ขอคำภาวนาสำหรับว่าที่อารามซิสเตอร์มหาไถ่ ประเทศไทย
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 9:23 am
กระซิบๆๆๆ...แว่วเสียงซึงมาว่า ซิสเตอร์มหาไถ่กำลังจะมาเปิดบ้านที่เมืองไทยคะ วันที่ 19 นี้ซิสเตอร์จะมาที่เมืองไทย พร้อมพ่อไพบูลย์ อุดมเดช (พ่อจั่ว) จิตตาธิการ อารามที่จะเปิดคือ ที่เชียงใหม่ จริงๆ ตอนแรกกะว่าจะเปิดที่บ้านเณรเล็ก ศรีราชา แต่... (อย่าไปรู้มันเลย) จึงต้องเปลี่ยนที่สร้างมาเป็นที่เชียงใหม่ ตอนนี้คุณพ่อกำลังระดมหาเงินสร้างอยู่ พี่น้องท่านใดจะบริจาคก็ติดต่อคุณพ่อได้นะคะ แต่อื่นใดก็ตามขอคำภาวนาให้โครงการนี้สำเร็จด้วยเถอะ เพราะเราจะได้กระแสเรียกเพิ่มขึ้น สมาชิกยังมีน้อยอยู่นะคะตามรูปที่เห็นนี่แหละ จขกท.ไม่สามารถบวชได้ คุณสมบัติไม่ถึง หรือไม่ได้ยินเสียงเรียกไม่ทราบ ก็ได้แต่ทำหน้าปชส.เล็กๆ ให้ทราบกันคะ
หลายท่านอาจแปลกใจและเกิดคำถามในใจว่า คณะพระมหาไถ่มีผู้หญิงด้วยหรือ? เนื่องจากเคยได้ยินแต่คณะสงฆ์พระมหาไถ่ ที่จริงแล้ว คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่นั้น ได้ก่อตั้งขึ้นก่อนหน้าคณะสงฆ์พระมหาไถ่เสียอีก คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่นั้นถือกำเนิดขึ้นที่เมืองสกาลา ประเทศอิตาลี เมื่อปีค.ศ.1731 ในวันสมโภชพระจิตเจ้าเสด็จลงมา โดยคุณแม่มารี เซเลสต์(Venerable Mother Merie Celeste)
คุณแม่มารี เซเลสต์ เป็นผู้ที่มีชีวิตสนิทกับพระอย่างมาก ท่านรู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระในตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก พ ระเยซูเจ้าได้ประทานพระพรและความรู้ทั้งทางด้านชีวิตฝ่ายจิตและธรรมชาตเหนือ มนุษย์แก่คุณแม่ตั้งแต่ยังเยาว์วัยจวบจนกระทั่ววันสุดท้ายในชีวิตของคุณแม่ ในวันที่ท่านจะสิ้นใจนั้นเอง นักบุญเยราร์ด มาเจลลา ผู้กำลังนอนป่วยอยู่ในเมืองCaposele ใกล้กับเมืองFoggiaที่คุณแม่นอนป่วยอยู่ ท่านนักบุญได้บอกกับบราเดอร์ผู้ดูแลว่า “คุณแม่มารี เซเลสต์ได้เสียแล้ว ผมเห็นวิญญาณของคุณแม่ลอยเข้าสู่ประตูสวรรค์” วันนั้นตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กันยายน ค.ศ.1755 ซึ่งตรงกับวันเทิดทูนไม้กางเขนพอดี
จิตตารมณ์
คณะสงฆ์พระมหาไถ่ได้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1732 โดยท่านนักบุญอัลฟอนโซ ลีโกวรี ท่านนักบุญได้รับคำบอกเล่าจากคุณแม่มารี เซเลสต์ว่า เธอไดรับการดลใจจจากพระเป็นเจ้าให้ท่านนักบุญตั้งคณะสงฆ์ขึ้นใหม่ เพื่อทำงานกับคนยากจนและผู้ที่ถูกทอดทิ้ง
คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่เป็นคณะซิสเตอร์ที่อุทิศชีวิตอยู่ในอาราม เพื่อพลีกรรมและสวดภาวนา หรือที่เราเรียกกันว่า “ชีลับ”นั่งเอง คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่มีจิตตารมณ์เพื่อเป็นพยานรักที่มีชีวิตขององค์พระเยซูเจ้า(Viva Memoria) ชีวิตทั้งครบของบรรดาซิสเอตร์ได้อุทิศเพื่อ เป็นการระลึกถึงการไถ่บาปมวลมนุษย์ที่องค์พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงกระทำเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์อยู่ในโลกนี้เยี่ยง “ คนเดินทาง” (WayFarer ) จิตตารมณ์ที่จะเป็นพยานรักที่มีชีวิต ถือเป็นหัวใจของคณะ องค์พระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็น “คนเดินทาง” ซึ่ง มีพระธรรมชาติพระเจ้า ยังปรากฏองค์อยู่ตลอดเวลาจนทุกวันนี้ พระองค์ผู้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ทรงรับทรมาน และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงกลับคืนชีพ ยังคงประทับอยู่ในตัวของผู้ที่มีความเชื่อ พระเขาได้มอบชีวิตของตนเองแด่พระ และให้พระทำงานในตัวเขา ดังที่นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ มิใช่ข้าพเจ้าเอง แต่เป็นองค์พระคริสต์ที่สถิตอยู่ในตัวข้าพเจ้า” (พิลิปปี 1:21)
ชีวิตประจำวัน
หลายคนอาจสงสัยว่า “ซิสเตอร์ชีลับนี่ วัน ๆ เขาทำอะไรกันบ้างนะ?” หรือ “สวดกันทั้งวันหรือ?” เป็นธรรมดาอยู่เองที่หลายคนจะไม่เข้าใจ การใช้ชีวิตเก็บตัวในอารามเพื่อสวดภาวนานั้นมีรากฐานมาจากธรรมเนียมดั้งเดิม ของพระศาสนจักร ตารางเวลาในแต่ละวันมีรูปแบบมาจาก “โครงสร้างแปดชั่วโมง” ของฤาษีในสมัยก่อน คือ แปดชั่วโมงสำหรับการสวดภาวนา แปดชั่วโมงสำหรับทำงาน และอีกแปดชั่วโมงสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและอื่น ๆ ในการภาวนานั้น ตางรางเวลาได้จัดให้กระจายออกทั้งวัน นับรวมไปถึงบูชามิสซา การเฝ้าศีลมหาสนิท และการทำวัตร(ซึ่งเป็นการสวดพร้อมกันวันละ 5 ครั้ง) และอีก 2 ชั่วโมงสำหรับการรำพึงภาวนาและอ่านหนังสือศรัทธาส่วนตัว โดยปรกติแล้ว ซิสเตอร์แต่ละคนจะหาเวลาพิเศษในการสวดสายประคำและเดินรูป14ภาค อีกทั้งพระมารดานิจจานุเคราะห์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ในวัดน้อยของเรามีพระแท่นของแม่พระนิจจานุเคราะห์ ซึ่งเราจุดเทียนไว้ตลอดเวลา และที่สำหรับทูลเสนอคำวอนขอความช่วยเหลือต่าง ๆ จากพระแม่ ทุก ๆ ปี ที่อารามลีโกวรีของเรา จะจัดให้มีนพวารสำหรับพระมารดานิจจานุเคราะห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน ไปสิ้นสุดในวันฉลองพระมารดานิจจานุเคราะห์ คือวันที่ 27 มิถุนายน ช่วงเวลานี้ถือเป็นเวลาสำหรับการวอนขอพระหรรษทานพิเศษจากพระแม
่
ในเวลา 8 ชั่วโมงที่ซิสเตอร์ทำงานนั้น แต่ละคนจะแยกย้ายไปตามแผนกต่าง ๆ ที่ตนรับผิดชอบอยู่ จะมีแผนกซักรีด ทำครัว ตัดเย็บ และงานด้านเอกสารต่าง ๆ งานด้านตัดเย็บเป็นงานที่ทำรายได้สำหรับมาใช้ในอาราม เราตัดเย็บเสื้อหล่อของพระสงฆ์พระมหาไถ่ ชุดที่ใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ สโตลา(Stoles) และ Mozzettas สำหรับสมาชิกของ Equestrian Order of the Holy Sepulchre นอกจากนั้นยังช่วยงานด้านเอกสารของสำนักพิมพ์ Liguori Publications อันเป็นสำนักพิมพ์ของคณะพระมหาไถ่ในอเมริกา
งานต่าง ๆ เหล่านี้แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ยุ่งยากพอสมควร งานแต่ละอย่างสำเร็จลงได้ก็เพราะพระพรของพระเท่านั้น ไม่ว่างานนั้นจะยากลำบากเพียงไร ความสำเร็จหาได้มาจากความสามารถของบรรดาซิสเตอร์ไม่ ทุกอย่างได้มา เพราะคำภาวนา และการพึ่งพิงพระอย่างสุดจิตใจ บางทีด้วยเหตุผลนี้เอง กระแสเรียกให้เข้ามาดำเนินชีวิตสวดภาวนานี้จึงถือเป็นกระแสเรียกพิเศษ และกระแสเรียกนี้ได้นำมาซึ่งพระพรและพระหรรษทานเป็นอันมากแก่พระศาสนจักร และสมาชิกของพระศาสนจักรทุก ๆ คน
คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่ดำเนินชีวิตเพื่อสรรเสริญโมทนาคุณพระตลอดเวลา ทุก ๆ วันที่อารามจะได้รับโทรศัพท์และจดหมายมากมายจากผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือท ั้งฝ่ายกายและจิตใจ ผู้คนที่อยู่ในภายนอกก็ช่วยบริจาคทรัพย์สินเงินทานเพื่อให้เรานำเงินเหล่านี ้ไปช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้น พระศาสนจักรจึง ได้เล็งเห็นความสำคัญของกระแสเรียกลักษณะนี้ จนถึงกับบอกว่า นี่คือส่วนหนึ่งในงานแพร่ธรรมของพระศาสนจักร
การดำเนินชีวิตแต่ละวันของซิสเตอร์พระมหาไถ่ เป็นการดำเนินชีวิตอย่างร่าเริงเบิกบาน ดังกฎของคณะที่ว่า “การรำพึงถึงรหัสธรรมของพระคริสเจ้าอย่างสม่ำเสมอจะพัฒนาให้เรามีความสุขและ ร่าเริงแจ่มใส” บรรดาซิสเตอร์มีความปรารถนาที่จะแบ่งปันความสุข ความร่าเริงนี้ให้แก่ทุกคน พวกเรากระทำได้ก็โดยทางคำภาวนาและความห่วงใยในประชากรของพระทุกคน พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มาหาเราเถิด และเราจะทำให้ท่านสดชื่น” เราเพียงหวังให้ท่านทุกคนระลึกอยู่เสมอว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงประทับอยู่ในตัวท่าน ในการที่ท่านเป็น “พยานรักที่มีชีวิต” ของพระองค์
------------------------------------------------------------
คัดย่อจาก บทความแนะนำคณะของ Sr. Joan Calver, O.Ss.R.
อธิการิณีอารามนักบุญอัลฟอนโซ ลีโกวรี
http://www.cssr.or.th/thai/index.php?op ... Itemid=229
ตั้งที่นี่ถูกมั๊ยคะต้องการปชส. กับขอคำภาวนาอ่ะคะ ถ้ายังไงไม่ถูกต้องย้ายได้เลยนะคะ


สมาชิกที่อารามนักบุญอัลฟอนโซ ลีโกวรี สหรัฐอเมริกา
คณะพระมหาไถ่หญิงคือใคร?
กระแสเรียกพิเศษ หลายท่านอาจแปลกใจและเกิดคำถามในใจว่า คณะพระมหาไถ่มีผู้หญิงด้วยหรือ? เนื่องจากเคยได้ยินแต่คณะสงฆ์พระมหาไถ่ ที่จริงแล้ว คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่นั้น ได้ก่อตั้งขึ้นก่อนหน้าคณะสงฆ์พระมหาไถ่เสียอีก คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่นั้นถือกำเนิดขึ้นที่เมืองสกาลา ประเทศอิตาลี เมื่อปีค.ศ.1731 ในวันสมโภชพระจิตเจ้าเสด็จลงมา โดยคุณแม่มารี เซเลสต์(Venerable Mother Merie Celeste)

ผู้ตั้งคณะ
คุณแม่มารี เซเลสต์ เป็นผู้ที่มีชีวิตสนิทกับพระอย่างมาก ท่านรู้สึกถึงการประทับอยู่ของพระในตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก พ ระเยซูเจ้าได้ประทานพระพรและความรู้ทั้งทางด้านชีวิตฝ่ายจิตและธรรมชาตเหนือ มนุษย์แก่คุณแม่ตั้งแต่ยังเยาว์วัยจวบจนกระทั่ววันสุดท้ายในชีวิตของคุณแม่ ในวันที่ท่านจะสิ้นใจนั้นเอง นักบุญเยราร์ด มาเจลลา ผู้กำลังนอนป่วยอยู่ในเมืองCaposele ใกล้กับเมืองFoggiaที่คุณแม่นอนป่วยอยู่ ท่านนักบุญได้บอกกับบราเดอร์ผู้ดูแลว่า “คุณแม่มารี เซเลสต์ได้เสียแล้ว ผมเห็นวิญญาณของคุณแม่ลอยเข้าสู่ประตูสวรรค์” วันนั้นตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กันยายน ค.ศ.1755 ซึ่งตรงกับวันเทิดทูนไม้กางเขนพอดี
จิตตารมณ์
คณะสงฆ์พระมหาไถ่ได้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1732 โดยท่านนักบุญอัลฟอนโซ ลีโกวรี ท่านนักบุญได้รับคำบอกเล่าจากคุณแม่มารี เซเลสต์ว่า เธอไดรับการดลใจจจากพระเป็นเจ้าให้ท่านนักบุญตั้งคณะสงฆ์ขึ้นใหม่ เพื่อทำงานกับคนยากจนและผู้ที่ถูกทอดทิ้ง
คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่เป็นคณะซิสเตอร์ที่อุทิศชีวิตอยู่ในอาราม เพื่อพลีกรรมและสวดภาวนา หรือที่เราเรียกกันว่า “ชีลับ”นั่งเอง คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่มีจิตตารมณ์เพื่อเป็นพยานรักที่มีชีวิตขององค์พระเยซูเจ้า(Viva Memoria) ชีวิตทั้งครบของบรรดาซิสเอตร์ได้อุทิศเพื่อ เป็นการระลึกถึงการไถ่บาปมวลมนุษย์ที่องค์พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงกระทำเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์อยู่ในโลกนี้เยี่ยง “ คนเดินทาง” (WayFarer ) จิตตารมณ์ที่จะเป็นพยานรักที่มีชีวิต ถือเป็นหัวใจของคณะ องค์พระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็น “คนเดินทาง” ซึ่ง มีพระธรรมชาติพระเจ้า ยังปรากฏองค์อยู่ตลอดเวลาจนทุกวันนี้ พระองค์ผู้เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ทรงรับทรมาน และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงกลับคืนชีพ ยังคงประทับอยู่ในตัวของผู้ที่มีความเชื่อ พระเขาได้มอบชีวิตของตนเองแด่พระ และให้พระทำงานในตัวเขา ดังที่นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ มิใช่ข้าพเจ้าเอง แต่เป็นองค์พระคริสต์ที่สถิตอยู่ในตัวข้าพเจ้า” (พิลิปปี 1:21)
ชีวิตประจำวัน
หลายคนอาจสงสัยว่า “ซิสเตอร์ชีลับนี่ วัน ๆ เขาทำอะไรกันบ้างนะ?” หรือ “สวดกันทั้งวันหรือ?” เป็นธรรมดาอยู่เองที่หลายคนจะไม่เข้าใจ การใช้ชีวิตเก็บตัวในอารามเพื่อสวดภาวนานั้นมีรากฐานมาจากธรรมเนียมดั้งเดิม ของพระศาสนจักร ตารางเวลาในแต่ละวันมีรูปแบบมาจาก “โครงสร้างแปดชั่วโมง” ของฤาษีในสมัยก่อน คือ แปดชั่วโมงสำหรับการสวดภาวนา แปดชั่วโมงสำหรับทำงาน และอีกแปดชั่วโมงสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและอื่น ๆ ในการภาวนานั้น ตางรางเวลาได้จัดให้กระจายออกทั้งวัน นับรวมไปถึงบูชามิสซา การเฝ้าศีลมหาสนิท และการทำวัตร(ซึ่งเป็นการสวดพร้อมกันวันละ 5 ครั้ง) และอีก 2 ชั่วโมงสำหรับการรำพึงภาวนาและอ่านหนังสือศรัทธาส่วนตัว โดยปรกติแล้ว ซิสเตอร์แต่ละคนจะหาเวลาพิเศษในการสวดสายประคำและเดินรูป14ภาค อีกทั้งพระมารดานิจจานุเคราะห์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ในวัดน้อยของเรามีพระแท่นของแม่พระนิจจานุเคราะห์ ซึ่งเราจุดเทียนไว้ตลอดเวลา และที่สำหรับทูลเสนอคำวอนขอความช่วยเหลือต่าง ๆ จากพระแม่ ทุก ๆ ปี ที่อารามลีโกวรีของเรา จะจัดให้มีนพวารสำหรับพระมารดานิจจานุเคราะห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน ไปสิ้นสุดในวันฉลองพระมารดานิจจานุเคราะห์ คือวันที่ 27 มิถุนายน ช่วงเวลานี้ถือเป็นเวลาสำหรับการวอนขอพระหรรษทานพิเศษจากพระแม
่
ในเวลา 8 ชั่วโมงที่ซิสเตอร์ทำงานนั้น แต่ละคนจะแยกย้ายไปตามแผนกต่าง ๆ ที่ตนรับผิดชอบอยู่ จะมีแผนกซักรีด ทำครัว ตัดเย็บ และงานด้านเอกสารต่าง ๆ งานด้านตัดเย็บเป็นงานที่ทำรายได้สำหรับมาใช้ในอาราม เราตัดเย็บเสื้อหล่อของพระสงฆ์พระมหาไถ่ ชุดที่ใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ สโตลา(Stoles) และ Mozzettas สำหรับสมาชิกของ Equestrian Order of the Holy Sepulchre นอกจากนั้นยังช่วยงานด้านเอกสารของสำนักพิมพ์ Liguori Publications อันเป็นสำนักพิมพ์ของคณะพระมหาไถ่ในอเมริกา
งานต่าง ๆ เหล่านี้แม้จะเล็กน้อย แต่ก็ยุ่งยากพอสมควร งานแต่ละอย่างสำเร็จลงได้ก็เพราะพระพรของพระเท่านั้น ไม่ว่างานนั้นจะยากลำบากเพียงไร ความสำเร็จหาได้มาจากความสามารถของบรรดาซิสเตอร์ไม่ ทุกอย่างได้มา เพราะคำภาวนา และการพึ่งพิงพระอย่างสุดจิตใจ บางทีด้วยเหตุผลนี้เอง กระแสเรียกให้เข้ามาดำเนินชีวิตสวดภาวนานี้จึงถือเป็นกระแสเรียกพิเศษ และกระแสเรียกนี้ได้นำมาซึ่งพระพรและพระหรรษทานเป็นอันมากแก่พระศาสนจักร และสมาชิกของพระศาสนจักรทุก ๆ คน
คณะซิสเตอร์พระมหาไถ่ดำเนินชีวิตเพื่อสรรเสริญโมทนาคุณพระตลอดเวลา ทุก ๆ วันที่อารามจะได้รับโทรศัพท์และจดหมายมากมายจากผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือท ั้งฝ่ายกายและจิตใจ ผู้คนที่อยู่ในภายนอกก็ช่วยบริจาคทรัพย์สินเงินทานเพื่อให้เรานำเงินเหล่านี ้ไปช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้น พระศาสนจักรจึง ได้เล็งเห็นความสำคัญของกระแสเรียกลักษณะนี้ จนถึงกับบอกว่า นี่คือส่วนหนึ่งในงานแพร่ธรรมของพระศาสนจักร
การดำเนินชีวิตแต่ละวันของซิสเตอร์พระมหาไถ่ เป็นการดำเนินชีวิตอย่างร่าเริงเบิกบาน ดังกฎของคณะที่ว่า “การรำพึงถึงรหัสธรรมของพระคริสเจ้าอย่างสม่ำเสมอจะพัฒนาให้เรามีความสุขและ ร่าเริงแจ่มใส” บรรดาซิสเตอร์มีความปรารถนาที่จะแบ่งปันความสุข ความร่าเริงนี้ให้แก่ทุกคน พวกเรากระทำได้ก็โดยทางคำภาวนาและความห่วงใยในประชากรของพระทุกคน พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มาหาเราเถิด และเราจะทำให้ท่านสดชื่น” เราเพียงหวังให้ท่านทุกคนระลึกอยู่เสมอว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงประทับอยู่ในตัวท่าน ในการที่ท่านเป็น “พยานรักที่มีชีวิต” ของพระองค์
------------------------------------------------------------
คัดย่อจาก บทความแนะนำคณะของ Sr. Joan Calver, O.Ss.R.
อธิการิณีอารามนักบุญอัลฟอนโซ ลีโกวรี
http://www.cssr.or.th/thai/index.php?op ... Itemid=229
