ตอบจากหัวข้อ!!! เห็นด้วยไหม...ที่พระเจ้าไม่เคยผิดพลาด!!!
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 23, 2010 1:33 pm
ผมมีบทความหนึ่งจากหนังสือเรื่อง"พยานแห่งความหวัง"
ที่ว่าพระเจ้าไม่เคยผิดพลาดจริงครับ
แต่ลองมาดูข้อบกพร่องของพระเยซูบ้าง
ข้อแรกเลย
พระเยซูเจ้าทรงมีความจำที่แย่มาก
เช่นอย่างแรกเลย ขณะที่พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขนอยู่นั้น
พระองค์ได้ยินเสียงโจรที่ถูกตรึงทางขวามือของพระองค์ทูลว่า"ข้าแต่พระเยซูโปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์เสด็จเข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์"
ถ้าเราเป็นพระเยซูคงตอบว่า "เราจะไม่ลืมเจ้าแน่นอนเพราะอาชญากรรมต่างๆของเจ้าจะต้องได้รับการชดเชยด้วยการตกไฟชำระอย่างน้อยยี่สิบปีเสียก่อน"
แต่พระเยซูทรงตอบเขาว่า "เราขอบอกความจริงแก่ท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์" พระองค์ทรงลืมบาปทั้งหมดของโจรคนนั้น
ข้อที่สอง
พระเยซูเจ้าทรงไม่รู้วิชาคณิตศาสตร์
หากพระเยซูทรงสอบวิชาคณิตศาสตร์คงอาจจะทรงสอบตกเป็นแน่
พระองค์ทรงส่อแววในเรื่องนี้ด้วยนิทานเปรียบเทียบเรื่องแกะตัวที่หายไป คนเลี้ยงแกะมีแกะอยู่100ตัวแต่บังเอิญมีตัวหนึ่งได้หายไปเขามิร้อช้า
รีบออกตามหามันโดยทิ้งอีก99ตัวไว้ในที่เปลี่ยว และเมื่อพปมันแล้วเขาก็แบกมันกลับมาหาเพื่อนๆ
สำหรับพระเยซูเจ้าแล้วแกะตัวหนึ่งก็มีค่าเท่ากันกับเก้าสิบเก้าตัว บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไปใครจะรับได้
ข้อที่สาม
พระองค์ทรงไม่รู้จักตรรกวิทยา
หญิงคนหนึ่งมีเงินอยู่สิบเหรียญบังเอิญเหรียญหนึ่งหายไปเธอก็จุดตะเกียงเพื่อค้นหามันเมื่อได้พบแล้วก็ตะโกนกับเพื่อนบ้านว่า "จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันได้พบเหรียญที่หายไปแล้ว"
มันช่างไม่มีเหตุผลเลย เงินเหรียญเดียวต้องเรียกเพื่อนบ้านเพื่อมาเลี้ยงฉลอง ยิ่งไปกว่านั้นการเชิญเพื่อนบ้านมาเลี้ยงฉลองต้องใช้จ่ายด้วยเงินเหรียญที่ได้มาแน่นอน
แล้วที่สำคัญเงินสิบเหรียญที่มีจะพอเลี้ยงเพื่อนบ้านหรือเปล่า
ข้อที่สี่
พระเยซูเจ้าทรงเป็นนักเสี่ยง
ผู้จัดการต่างๆเช่นนักหาเสียงมักจะมีโครงการที่ชัดเจนรวมไปถึงคำสัญญาต่างๆด้วย
แต่สำหรับพระเยซูไม่มีการแบบนี้เลย
พระเยซูทรงสัญญาให้มีความทุกข์ทรมานและการเบียดเบียนสำหรับผู้ที่ติดตามพระองค์
บรรดาศิษย์ของพระองค์ต้องละทิ้งทุกสิ่งเพื่อติดตามพระองค์พระองค์มิได้สัญญาว่า จะให้ข้าวของเงินทอง แต่ จะมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตของพระองค์เอง
ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุขเมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหง และใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นใหญ่ยิ่งนัก
บรรดาสานุศิษย์เชื่อในนักเสี่ยงพระองค์นี้ตลอดเวลาสองพันปีและจนสิ้นพิพบมหาชนที่ติดตามพระเยซูไม่มีวันขาดสาย
มองดูนักบุญแต่ละยุคเป็นการเพียงพอแล้วพวกเขาหลายๆคนเป็นสมาชิกของสมาคมนักเสี่ยงนี้โดยปราศจากที่อยู่ และทุกสิ่งอย่าง เพื่อพระองค์
ข้อที่ห้า
พระเยซุไม่ทรงเข้าใจเรื่องการเงินหรือเศรษฐกิจ
ฟังเรื่องสวนองุ่นกันก่อนนะ
อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับพ่อบ้านออกบ้านแต่เช้าตรู่เพื่อไปจ้างคนงานมาทำงานในสวนองุ่นครั้นได้คนงานก้อตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญ
แล้วส่งคนงานไปทำงานในสวนองุ่น ประมาณสามโมงเช้า พ่อบ้านเห็นคนที่ยังไม่มีงานทำจึงพูดกับคนเหล่านั้นว่า "จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิดฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร"
คนเหล่านั้นก็ไป พ่อบ้านออกไปประมาณเที่ยงวันและบ่ายสามโมงทำเช่นเดียวกัน ประมาณห้าโมงพ่อบ้านออกไปอีก พบคนอื่นยืนอยู่จึงถามว่า"ทำไมท่านยืนอยู่นี่ทั้งวัน"
พวกเขาก็ตอบว่า "เพราะไม่มีใครจ้างไปทำงาน" พ่อบ้านจึงพูดว่าจงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิด" ครั้นพอค่ำ เจ้าของสวนบอกผู้จัดการว่า "ไปเรียกคนงานมาจ่ายค่าจ้างโดยเริ่มตั่งแต่คนสุดท้ายจนถึงคนแรก"
ถ้าหากพระเยซูเจ้าถูกตั้งขึ้นเป็นผู้จัดการธุรกิจ ธุรกิจนั้นคงล้มเหลวเป็นแน่แท้ มีใครบ้างที่จะจ่ายคนที่มาทำงานห้าโมงเท่ากับคนที่มาทำงานแต่เช้าตรู่
เป็นความเข้าใจผิดหรือเปล่าไม่หรอกพระองค์ทรงตั้งพระทัยพระองค์ทรงอธิบายว่า "ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยาเพราะฉันใจดีหรือ"
อยากให้ทุกคนอ่านแล้วคิดตามนะครับกลัวทุกคนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขียนอ่านแล้วคิดตามนะครับขอบคุณครับ
ที่ว่าพระเจ้าไม่เคยผิดพลาดจริงครับ
แต่ลองมาดูข้อบกพร่องของพระเยซูบ้าง
ข้อแรกเลย
พระเยซูเจ้าทรงมีความจำที่แย่มาก
เช่นอย่างแรกเลย ขณะที่พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขนอยู่นั้น
พระองค์ได้ยินเสียงโจรที่ถูกตรึงทางขวามือของพระองค์ทูลว่า"ข้าแต่พระเยซูโปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย เมื่อพระองค์เสด็จเข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์"
ถ้าเราเป็นพระเยซูคงตอบว่า "เราจะไม่ลืมเจ้าแน่นอนเพราะอาชญากรรมต่างๆของเจ้าจะต้องได้รับการชดเชยด้วยการตกไฟชำระอย่างน้อยยี่สิบปีเสียก่อน"
แต่พระเยซูทรงตอบเขาว่า "เราขอบอกความจริงแก่ท่านว่า วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในสวรรค์" พระองค์ทรงลืมบาปทั้งหมดของโจรคนนั้น
ข้อที่สอง
พระเยซูเจ้าทรงไม่รู้วิชาคณิตศาสตร์
หากพระเยซูทรงสอบวิชาคณิตศาสตร์คงอาจจะทรงสอบตกเป็นแน่
พระองค์ทรงส่อแววในเรื่องนี้ด้วยนิทานเปรียบเทียบเรื่องแกะตัวที่หายไป คนเลี้ยงแกะมีแกะอยู่100ตัวแต่บังเอิญมีตัวหนึ่งได้หายไปเขามิร้อช้า
รีบออกตามหามันโดยทิ้งอีก99ตัวไว้ในที่เปลี่ยว และเมื่อพปมันแล้วเขาก็แบกมันกลับมาหาเพื่อนๆ
สำหรับพระเยซูเจ้าแล้วแกะตัวหนึ่งก็มีค่าเท่ากันกับเก้าสิบเก้าตัว บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไปใครจะรับได้
ข้อที่สาม
พระองค์ทรงไม่รู้จักตรรกวิทยา
หญิงคนหนึ่งมีเงินอยู่สิบเหรียญบังเอิญเหรียญหนึ่งหายไปเธอก็จุดตะเกียงเพื่อค้นหามันเมื่อได้พบแล้วก็ตะโกนกับเพื่อนบ้านว่า "จงร่วมยินดีกับฉันเถิด ฉันได้พบเหรียญที่หายไปแล้ว"
มันช่างไม่มีเหตุผลเลย เงินเหรียญเดียวต้องเรียกเพื่อนบ้านเพื่อมาเลี้ยงฉลอง ยิ่งไปกว่านั้นการเชิญเพื่อนบ้านมาเลี้ยงฉลองต้องใช้จ่ายด้วยเงินเหรียญที่ได้มาแน่นอน
แล้วที่สำคัญเงินสิบเหรียญที่มีจะพอเลี้ยงเพื่อนบ้านหรือเปล่า
ข้อที่สี่
พระเยซูเจ้าทรงเป็นนักเสี่ยง
ผู้จัดการต่างๆเช่นนักหาเสียงมักจะมีโครงการที่ชัดเจนรวมไปถึงคำสัญญาต่างๆด้วย
แต่สำหรับพระเยซูไม่มีการแบบนี้เลย
พระเยซูทรงสัญญาให้มีความทุกข์ทรมานและการเบียดเบียนสำหรับผู้ที่ติดตามพระองค์
บรรดาศิษย์ของพระองค์ต้องละทิ้งทุกสิ่งเพื่อติดตามพระองค์พระองค์มิได้สัญญาว่า จะให้ข้าวของเงินทอง แต่ จะมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตของพระองค์เอง
ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุขเมื่อถูกดูหมิ่น ข่มเหง และใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเรา จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นใหญ่ยิ่งนัก
บรรดาสานุศิษย์เชื่อในนักเสี่ยงพระองค์นี้ตลอดเวลาสองพันปีและจนสิ้นพิพบมหาชนที่ติดตามพระเยซูไม่มีวันขาดสาย
มองดูนักบุญแต่ละยุคเป็นการเพียงพอแล้วพวกเขาหลายๆคนเป็นสมาชิกของสมาคมนักเสี่ยงนี้โดยปราศจากที่อยู่ และทุกสิ่งอย่าง เพื่อพระองค์
ข้อที่ห้า
พระเยซุไม่ทรงเข้าใจเรื่องการเงินหรือเศรษฐกิจ
ฟังเรื่องสวนองุ่นกันก่อนนะ
อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับพ่อบ้านออกบ้านแต่เช้าตรู่เพื่อไปจ้างคนงานมาทำงานในสวนองุ่นครั้นได้คนงานก้อตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญ
แล้วส่งคนงานไปทำงานในสวนองุ่น ประมาณสามโมงเช้า พ่อบ้านเห็นคนที่ยังไม่มีงานทำจึงพูดกับคนเหล่านั้นว่า "จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิดฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร"
คนเหล่านั้นก็ไป พ่อบ้านออกไปประมาณเที่ยงวันและบ่ายสามโมงทำเช่นเดียวกัน ประมาณห้าโมงพ่อบ้านออกไปอีก พบคนอื่นยืนอยู่จึงถามว่า"ทำไมท่านยืนอยู่นี่ทั้งวัน"
พวกเขาก็ตอบว่า "เพราะไม่มีใครจ้างไปทำงาน" พ่อบ้านจึงพูดว่าจงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิด" ครั้นพอค่ำ เจ้าของสวนบอกผู้จัดการว่า "ไปเรียกคนงานมาจ่ายค่าจ้างโดยเริ่มตั่งแต่คนสุดท้ายจนถึงคนแรก"
ถ้าหากพระเยซูเจ้าถูกตั้งขึ้นเป็นผู้จัดการธุรกิจ ธุรกิจนั้นคงล้มเหลวเป็นแน่แท้ มีใครบ้างที่จะจ่ายคนที่มาทำงานห้าโมงเท่ากับคนที่มาทำงานแต่เช้าตรู่
เป็นความเข้าใจผิดหรือเปล่าไม่หรอกพระองค์ทรงตั้งพระทัยพระองค์ทรงอธิบายว่า "ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยาเพราะฉันใจดีหรือ"
อยากให้ทุกคนอ่านแล้วคิดตามนะครับกลัวทุกคนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขียนอ่านแล้วคิดตามนะครับขอบคุณครับ