อยากฆ่าคนที่เขาทำร้ายคุณแม่
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 8:57 pm
วันนี้คุณแม่ไปขึ้นศาลกับน้องสาวเรื่องคดีเช็ค แม่เป็นหนี้กับอดีตเพื่อนของแม่ แม่กู้มา 5 ล้านและส่งต้นส่งดอกให้รวมแล้วก็เกือบ 2 ล้าน แต่พอช่วงเศรษฐกิจขาลง
ตอนปี 42 ครอบครัวเริ่มสะดุด แม่ก็ยังส่งดอกเบี้ยให้เขาแต่ส่งไม่ตรงกำหนด เขาก็คิดทบต้นทบดอก และในที่สุดก็ฟ้องศาลทั้งแพ่งและอาญาเพราะเขาให้แม่เขียนเช็ค
เขาฟ้องแม่ด้วยยอดเงิน 7 ล้าน เขาเคยใช้ตำรวจเอารถขับปาดหน้าเพื่อให้แม่จอดรถในหมู่บ้าน แล้วก็จับแม่ขังคุกแต่พวกเราก็ประกันแม่ออกมา พอขึ้นศาลเราก็ต้องให้เขาเดือนละ 20000 บาท ส่งมาตลอด รวมยอดก็จะ 500,000 บาทแล้ว จนปีนี้เศรษฐกิจก็ฟุบอีกก็ไม่ได้ส่งตรงตามนัด เขาก็ให้ทนายโทรมาทวงด้วยคำพูดก้าวร้าว ยอกไปย้อนมา
เขาก็ฟ้องแม่อีก แม่บอกว่าตอนนี้มีอยู่ 50,000 บาทพร้อมจะให้ทันที พอสิ้นเดือนเก็บลูกค้าได้ก็จะให้เพิ่มทนายเขาบอกว่าไม่เอา 50,000 มันจิ๊บจ้อย เขาจะเอาทั้งหมด น้องก็บอกว่าไม่มีหรอก ไม่ใช่ว่าเรามีแล้วไม่ให้ แต่มันไม่มีจริงๆ เขาก็จะให้ศาลสั่งจำคุกแม่ 6 เดือน เอาตำรวจศาลมานั่งรอด้านหลัง สงสัยกลัวแม่จะหนี ทำเหมือนแม่ไปฆ่าใครตายมาผู้พิพากษาท่านก็เมตตาให้ไกล่เกลี่ยกันเอง ท่านว่าไม่สมควรที่จะต้องฟ้องศาลอาญาให้มันซ้ำซ้อน แน่นอนทางเราก็ผิดที่ไม่สามารถทำตามคำที่แถลงต่อศาลคราวก่อนได้ ทางเราก็ต่อรองว่าถ้าหาเงินได้ 5 ล้านภายใน 2 ปี เขาจะยอมลดหนี้ให้อีก 2 ล้านไหม เขาไม่ยอม เขาจะเอา 7 ล้าน สุดท้ายผู้พิพากษาให้เราผ่อนเดือนละ 30,000 บาทเป็นเวลา 6 เดือน แล้วเดือนที่ 7 ก็ผ่อนยอดเดิม ท่านผู้พิพากษาบอกว่า เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ แต่เวรกรรมมันมีจริงเพียงแต่อาจจะมาช้าไปหน่อย
เราเข้าใจว่าเงินของเขา เขาก็อยากได้คืน เราก็ไม่ได้โกงเขา เขาให้แม่เราเซ็นสัญญาเงินกู้โดยที่เขาไม่ลงวันที่ แม่เชื่อใจเขาเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันมานาน ตอนเราขายรถได้ แม่ก็รีบคืนเขา 2 แสนบาท เวลาเขาจะไปเที่ยวเมืองจีนแต่ไม่มีใครไปด้วย เขาก็โทรมาชวนแม่ไปเป็นเพื่อน ทั้งที่แม่ไม่มีเงินเขาก็บังคับให้ไป เขาไปทำเสน่ห์ หาพ่อมดหมอผี แล้วก็ไปโกหกว่าแม่ของเราเป็นคนพาไป สามีเขาก็โทรมาต่อว่า ทั้งที่แม่เราไม่รู้เรื่องก็ถูกด่าฟรี ทุกวันนี้เขาอยู่บ้านของคนที่เขายึดมาจากลูกหนี้ อยู่คนเดียว เพราะสามีมีภรรยาน้อย ลูกๆก็ไม่อยู่ด้วย ลูกสาวมีหลาน ก็ไม่อยากให้แม่เลี้ยงหลาน เวลาเขาอยากเห็นหลานก็ต้องแอบไปเจอหลานที่โรงเรียน ลูกชายแต่งงานแล้วก็ไปทะเลาะกับลูกสะใภ้
แต่เขาก็อยู่บนกองเงินกองทอง ร่ำรวยดี เดินกรีดกรายซื้อแหวนเพชร
วันนี้แว่บหนึ่งในใจคิดว่า ปืนกับกระสุนเนี่ยมันถูกกว่าเงิน 7 ล้านเยอะเลยนะ ไหนๆเขาก็ไม่ให้เรามีโอกาสจะปลดหนี้สิน ก็น่าจะตายตกกันไปพร้อมๆกันเลย วันนี้เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงฆ่ากันได้ หรือเราจะจ้างมือปืนไปเก็บดี คิดไปต่างๆ นานา รู้นะว่าแค่คิดเราก็ตกในบาปหนักแล้วแต่มันอดไม่ได้จริงๆที่เขาทำร้ายแม่ของเรา อยากจะฆ่าทนายของเขาด้วย เอาให้ตายไปทั้งคู่ ช่างหาทนายได้สมกันจริงๆ
พอคิดแบบนั้นแล้วก็ต้องหยุด เพราะเหลือบเห็นนาฬิกาตอนบ่าย 3 โมงพอดี ก็เลยหยุดฟูมฟายแล้วก็ตั้งสติสวดบทภาวนาตอนบ่าย 3 ขอพระเยซูช่วยคุณแม่ไม่ให้ถูกตัดสินจำคุก ซักพักน้องก็โทรมาว่า แม่ไม่ต้องเข้าคุกแล้ว แต่เราต้องจ่าย 30000 บาท 6 เดือนแทน ดีใจมากและรู้ว่าเป็นเพราะเราสวดขอจากพระเจ้าและพระแม่มารีทุกวัน สวดให้คุณแม่ตลอด รวมทั้งสวดให้เจ้าหนี้ของแม่ด้วย แต่ดูเหมือนว่าเราสวดให้เขาก็เปล่าประโยชน์ เพราะเขาไม่ได้มีจิตเมตตาหรือสำนึกอะไรเลย บาปคงครอบคลุมใจเขาไปหมดแล้ว
ขอให้พี่น้องชาวนิวมานาอภัยให้ข้าพเจ้าด้วย ที่ปล่อยให้จิตใจสกปรก ตกในบาปหนัก ขอกำลังใจให้ครอบครัวด้วยค่ะ
ตอนปี 42 ครอบครัวเริ่มสะดุด แม่ก็ยังส่งดอกเบี้ยให้เขาแต่ส่งไม่ตรงกำหนด เขาก็คิดทบต้นทบดอก และในที่สุดก็ฟ้องศาลทั้งแพ่งและอาญาเพราะเขาให้แม่เขียนเช็ค
เขาฟ้องแม่ด้วยยอดเงิน 7 ล้าน เขาเคยใช้ตำรวจเอารถขับปาดหน้าเพื่อให้แม่จอดรถในหมู่บ้าน แล้วก็จับแม่ขังคุกแต่พวกเราก็ประกันแม่ออกมา พอขึ้นศาลเราก็ต้องให้เขาเดือนละ 20000 บาท ส่งมาตลอด รวมยอดก็จะ 500,000 บาทแล้ว จนปีนี้เศรษฐกิจก็ฟุบอีกก็ไม่ได้ส่งตรงตามนัด เขาก็ให้ทนายโทรมาทวงด้วยคำพูดก้าวร้าว ยอกไปย้อนมา
เขาก็ฟ้องแม่อีก แม่บอกว่าตอนนี้มีอยู่ 50,000 บาทพร้อมจะให้ทันที พอสิ้นเดือนเก็บลูกค้าได้ก็จะให้เพิ่มทนายเขาบอกว่าไม่เอา 50,000 มันจิ๊บจ้อย เขาจะเอาทั้งหมด น้องก็บอกว่าไม่มีหรอก ไม่ใช่ว่าเรามีแล้วไม่ให้ แต่มันไม่มีจริงๆ เขาก็จะให้ศาลสั่งจำคุกแม่ 6 เดือน เอาตำรวจศาลมานั่งรอด้านหลัง สงสัยกลัวแม่จะหนี ทำเหมือนแม่ไปฆ่าใครตายมาผู้พิพากษาท่านก็เมตตาให้ไกล่เกลี่ยกันเอง ท่านว่าไม่สมควรที่จะต้องฟ้องศาลอาญาให้มันซ้ำซ้อน แน่นอนทางเราก็ผิดที่ไม่สามารถทำตามคำที่แถลงต่อศาลคราวก่อนได้ ทางเราก็ต่อรองว่าถ้าหาเงินได้ 5 ล้านภายใน 2 ปี เขาจะยอมลดหนี้ให้อีก 2 ล้านไหม เขาไม่ยอม เขาจะเอา 7 ล้าน สุดท้ายผู้พิพากษาให้เราผ่อนเดือนละ 30,000 บาทเป็นเวลา 6 เดือน แล้วเดือนที่ 7 ก็ผ่อนยอดเดิม ท่านผู้พิพากษาบอกว่า เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ แต่เวรกรรมมันมีจริงเพียงแต่อาจจะมาช้าไปหน่อย
เราเข้าใจว่าเงินของเขา เขาก็อยากได้คืน เราก็ไม่ได้โกงเขา เขาให้แม่เราเซ็นสัญญาเงินกู้โดยที่เขาไม่ลงวันที่ แม่เชื่อใจเขาเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันมานาน ตอนเราขายรถได้ แม่ก็รีบคืนเขา 2 แสนบาท เวลาเขาจะไปเที่ยวเมืองจีนแต่ไม่มีใครไปด้วย เขาก็โทรมาชวนแม่ไปเป็นเพื่อน ทั้งที่แม่ไม่มีเงินเขาก็บังคับให้ไป เขาไปทำเสน่ห์ หาพ่อมดหมอผี แล้วก็ไปโกหกว่าแม่ของเราเป็นคนพาไป สามีเขาก็โทรมาต่อว่า ทั้งที่แม่เราไม่รู้เรื่องก็ถูกด่าฟรี ทุกวันนี้เขาอยู่บ้านของคนที่เขายึดมาจากลูกหนี้ อยู่คนเดียว เพราะสามีมีภรรยาน้อย ลูกๆก็ไม่อยู่ด้วย ลูกสาวมีหลาน ก็ไม่อยากให้แม่เลี้ยงหลาน เวลาเขาอยากเห็นหลานก็ต้องแอบไปเจอหลานที่โรงเรียน ลูกชายแต่งงานแล้วก็ไปทะเลาะกับลูกสะใภ้
แต่เขาก็อยู่บนกองเงินกองทอง ร่ำรวยดี เดินกรีดกรายซื้อแหวนเพชร
วันนี้แว่บหนึ่งในใจคิดว่า ปืนกับกระสุนเนี่ยมันถูกกว่าเงิน 7 ล้านเยอะเลยนะ ไหนๆเขาก็ไม่ให้เรามีโอกาสจะปลดหนี้สิน ก็น่าจะตายตกกันไปพร้อมๆกันเลย วันนี้เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงฆ่ากันได้ หรือเราจะจ้างมือปืนไปเก็บดี คิดไปต่างๆ นานา รู้นะว่าแค่คิดเราก็ตกในบาปหนักแล้วแต่มันอดไม่ได้จริงๆที่เขาทำร้ายแม่ของเรา อยากจะฆ่าทนายของเขาด้วย เอาให้ตายไปทั้งคู่ ช่างหาทนายได้สมกันจริงๆ
พอคิดแบบนั้นแล้วก็ต้องหยุด เพราะเหลือบเห็นนาฬิกาตอนบ่าย 3 โมงพอดี ก็เลยหยุดฟูมฟายแล้วก็ตั้งสติสวดบทภาวนาตอนบ่าย 3 ขอพระเยซูช่วยคุณแม่ไม่ให้ถูกตัดสินจำคุก ซักพักน้องก็โทรมาว่า แม่ไม่ต้องเข้าคุกแล้ว แต่เราต้องจ่าย 30000 บาท 6 เดือนแทน ดีใจมากและรู้ว่าเป็นเพราะเราสวดขอจากพระเจ้าและพระแม่มารีทุกวัน สวดให้คุณแม่ตลอด รวมทั้งสวดให้เจ้าหนี้ของแม่ด้วย แต่ดูเหมือนว่าเราสวดให้เขาก็เปล่าประโยชน์ เพราะเขาไม่ได้มีจิตเมตตาหรือสำนึกอะไรเลย บาปคงครอบคลุมใจเขาไปหมดแล้ว
ขอให้พี่น้องชาวนิวมานาอภัยให้ข้าพเจ้าด้วย ที่ปล่อยให้จิตใจสกปรก ตกในบาปหนัก ขอกำลังใจให้ครอบครัวด้วยค่ะ