ทำไมผมจะต้องมาเจอะคนประเภทนี้ด้วย
ผมตัดสินใจออกจากบ้านเณรที่สิงคโปร์ เหตุผลหนึ่งก็เพราะผมไม่ชอบคนที่ชอบใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองไปข่มเหงรังแกคนอื่น และมีพฤติกรรมที่ทำร้ายองค์กรที่ตนเองทำงานอยู่ ซึ่งที่บ้านเณรที่สิงคโปร์ก็มีเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่ง ที่มีลักษณะนิสัยอย่างนั้น ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่มีอำนาจบังคับบัญชาเธอและกับคนที่มีฐานะดี คุณเธอจะพินอบพิเทา เลียแข้งเลียขนจนลิ้นแทบสึก แต่พฤติกรรมต่อหน้าคนอื่นกลับตรงกันข้าม เธอมองไม่เห็นหัวใคร ทำอะไรตามใจตนเอง เธอมีหน้าที่เป็นธุรการ และฝ่ายทะเบียนไปพร้อม ๆ กัน การทำงานของเธอถือว่ามีสองมาตรฐาน เธอจะเป็นมิตรและอำนวยความสะดวกให้กับบรรดาคนที่เธอชอบเธอ แต่คนที่ไม่มีผลประโยชน์ให้เธอ เธอกลับแทบไม่มอง เวลาคนเหล่านั้นมีธุระมาขอให้เธอช่วยจัดการ เป็นต้นเรื่องเอกสารต่าง ๆ หากมาในขณะที่เธอกำลังโทรศัพท์อยู่ เธอจะปล่อยให้รอแล้วรอเล่าเป็นเวลานาน ซึ่งหลาย ๆ ครั้งที่ได้ยินเธอคุยในโทรศัพท์ก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เรื่องงาน จนผู้รอหมดความอดทนและเดินออกไป และหาโอกาสมาเวลาอื่น ที่ครั้งหนึ่ง เณรไทยคนหนึ่ง มีความจำเป็นต้องกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย เณรคนนี้ได้ฝากใบลาให้เพื่อนเณรอีกคนนำมายื่นให้เธอ แต่เมื่อเณรไทยคนนั้นกลับมา เขากลับพบว่า เขาถูกถอนชื่อออกจากบ้านเณร เพราะหยุดเรียนไปโดยไม่ได้แจ้ง ซึ่งที่จริงเพื่อนเณรที่ได้รับฝากจดหมายใบลาจากเณรไทย ก็ยืนยันว่าเขาได้นำใบลาไปยื่นที่เจ้าหน้าที่คนนั้นแล้ว ดังนั้น เณรคนนั้นเลยถูกดับฝันที่จะได้เป็นพระสงฆ์ (เณรไทยคนนั้นเป็นรุ่นพี่ของผมครับ)
และเมื่อผมกลับมาทำงานที่เมืองไทย ในหน่วยงานหนึ่งของพระศาสนจักร ผมก็ต้องมาเจอะกับคนประเภทนี้อีก เธอก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าหน้าที่บ้านเณรสิงคโปร์คนนั้น เธอมีหน้าที่ดูแลเรื่องการเงิน พร้อมทั้งงานด้านการประสานงานกับองค์กรอื่น ๆ ด้วย หน่วยงานนี้เมื่อก่อนมีพนักงานที่มีความรู้ความสามารถหลายคน แต่เมื่อเธอคนนี้มาทำงาน พนักงานก็ค่อย ๆ ลาออกไป จนที่สุดเหลือเธอเพียงคนเดียว จนสำนักงานที่เคยตั้งอยู่เป็นเอกเทศ ต้องถูกยุบรวมเข้าไปอยู่ที่ตึกสภาพระสังฆราชฯ เหตุผลหนึ่งที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะลักษณะนิสัยของเธอที่เป็นคนใจแคบ เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ใส่ใจในความรู้สึกและความคิดของคนอื่น ตามธรรมดาแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานโดยได้รับค่าตอบแทน โดยมีเจ้าหน้าที่การเงินเป็นผู้เบิกจ่ายเงินเดือนให้พนักงานทุกคน ซึ่งปกติแล้วทุกหน่วยงานในสภาพระสังฆราชฯ จะจ่ายเงินเดือนให้พนักงานช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน แต่เจ้าหน้าที่คนนี้ เบิกจ่ายเงินตามใจของเธอ ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน บางเดือนเลยมาจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนถัดไป เธอจะชอบอ้างว่า งานยุ่ง ไม่มีเวลาไปธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่การเงินในหน่วยงานอื่น ๆ บอกผมว่า เค้าจะเอาเหตุผลนี้มาอ้างไม่ได้ เพราะเป้นหน้าที่ของเค้าต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด ถ้าคนที่เค้ามีภาระต้องจ่ายนู่นจ่ายนี้ ก็คงต้องพบความยากลำบากมากมาย ซึ่งก็มีคนร้องเรียนคุณพ่อที่เป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว คุณพ่อก็บอกเธอหลายครั้งว่าให้จ่ายเงินเดือนตรงกำหนดเวลา แต่เธอก็ไม่เคยจ่ายตรงสักครั้ง จนในที่สุดพนักงานก็ทะยอยลาออกไปจนหมด เพราะหมดกำลังใจและความมั่นคงในการทำงาน
เมื่อผมเข้ามาทำงานที่นี่ ก็มีคนเตือนผมให้คิดดี ๆ เพราะได้ข่าวมาว่าหน่วยงานนี้กำลังไปไม่รอด ก็แม่เจ้าหน้าที่ตัวแสบนี้เที่ยวประโคมข่าวว่า หน่วยงานไม่มีงบประมาณแล้ว บางครั้งเธอยังต้องเอาเงินตัวเองออกค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย เพราะหน่วยงานยังมีเงินฝากในบัญชีเป็นล้าน ๆ แต่คนเราเมื่ออยู่กับเงิน เห็นตัวเงิน ก็เกิดความยึดมั่นถือมั่น ถึงแม้จะไม่เอามาใช้สำหรับตนเอง แต่ก็เข้าข่ายตระหนี่ ไม่อยากนำมาใช้ในงานของหน่วยงาน เงินก็ไม่ใช่เงินตัวเอง แต่หวงจัง จนท้ายสุดเธอเองก็กลายเป็นย่าโสมเฝ้าทรัพย์อยู่คนเดียว ผมเองก็ไม่รู้ว่าอนาคตของหน่วยงานนี้จะเป็นอย่างไร เพราะคุณพ่อที่ดูแลด้านนี้อยากจะรื้อฟื้นงานขึ้นมาใหม่ จึงจ้างพนักงานเพิ่มมา 2 คน คือผมกับเจ้าหน้าที่อีกคน และก็ได้ฝากให้ผมและเจ้าหน้าที่อีกคนศึกษางานกับหน่วยงานอื่นประมาณ 3 เดือนก่อน แต่ก็ปล่อยเจ้าหน้าที่การเงินคนนั้นให้อยู่เฝ้าออฟฟิซคนเดียวไปก่อน มีบางคนเคยบอกพระคุณเจ้าและคุณพ่อที่ดูแลหน่วยงานนี้ว่า เพราะเจ้าหน้าที่คนนี้ยังอยู่ หน่วยงานนี้มันจึงย่ำแย่ พนักงงานลาออกหมด ทำไมไม่เอาคนนี้ออกไป แต่ท่านก็ยังเมตตาไม่ทำอะไร เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าพระคุณเจ้า พระสงฆ์ เธอจะปฏิบัติตัวต่างจากที่เธอทำต่อเพื่อนร่วมงานด้วยกัน พูดได้ว่า"เลีย" พระคุณเจ้าและคุณพ่อจนท่านใจอ่อน ไม่ทำอะไรเธอจนบัดนี้
ผมจึงอยากระบายและขอคำภาวนาตลอดจนกำลังใจ ทีแรกผมคิดจะลาออกแล้วหละหลังจากที่รับเงินเดือน ๆ แรก เพราะมันรู้สึกขยาดที่ต้องมาเจอคนประเภทนี้ ที่จ้องแต่จะทำลายคนอื่น ไม่เห็นใจคนอื่น แต่ผมก็จะพยายามอยู่ไปก่อน เผื่อว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น ถ้าผมสามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง ผมไม่อยากเป็นคนที่พอเจออะไรที่ไม่ชอบแล้วจะต้องหนีต่อไป ผมเองรักการทำงานในหน่วยงานของพระศาสนจักร
และเมื่อผมกลับมาทำงานที่เมืองไทย ในหน่วยงานหนึ่งของพระศาสนจักร ผมก็ต้องมาเจอะกับคนประเภทนี้อีก เธอก็มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าหน้าที่บ้านเณรสิงคโปร์คนนั้น เธอมีหน้าที่ดูแลเรื่องการเงิน พร้อมทั้งงานด้านการประสานงานกับองค์กรอื่น ๆ ด้วย หน่วยงานนี้เมื่อก่อนมีพนักงานที่มีความรู้ความสามารถหลายคน แต่เมื่อเธอคนนี้มาทำงาน พนักงานก็ค่อย ๆ ลาออกไป จนที่สุดเหลือเธอเพียงคนเดียว จนสำนักงานที่เคยตั้งอยู่เป็นเอกเทศ ต้องถูกยุบรวมเข้าไปอยู่ที่ตึกสภาพระสังฆราชฯ เหตุผลหนึ่งที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะลักษณะนิสัยของเธอที่เป็นคนใจแคบ เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ใส่ใจในความรู้สึกและความคิดของคนอื่น ตามธรรมดาแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานโดยได้รับค่าตอบแทน โดยมีเจ้าหน้าที่การเงินเป็นผู้เบิกจ่ายเงินเดือนให้พนักงานทุกคน ซึ่งปกติแล้วทุกหน่วยงานในสภาพระสังฆราชฯ จะจ่ายเงินเดือนให้พนักงานช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน แต่เจ้าหน้าที่คนนี้ เบิกจ่ายเงินตามใจของเธอ ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน บางเดือนเลยมาจนถึงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนถัดไป เธอจะชอบอ้างว่า งานยุ่ง ไม่มีเวลาไปธนาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่การเงินในหน่วยงานอื่น ๆ บอกผมว่า เค้าจะเอาเหตุผลนี้มาอ้างไม่ได้ เพราะเป้นหน้าที่ของเค้าต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด ถ้าคนที่เค้ามีภาระต้องจ่ายนู่นจ่ายนี้ ก็คงต้องพบความยากลำบากมากมาย ซึ่งก็มีคนร้องเรียนคุณพ่อที่เป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว คุณพ่อก็บอกเธอหลายครั้งว่าให้จ่ายเงินเดือนตรงกำหนดเวลา แต่เธอก็ไม่เคยจ่ายตรงสักครั้ง จนในที่สุดพนักงานก็ทะยอยลาออกไปจนหมด เพราะหมดกำลังใจและความมั่นคงในการทำงาน
เมื่อผมเข้ามาทำงานที่นี่ ก็มีคนเตือนผมให้คิดดี ๆ เพราะได้ข่าวมาว่าหน่วยงานนี้กำลังไปไม่รอด ก็แม่เจ้าหน้าที่ตัวแสบนี้เที่ยวประโคมข่าวว่า หน่วยงานไม่มีงบประมาณแล้ว บางครั้งเธอยังต้องเอาเงินตัวเองออกค่าใช้จ่ายของสำนักงาน ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย เพราะหน่วยงานยังมีเงินฝากในบัญชีเป็นล้าน ๆ แต่คนเราเมื่ออยู่กับเงิน เห็นตัวเงิน ก็เกิดความยึดมั่นถือมั่น ถึงแม้จะไม่เอามาใช้สำหรับตนเอง แต่ก็เข้าข่ายตระหนี่ ไม่อยากนำมาใช้ในงานของหน่วยงาน เงินก็ไม่ใช่เงินตัวเอง แต่หวงจัง จนท้ายสุดเธอเองก็กลายเป็นย่าโสมเฝ้าทรัพย์อยู่คนเดียว ผมเองก็ไม่รู้ว่าอนาคตของหน่วยงานนี้จะเป็นอย่างไร เพราะคุณพ่อที่ดูแลด้านนี้อยากจะรื้อฟื้นงานขึ้นมาใหม่ จึงจ้างพนักงานเพิ่มมา 2 คน คือผมกับเจ้าหน้าที่อีกคน และก็ได้ฝากให้ผมและเจ้าหน้าที่อีกคนศึกษางานกับหน่วยงานอื่นประมาณ 3 เดือนก่อน แต่ก็ปล่อยเจ้าหน้าที่การเงินคนนั้นให้อยู่เฝ้าออฟฟิซคนเดียวไปก่อน มีบางคนเคยบอกพระคุณเจ้าและคุณพ่อที่ดูแลหน่วยงานนี้ว่า เพราะเจ้าหน้าที่คนนี้ยังอยู่ หน่วยงานนี้มันจึงย่ำแย่ พนักงงานลาออกหมด ทำไมไม่เอาคนนี้ออกไป แต่ท่านก็ยังเมตตาไม่ทำอะไร เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าพระคุณเจ้า พระสงฆ์ เธอจะปฏิบัติตัวต่างจากที่เธอทำต่อเพื่อนร่วมงานด้วยกัน พูดได้ว่า"เลีย" พระคุณเจ้าและคุณพ่อจนท่านใจอ่อน ไม่ทำอะไรเธอจนบัดนี้
ผมจึงอยากระบายและขอคำภาวนาตลอดจนกำลังใจ ทีแรกผมคิดจะลาออกแล้วหละหลังจากที่รับเงินเดือน ๆ แรก เพราะมันรู้สึกขยาดที่ต้องมาเจอคนประเภทนี้ ที่จ้องแต่จะทำลายคนอื่น ไม่เห็นใจคนอื่น แต่ผมก็จะพยายามอยู่ไปก่อน เผื่อว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น ถ้าผมสามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง ผมไม่อยากเป็นคนที่พอเจออะไรที่ไม่ชอบแล้วจะต้องหนีต่อไป ผมเองรักการทำงานในหน่วยงานของพระศาสนจักร
-
- โพสต์: 300
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 11:40 am
เป็นกำลังใจให้คุณ andreas นะครับ อดทนครับ คนประเภทนี้มีอยู่ทุกที่ทุกหนทุกแห่ง
ยินดีรับฟังครับ และจะสวดภาวนาให้ครับ สู้ ๆ ครับ
ยินดีรับฟังครับ และจะสวดภาวนาให้ครับ สู้ ๆ ครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เป็นกำลังใจให้พี่เพชรครับ
ผมว่าคนที่เป็นผู้นำ ต้องมีทั้งความเมตตา และมีทั้งความเด็ดขาดในการบริหารงานด้วย ไม่ใช่ใจดีโดยไม่มีเหตุผลจนผลออกมาแย่
อย่างเช่นพระเยซูเจ้าเอง ทรงเด็ดขาด ตัดเป็นตัดเหมือนกัน เมื่อต้องชำระพระวิหาร ก็ทรงทำชนิดไม่เกรงใจใคร เมื่อต้องตำหนิใครตรงๆก็ทรงกระทำอย่างเฉียบขาดไม่โลเลเหลาะแหละ
ดังนั้นถ้าเหตุการณ์เป็นดังที่คุณเพชรเล่าจริง ความผิดส่วนหนึ่งก็เป็นของผู้ใหญ่ที่ดูแลหน่วยงานด้วย ที่ปล่อยให้เรื่องเป้นเช่นนี้ ดังนั้นคุณเพชรควรเปิดใจพูดกับพวกท่านเหมือนที่พูดในเวบบอร์ดนี้ ถ้ายังไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอีก ก็เท่ากับว่าเป็นพวกท่านที่เลือกเองให้ผลออกมาแบบนี้ ท่านก็ต้องยอมรับมันครับ
อย่างเช่นพระเยซูเจ้าเอง ทรงเด็ดขาด ตัดเป็นตัดเหมือนกัน เมื่อต้องชำระพระวิหาร ก็ทรงทำชนิดไม่เกรงใจใคร เมื่อต้องตำหนิใครตรงๆก็ทรงกระทำอย่างเฉียบขาดไม่โลเลเหลาะแหละ
ดังนั้นถ้าเหตุการณ์เป็นดังที่คุณเพชรเล่าจริง ความผิดส่วนหนึ่งก็เป็นของผู้ใหญ่ที่ดูแลหน่วยงานด้วย ที่ปล่อยให้เรื่องเป้นเช่นนี้ ดังนั้นคุณเพชรควรเปิดใจพูดกับพวกท่านเหมือนที่พูดในเวบบอร์ดนี้ ถ้ายังไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอีก ก็เท่ากับว่าเป็นพวกท่านที่เลือกเองให้ผลออกมาแบบนี้ ท่านก็ต้องยอมรับมันครับ
-
- โพสต์: 137
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 07, 2005 1:38 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ขอแนะนำแนวทางโลกนิดนุงนะครับ
*** ลอง "เลีย" แข่งกะป้าแกดูสักตั้งสิครับ ดูสิ ใครจะแน่กว่ากัน อิอิ
ขอพระเป็นเจ้านำทางคุณเพชร และสามารถต่อสู้อุปสรรคให้ได้นะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
*** ลอง "เลีย" แข่งกะป้าแกดูสักตั้งสิครับ ดูสิ ใครจะแน่กว่ากัน อิอิ
ขอพระเป็นเจ้านำทางคุณเพชร และสามารถต่อสู้อุปสรรคให้ได้นะครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
- Ecclēsia
- โพสต์: 976
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
- ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
มั่นคงต่อไปนะคะ เห็นแก่พระศาสนจักร พระสงฆ์อาจจะไม่ทราบ พระคุณเจ้าอาจจะไม่ทราบ เเต่พระเจ้าทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง
"ความมั่นใจของเราต่อพระองค์มีอยู่ว่า ถ้าเราวอนขอสิ่งใดที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะทรงฟังเรา
เเละถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟังสิ่งที่เราวอนขอ เราย่อมรู้ว่า เรามีสิ่งที่เราวอนขอนั้นเเล้ว
ผู้ใดเห็นพี่น้องกระทำบาป ซึ่งไม่ใช่บาปที่ทำให้ตาย จงอธิษฐานเพื่อพี่น้องคนนั้น เเล้วพระเจ้าจะประทานชีวิตแก่เขา..." 1 ยอห์น 5:14-16
"ความมั่นใจของเราต่อพระองค์มีอยู่ว่า ถ้าเราวอนขอสิ่งใดที่เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์จะทรงฟังเรา
เเละถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟังสิ่งที่เราวอนขอ เราย่อมรู้ว่า เรามีสิ่งที่เราวอนขอนั้นเเล้ว
ผู้ใดเห็นพี่น้องกระทำบาป ซึ่งไม่ใช่บาปที่ทำให้ตาย จงอธิษฐานเพื่อพี่น้องคนนั้น เเล้วพระเจ้าจะประทานชีวิตแก่เขา..." 1 ยอห์น 5:14-16
คนชั่ว คนเลีย มีทุกที่ไม่ว่าที่ไหนเวลาใด เราเองก็เคยเจอ มาเยอะมากๆๆๆๆๆ ก็คงทำได้แค่มีงานก็คุย ไม่มีงานก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แยกเรื่องส่วนตัวกับงานออกจากกันอย่างเด็ดขาด ในเมื่อผู้ใหญ่ทราบ แต่ไม่จัดการผลมันก็จะเป็นอย่างนี้ กฎกติกาการจ่ายเงินย่อมต้องตรงต่อเวลาอย่างมาก เพราะคนอื่นเขาทำงานเขาก็ต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต ซึ่งพอไม่ตรงเนี่ยมันเดือดร้อนใช่น้อย
การมีความเมตตา เป้นเรื่องดี แต่ต้องมีขอบเขต เหมือนให้อำนาจคนชั่วรังแกคนอื่น ก็คงดูไม่ดีนักหรอก
คุณคงทำได้แค่อดทน เพราะคนที่ทำอะไรได้ก็ยังไม่ทำ แต่คุณเองก็คงเหนื่อยน่าดู ถือว่าฝึกความอดทนไปในตัวน๊า
เฮ้อออออ เหนือยแทน
การมีความเมตตา เป้นเรื่องดี แต่ต้องมีขอบเขต เหมือนให้อำนาจคนชั่วรังแกคนอื่น ก็คงดูไม่ดีนักหรอก
คุณคงทำได้แค่อดทน เพราะคนที่ทำอะไรได้ก็ยังไม่ทำ แต่คุณเองก็คงเหนื่อยน่าดู ถือว่าฝึกความอดทนไปในตัวน๊า
เฮ้อออออ เหนือยแทน
-
- โพสต์: 690
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm
สู้ครับพี่ เป็นกำลังใจให้นะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
เป็นแบบนี้ทุกที่ระบบเจ้าแม่ เจ้าพ่อ เจ้าพี่ ฯลฯ อยู่ที่ตัวเรามีจุดมั่งหมายอะไร ต่อให้เปลี่ยนที่อีกเราก็จะเจอคนประเภทนี้อีก เวลานี้คงต้องปรับตัว และทำใขกับสถานการณ์ที่มันต้องเกิด สู้ๆ จ้า....
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อาจจะเข้าภาษิตไทยว่า "หนีเสือปะจรเข้"
พระเจ้าคงอยากให้ชีวิตคนแบบนี้สอนพี่เพชร ก็ได้
ลองภาวนาดูว่าพระเจ้าจะให้ พี่ deal กับชีอย่างไร
พระเจ้าคงอยากให้ชีวิตคนแบบนี้สอนพี่เพชร ก็ได้
ลองภาวนาดูว่าพระเจ้าจะให้ พี่ deal กับชีอย่างไร
ผมจะพยายามครับ ที่จริงก่อนที่ผมจะมาทำงานที่นี่ ผมก็รู้จักเธอมากก่อนหน้านี้แล้ว แต่แบบผิวเผิน พบกันก็ทักทายพูดคุย ไม่รู้หรอกว่าเธอไปทำอะไรใครไว้บ้าง
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
นับว่าเป็นโอกาสดี ที่ จะได้ภาวนาช่วงมหาพรตให้ชี พระเจ้าอาจจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์แน่นอนAndreas เขียน: ผมจะพยายามครับ ที่จริงก่อนที่ผมจะมาทำงานที่นี่ ผมก็รู้จักเธอมากก่อนหน้านี้แล้ว แต่แบบผิวเผิน พบกันก็ทักทายพูดคุย ไม่รู้หรอกว่าเธอไปทำอะไรใครไว้บ้าง
- คนดูแลสวนมะเดื่อ
- โพสต์: 4
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 03, 2009 2:06 pm
จริงๆคนแบบนี้มีทุกที่ ไม่ใช่ว่าคุณจะเจออยู่คนเดียวหรอกครับ อยู่ที่ว่า จะอยู่แบบยอมรับสภาพไม่ไหวก็ออก หรือ พยายามดิ้นรนแก้ไข ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
เพราะพี่ Andreas เป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราณ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อีกวิธีหนึ่งครับพี่เพชร คือ ทำแบบ "เอาหูไปนา เอาตาไปไร่" เลยไม่รู้ไม่เห็น ครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เห็นด้วยว่า ถ้าจำเป็นต้องลงดาบ...ก็ต้องทำค่ะ
พระเยซูยังสอนให้ตัดชิ้นเนื้อร้ายออกไปเลย
สุ้ ๆ สวดขอพระให้ส่งอัศวินม้าขาวมากู้สถานการณ์จ้า
พระเยซูยังสอนให้ตัดชิ้นเนื้อร้ายออกไปเลย
สุ้ ๆ สวดขอพระให้ส่งอัศวินม้าขาวมากู้สถานการณ์จ้า
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ไม่ใช่ตาบอด เราต้องไม่ใส่ใจ ฮะ แต่ต้องภาวนาให้เขาอย่างแรงอันตน เขียน: อย่างนั้นเขาเรียกตาบอดครับน้องเจี๊ยบ
น้องเพชร..
พี่จะภาวนาให้น้องเพชรเข้มแข็งขึ้นมากๆนะ และรักษาความดีและมโนธรรมที่ดีของเราไว้
พี่ก็จะภาวนาให้"เธอ"คนนั้นด้วย..ให้เธอคิดได้และ"กลับใจ"
ยากมากๆ โดยเฉพาะดูเหมือนว่าเธอจะมองไม่เห็นว่าผิด ว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งไม่ควรทำ
เป็นสถานการณ์ที่ลำบากใจมากๆสำหรับคนรอบข้าง
และแย่มากๆสำหรับองค์กรเองที่มีคนนิสัยแบบนี้อยู่ (แม้นแค่คนเดียว)
ระลึกถึงน้องในคำภาวนา
ขอพระอวยพรน้องเพชรนะ
พี่จะภาวนาให้น้องเพชรเข้มแข็งขึ้นมากๆนะ และรักษาความดีและมโนธรรมที่ดีของเราไว้
พี่ก็จะภาวนาให้"เธอ"คนนั้นด้วย..ให้เธอคิดได้และ"กลับใจ"
ยากมากๆ โดยเฉพาะดูเหมือนว่าเธอจะมองไม่เห็นว่าผิด ว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งไม่ควรทำ
เป็นสถานการณ์ที่ลำบากใจมากๆสำหรับคนรอบข้าง
และแย่มากๆสำหรับองค์กรเองที่มีคนนิสัยแบบนี้อยู่ (แม้นแค่คนเดียว)
ระลึกถึงน้องในคำภาวนา
ขอพระอวยพรน้องเพชรนะ
ผมคิด ๆ ดูแล้ว ตัวผมเองก็ไม่มีปัญหากับเธอคนนั้นเท่าไหร่ เพราะอย่างน้อยผมกับเธอก็เป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน และครอบครัวของผมกับเธอก็รู้จักกันพอสมควร แต่ผมไม่ชอบการทำงานของเธอ และการที่เธอปฏิบัติต่อคนอื่น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานโดยรวม เธอเองเป็นผู้ใหญ่กว่าผมหลายปี ผมคงไม่มีสิทธิไปบอกอะไรเธอได้ เพราะคนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอก็เอือมระอากับพฤติกรรมของเธอกันแทบทุกคน
ผมเองก็ไม่รู้จะทำงานกับคนแบบนี้ได้หรือเปล่า ตอนนี้ผมเองก็เริ่มหางานใหม่แล้วด้วย เพราะมันมีตัวแปรอื่น ๆ ด้วยที่ผมเห็นว่าผมอาจจะไม่เหมาะสมกับงานตรงนี้ด้วย เพราะมันมีอะไรที่ผมไม่คาดคิดว่าจะต้องทำหรือมารับผิดชอบ ซึ่งผมไม่ถนัดและทำไม่ไหว เช่น รายได้ รายจ่าย การเดินทาง ซึ่งพบว่าผมคงอยู่ลำบากถ้าต้องทำงานตรงนี้
ผมเองก็ไม่รู้จะทำงานกับคนแบบนี้ได้หรือเปล่า ตอนนี้ผมเองก็เริ่มหางานใหม่แล้วด้วย เพราะมันมีตัวแปรอื่น ๆ ด้วยที่ผมเห็นว่าผมอาจจะไม่เหมาะสมกับงานตรงนี้ด้วย เพราะมันมีอะไรที่ผมไม่คาดคิดว่าจะต้องทำหรือมารับผิดชอบ ซึ่งผมไม่ถนัดและทำไม่ไหว เช่น รายได้ รายจ่าย การเดินทาง ซึ่งพบว่าผมคงอยู่ลำบากถ้าต้องทำงานตรงนี้
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
อ่านแล้วหงุดหงิดแทนนะคะ น่าตบซักที จะได้ลดความเย่อหยิ่งจองหอง
อ่ะ แต่อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวพระเจ้าก็จะตัดสินแล้วละคะ
สู้ๆนะค่ะ อดทนๆ พระเจ้าเป็นกำลังให้เสมอค่ะ
อ่ะ แต่อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวพระเจ้าก็จะตัดสินแล้วละคะ
สู้ๆนะค่ะ อดทนๆ พระเจ้าเป็นกำลังให้เสมอค่ะ
วันนี้ ทางหน่วยงานเดิมที่ผมเคยทำงานอยู่ ได้ติดต่อผม บอกว่า ได้เปลี่ยนเลขาธิการคนใหม่แล้ว แล้วพี่ที่เคยร่วมงานกันก็ได้คุยกับคณพ่อเลขาธิการคนใหม่แล้วว่าอยากจะรับพนักงานใหม่ พี่เค้าก็เลยถามผมว่าสนใจจะกลับไปทำงานกับเค้าหรือไม่ ผมเองก็อยากไปมาก ๆ เพราะตั้งใจว่าจะทำงานที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว ...แต่ผมจะบอกผู้ใหญ่ทางนี้อย่างไรดีครับ เพราะตอนที่ผมมาสมัครงานที่นี่ ผมก็ขอให้พระคุณเจ้าช่วยคุยกับคุณพ่อที่ดูแลหน่วยงานี้อยู่ จนผมได้เข้ามาทำงานที่นี่ ตอนนี้ผมก็ทำงานมาเกือบสองเดือนแล้ว ยังเหลือช่วงโปรอีกหนึ่งเดือน แต่ผมประเมินตัวเองจากการไปคุยกับคนที่เคยทำงานที่นี่มาแล้ว ก็พบว่าตัวผมคงทำงานตรงนี้ไม่ได้ดีสักเท่าไร เพราะไม่ถนัดงานด้านสังคม ถ้าให้ทำแค่สื่อสิ่งพิมพ์ก็พอไหว เพราะเรียนมาและเคยทำ แต่ถ้าให้ลงพื้นที่ หรือต้องศึกษางานด้านสังคม ผมคงไม่ไหว พี่ที่เคยทำมาก่อนก็รู้จักผมดี เค้าก็บอกว่า อย่างผมนี่ทำไม่ไหวหรอก แน่ใจหรือจะมาทำงานตรงนี้ น่าจะกลับไปทำงานเดิมมากกว่าProd Pran เขียน: ตกลงน้องเพชรย้ายงานแล้วยังคะ
ผมคงต้องไปเรียนพระคุณเจ้าท่านนั้นก่อนใช่ไหมครับ ถ้าผมอยากเปลี่ยนงาน แล้วก็ฟังว่าพระคุณเจ้าจะว่าอย่างไร แล้วผมก็ต้องบอกคุณพ่อถึงเหตุผลที่จะขอเปลี่ยนหน่วยงาน แต่ก็เกรงใจจังเลยนะครับ กินเงินเดือนเค้ามาเดือนหนึ่งแล้ว แบบนี้เค้าก็ต้องมานับหนึ่งใหม่อีกครั้ง
- Nicolas.Not
- โพสต์: 306
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2007 1:47 pm
- ติดต่อ:
ขอพระเจ้าเมตตาเปลี่ยนสันดานยัยนี่ด้วยเทอญ ขอพี่น้องช่วยกันอาแมนหน่อยครับ สงสารเจ้าของกระทู้จัง ผมเข้าใจนะ เพราะห้วหน้าผมก็เปนประมาณยัยเนี่ย ไม่ฟังไรใครเลย แถมฟังแล้วยังตีความหมายผิดๆและด่าลูกน้องทั้งที่ตัวเองเข้าใจความหมายผิด ครั้นเราจะอธิบายก็กลายเปนการเถียง เลยนิ่งไว้ ยังไงอดทนนะครับ คิดซะว่าซาตานส่งยัยนั้นมาทดลองละกันในช่วงมหาพรตนี้