รู้สึกอึดอัดใจ ที่มีคริสเตียนมาบอกว่า คาทอลิกคือพวกคนบาป ไม่กลับใจ
อย่างหัวข้อเลยค่ะ รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก หงุดหงิด รวมทั้งฉุนด้วย เพราะเค้าพยายามบอกตลอดว่า พวกคาทอลิกเป็นพวกที่ยังไมกลับใจ แล้วเค้าก็เป็นคนโกหกเก่งมาก แต่ก็ยังมาว่าคนอื่นอย่างนี้ แล้วก็ทำตัวไ่ม่เคยเหมาะสมเลย ชอบอวดว่าตัวเองดีอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ ทั้งที่จริงๆ ไม่เลย คนอื่นเก่งกว่าตั้งเยอะ เค้ายังไม่อวดเลย แล้วก็ชอบดูถูกคนอื่น แถมไม่รับผิดชอบหน้าที่ตนเอง แล้วก็อ้างว่าต้องไปเข้าโบสถ์ ไปสัมมนาเรื่องพระเจ้า ก็เลยไม่ทำในหน้าที่ของตน อย่างนี้ถูกหรือผิดคะ อยากรู้จริงๆว่าเราเองที่คิดผิดหรือเปล่า เพราะตัวเองคิดว่า การที่เราทำหน้าที่ตนเองอย่างดีที่สุด ไม่โกหก ไม่บิดเบือน ทำตัวเองเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ผู้อื่นเห็นความรักของพระเจ้าจากการกระทำของเรา มากกว่าจะพูด พูด แล้วก็พูดข่มคนอื่น ส่วนเค้าก็อย่างที่บอกว่านั่นแหล่ะ ไม่มีใครชอบเค้าเลย แต่เราก็พยายามเป็นเพื่อนเ้ค้า เพราะนึกถึงความรักของพระเจ้า แล้วก็พยายามบอกเค้าว่า ไปโบสถ์ก็ดีวันอาทิตย์ แต่หน้าที่ ก็ต้องทำก่อน ทำให้ดี แล้วถ้าไปวันอาทิตย์ไม่ได้ ก็ไปวันเสาร์เย็นแทน แต่เค้าก็ไม่สนใจ แล้วนี่ก็อีก คือเราเล่น facebook พอเห็น ท่าน ว.วชิระเมธี ท่านเทศน์อะไรดีๆ เราก็เข้าไปกด like แต่เราไม่ได้นับถือท่านอะไรเท่าพระของเรา แต่คิดว่าสิ่งดีๆ ไม่ว่าจะมาจากผู้ใด ก็เป็นพระพรที่หลั่งมาจากพระหรรษทานของพระเจ้าทั้งสิ้น แต่เค้าก็เข้ามาว่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็บอกคาทอลิก ก็คือพวกที่ไม่รู้จักกลับใจ ริงๆ อยากเอาที่คุยกันมาให้ดูจริงๆเลย แต่ก็คิดว่ามันคงไม่ดีเท่านไหร่ ก็เลยไม่ได้เอามาลงให้ดู เอ้ออออ รู้สึกแย่มากกกกกกกกกกก ก็เลยขออนุญาติเข้ามาบ่นในนี้นะคะ รู้สึกแย่จริงๆ และขอให้ทุกท่านสวดให้ข้าพเจ้า และคนคนนั้นด้วย รู้สึกเซ็ง และไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว ไม่รู้ว่าคิดอย่างนี้ผิดหรือเปล่า แต่ทนไม่ไหวแล้ววววววว ไม่อยากแม้กระทั่งรู้จักเค้าแล้ว บอกเค้าไปแล้วด้วยว่าไม่ชอบให้มาว่าคาทอลิก เพราะเราก็ไม่เคยไปว่าคริสเตียนเช่นกัน ยังไงขอคำภาวนาให้ด้วยนะคะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อย่าไปถือคนไร้สาระ ภาวนาให้เขาต่อไป ถ้าเขายังมีพฤติกรรมที่คุณเล่า ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระบิดาในวันพิพากษา
เขาต่างหาก ที่ต้องรับการพิพากษาลงโทษ
คุณอย่าให้คนเช่นที่กล่าวมา นำความเศร้าหมองให้ชีวิตเลย ฮะ
เขาต่างหาก ที่ต้องรับการพิพากษาลงโทษ
คุณอย่าให้คนเช่นที่กล่าวมา นำความเศร้าหมองให้ชีวิตเลย ฮะ
แห่ะๆๆๆ ค่ะ พยายามตัดออกจาความคิด แต่มันก็เหมือนวนเวียน วนเวียน แล้วก็รู้สึกว่า ถ้าเราไม่เป็นเพื่อนเค้า สอนเค้า เราจะผิดป่าวอ่าคะ สับสนเหมือนอยากเป็นคนดี แต่ทำไม่ได้อ่าค่ะJeab Agape เขียน:
อย่าไปถือคนไร้สาระ ภาวนาให้เขาต่อไป ถ้าเขายังมีพฤติกรรมที่คุณเล่า ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระบิดาในวันพิพากษา
เขาต่างหาก ที่ต้องรับการพิพากษาลงโทษ
คุณอย่าให้คนเช่นที่กล่าวมา นำความเศร้าหมองให้ชีวิตเลย ฮะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
สวดให้เค้านะครับ
ขอบคุณนะคะ สวดให้เราด้วยนะคะ เพราะยอมรับว่าคุยกะเค้าแล้วสับสน แห่ะๆๆๆ ไม่ใช่สับสนในความเชื่อนะ เพราะยังไงก็เชื่อในคาทอลิกเสมอ แต่สับสนว่าจะคบด้วยต่อไปดีป่าวอ่าค่ะ ^__^Batholomew เขียน: สวดให้เค้านะครับ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
อย่างนี้นะครับ
เราก็คบเค้าต่อไป อาจจะห่าง ๆ ออกมาบ้างเพื่อไม่ให้เกิดโอกาสบาปครับ
เราก็คบเค้าต่อไป อาจจะห่าง ๆ ออกมาบ้างเพื่อไม่ให้เกิดโอกาสบาปครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ทุกคนเป็นคนบาปค่ะ ถามเขาว่า ตัวเขาไม่มีบาปรึ?
คนที่บอกว่าตัวเองไม่บาป คือคนจองหองค่ะ
เราเป็นคนบาป เรายอมรับว่าเป็นคนบาป และ ให้สำนึกเจียมตัวเสมอ
ดีแล้วค่ะ ขอบคุณคนที่พูดด้วย
ยน 8:1-11 หญิงผิดประเวณี
แล้วทุกคนก็กลับบ้าน
พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อม
พระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน
บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
คนที่บอกว่าตัวเองไม่บาป คือคนจองหองค่ะ
เราเป็นคนบาป เรายอมรับว่าเป็นคนบาป และ ให้สำนึกเจียมตัวเสมอ
ดีแล้วค่ะ ขอบคุณคนที่พูดด้วย
ยน 8:1-11 หญิงผิดประเวณี
แล้วทุกคนก็กลับบ้าน
พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อม
พระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน
บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
เค้ามาว่าๆๆๆๆๆๆ อีกแล้วค่ะ แล้วก็บอกว่า คริสเตียนสอนให้ห้ามเปรียบเทียบข้อความเชื่อ แล้วก็บอกต่ออีกว่า ผู้เป็นคาทอลิกยังไม่กลับใจ อ่าาาาาาา ไหนว่าห้ามเปรียบเทียบไง เฮ้อออออBatholomew เขียน: อย่างนี้นะครับ
เราก็คบเค้าต่อไป อาจจะห่าง ๆ ออกมาบ้างเพื่อไม่ให้เกิดโอกาสบาปครับ
เวลาถามอะไรเค้า เค้าจะเบี่ยงไปเบี่ยงมา ตอนแรกก็มาโกหกว่าเคยเป็นคาทอลิกมาก่อน แล้วตอนนี้กลับใจมาเป็นคริสเตียน แม้แต่คำว่าโปรแตสแตนท์เค้ายังไม่รู้จักเลยค่ะ พอถามว่าเคยเป็นคาทอลิกหรอคะ เค้าก็พูดไปโน่น เฮ้อออออ ตอนนี้ยอมรับว่าทนไม่ไหวแล้ว คงต้องไม่คุยด้วยแล้ว ตอนแรกว่าจะทนๆไปเพราะเค้าไม่มีเพื่อน แต่ตอนนี้ คิดว่า สงสัยต้องปล่อยให้เค้าไม่มีเพื่อนไป เพราะทนไม่ได้แล้วอ่าค่ะ (คิดอย่างนี้ผิดหรือเปล่าอ่าคะ)~@Little lamb@~ เขียน: ทุกคนเป็นคนบาปค่ะ ถามเขาว่า ตัวเขาไม่มีบาปรึ?
คนที่บอกว่าตัวเองไม่บาป คือคนจองหองค่ะ
เราเป็นคนบาป เรายอมรับว่าเป็นคนบาป และ ให้สำนึกเจียมตัวเสมอ
ดีแล้วค่ะ ขอบคุณคนที่พูดด้วย
ยน 8:1-11 หญิงผิดประเวณี
แล้วทุกคนก็กลับบ้าน
พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังภูเขามะกอกเทศ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น พระองค์เสด็จไปในพระวิหารอีก ประชาชนเข้ามาห้อมล้อม
พระองค์ พระองค์ประทับนั่ง แล้วทรงเริ่มสั่งสอน
บรรดาธรรมาจารย์และชาวฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งเข้ามา หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี เขาให้นางยืนตรงกลาง แล้วทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะล่วงประเวณี ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” เขาถามพระองค์เช่นนี้ เพื่อทดลองพระองค์ หวังจะหาเหตุปรักปรำพระองค์ แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”
ผมก็เคยมีเพื่อนแบบนี้ เขาเป็นคริสเตียนคณะ B _ _ _ _ _ _
(ตอนนั้นผมยังเป็นคาทอลิก)
เขาก็ว่าๆๆๆๆๆๆ แล้วเริ่มไปว่าสายสภา สายลูเธอร์(ลูเธอแรน) สายเพ็นเตกอสต์
ประมาณว่า ยกเว้นโบสถ์เค้า โบสถ์อื่นตกนรกหมด
แล้วไม่เลิกคบกับเขา แต่เขาเลิกคบกับผมเอง(โดยขาดการติดต่อ)
ก็ดีเหมือนกันครับ
อยากหนุนใจว่า ให้คบต่อไปแล้วพยายามปฏิบัติกับเขาให้ดีที่สุด
เพราะยังไง พระเจ้าก็ให้ทางออกที่ดีที่สุดไว้เสมอ
(ตอนนั้นผมยังเป็นคาทอลิก)
เขาก็ว่าๆๆๆๆๆๆ แล้วเริ่มไปว่าสายสภา สายลูเธอร์(ลูเธอแรน) สายเพ็นเตกอสต์
ประมาณว่า ยกเว้นโบสถ์เค้า โบสถ์อื่นตกนรกหมด
แล้วไม่เลิกคบกับเขา แต่เขาเลิกคบกับผมเอง(โดยขาดการติดต่อ)
ก็ดีเหมือนกันครับ
อยากหนุนใจว่า ให้คบต่อไปแล้วพยายามปฏิบัติกับเขาให้ดีที่สุด
เพราะยังไง พระเจ้าก็ให้ทางออกที่ดีที่สุดไว้เสมอ
แล้วตอนนี้ไม่เป็นคาทอลิกแล้วหรอคะ ตอนนี้ก็ยังพยายามคุยกับเค้าอยู่ค่ะ แห่ะๆๆๆ แต่ทำเอาเราเครียดนะเนี่ยยยยยยGrey Cat =^. .^= เขียน: ผมก็เคยมีเพื่อนแบบนี้ เขาเป็นคริสเตียนคณะ B _ _ _ _ _ _
(ตอนนั้นผมยังเป็นคาทอลิก)
เขาก็ว่าๆๆๆๆๆๆ แล้วเริ่มไปว่าสายสภา สายลูเธอร์(ลูเธอแรน) สายเพ็นเตกอสต์
ประมาณว่า ยกเว้นโบสถ์เค้า โบสถ์อื่นตกนรกหมด
แล้วไม่เลิกคบกับเขา แต่เขาเลิกคบกับผมเอง(โดยขาดการติดต่อ)
ก็ดีเหมือนกันครับ
อยากหนุนใจว่า ให้คบต่อไปแล้วพยายามปฏิบัติกับเขาให้ดีที่สุด
เพราะยังไง พระเจ้าก็ให้ทางออกที่ดีที่สุดไว้เสมอ
^
^
ก็ตอนนี้ผมเป็นออร์โธด๊อกซ์นี่ครับ ^ ^!
^
ก็ตอนนี้ผมเป็นออร์โธด๊อกซ์นี่ครับ ^ ^!
- antoinetty*
- โพสต์: 451
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 04, 2007 9:39 pm
เป็นคริสตังนอนแล้วเป็นออร์โธด็อกซ์ยืนหรือครับ ?Grey Cat =^. .^= เขียน: ^
^
ก็ตอนนี้ผมเป็นออร์โธด๊อกซ์นี่ครับ ^ ^!
เป็นคริสตังยืนครับantoinetty* เขียน:
เป็นคริสตังนอนแล้วเป็นออร์โธด็อกซ์ยืนหรือครับ ?
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
คนประเภทนี้ยังมีอีกเยอะค่ะ โดยเฉพาะคณะที่ไกลๆๆ
ผู้นำว่าไงก็ว่างั้น ผู้นำบอกผิดก็บอกผิด บอกถูกก็ต้องถูก โดยไม่ได้ศึกษาด้วยตัวเอง
บางคนไม่กล้าศึกษาเพราะกลัวเจอของจริงที่ไม่เหมือนกับที่ผู้นำสอนแล้วรับไม่ได้
เพราะบางที่จะสอนแบบดักไว้ก่อนแล้วโดยอ้างว่าพระวิญญาณฯ ทรงนำ
ถ้าไม่เชื่อตามนี้ก็เป็นดับพระวิญญาณฯ มั่ง หมิ่นพระวิญญาณฯ มั่ง ละเมิดอธิปไตยพระเจ้ามั่ง บลาๆ
เลยทำให้ทุกคนต้องเชื่อตามๆ กันไป แบบไม่มีเงื่อนไข
ถ้ามีโอกาสคุยกับเขาอีก บอกเขานะคะว่า
พระคัมภีร์บอกว่าทุกคนก็เป็นคนบาปทั้งนั้น กลับใจหรือไม่อยู่ที่ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่คณะนิกาย
ทุกคณะนิกายมีทั้งผู้เชื่อแท้และผู้เชื่อเทียม และการไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าบังเกิดใหม่ค่ะ
บอกเขาอย่าเชื่อผู้นำแบบไม่ลืมหูลืมตา ให้กลับมาดูด้วยว่าพระคัมภีร์ว่าอย่างไร
ผู้นำว่าไงก็ว่างั้น ผู้นำบอกผิดก็บอกผิด บอกถูกก็ต้องถูก โดยไม่ได้ศึกษาด้วยตัวเอง
บางคนไม่กล้าศึกษาเพราะกลัวเจอของจริงที่ไม่เหมือนกับที่ผู้นำสอนแล้วรับไม่ได้
เพราะบางที่จะสอนแบบดักไว้ก่อนแล้วโดยอ้างว่าพระวิญญาณฯ ทรงนำ
ถ้าไม่เชื่อตามนี้ก็เป็นดับพระวิญญาณฯ มั่ง หมิ่นพระวิญญาณฯ มั่ง ละเมิดอธิปไตยพระเจ้ามั่ง บลาๆ
เลยทำให้ทุกคนต้องเชื่อตามๆ กันไป แบบไม่มีเงื่อนไข
ถ้ามีโอกาสคุยกับเขาอีก บอกเขานะคะว่า
พระคัมภีร์บอกว่าทุกคนก็เป็นคนบาปทั้งนั้น กลับใจหรือไม่อยู่ที่ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่คณะนิกาย
ทุกคณะนิกายมีทั้งผู้เชื่อแท้และผู้เชื่อเทียม และการไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าบังเกิดใหม่ค่ะ
บอกเขาอย่าเชื่อผู้นำแบบไม่ลืมหูลืมตา ให้กลับมาดูด้วยว่าพระคัมภีร์ว่าอย่างไร
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
มาอีกแล้วเรื่องระหว่างนิกายที่ชวนให้หมองใจ
เห็นเรื่องแบบนี้ทีไร อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีการแยกนิกายมาแต่แรกจะดีไหม และรู้สึกว่าในฐานะคริสเตียนโปรแตสแตนท์ เหมือนตัวเองทำผิดไปเสียอย่างนั้น
........เมื่อก่อนเราเคยคิดว่า ทุกคนควรมีอิสระที่จะเลือก มีอิสระที่จะเชื่อ มีอิสระที่จะแปลกแยกแต่ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน มีอิสระที่จะแตกต่าง
แต่ยิ่งนานวันผ่านไป เรายิ่งรู้สึกอยากหันมาสนับสนุนแนวคิด "หนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งที่ผิดไปควรจะกำจัดให้หมด ถึงจะรักษาสิ่งที่ถูกเอาไว้ได้"
ไม่รู้พระบิดาเจ้าบนสวรรค์จะได้ยินความคิดเราไหมนะ
เห็นเรื่องแบบนี้ทีไร อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีการแยกนิกายมาแต่แรกจะดีไหม และรู้สึกว่าในฐานะคริสเตียนโปรแตสแตนท์ เหมือนตัวเองทำผิดไปเสียอย่างนั้น
........เมื่อก่อนเราเคยคิดว่า ทุกคนควรมีอิสระที่จะเลือก มีอิสระที่จะเชื่อ มีอิสระที่จะแปลกแยกแต่ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน มีอิสระที่จะแตกต่าง
แต่ยิ่งนานวันผ่านไป เรายิ่งรู้สึกอยากหันมาสนับสนุนแนวคิด "หนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งที่ผิดไปควรจะกำจัดให้หมด ถึงจะรักษาสิ่งที่ถูกเอาไว้ได้"
ไม่รู้พระบิดาเจ้าบนสวรรค์จะได้ยินความคิดเราไหมนะ
ชอบคำนี้จัง ><Deo Gratias เขียน: การไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าบังเกิดใหม่ค่ะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ไม่ผิดหรอกค่ะ ถ้าเขาพาลจะทำให้เราเสียไปด้วย
ก็จำเป็นต้องปล่อยเขาไป เพราะมันเกินกำลังของเรา
จากเฉย ๆ จะกลายเป้นเกลียดเขาได้ สวดภาวนาให้เขาแทนแล้วกันค่ะ
ก็จำเป็นต้องปล่อยเขาไป เพราะมันเกินกำลังของเรา
จากเฉย ๆ จะกลายเป้นเกลียดเขาได้ สวดภาวนาให้เขาแทนแล้วกันค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ผมมองคนพวกนี้เป็นแมลงวันครับ ใล่ตบไปก็เจ็บมือเปล่าไม่โดนหรอกปล่อยไปดีกว่า
อ่า ก็ลองถามเขากลับไปสิครับ ว่า คุณเป็นคริสเตียน ที่ทำดียังนั้นยังนี้ แล้ว คุณเอาสิทธิที่ไหนมาพิพากษาคนอื่น ว่าคนบาปไม่กลับใจ ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาจะต่างอะไร กับ พวกฟาริสี และ พวกธรรมจารย์ ที่เวลาอดอาหารก็ทำตัวให้ดูหน้าซีดเซียว ทำให้ดูเหมือนดี เพื่อหวังคำเยินยอสรรเสริญว่าตัวเองทำดีที่สุดเพื่อพระเจ้า เขาต่างอะไรจากพวกธรรมจารย์ที่ยืนสวดอยู่ที่ชุมชน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองเป็นคนศรัทธา แล้วคอยตัดสินผู้อื่น การที่เขาว่าผู้อื่นอย่างนั้นโดยไม่ได้ศึกษา หรือ ดูว่า คาทอลิก ได้เชื่อ ได้ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นลูกพระเจ้าหรือไม่ เอาแต่ความรู้สึกมาตัดสิน อันนี้ก็ผิดตามหลักการณ์พระคัมภีร์แบบจังๆเลยครับ เอ แล้วเขาเป็นคริสเตียนประเภทไหนนี่ เรื่องแค่นี้ก็ต้องให้บอก
- * ST. Dominic *
- โพสต์: 290
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 31, 2008 3:22 pm
"ต้นไม้และผล" มัทธิว 12 : 33-37
"พึงกล่าวอย่างหนึ่งว่าต้นดีผลก็ดี หรือต้นเลวผลก็เลวด้วย
เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน โอชาติงูร้าย
เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร ด้วยว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ
คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา
คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา
ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น
มนุษย์จะต้องรับผิดในถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้
หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น ก็เพราะวาจาของเจ้า"
( " ผู้กล่าวคำโกหก ไม่ทำชั่วไม่มี " )
( วาจาส่อภาษา กิริยาส่อสกุล )
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
"พึงกล่าวอย่างหนึ่งว่าต้นดีผลก็ดี หรือต้นเลวผลก็เลวด้วย
เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน โอชาติงูร้าย
เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร ด้วยว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ
คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา
คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา
ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น
มนุษย์จะต้องรับผิดในถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้
หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น ก็เพราะวาจาของเจ้า"
( " ผู้กล่าวคำโกหก ไม่ทำชั่วไม่มี " )
( วาจาส่อภาษา กิริยาส่อสกุล )
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
อ้อค่ะ ^__^ นิกายไหนก็ดีทั้งนั้นแหล่ะ ค่ะเชื่อในพระ และเป็นคนดี ย่อมดีเสมอ ^__^Grey Cat =^. .^= เขียน: ^
^
ก็ตอนนี้ผมเป็นออร์โธด๊อกซ์นี่ครับ ^ ^!
ค่ะ พยายามสวดใ้ห้เค้าค่ะ แต่บางทีก็นิสัยไม่ดีอ่ะคะ่ ไม่อยากยุ่งด้วยเล้ยเลย์ เขียน: สวดให้เขานะครับ ขอแม่พระทรงนำทางให้พวกเขา
ค่ะ จะบอกเค้าเช่นนั้นค่ะ และก็บอกเค้าไปด้วยว่า ที่บอกมาทั้งหมด ก็มีในคริสต์ทุกนิกายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะคาทอลิก โปรแตสแตนท์ ออร์ทอด๊อกส์ แล้วก็บอกให้เค้าลองศึกษาแต่ละนิกายดูให้ดีๆกว่านี้ ^__^ แต่ที่สำคัญพยายามบอกเค้าอ้อมๆเสมอว่า ไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ีดีมาก แต่ไม่อยากให้เอามาอ้างในการไม่ทำหน้าที่ของตนเองทางโลกด้วย เพราะจะเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นมาบอกว่า เป็นคริสต์ต้องไปวัด เลยไม่รับผิดชอบ คือคนอื่นว่าเช่นนั้นจริงๆ ก็พยายามบอกเค้าทำหน้าที่ตนเองให้ดีด้วย เพราะเราต้องทำตัวเป็นต้นแบบที่ดี เผยแพร่ความรักของพระองค์จากการกระทำของเรา เค้าก็ไม่ทำ แล้วก็ยังอ้างเหมือนเดิม แถมว่าเราตลอด ไม่กลับใจ ไม่กลับใจ ต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อพระได้ ก็เลยคิดนิดหน่อยว่า งั้นก็ไม่ต้องมาเลยดีไหม ออกไปเลยดีไหม คนอื่นจะได้มาว่าคริสต์ไม่ได้อ่า แต่ก็คิดสับสนนะคะ ว่าจริงๆแล้ว เค้าทำถูกแล้วหรือเปล่าในกรณีที่บอกว่า ต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อพระ เค้ารักพระมากกว่าเราหรือเปล่า เรายึดทางโลกมากไปหรือเปล่า แบบว่าสับสน แห่ะๆๆๆๆ (จิตตกไปเหมือนกันค่ะ)Deo Gratias เขียน: คนประเภทนี้ยังมีอีกเยอะค่ะ โดยเฉพาะคณะที่ไกลๆๆ
ผู้นำว่าไงก็ว่างั้น ผู้นำบอกผิดก็บอกผิด บอกถูกก็ต้องถูก โดยไม่ได้ศึกษาด้วยตัวเอง
บางคนไม่กล้าศึกษาเพราะกลัวเจอของจริงที่ไม่เหมือนกับที่ผู้นำสอนแล้วรับไม่ได้
เพราะบางที่จะสอนแบบดักไว้ก่อนแล้วโดยอ้างว่าพระวิญญาณฯ ทรงนำ
ถ้าไม่เชื่อตามนี้ก็เป็นดับพระวิญญาณฯ มั่ง หมิ่นพระวิญญาณฯ มั่ง ละเมิดอธิปไตยพระเจ้ามั่ง บลาๆ
เลยทำให้ทุกคนต้องเชื่อตามๆ กันไป แบบไม่มีเงื่อนไข
ถ้ามีโอกาสคุยกับเขาอีก บอกเขานะคะว่า
พระคัมภีร์บอกว่าทุกคนก็เป็นคนบาปทั้งนั้น กลับใจหรือไม่อยู่ที่ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่คณะนิกาย
ทุกคณะนิกายมีทั้งผู้เชื่อแท้และผู้เชื่อเทียม และการไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าบังเกิดใหม่ค่ะ
บอกเขาอย่าเชื่อผู้นำแบบไม่ลืมหูลืมตา ให้กลับมาดูด้วยว่าพระคัมภีร์ว่าอย่างไร
ฮ่าๆๆๆๆ จริงๆเชื่อว่าการมีหลายนิกาย อาจจะทำให้คนเราเข้าถึงพระได้ง่ายขึ้นหน่ะค่ะ เหมือนมีหลายทางเลือก ไม่เคร่งครัดจนเกินไปในบางนิกาย คนนับถือแล้วสบายใจ แต่ก็รักพระและพบพระองค์เช่นกัน (คิดเช่นนั้นจริงๆ จึงไม่เคยคิดจะว่านิกายอื่นผิด แต่ก็หวังว่าคนอื่นนิกายอื่น รวมศาสนาอื่นจะไม่ว่าคาทอลิกอ่ะค่ะ)^__^Valkyrie Zero Number เขียน: มาอีกแล้วเรื่องระหว่างนิกายที่ชวนให้หมองใจ
เห็นเรื่องแบบนี้ทีไร อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีการแยกนิกายมาแต่แรกจะดีไหม และรู้สึกว่าในฐานะคริสเตียนโปรแตสแตนท์ เหมือนตัวเองทำผิดไปเสียอย่างนั้น
........เมื่อก่อนเราเคยคิดว่า ทุกคนควรมีอิสระที่จะเลือก มีอิสระที่จะเชื่อ มีอิสระที่จะแปลกแยกแต่ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน มีอิสระที่จะแตกต่าง
แต่ยิ่งนานวันผ่านไป เรายิ่งรู้สึกอยากหันมาสนับสนุนแนวคิด "หนึ่งเดียว อันเดียว สิ่งที่ผิดไปควรจะกำจัดให้หมด ถึงจะรักษาสิ่งที่ถูกเอาไว้ได้"
ไม่รู้พระบิดาเจ้าบนสวรรค์จะได้ยินความคิดเราไหมนะ
ถูกใจเหมือนกันค่ะ ^__^Grey Cat =^. .^= เขียน:ชอบคำนี้จัง ><Deo Gratias เขียน: การไปโบสถ์ทุกอาทิตย์ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าบังเกิดใหม่ค่ะ
ใช่เลยค่ะ ตอนนี้เริ่มเกลียดๆเค้านิดหน่อย แล้วเค้าก็เป็นที่รังเกียจของทั้งกลุ่มไปแล้ว ก็เหลือเราคนเดียวที่ยังคุยด้วย เลยรู้สึกเหมือนผิดที่ไม่อดทน ไม่พลีกรรมเพื่อพระอ่ะค่ะ เวลาเงียบๆห่างๆก็ตั้งใจว่าจะทำเพื่อพระ แต่พอคุยด้วยทีไร ต่อมความเลวมันแตกทุกที แห่ะๆๆๆ~@Little lamb@~ เขียน: ไม่ผิดหรอกค่ะ ถ้าเขาพาลจะทำให้เราเสียไปด้วย
ก็จำเป็นต้องปล่อยเขาไป เพราะมันเกินกำลังของเรา
จากเฉย ๆ จะกลายเป้นเกลียดเขาได้ สวดภาวนาให้เขาแทนแล้วกันค่ะ
ฮ่าๆๆๆๆ เอาไม้ช๊อตยุง ไล่ตีเลยดีเปล่าค่ะ ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นนะคะ ^__^พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เขียน: ผมมองคนพวกนี้เป็นแมลงวันครับ ใล่ตบไปก็เจ็บมือเปล่าไม่โดนหรอกปล่อยไปดีกว่า
นั่นแหล่ะคะ บอกตามนั้นเลย แล้วเค้าก็บอกแต่ว่า ไม่กลับใจ ไม่กลับใจ ถามอะไรไปก็แถไปโน่น ในที่สุดเลยคั้นว่า ตกลงเค้าเคยเป็นคาทอลิกมาก่อนเป็นคริสเตียนไหม (จริงๆทุกนิกายถือว่าคริสเตียนเนอะ แต่ของเค้าเป็นโปรแตสแตนท์ แต่เค้าไม่เข้าใจว่าโปรแตสแตนท์คืออะไร เค้ารู้แต่ว่าเป็นคริสเตียน แห่ะๆๆๆ) เค้าก็แถไปแถมา เราก็ถามเค้าจนในที่สุดก็ตอบว่า เกิดมาไม่ได้ถือคริสเตียนเลย แต่เค้ารู้ว่าเค้าได้เกิดในพระเจ้า เกิดมาเพื่อเป็นคริสเตียนตั้งแต่เด็ก แต่เค้าเพิ่งรู้จักคริสเตียน และเปลี่ยนประมาณ 3 ปี คือเค้าแถตลอดอ่ะค่ะ คุยด้วยแล้วต่อมเลวแตกตลอด ฮ่าๆๆๆๆTrinity เขียน: อ่า ก็ลองถามเขากลับไปสิครับ ว่า คุณเป็นคริสเตียน ที่ทำดียังนั้นยังนี้ แล้ว คุณเอาสิทธิที่ไหนมาพิพากษาคนอื่น ว่าคนบาปไม่กลับใจ ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาจะต่างอะไร กับ พวกฟาริสี และ พวกธรรมจารย์ ที่เวลาอดอาหารก็ทำตัวให้ดูหน้าซีดเซียว ทำให้ดูเหมือนดี เพื่อหวังคำเยินยอสรรเสริญว่าตัวเองทำดีที่สุดเพื่อพระเจ้า เขาต่างอะไรจากพวกธรรมจารย์ที่ยืนสวดอยู่ที่ชุมชน เพื่อให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองเป็นคนศรัทธา แล้วคอยตัดสินผู้อื่น การที่เขาว่าผู้อื่นอย่างนั้นโดยไม่ได้ศึกษา หรือ ดูว่า คาทอลิก ได้เชื่อ ได้ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นลูกพระเจ้าหรือไม่ เอาแต่ความรู้สึกมาตัดสิน อันนี้ก็ผิดตามหลักการณ์พระคัมภีร์แบบจังๆเลยครับ เอ แล้วเขาเป็นคริสเตียนประเภทไหนนี่ เรื่องแค่นี้ก็ต้องให้บอก
^__^ คงต้องเอาพระคัมภีร์ข้อนี้ไปบอกเค้า เผื่อว่า เค้าจะได้เข้าใจว่าการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ดีกว่าที่เค้าเอาแต่สอนคนอื่น แล้วก็ตำหนิคนอื่น โดยไม่เป็นแบบอย่าง (จริงๆ ก็พยายามบอกไปแล้ว แต่เค้าก็แถอยู่ดี) ขอบคุณนะคะ ^__^* ST. Dominic * เขียน: "ต้นไม้และผล" มัทธิว 12 : 33-37
"พึงกล่าวอย่างหนึ่งว่าต้นดีผลก็ดี หรือต้นเลวผลก็เลวด้วย
เราจะรู้จักต้นไม้ด้วยผลของมัน โอชาติงูร้าย
เจ้าเป็นคนชั่วแล้วจะพูดความดีได้อย่างไร ด้วยว่าปากนั้นพูดจากสิ่งที่มาจากใจ
คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา
คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา
ฝ่ายเราบอกเจ้าทั้งหลายว่า คำที่ไม่เป็นสาระทุกคำซึ่งมนุษย์พูดนั้น
มนุษย์จะต้องรับผิดในถ้อยคำเหล่านั้นในวันพิพากษา เหตุว่าที่เจ้าจะพ้นโทษได้
หรือจะต้องถูกปรับโทษนั้น ก็เพราะวาจาของเจ้า"
( " ผู้กล่าวคำโกหก ไม่ทำชั่วไม่มี " )
( วาจาส่อภาษา กิริยาส่อสกุล )
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
อ้ออออ แล้วขอถามเพื่อนๆนิดหนึ่งค่ะ เท่าที่ทราบมา ทุกนิกายใช้พระคัมภีร์เหมือนกันใช่ไหมคะ พอดี เคยใช้ข้อความในพระคัมภีร์ที่เราชอบ เตือนใจเราขึ้นใน facebook แล้วเค้าเข้ามาบอกว่า พระคัมภีร์ของเราแตกต่างจากของเค้าอ่าค่ะ เลยชักไม่แน่ใจ แห่ะๆๆๆๆ
เหมือนกันครับ
แต่คาทอลิกมีเยอะกว่า 7เล่ม
แต่คาทอลิกมีเยอะกว่า 7เล่ม
แล้ว 7 เล่มที่ว่านี่ คืออันไหนบ้างหรอคะ แบบว่า จำมิได้เลย แห่ะๆๆๆยศิยล:ผู้หวังในพระเจ้า เขียน: เหมือนกันครับ
แต่คาทอลิกมีเยอะกว่า 7เล่ม
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
อันที่จริงคริสตชน (ทั้งโปรเตสแตนต์และคาทอลิก) ต่างยอมรับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมที่สืบทอดมาจากชาวยิวเหมือนกันเพียงแต่หลังการถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนชาวยิวต่างกระจัดกระจายกันไปตามที่ต่างๆที่ยังเหลือรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่มี 2 แห่งคือที่แผ่นดินปาเลสไตน์ซึ่งยังคงใช้ภาษาฮีบรูเป็นหลักและที่เมืองอเล็กซานเดรียในประเทศอียิปต์ซึ่งใช้ภาษากรีกเป็นหลัก
ต้องยอมรับว่าชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกนั้นมีใจเปิดกว้าง กว่าชาวยิวที่ใช้ภาษาฮีบรูซึ่งค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อพวกเขาแปลพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมจากภาษาฮีบรูมาเป็นฉบับภาษากรีกที่เรียกกันว่า"สารบบเจ็ดสิบหรือ Septuagint" จึงได้รวมหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกเข้าไปด้วย
ส่วนที่เพิ่มเติมจากภาษาฮีบรูได้แก่
โทบิต และ ยูดิธ ต้นฉบับเป็นภาษาอาราเมอิก หรืออาจเป็นฮีบรู
บารุค และ มัคคาบี 1 ต้นฉบับเป็นภาษาฮีบรู
ปรีชาญาณ และ มัคคาบี 2 ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
บุตรสิรา
บางส่วนของ เอสเธอร์ ต้นฉบับอาจเป็นภาษาฮีบรู
บางส่วนของ ดาเนียล ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
จุดแตกหักด้านพระคัมภีร์ระหว่างคริสตชนเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1519 ที่เมือง Leipzig เมื่อ Eck อ้างข้อความจากหนังสือมัคคาบีฉบับที่2
เพื่อสนับสนุนคำสอนเรื่องไฟชำระแต่ MartinLuther คัดค้านโดยอ้างว่าหนังสือดังกล่าวไม่อยู่ในสารบบ
ผลสรุปคือลูเธอร์เดินตามสารบบของชาวยิวในปาเลสไตน์ที่ใช้ภาษาฮีบรู ส่วนคาทอลิกเดินตามสารบบของชาวยิวในอเล็กซานเดรียที่ใช้ภาษากรีก
ต่อมาในปีค.ศ.1546(27ปีหลังเหตุการณ์ที่เมืองLeipzig)สังคายนาที่นครเตรนท์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ(ไม่ผิดพลาด)รับรองหนังสือทุกเล่มที่คาทอลิกใช้อยู่ในปัจจุบัน(ทั้งสารบบที่หนึ่งและสารบบที่สอง)ว่า "เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์และได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้า"
ความหมายของคำ Apocrypha และคำ Deutero-canonical
Deutero-canonical แปลตามตัวคือ "สารบบที่สอง" ดังนั้น เมื่อมีสารบบที่สอง แสดงว่าต้องมี "สารบบที่หนึ่ง (Protocanonical)"
ด้วยซึ่งทั้งสองคำนี้ใช้ในคาทอลิกเท่านั้น
ข้อควรระวังคือต้องไม่เข้าใจในทำนองที่ว่าพระศาสนจักรคาทอลิกมีสารบบพระคัมภีร์อยู่2ระบบโดยสารบบที่สองเพิ่มเข้ามาภายหลังเพราะถ้าเข้าใจแบบนี้จะทำให้หนังสือในสารบบที่สองดูเหมือนจะด้อยค่าลงไปเมื่อเทียบกับหนังสือในสารบบที่หนึ่่งดังนั้นความหมายที่ถูกต้องคือ
*** พระคัมภีร์สารบบที่หนึ่ง ได้แก่หนังสือพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม 39 เล่มที่คริสตชนทุกนิกายยอมรับเหมือนกัน
**** พระคัมภีร์สารบบที่สองได้แก่หนังสือ 7เล่มและบางส่วนของหนังสือเอสเธอร์และดาเนียลที่เพิ่มเข้ามาจากสารบบที่หนึ่ง ซึ่งได้รับการยอมรับโดยพระศาสนจักรคาทอลิกและมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าหนังสือในสารบบที่หนึ่งทุกประการ
ส่วนคำ Apocrypha ที่เราแปลว่า"อธิกธรรม" ได้แก่หนังสือที่เขียนขึ้นระหว่าง 200 ปีก่อนคริสตกาลเรื่อยมาจนถึงพระศาสนจักรในยุคเริ่มแรกมีทั้งที่ถือกำเนิดมาจากชาวยิวล้วนๆ หรือลูกผสมโดยเริ่มจากชาวยิวแล้วจบลงโดยคริสตชนหรือที่เป็นของคริสตชนล้วนๆก็มีหนังสือเหล่านี้เขียนขึ้นโดยมีเจตนาให้เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์หรือดูเหมือนศักดิ์สิทธิ์หรือดูเหมือนได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้าแต่ไม่ได้รับการรับรองให้อยู่ในสารบบ
ข้อที่แตกต่างระหว่างคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์จึงอยู่ตรงนี้ คือสำหรับคาทอลิก"อธิกธรรม"หมายถึง หนังสือที่ไม่อยู่ทั้งในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่ง และในสารบบที่สอง
สำหรับโปรเตสแตนต์ "อธิกธรรม"หมายถึงหนังสือที่ไม่อยู่ในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า พวกเขาถือหนังสือในสารบบที่สองของคาทอลิกเป็น "อธิกธรรม"ไปด้วย
อ้างอิง http://www.theology.ac.th/bit/index.php ... 0&Itemid=2
ต้องยอมรับว่าชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกนั้นมีใจเปิดกว้าง กว่าชาวยิวที่ใช้ภาษาฮีบรูซึ่งค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อพวกเขาแปลพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมจากภาษาฮีบรูมาเป็นฉบับภาษากรีกที่เรียกกันว่า"สารบบเจ็ดสิบหรือ Septuagint" จึงได้รวมหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวยิวที่ใช้ภาษากรีกเข้าไปด้วย
ส่วนที่เพิ่มเติมจากภาษาฮีบรูได้แก่
โทบิต และ ยูดิธ ต้นฉบับเป็นภาษาอาราเมอิก หรืออาจเป็นฮีบรู
บารุค และ มัคคาบี 1 ต้นฉบับเป็นภาษาฮีบรู
ปรีชาญาณ และ มัคคาบี 2 ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
บุตรสิรา
บางส่วนของ เอสเธอร์ ต้นฉบับอาจเป็นภาษาฮีบรู
บางส่วนของ ดาเนียล ต้นฉบับเป็นภาษากรีก
จุดแตกหักด้านพระคัมภีร์ระหว่างคริสตชนเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1519 ที่เมือง Leipzig เมื่อ Eck อ้างข้อความจากหนังสือมัคคาบีฉบับที่2
เพื่อสนับสนุนคำสอนเรื่องไฟชำระแต่ MartinLuther คัดค้านโดยอ้างว่าหนังสือดังกล่าวไม่อยู่ในสารบบ
ผลสรุปคือลูเธอร์เดินตามสารบบของชาวยิวในปาเลสไตน์ที่ใช้ภาษาฮีบรู ส่วนคาทอลิกเดินตามสารบบของชาวยิวในอเล็กซานเดรียที่ใช้ภาษากรีก
ต่อมาในปีค.ศ.1546(27ปีหลังเหตุการณ์ที่เมืองLeipzig)สังคายนาที่นครเตรนท์ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ(ไม่ผิดพลาด)รับรองหนังสือทุกเล่มที่คาทอลิกใช้อยู่ในปัจจุบัน(ทั้งสารบบที่หนึ่งและสารบบที่สอง)ว่า "เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์และได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้า"
ความหมายของคำ Apocrypha และคำ Deutero-canonical
Deutero-canonical แปลตามตัวคือ "สารบบที่สอง" ดังนั้น เมื่อมีสารบบที่สอง แสดงว่าต้องมี "สารบบที่หนึ่ง (Protocanonical)"
ด้วยซึ่งทั้งสองคำนี้ใช้ในคาทอลิกเท่านั้น
ข้อควรระวังคือต้องไม่เข้าใจในทำนองที่ว่าพระศาสนจักรคาทอลิกมีสารบบพระคัมภีร์อยู่2ระบบโดยสารบบที่สองเพิ่มเข้ามาภายหลังเพราะถ้าเข้าใจแบบนี้จะทำให้หนังสือในสารบบที่สองดูเหมือนจะด้อยค่าลงไปเมื่อเทียบกับหนังสือในสารบบที่หนึ่่งดังนั้นความหมายที่ถูกต้องคือ
*** พระคัมภีร์สารบบที่หนึ่ง ได้แก่หนังสือพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม 39 เล่มที่คริสตชนทุกนิกายยอมรับเหมือนกัน
**** พระคัมภีร์สารบบที่สองได้แก่หนังสือ 7เล่มและบางส่วนของหนังสือเอสเธอร์และดาเนียลที่เพิ่มเข้ามาจากสารบบที่หนึ่ง ซึ่งได้รับการยอมรับโดยพระศาสนจักรคาทอลิกและมีศักดิ์ศรีเทียบเท่าหนังสือในสารบบที่หนึ่งทุกประการ
ส่วนคำ Apocrypha ที่เราแปลว่า"อธิกธรรม" ได้แก่หนังสือที่เขียนขึ้นระหว่าง 200 ปีก่อนคริสตกาลเรื่อยมาจนถึงพระศาสนจักรในยุคเริ่มแรกมีทั้งที่ถือกำเนิดมาจากชาวยิวล้วนๆ หรือลูกผสมโดยเริ่มจากชาวยิวแล้วจบลงโดยคริสตชนหรือที่เป็นของคริสตชนล้วนๆก็มีหนังสือเหล่านี้เขียนขึ้นโดยมีเจตนาให้เป็นหนังสือศักดิ์สิทธิ์หรือดูเหมือนศักดิ์สิทธิ์หรือดูเหมือนได้รับการดลใจจากพระเป็นเจ้าแต่ไม่ได้รับการรับรองให้อยู่ในสารบบ
ข้อที่แตกต่างระหว่างคาทอลิกกับโปรเตสแตนต์จึงอยู่ตรงนี้ คือสำหรับคาทอลิก"อธิกธรรม"หมายถึง หนังสือที่ไม่อยู่ทั้งในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่ง และในสารบบที่สอง
สำหรับโปรเตสแตนต์ "อธิกธรรม"หมายถึงหนังสือที่ไม่อยู่ในพระคัมภีร์สารบบที่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งหมายความว่า พวกเขาถือหนังสือในสารบบที่สองของคาทอลิกเป็น "อธิกธรรม"ไปด้วย
อ้างอิง http://www.theology.ac.th/bit/index.php ... 0&Itemid=2
ขอบคุณค่ะคุณ Jeab Agape ได้ความรู้ดีมากเลยค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ครับผมMminnano เขียน: ขอบคุณค่ะคุณ Jeab Agape ได้ความรู้ดีมากเลยค่ะ : emo045 :
พี่อยากรู้รายชื่อหนังสือ ดูจากรายชื่อหนังสือ จากสารบาญ ในพระคัมภีร์ได้เลย ที่เขียนว่า "หนังสือพระคัมภีร์และอักษรย่อ"
ภาคพันธสัญญาเดิม
เริ่มเล่มแรก 1.ปฐมกาล ปฐก
สุดท้าย 46.มาลาคี มลค
- Jeanne d'Arc
- โพสต์: 235
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm
แต่แปลไม่เหมือนกันครับMminnano เขียน: อ้ออออ แล้วขอถามเพื่อนๆนิดหนึ่งค่ะ เท่าที่ทราบมา ทุกนิกายใช้พระคัมภีร์เหมือนกันใช่ไหมคะ
เหมือนกับว่าของเขาแปลมาจาก King James
แต่ของคาทอลิคแปลตรง
???
ผมไม่มั่นใจนะครับ
แต่สำนวนของคาทอลิคดูไม่ค่อยแปลกหูเหมือนของโปรฯ
- (⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
- โพสต์: 892
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am
ส่วนตัวก็เคยเจอนะค่ะ ก็ได้พูดอภิปรายเลยแหละกับคริสเตียน เค้าก็ชอบว่าคาธิลิคเรื่องเก่าๆเรื่องใบสารภาพบาป
เคยถามเค้านะค่ะเกี่ยวกับเรื่องแม่พระ ที่พระเยซูตรัสในขณะที่อยู่บนไม้กางเขนว่า "สตรีเอ๋ยนี่แน่ะลูกของท่าน"และตรัสแก่ศิษย์นั้นว่า "นี่แน่ะ แม่ของเจ้า
พอให้เค้าอธิบาย ก็ยังไม่เคลียเท่าไหร่ โดยส่วนตัวยิ่งเป็นพวกเข้าใจอะไรยาก พอเข้าใจอะไรไปแล้ว ก็จะไม่ทิ้งความเข้าใจนั้นไปอีก
และเค้าก็เคยว่าเตือนเราเรื่อง แม่พระและนักบุญนี่แหละ แต่เตือนเรื่องอะไรไม่รู้จำไม่ได้
"แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกหรือ? แม่ไม่ได้เป็นแม่ของเจ้าหรอกหรือ?"
เคยถามเค้านะค่ะเกี่ยวกับเรื่องแม่พระ ที่พระเยซูตรัสในขณะที่อยู่บนไม้กางเขนว่า "สตรีเอ๋ยนี่แน่ะลูกของท่าน"และตรัสแก่ศิษย์นั้นว่า "นี่แน่ะ แม่ของเจ้า
พอให้เค้าอธิบาย ก็ยังไม่เคลียเท่าไหร่ โดยส่วนตัวยิ่งเป็นพวกเข้าใจอะไรยาก พอเข้าใจอะไรไปแล้ว ก็จะไม่ทิ้งความเข้าใจนั้นไปอีก
และเค้าก็เคยว่าเตือนเราเรื่อง แม่พระและนักบุญนี่แหละ แต่เตือนเรื่องอะไรไม่รู้จำไม่ได้
"แม่ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกหรือ? แม่ไม่ได้เป็นแม่ของเจ้าหรอกหรือ?"
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ มี.ค. 17, 2010 1:15 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.