเงียบ อธิษฐานสวดภาวนาส่วนบุคคล (อย่าได้ขาด)
-นับจากนี้ไป เรื่องใดๆที่เข้ามาทำให้จิตใจตกอยู่ในด้านมืด แม้เพียงเล็กน้อย เช่น โกรธ หลง เกลียด แค้น เคือง ไม่พอใจ เป็นต้น ให้รีบชำระล้างในนามพระบุตร และหากเป็นหนักให้รีบขอคำภาวนาและคำหนุนใจจากพี่น้อง

ทุกอย่างจะดีขึ้นครับ หากคุณตั้งใจจริงที่จะให้มันดีขึ้น 
ผมจะอธิษฐานให้คุณนะครับ และคำแนะนำทั้งหมดนี้ ผมอาจเขียนได้ไม่ดีพอ แต่ขอให้ติดสนิทกับพระเจ้านะครับ เพื่อชีวิตที่เปี่ยมสุข

ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพรครับ 

พระเจ้ายิ่งใหญ่ ชำระเราให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร  http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=12369.0

BOYZ เขียน: ทางคริสเตียนเราเรียกว่า "รากขมขื่น"
พระเจ้าทรงสามารถรักษารากขมขื่นได้ครับ


ในพระเจ้า ทุกอย่างมีทางออกเสมอนะครับ
และจงรู้ไว้ว่า บาปใดๆและมลทินใดๆก็ตาม พระมหาทรมานของพระเยซูสามารถชำระล้างได้เสมอ

ขอเล่านะครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องของคุณ จขกท. นะครับ 
"มีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอขายตัวจนถึงวัยทำงาน เธอเจอพระเจ้า เธอทุกข์และเสียใจถึงสิ่งที่เธอเคยทำ นั้นคือการขายตัว เธอขยะแขยงตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย อยากใช้ร่างใหม่ อยากได้ชีวิตใหม่ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว..
เธอได้ฟังศิษยาภิบาลเทศนาถึงการขอวิงวอนต่อพระเจ้า และการเทศนาเรื่องการบังเกิดใหม่
เธอจึงอธิษฐานขอพระเจ้า ถึงเรื่องที่เธอเคยขายตัว ไม่นานเกินรอ พระเจ้าได้ทรงใช้ผู้หนึ่งเข้ามา และอธิษฐานวางมือ (Healing)
ขณะนั้นเธอได้รับรู้ถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์(พระจิตเจ้า) เคลื่อนไหวในตัวเธอ เธอได้รับการบรรเทา ผ่อนคลาย รู้สึกถึงความสดใหม่
เมื่อรอบประจำเดือนเธอมาถึง เธอสังเกตสีประจำเดือนของเธอว่า สีมันเหมือนตอนที่เธอมีประจำเดือนครั้งแรกในชีวิต"

ปล.ผมก็ไม่รู้หรอก ว่าสีประจำเดือนครั้งแรก กับครั้งต่อๆมา มันต่างกันยังไง   

แต่อยากหนุนใจว่า อะไรก็ตาม ที่แก้ไขไม่ได้แล้ว ขอจงวางใจ จงอธิษฐานขอ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณมันอาจจะไม่ได้ประจักษ์เว่อร์เหมือนกับผู้คนที่คุณได้ยินคำพยาน แต่ว่ามันเกิดขึ้นแน่ๆ และคุณจะรู้ได้ด้วยตัวเอง

"จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วเราจะเปิดให้แก่ท่าน" 
"พระเจ้าคือแพทย์ผู้ประเสริฐ" 

แนวทางนะครับ
-อ่านพระวาจาของพระเจ้า (พระคัมภีร์) อย่างสม่ำเสมอ
-เข้ารับการหนุนจิตชูใจ ฟังการแบ่งปัน คำเทศนาจากผู้ใหญ่ในคริสตจักร(วัด)
-เฝ้าเดี่ยว เข้าเงียบ อธิษฐานสวดภาวนาส่วนบุคคล (อย่าได้ขาด)
-นับจากนี้ไป เรื่องใดๆที่เข้ามาทำให้จิตใจตกอยู่ในด้านมืด แม้เพียงเล็กน้อย เช่น โกรธ หลง เกลียด แค้น เคือง ไม่พอใจ เป็นต้น ให้รีบชำระล้างในนามพระบุตร และหากเป็นหนักให้รีบขอคำภาวนาและคำหนุนใจจากพี่น้อง

ทุกอย่างจะดีขึ้นครับ หากคุณตั้งใจจริงที่จะให้มันดีขึ้น 
ผมจะอธิษฐานให้คุณนะครับ และคำแนะนำทั้งหมดนี้ ผมอาจเขียนได้ไม่ดีพอ แต่ขอให้ติดสนิทกับพระเจ้านะครับ เพื่อชีวิตที่เปี่ยมสุข

ขอพระเจ้าทรงโปรดอวยพระพรครับ 

ใช่เลยครับ
แนวทางนะครับ
-อ่านพระวาจาของพระเจ้า (พระคัมภีร์) อย่างสม่ำเสมอ
-เข้ารับการหนุนจิตชูใจ ฟังการแบ่งปัน คำเทศนาจากผู้ใหญ่ในคริสตจักร(วัด)
-เฝ้าเดี่ยว เข้าเงียบ อธิษฐานสวดภาวนาส่วนบุคคล (อย่าได้ขาด)
-นับจากนี้ไป เรื่องใดๆที่เข้ามาทำให้จิตใจตกอยู่ในด้านมืด แม้เพียงเล็กน้อย เช่น โกรธ หลง เกลียด แค้น เคือง ไม่พอใจ เป็นต้น ให้รีบชำระล้างในนามพระบุตร และหากเป็นหนักให้รีบขอคำภาวนาและคำหนุนใจจากพี่น้อง

นี่ก็ใช่
ผมก็มี เหมือนกัน
กำลังขอกำลังจากพระองค์อยู่
ผมเคยไม่ได้เฝ้าเดี่ยวและอธิษฐานมา 1อาทิตย์เต็มๆ
นี่เห็นผลเลยครับ
เวลาเจอสถานการณ์หรือปัญหา อะไร มักจะคุมสถานการณ์ไม่ได้เรย แทนที่จะเอาปัญญาจากพระองค์หรือพระวจนะในพระคัมภรีมาแก้ปัญหา
แต่ถ้า เฝ้าเดี่ยวหรือติดสนิทกับพระองค์บ่อยๆ เราจะมีปัญญามากขึ้นจริงๆ ครับ

พี่ขอเว้นวรรคให้หน่อยนะ คนอื่นๆที่มาอ่านทีหลังจะได้อ่านง่ายขึ้น

MING123 เขียน: เคยไหม ที่เราเคยทำอะไรผิดมากๆแล้วซ้ำๆแล้วมันยังตามหลอกหลอนเรามาตลอดทุกวัน
ไม่ว่าเวลานอน กินเที่ยว
เมื่อเวลาเราเผลอ เราก็คิดถึงเรื่องนั้นอยู่ตลอด
หลายครั้งที่พยายามลืมมัน
หลายครั้งที่อยากจะกลับไปแก้ไขแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ยิ่งเวลาผ่านนานไป สิ่งที่เราทำไปยังคงหลอกหลอนอยู่ในจิตใต้สำนึกเรา
บางครั้งเมื่อเราอ่อนแอมันก็จะตามมาหลอกหลอนเราตลอด
ไม่ใช่แค่สิ่งที่เราเคยทำผิดเท่านั่นที่ตามมาหลอกหลอน ยังมีทั้งเรื่องที่ฝังใจเราในตอนเด็กๆที่มีความคิดนั้นขึ้นมา
ก็เกือบจะร้องไห้ทุกครั้งแต่ก็ร้องไม่ออกบางครั้งน้ำตามันไหลออกมาเอง

เรื่องที่เรารู้สึกเจ็บปวด หรือโดนรังแกตอนเด็กๆ และเรื่องที่เราเคยทำผิดยังคอยหลอกหลอนเรื่อยมา
เคยคิดจะฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่ทำ กรีดแขนตัวเองอยากจะลืมๆมันไป แต่ก้อทำไม่ได้
แม้แต่ตอนนอนก็ยังมีมาตลอดจนทำให้นอนไม่หลับ เคยแอบไปร้องไห้หลายครั้ง หมดกำลังใจที่จะทำอะไรหลายครั้ง เครียดจนปวดหัวหลายครั้ง
บางครั้งรู้สึกว่าไม่มีใคร หาทางออกไม่ได้แต่ก็ยังฝืนทนมาตลอด
จนทำให้บางทีกลายเป็นคนคิดมากอารมณ์แปรปรวน ไม่กล้าคิด ไม่กล้าทำ หวาดระแวง หวาดกลัวตลอดเวลาโดยไม่มีสาเหตุและไม่ไว้ใจใครT^T

ดีแล้วครับที่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย
(นั่นไม่ใช่ทางออกของปัญหา แต่จะเป็นการสร้างปัญหาใหม่ให้กับตัวเองและคนที่อยู่ข้างหลังนะ)

ตอบคำถามน้องก่อนละกัน เคยไหม....เคยสิ

ชีวิตของคนเราทุกคน ก็ย่อมต้องเจอสิ่งที่ดีและเลวปะปนกันไป
แต่ถ้าเราไม่ได้ระบายสิ่งที่เลวร้ายออกไป เราก็จะเหมือนตะแกรง/แผ่นกรอง....สักวันมันก็ตัน

การที่เราจะได้รับการชำระสิ่งเหล่านั้นไม่อาจกระทำได้แต่ด้วยเพียงตัวเราเอง แต่ต้องคนอื่น
.....แต่อาจไม่ใช่ทุกคนหรอกที่หวังดีกับเรา

แต่อย่างน้อยที่สุด คนที่เรามั่นใจได้แน่นอนว่าเขาหวังดีกับเรา
ก็คือพระเจ้า ผู้สรรพานุภาพ และบันดาลให้เราเกิดมา

น้องหมิงพึ่งมาศึกษา อาจจะยังสงสัยอะไรพระองค์บ้างก็ไม่เป็นไร เรียนรู้กันไป

พี่เชื่อว่า หลายๆคนในบอร์ดนี้ยินดีที่จะช่วยน้องหมิงครับ

อะไรมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเห๊อะ-0-

หมิงเองก็ยังเด็ก(พูดไปตรูก็อายุเท่มันละฟร่ะ-*-) ชีวิตยังอีกยาวไกล เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า

พี่บอยสอนมา-0-

ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะำนำครับ

ตอนนี้ก็พยายามทำใจให้ได้และยอมรับในสิ่งที่ผ่านๆมาอยู่แต่บางครั้งก็ยังลืมมันไปไม่ได้เรื่องในตอนเด็กๆบางเรื่องมันยังฝังใจแล้วก็ยากที่จะลืมมากๆ ใครพอมีวิธีลืมเรื่องที่เลวร้ายมากๆที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตได้ไหมครับ

ลูกที่รักทั้งหลาย  ความเป็นมาในอดีตย่อมส่งผลถึงปัจจุบัน  แต่ลูกไม่สามารถกลับไปแก้ไข
เหตุการณ์ต่างๆในอดีตที่จบสิ้นไปแล้วได้  ดังนั้นขอให้ลูกจงอย่ายึดติดกับอดีตที่ผ่านพ้นมาแล้ว
จริงอยู่บท เรียนในอดีตหากลูกนำมาแก้ไขปรับปรุง  ลูกก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ปัจจุบันได้ 
แต่เหตุการณ์บางอย่างได้เกิิดขึ้นและจบสิ้นไปแล้วในอดีต และมิมีวันที่จะหวนคืนมาได้อีก  หากลูกยังคง
ฝังใจอยู่กับมันแล้วจักมีผลกระทบอย่างมากมายในชีวิตประจำวันของลูก.....

อ่านเพิ่มเติมที่ http://www.newmana.com/yabb/http://newmana.com/phpbb/viewtopic.php?p=138939#p138939

BOYZ เขียน: ลูกที่รักทั้งหลาย  ความเป็นมาในอดีตย่อมส่งผลถึงปัจจุบัน  แต่ลูกไม่สามารถกลับไปแก้ไข
เหตุการณ์ต่างๆในอดีตที่จบสิ้นไปแล้วได้  ดังนั้นขอให้ลูกจงอย่ายึดติดกับอดีตที่ผ่านพ้นมาแล้ว
จริงอยู่บท เรียนในอดีตหากลูกนำมาแก้ไขปรับปรุง  ลูกก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิต ปัจจุบันได้ 
แต่เหตุการณ์บางอย่างได้เกิิดขึ้นและจบสิ้นไปแล้วในอดีต และมิมีวันที่จะหวนคืนมาได้อีก  หากลูกยังคง
ฝังใจอยู่กับมันแล้วจักมีผลกระทบอย่างมากมายในชีวิตประจำวันของลูก.....

อ่านเพิ่มเติมที่ http://www.newmana.com/yabb/http://newmana.com/phpbb/viewtopic.php?p=138939#p138939

ขอบคุณครับ

อีกหนึ่งบทความแนะนำครับ

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=12480.0

ครับตอนนี้อยากขอคำภาวนาให้เจอแต่สิ่งดีๆไปไหนขอให้มีแสงสว่างนำทางและกำลังใจให้วันพรุ่งนี้ผมสามารถมีความสุขและเจอแต่มิตรที่ดีๆครับ^^

มองโลกแง่บวกด้วยสิ

^_______________________^

เอ่อ คือเราไม่แน่ใจว่าชื่อมิ้ง หรือมิ่งนะครับ แต่อยากบอกว่า ผมเองก็เจอกับเรื่องแบบนั้นเหมือนกัน มันไม่ยอมออกไปจากหัวจริงๆ อันนี้ผมเชื่อ เพราะผมเองก็เป็น มันเป็นความรู้สึกผิด ที่เราเป็นคนทำขึ้นมาเอง พี่น้องหลายท่านในนี้อาจจะยังไม่เคยเจอกับเรื่องเลวร้า้ยแบบนั้น ผมจะลองยกตัวอย่างให้ดูนะครับ สมมุติว่าวันหนึ่งคุณทะเลาะกับแม่มาก จนถึงขั้นด่าว่าแม่ และภาพที่คุณเห็นคือ หญิงคนหนึ่งยืนนึ่ง มองหน้าคุณ แล้วน้ำตาเธอก็ค่อยๆเอ่อล้นออกมา จนในที่สุดก็กลั้นไม่อยู่ เธอปล่อยโฮออกมาราวกับจะขาดใจตาย

ลองคิดดูซิครับ ถ้าคุณเป้นลูกคนนั้น ชีวิตนี้คุณจะลืมเรื่องนี้ได้หรือเปล่า แม้ว่า แม่จะให้อภัยและปลอบคุณว่าให้ลืมมันไปซะ ผมเชื่อว่าแม่ให้อภัยลูกได้เสมอ แต่คุณละ อภัยในสิ่งที่คุณทำลงไปหรือเปล่า

อยากแนะนำนะครับว่า ถ้าเราพลาดในสิ่งใดที่ทำให้เราต้องเสียใจ ให้ชดเชยสิ่งนั้นด้วยความดีต่อคนอื่น เสมอว่า เรากำลังแก้ไขความผิดพลาดในอดีต

อย่างถ้าทำกับแม่ คุณก็ควรรักแม่ให้มากขึ้น แม้ว่าบางที แม่อาจจะงงว่าทำไมคุณเปลี่ยนไป แต่เชื่อเถอะครับ ไม่มีแม่คนไหนไม่อยากให้ลูกรักหรอกจริงมั้ย

อีกอย่างที่สำคัญในฐานะที่เราเป็นคริสตชน คือสวดภาวนาให้เราไม่จดจำอดีตที่เลวร้าย แต่ให้เราเข้มแข็งที่จะก้าวต่อไปสู่อนาคตอย่างดีครับ

สู้ๆนะครับ

พระเ้จ้าให้อภัยคุณแล้ว แต่คุณต้องให้อภัยตัวเองด้วยครับ

กับความบาปผิดหรือสิ่งเลวร้ายที่ผ่านเข้ามา



พระองค์สามารถทำให้เราตายและเกิดใหม่ได้ทุกวินาที เพียงแต่เราแค่ร้องขอต่อพระองค์เท่านั้น วิญยาณของเราก็จะตายต่อบาปและกลับคืนชีพใหม่พร้อมกับพระเยซูเจ้าเป็นคนใหม่  ดังนั้นเรื่องราวสมัยก่อนที่เราเคยเป็นหรือเคยเจอมาก็เป็นเพียงเราคนเก่าที่ได้ตายไปแล้วครับ 

พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: พระเ้จ้าให้อภัยคุณแล้ว แต่คุณต้องให้อภัยตัวเองด้วยครับ  

น่าเสียดาย เราคงทำไม่ได้หรอก..... ตราบที่ตัวตนที่เป็นในปัจจุบันยังคงอยู่ไม่ได้รับการแก้ตั้งแต่เริ่มใหม่

เรื่องความทรงจำที่ขมขื่น กับความทรงจำที่เรานึกถึงตัวเองแล้ว รู้สึกว่าทุเรศจนไม่น่ามีตัวตนแต่แรกด้วยซ้ำตั้งหลาย scene ทีเดียว

.......เหตุนั้นเราจึงปรารถนาในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่อาจเป็นไปได้ถ้าพระองค์อยากให้เป็น เลยไม่รู้จะเอาใจพระองค์ยังไง คนแบบเราทำจิตสงบไม่เป็น ใจเย็นก็ไม่ลง ชอบขาดโบสถ์เพราะตื่นสาย มุทะลุ สมองกลวง โง่เง่า หาไหวพริบไม่ได้ ความคิดก็ไม่เหมือนคนปกติ คิดแต่เรื่องชนะเพื่อไม่ให้ตัวเองและคนสำคัญโดนดูถูก(แต่เอาเข้าจริง ๆ แพ้เขาตลอดกาล) และที่สำคัญ.... *(ข้อมูลที่เป็นความลับ)*

เลยคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออก นอกจากคิดทำลายศัตรูของเราและพี่น้องเราเท่านั้น เป็นอย่างเดียวที่เราอยากทำเป็นของถวาย เป็นไปได้หรือไม่ก็ช่าง
(เป็นเหตุว่าฟอรั่มเมื่อก่อนลุกเป็นไฟเพราะเราบ่อย ๆ ตอนนี้มารู้แล้วว่าการเล็งศาสนาอื่นเป็นศัตรูไม่น่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องนัก)

......อย่างไรก็ดี เป้าหมายสูงสุดที่เราอยากได้เป็นบำเหน็จ ก็ยังไม่เปลี่ยนหรอก..... พระเจ้าคงรู้ดีว่าเราอยากได้อะไร อย่างน้อยเราก็ยังมีหัวใจ จะให้ไม่หวังผลอะไรในความรักบ้างคงยาก โดยเฉพาะหลังจากที่พระองค์ยอมให้เรื่องงี่เง่าเกิดขึ้นซ้ำซ้อนกันหลายหนขนาดนั้น(ถึงจะรู้ว่าเราก็โง่สุดขีดก็เถอะ)

เฮ้อ ถ้าไอ้บักลูซี่มาโผล่ตรงหน้าก็ดี จะได้หักคอมันส่งไปถวายพระเจ้าซะ แล้วขอบำเหน็จอย่างว่า อยากรู้ว่าจะมากพอได้ค่าตอบแทนมั้ย

Mazinger Valkyrie เขียน:

พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: พระเ้จ้าให้อภัยคุณแล้ว แต่คุณต้องให้อภัยตัวเองด้วยครับ  

น่าเสียดาย เราคงทำไม่ได้หรอก..... ตราบที่ตัวตนที่เป็นในปัจจุบันยังคงอยู่ไม่ได้รับการแก้ตั้งแต่เริ่มใหม่

เรื่องความทรงจำที่ขมขื่น กับความทรงจำที่เรานึกถึงตัวเองแล้ว รู้สึกว่าทุเรศจนไม่น่ามีตัวตนแต่แรกด้วยซ้ำตั้งหลาย scene ทีเดียว

.......เหตุนั้นเราจึงปรารถนาในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่อาจเป็นไปได้ถ้าพระองค์อยากให้เป็น เลยไม่รู้จะเอาใจพระองค์ยังไง คนแบบเราทำจิตสงบไม่เป็น ใจเย็นก็ไม่ลง ชอบขาดโบสถ์เพราะตื่นสาย มุทะลุ สมองกลวง โง่เง่า หาไหวพริบไม่ได้ ความคิดก็ไม่เหมือนคนปกติ คิดแต่เรื่องชนะเพื่อไม่ให้ตัวเองและคนสำคัญโดนดูถูก(แต่เอาเข้าจริง ๆ แพ้เขาตลอดกาล) และที่สำคัญ.... *(ข้อมูลที่เป็นความลับ)*

เลยคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออก นอกจากคิดทำลายศัตรูของเราและพี่น้องเราเท่านั้น เป็นอย่างเดียวที่เราอยากทำเป็นของถวาย เป็นไปได้หรือไม่ก็ช่าง
(เป็นเหตุว่าฟอรั่มเมื่อก่อนลุกเป็นไฟเพราะเราบ่อย ๆ ตอนนี้มารู้แล้วว่าการเล็งศาสนาอื่นเป็นศัตรูไม่น่าจะเป็นวิธีที่ถูกต้องนัก)

......อย่างไรก็ดี เป้าหมายสูงสุดที่เราอยากได้เป็นบำเหน็จ ก็ยังไม่เปลี่ยนหรอก..... พระเจ้าคงรู้ดีว่าเราอยากได้อะไร อย่างน้อยเราก็ยังมีหัวใจ จะให้ไม่หวังผลอะไรในความรักบ้างคงยาก โดยเฉพาะหลังจากที่พระองค์ยอมให้เรื่องงี่เง่าเกิดขึ้นซ้ำซ้อนกันหลายหนขนาดนั้น(ถึงจะรู้ว่าเราก็โง่สุดขีดก็เถอะ)

เฮ้อ ถ้าไอ้บักลูซี่มาโผล่ตรงหน้าก็ดี จะได้หักคอมันส่งไปถวายพระเจ้าซะ แล้วขอบำเหน็จอย่างว่า อยากรู้ว่าจะมากพอได้ค่าตอบแทนมั้ย

1ทธ 1:12-17 
ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระคริสตเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพละกำลังแก่ข้าพเจ้า ด้วยพระองค์ทรงเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น่าเชื่อถือ จึงทรงเรียกให้มารับใช้  แม้ว่าก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพูดดูหมิ่นพระเจ้า เบียดเบียนและกระทำทารุณ แต่ข้าพเจ้าก็ได้รับพระเมตตากรุณาจากพระองค์ เพราะข้าพเจ้ากระทำไปโดยความไม่รู้ขณะที่ยังไม่มีความเชื่อ  แต่พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทำให้ข้าพเจ้ามีความเชื่อและความรักในพระคริสตเยซูอย่างเหลือล้น  ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคนจะยอมรับ คือ “พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น” ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้  ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงแสดงพระเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรต้องการแสดงความเพียรอดทนที่ยาวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคนแรก เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร  ขอพระเกียรติยศและพระสิริรุ่งโรจน์ตลอดนิรันดร จงมีแด่พระเจ้าองค์เดียวที่เราแลเห็นไม่ได้ พระผู้ทรงเป็นอมตะ และพระผู้ทรงเป็นกษัตริย์นิรันดร อาเมน



ฟป 3:8
นับแต่บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งไม่มีประโยชน์อีกเมื่อเปรียบกับประโยชน์ล้ำค่าคือการรู้จักพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงยอมสูญเสียทุกสิ่ง ข้าพเจ้าเห็นว่าทุกสิ่งเป็นปฏิกูล เพื่อจะได้องค์พระคริสตเจ้ามาเป็นกำไรและอยู่ในพระองค์ ข้าพเจ้าไม่มีความชอบธรรมที่มาจากธรรมบัญญัติ แต่มีความชอบธรรมเพราะความเชื่อในพระคริสตเจ้า เป็นความชอบธรรมซึ่งพระเจ้าประทานให้ผู้มีความเชื่อ  ข้าพเจ้าต้องการรู้จักพระองค์ รู้จักฤทธานุภาพของการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ ต้องการมีส่วนร่วมในพระทรมานของพระองค์โดยมีสภาพเหมือนพระองค์ในความตาย  จะได้บรรลุถึงการกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตายด้วย  ข้าพเจ้ายังไม่บรรลุเป้าหมายหรือยังทำไม่สำเร็จ ข้าพเจ้ายังมุ่งหน้าวิ่งต่อไป เพื่อจะช่วงชิงรางวัลให้ได้ดังที่พระคริสตเยซูทรงช่วงชิงข้าพเจ้าไว้ได้แล้ว  พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่คิดว่า ข้าพเจ้าชนะแล้ว ข้าพเจ้าทำเพียงอย่างเดียวคือ ลืมสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง มุ่งสู่เบื้องหน้าอย่างสุดกำลัง  ข้าพเจ้ากำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยไปหารางวัลที่พระเจ้าทรงเรียกจากสวรรค์ให้ข้าพเจ้าเข้าไปรับในพระคริสตเยซู ดังนั้น เราทุกคนที่บรรลุวุฒิภาวะแล้วจงมีความรู้สึกนึกคิดเช่นนี้ และถ้าท่านทั้งหลายยังคิดเป็นเรื่องอื่น พระเจ้าก็จะทรงเปิดเผยเรื่องนี้แก่ท่าน ดังนั้น เมื่อเราก้าวหน้าถึงที่ใดแล้ว จงก้าวหน้าต่อไปในทิศทางเดียวกัน พี่น้องทั้งหลาย จงพร้อมใจกันประพฤติตามอย่างข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายเห็นว่า เราเป็นแบบฉบับอย่างไร ก็จงดำเนินตามอย่างนั้นเถิด 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆครับ^^

สู้ สู้ นะน้องหมิง ผ่านไปให้ได้นะ 

MING123 เขียน: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆครับ^^

น้องหมิงก็สู้ต่อไปนะ เข้มแข็งไว้
มีอะไรก็โพสต์ก็ได้ หรือ PM ก็ได้นะน้อง โลกนี้ยังมีมุมที่สวยงามเสมอ 

และอาทิตย์ก็ไปอัสสัมได้แล้วนะ-0-

อดีตที่เลวร้าย ย่อมพยายามฉุดให้จิตวิญญาณเราอ่อนแรงลง เรารู้ว่ามันเลวร้ายดังนั้นต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ เรายังแพ้มันอยู่เพราะมันยังทิ่มแทงหัวใจเราทุกวัน ดังนั้นจงกล้าหาญและเลือกสิ่งถูก จงก้าวไปข้างหน้าและยืนหยัดบนความถูกต้อง พระคริสต์เป็นตัวอย่างที่ดีถึงความบริสุทธิและแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง พระเจ้าตรัสว่า มนุษย์จะอยู่ด้วยอาหารอย่างเดียวนั้นมิได้(จริงๆหมายถึงสิ่งปัจจัยทางโลกอื่นๆด้วยเช่นเงินอำนาจการยอมรับจากสังคมและอื่นๆ) แต่มนุษย์จะดำรงอยู่ได้ด้วยคำของเรา
    ดังนั้นพระคริสต์เป็นแบบอย่างที่บริสุทธิและทำให้คำของพระเจ้าสำริดผลจากคำข้างต้นนั้นครับ โดยการเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตให้มนุษย์ได้เห็นว่าดำเนินตามพระคำของพระเจ้านั้น จิตวิญญาณเติบโตและพรจากพระองค์พระเจ้าสูงสุดพระบิดานั้นดีเพียงไร
    ศึกษาการดำเนินชีวิตแบบพระคริสต์และค้นหาคำของพระเจ้าดูครับ แล้วคุณจะตอบคำถามในชีวิตปันหาตรงนี้ของคุณได้แน่นอน
เมื่อคุณค้นหาพระองค์ด้วยใจจริง คุณจะมีพระเจ้าเป็นศิลาแกร่งในจิตวิญญาณของคุณและคุณจะเข้มแข็งขึ้นในจิตวิญญาณของคุณแน่นอน
  จงกล้าหาญและออกไปค้นหาพระคำของพระองค์ซึ่งบอกความจริงของชีวิต และละทิ้งอดีตและตัวตนของคุณในอดีต แล้วให้ชีวิตใหม่ที่มีแต่ค้นหาพระคำของพระเจ้าดูซิครับ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปและจิตวิญญาณคุณจะเบิกบานและเปี่ยมไปด้วยความรักและสันติสุขในจิตใจ
  แล้วอดีตจะไม่มีผลกับคุณอีกเลยและคุณจะก้าวข้ามมันไปเหมือนมันเป็นแค่ทางที่คุณได้เยียบผ่านไปแล้ว และจะมุ่งสู่ชีวิตที่มีความหวังและสันติ 

ขอบคุณกำลังใจจากพี่ๆทุกคนมากมายครับต่อไปนี้ผมจะพยายามทำตัวให้เข้มเเข็งมากขึ้น^^

ไม่มีใครในโลกนี้จะเจอปัญหาอุปสรรคหรือความทุกข์ใดๆที่จะหนักหนาไปกว่าพระเยซูเจ้าและแม่พระได้อีกแล้ว

แม่พระ :บ้านจน สามีเสียชีวิต(น.ยอเซฟ) ท้องไม่มีพ่ออับอายขายขี้หน้า(เกือบโดนเอาหินขว้างตาย) ลูกหายตอน12ขวบ  แถมลูกตัวเองตายต่อหน้าต่อตาอย่างทรมาณอีก

พระเยซู : บ้านจน พ่อเลี้ยงตาย ทำเครื่องไม้ขายรายได้ต่ำ โดนใส่ร้ายนินทา เพื่อนที่รักและเชื่อใจที่สุดทรยศ ตายต่อหน้าแม่ตัวเองอย่างอับยศ   รับทรมาณที่ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถทนได้  ลูกศิษย์ที่รักกระจัดกระจายในวาระสุดท้ายของชีวิต


เทียบกับปัญหาของเราๆ

พวกเราชาวนิวมานาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ : ไม่มีเงิน เพื่อนแกล้ง พ่อแม่ไม่เข้าใจ ปัญหาหนี้สิน โดนนินทา อยากตาย ฯลฯ  


รวมกันทั้งบอร์ดแล้วยังไม่เท่าพระเยซูกับพระแม่เลยครับดังนั้นต่อหน้าพระองค์และพระแม่แล้วเราไม่สามารถบ่นอะไรได้เลยครับ เพราะปัญหาของเราเมื่อเทียบกับปัญหาของพระองค์มันเล็กเท่าเม็ดฝุ่นที่ซอกเล็บพระบาทของพระองค์เท่านั้นเอง