ไม่เอาแล้ว

ปรับทุกข์ หนุนใจ ขอคำภาวนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พุธ ก.พ. 03, 2010 11:48 pm

เรื่องเดิม ๆ สรุปสั้น ๆ ไม่มีใจรักใจชอบพอจะเรียนจะทำงานในสาขาวิชาที่เรียนอยู่นี้ต่อ แถมไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะทำแล็บ (มีทำคนไข้แหละที่พอได้บ้าง แต่คนอื่นเก่งกว่าเราเยอะ ที่สำคัญเรากลัวที่สุดเรื่องทำคนไข้เจ็บ)

พูดไป สุดท้ายก็ไม่ต่างจากตอนปีสองเลยสักนิด

พ่อไม่ยอมเข้าใจ

แม่ยังเหมือนเดิม ไม่สนับสนุนให้ซิ่วไปคณะอื่น พูดออกมาได้ว่าแก่เกินจะเรียนแล้ว แถมยังบอกอีกว่า ถ้าไม่เรียนคณะนี้(ทันตะ)ก็ไม่ต้องเรียนอะไรเลย ไปทำสวนกับยายซะดีกว่า ทำนองนี้แหละ

คุยไปก็ไม่มีวันเข้าใจกัน แม้แต่สำเนียงภาษาการสื่อสารก็ต่างกันเกินไป พูดไปก็เข้าใจผิด ๆ ถูก ๆ กัน

พวกเขาสุดท้ายก็ทำตัวเหมือนเป็นพระเจ้าคอยกำหนดเราเสียเอง ทำทุกอย่างให้เราเป็นของเขา แต่...... ไม่เคยรักเราที่เป็น "ตัวของตัวเรา" เพียงหนึ่งไม่มีสอง

แต่ก็นะ เพราะไอ้ตัวเราที่ว่า เรายังไม่รักตัวเองเล้ย จะให้รักได้ไง

ทั้งพลังกาย พลังใจ พลังสมอง สติปัญญา ความคิดอ่าน "กาก" หมด

แต่เรื่องลักษณะตัวเองที่ชอบ (ซึ่งน่าจะพูดไปหลายครั้งแล้วว่าเราอยากเป็นยังไง) พวกเขาก็คงไม่เอาอยู่ดี ในเมื่อไม่ใช่อุดมคติที่พวกเขาอยากได้ ก็อย่าหวัง
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

พุธ ก.พ. 03, 2010 11:58 pm

สวดให้นะคะคุณนางฟ้า  : emo045 : : xemo026 :

เอาใจช่วยให้เจอทางออกนะคะ ::050::
ภาพประจำตัวสมาชิก
maple
โพสต์: 31
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ย. 06, 2009 12:11 pm

พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 12:32 am

เมย์สวดให้นะคะ พี่นางฟ้า สู้ สู้นะคะ ::047::
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 6:41 am

คุณพ่อคุณแม่บ่อยครั้งที่บังคับลูก ก็เพราะหวังให้ลูกได้ดี อยากให้ลูกมีอนาคต

เมื่อคืนดูข่าว นศ. วิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ออกมาร้องไห้ที่เรียนจบแล้วทำงานไม่ได้เพราะหลักสูตรไม่ได้รับการยอมรับจากองค์กรวิชาชีพ น่าสงสารมาก มีคนบอกว่าส่วนใหญ่เพื่อนๆกันก็ลูกชาวนาทั้งนั้น พ่อแม่กู้หนี้ยืมสิน ขายที่นา ฯลฯ เพื่อให้ลูกได้มาเรียน .. ฟังแล้วน้ำตาจะร่วง

ลองคิดถึงคนๆนึง ทำนามาหลายชั่วอายุคน ทรัพย์สินก็มีไม่มาก แต่เพื่ออนาคตของลูก ต้องไปหากู้หนี้ยืมสินคนอื่น หรือเอาที่นาที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายให้มาไปขาย ไปจำนอง ตัวเองก็ไม่เหลืออะไร วันพรุ่งนี้จะทำยังไงก็ไม่รู้ หนี้ก็ต้องใช้คนอื่น เงินก็ไม่รู้จะหาจากไหนแล้ว แต่ก็ต้องทำ

เพราะท้ายที่สุด มันคือคำว่า "เพื่อลูก"

ผมเปล่าบอกว่าสิ่งที่พ่อแม่คุณทำนั้นถูกต้องหรือเหมาะสม เพียงแต่อยากให้เข้าใจท่านบ้างเท่านั้น ว่าท้ายที่สุด มันคือความหวังดี

ท่านแค่อยากให้คุณทำในสิ่งที่ท่านคิดว่าดีกับคุณ ทำแล้วคุณจะมีอนาคต ก็เท่านั้นเองครับ

ส่วนปัญหาของคุณที่แก้ไม่ตก ก็ต้องคุยกับท่านอย่างเปิดอก บอกให้ท่านทราบว่าทางที่ท่านเลือกให้น่ะ ดี แต่มันเดินไม่ไหว ไม่ใช่ไม่อยากทำ ไม่ใช่อยากต่อต้าน แต่มันทำไม่ได้ มันไม่มีความสามารถจะให้ทำยังไงไหว อยากหาทางใหม่ดู ท่านคิดว่าควรจะเลือกอะไรดี

แต่ที่สำคัญที่สุด ต้องบอกให้ท่านรู้ว่าเรารู้ว่าท่านอยากให้เราได้ดี และเรารู้สึกขอบคุณตรงนั้นมากๆ เท่านั้นเองครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 12:17 pm

พวกเขาปฏิเสธทุกอย่างที่มาจากความคิดเรา เพื่อยัดเยียดความคิดของเขาให้เราแทนค่ะ

สำคัญตัวว่ารักเรา จึงคิดว่าทำอะไรกับเราก็ได้ไม่มีผิด ถ้าเราเถียงก็จะหาว่าเราไม่ฟัง แต่ทีพวกเขาไม่ฟังเรา เราไม่มีสิทธิ์เรียกร้อง

ถ้าเขาแตะต้องคนที่เรารัก ดังที่พวกเขาเคยทำล่ะก็...... จะปลุกปีศาจในตัวให้ตื่นขึ้นมาเต็มสูบให้ดู
ภาพประจำตัวสมาชิก
dark-kanita
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 18, 2007 2:37 pm

ศุกร์ ก.พ. 05, 2010 2:01 pm

ชะตากรรมเริ่มจะคล้ายชั้นนะเนี่ย    เง้อจะสวดให้นะคะ จะเป็นกำลังใจให้อีกแรง

  เราก้เคยตกลงกันไม่ได้กับพ่อแม่เรื่องการเรียนนี่และ 
  ไอ้เราถนัดไปคนละอย่าง  แต่ไห้ไปเรียนอีกอย่าง  เง้อทรมารสุดๆเลย  ตอนอยู่มัทธยม ถูกบังคับว่าให้เรียนต่อพยาบาล  แต่ข้าพเจ้ามีหัวด้านศิลป์  พูดกันยังไงก็เถียงไม่ชนะ  สุดท้ายก็เลยบอกไปว่า

เอาละจะเรียนให้ก็ได้  แต่จบมาเจ้จะไม่รับอาชีพนี้  จะไปหางานทำแล้วเรียนต่อไอ้ที่ตัวเองพอจะไปรอด
แล้วก็ใช้เวลาพูดคุยกันอีกนานเลยละ  กว่าจะตกลงกันได้
ต่างคนต่างพยายามเข้าใจกัน  (ย้ำว่าพยายาม) สุดท้ายเราก็ไม่ได้เรียนศิลป์และก็ไม่ได้เรียนพยาบาล

555555  แต่ไปเรียนฟิสิกส์โน่น  เก่งศิลป์แต่ไปเรียนต่อฟิสิกส์  ตอนแรกโกรธพระเจ้ามากเลยละ ที่อธิฐานแล้วมันออกมาในรูปนี้    แต่ปัจจุบันดีใจมากเลยคะ  เพราะว่าเรียนวิชานี้แล้วหัวทางด้านศิลป์ยิ่งบันเจิด(ชอบ  มันเวอร์ดีอะ)

ขอบคุณพระเจ้า  ลองอธิฐานดูนะคะ  และที่สำคัญใจเย็นๆ พยายามพูดกันต่อไป วันนี้ไม่ได้ก็พรุ่งนี้  พยายามพูดให้พ่อแม่สงสาร  แบบว่าถ้าไปไม่ไหวจริงๆแล้วสู้เรียนต่อไปเผลอๆ มันจะจบช้ากว่าซิ่วนะคะ

แต่ว่าถ้ายังพอทนเรียนได้ และยังพอมีหัวทางนี้อยู่บ้างก็ลองพยายามเรียนต่อดูนะ จงมีความมั่นใจเข้าไว้
ทุกสิ่งไม่ยากเกินมนุษย์หรอกนะคะ  (บางทีพระเจ้าอาจจะอยากให้เธอเป็นทันตะจริงก็ได้นะ)


ขอพระเจ้าคุ้มครองคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

ศุกร์ ก.พ. 05, 2010 3:50 pm

เป็นเหมือนกันค่ะ อาการเบื่อกำเริบ

สู้ๆนะค่ะ อีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว

เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
MarPy
โพสต์: 9
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 24, 2008 5:21 am

เสาร์ ก.พ. 20, 2010 3:21 pm

ให้กำลังใจค่ะ

มีความรู้สึก(เกี่ยวกับการเรียน)เหมือนกันเปี๊ยบบบบเลยค่ะ เพราะเราเองก็เรียนหมอ ซึ่งหนักพอดูเหมือนกัน: xemo017 :
ตอนแรกก็รู้สึกต่อต้านพ่อแม่เหมือนกัน
แต่สำหรับเราที่เรียนมาหลสยปีแล้ว(ห้าห้า) พอแก่แล้วเริ่มคิดได้ค่ะ
พ่อแม่รักเราก็ต้องมีแผนการที่ดีสำหรับเรา เหมือนพระเจ้าทรงวางหนทางให้เราไงคะ
...ตั้งใจและเข้มแข็งไว้ค่ะ ทางที่คุณกำลังจะไปเป็นทางที่ดีแน่นอนค่ะ  สู้วววววว
sansrepos
โพสต์: 460
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 6:23 pm

อาทิตย์ ก.พ. 21, 2010 3:16 pm

ต้องภาวนาให้มากนะครับ ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัย

สมัยผมเรียนแพทย์ที่จุฬาฯก็คิดเปลี่ยนคณะตั้งแต่อยู่ปี 1 ถึงปี 5 คิดมันทุกปี เพราะรู้สึกว่าไม่ถนัด และไม่ชอบวิชาสายวิทยาศาสตร์

พ่อแม่ผมก็ไม่ได้ห้ามเพียงแต่เตือนว่าถ้าลาออกไปอาจจะทำให้ตัวเองรู้สึกเสีย self พอมาปี 6 คิดว่าเอาวะทนๆไป ยังไงให้มันจบสักใบก่อน

จบมาทำงาน 3 เดือนแรก เป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะที่จังหวัดทางภาคเหนือก็เผชิญความเครียดไม่น้อย สุดท้ายก็เลือกที่จะลองทนทำไป เพราะว่าไม่ได้รังเกียจวิชาชีพนี้ขนาดนั้น และคิดว่าเป็นวิชาที่ทำประโยชน์ได้มาก

ตอนใกล้จะใช้ทุนครบก็มีตำแหน่งอาจารย์มาเสนอให้แต่ต้องไปเรียนเฉพาะทางอีก 3 ปี ซึ่งหนักหนาสาหัสกว่าตอนเรียนแพทย์ทั่วไปกับตอนใช้ทุนเสียอีก สุดท้ายเรียนไปอีก 10 เดือน เจอปัญหาการเมืองเข้ามาแทรกไปต่อท่าจะไม่ไหว ตอนนั้นเลยตัดสินใจลาออก ต้องเสียค่าปรับให้มหาลัยต้นสังกัดอีกราวๆ 4 แสน (แต่ถ้าเรียนจบตามหลักสูตรแล้วไม่กลับไปเป็นอาจารย์จะโดนราวๆ 1.2 ล้าน) เลยยืมตังค์คุณแม่มาจ่ายไปก่อน ซึ่งท่านก็ผิดหวังอยู่บ้าง ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพราะท่านเป็นคนที่สนับสนุนให้เรียนต่อแบบเชียร์ขาดใจ

ย้ายมาอยู่ภาคเอกชนอีกปีกว่าก็มีปัญหาที่ทำงานอีก คราวนี้เลยย้ายมาอยู่รพ.คาทอลิก แม้จะมีปัญหา เรื่องหงุดหงิดรำคาญใจบ้างแต่ชีวิตการทำงานตอนนี้ก็ดีกว่าที่ผ่านๆมามาก เมื่อหักข้อดีข้อเสียแล้ว มาอยู่ที่นี่ได้ไปหน่วยตรวจสุขภาพกับชมรมเวชบุคคลคาทอลิกของมิสซังและของรพ.

มานั่งคิดว่าถ้าพระเจ้าทรงให้เรามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก เราอาจจะเก็บเงินได้มากกว่านี้มาก อาจจะไม่ต้องไปเสียสุขภาพทั้งกายและใจ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นในอดีตทำให้เราเรียนรู้ว่า ไม่รู้จักทุกข์ก็ไม่รู้จักสุข ไม่เจออะไรแย่ๆก็จะไม่รู้ค่าของสิ่งดีๆที่ได้รับมา

หลังจากภาวนาแล้วคุณต้องถามใจคุณเองว่าเกลียดวิชาชีพหรือลักษณะงานแบบที่เป็นอยู่มากขนาดสุดๆจริงๆหรือเปล่า และมีทางเลือกอื่นๆที่เห็นแววชัดๆว่าตัวเองชอบ มีทักษะความสามารถที่จะทำได้ และไม่ไส้แห้งหรือไม่ จากนั้นเอามาชั่งน้ำหนักดูว่าคุ้มจริงๆไหมที่จะเปลี่ยนสายการเรียน และเปลี่ยนสายอาชีพ

ไอ้เรื่องทำคนไข้เจ็บนี่ต้องทำใจและไม่น่าจะทำยากนักหรอกครับ คิดง่ายๆทำฟันประเทศไหนวะไม่เจ็บ คำตอบก็คือไม่มี จะเจ็บมากเจ็บน้อยนั่นอีกเรื่อง คนมาทำฟันทุกคนหรือเกือบทุกคนหนะเขาทำใจมาล่วงหน้าแล้วว่าเจ็บ หรือคุณจะเถียงว่าไม่จริง

อีกเรื่องที่ต้องระลึกไว้เสมอคือพ่อแม่เป็น sponsor คนสำคัญที่สุดของคุณ (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) ดังนั้นเราจะต้องมีเหตุผลที่ดีที่ฟังแล้วดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ฟังแล้วกลายเป็นวัยรุ่นที่ไร้ความอดทน ไม่งั้นจะให้ผู้ใหญ่เข้าใจและเห็นด้วยคงจะยากครับ

ขอพระเจ้าอวยพรคุณ
ภาพประจำตัวสมาชิก
antoinetty*
โพสต์: 451
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 04, 2007 9:39 pm

อาทิตย์ ก.พ. 21, 2010 7:07 pm

^
^

ตอนนี้ประสบปัญหาเหมือนพี่โต้งเลยครับ T ^ T
ตอบกลับโพส