ทีมวิจัยกล่าวว่า สารก่อมะเร็งจะสะสมในต่อมลูกหมากหากไม่มีการหลั่งอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมอีกว่า การมีเซ็กส์กับคู่นอนไม่ได้ให้ประสิทธิภาพการป้องกันมะเร็งเท่ากับการช่วยตัวเอง เพราะการมีเซ็กส์มีความเป็นไปได้ที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งมากขึ้น
นักวิจัยชาวออสเตรเลียสอบถามชายที่มีอาการมะเร็งต่อมลูกหมากมากกว่าพันคน และ 1250 คนไม่ค่อยมีกิจกรรมทางเพศ
พวกเขาพบว่าชายที่หลั่งมากที่สุดในช่วงอายุ 20-40 ปี เป็นมะเร็งน้อยที่สุด
การหลั่งบ่อย ๆ จะส่งผลต่อการป้องกันมะเร็งดีที่สุดในช่วงอายุเลขสอง (ใครอยู่ในช่วงเลขสองก็ขยันซอยกันหน่อย)
ในจำนวนผู้ชายทั้งหมดที่หลั่งมากกว่า 5 ครั้งต่อสัปดาห์ มีไม่ถึงหนึ่งในสามที่มีอาการมะเร็งต่อมลูกหมาก (สรุปว่าสองในสามของผู้ชายที่ขยันหลั่งจะไม่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ...จะใช้ภาษาให้วกวนทำไมเนี่ย)
Anthony Smith รักษาการณ์ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทางเพศ สุขอนามัยและสังคมออสเตรเลีย แห่งมหาวิทยาลัย La Trobe ในเมลเบิร์น กล่าวว่างานวิจัยนี้จะส่งผลต่อคำแนะนำในด้านการดำเนินชีวิตที่หมอจะแนะนำผู้ป่วย
"การช่วยตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในวิถีทางเพศของคน"
"ถ้าการค้นพบนี้ไม่ถูกหักล้าง มันก็จะเป็นเหตุผลอย่างดีที่จะกระตุ้นให้คนช่วยตัวเอง" เขากล่าว
ที่มา: http://news.bbc.co.uk/2/hi/health/3072021.stm
สรุป คือ ผมสงสัยว่า จะผิดในบัญญัติ 10 ประการมั๊ยครับ ถ้าเราต้องการที่จะป้องกันมะเร็ง ( คือ ทำน้อยแต่ไม่ใช่ไม่ทำเลย ) และต้องไปแก้บาปกับพ่อ หรือว่า พระเจ้าให้อภัยสิ่งเหล่านี้ ?
ขอขอบคุณทุกความเห็นและคำตอบนะครับ
ช่วยตัวเองบ่อยๆ ลดความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
คุณกลัวการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก เลยละเลยพระบัญญัติของพระเจ้าหรอครับ?
ผมว่าการเป็นโรคอะไร นั่นคือน้ำพระทัยของพระ
ไม่ใช่ข้ออ้างเพื่อทำผิดครับ
ผมว่าการเป็นโรคอะไร นั่นคือน้ำพระทัยของพระ
ไม่ใช่ข้ออ้างเพื่อทำผิดครับ
จริงๆแล้วเรามีตัวอย่างที่ชัดมาก ในบรรดานักบวชในศาสนาต่างๆทั่วโลก ที่ส่วนมากจะงดเรื่องเพศ แม้แต่การสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองก็ตาม
ถามว่านักบวชส่วนมากตายด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากหรือเปล่า
ก็ไม่ใช่นะครับ
ดังนั้นอย่ารีบเชื่อผลวิจัยอะไรมากเลย สมัยนี้บางทีใช้ทฤษฎีมารวมๆแล้ววิเคราะห์วิจัยจริงแค่นิดหน่อย ก็ออกผลวิจัยมาซะละ
ถามว่านักบวชส่วนมากตายด้วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากหรือเปล่า
ก็ไม่ใช่นะครับ
ดังนั้นอย่ารีบเชื่อผลวิจัยอะไรมากเลย สมัยนี้บางทีใช้ทฤษฎีมารวมๆแล้ววิเคราะห์วิจัยจริงแค่นิดหน่อย ก็ออกผลวิจัยมาซะละ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ร่างกายมีวิธีขับออกทางธรรมชาติโดยการฝันเปียกอยู่แล้วครับ ^^
ดังนั้นอย่ามาหาข้ออ้างในการทำบาปครับมันฟังไม่ขึ้นอย่างแรง!!
ดังนั้นอย่ามาหาข้ออ้างในการทำบาปครับมันฟังไม่ขึ้นอย่างแรง!!
.
.
สวรรค์เราต้องเอาให้ได้
นรกเราต้องหนีให้พ้น
นิรันดรภาพเราต้องรำพึง
ความตายเราอาจประสบ
.
.
จงคำนึงด้วยดีเถิดคริสตังใจศรัทธา
ช่วยตัวเองหนักๆเข้าเดี๋ยวก็เบื่อไปทำบาปหนักทีนี้แหละหายนะเสียยิ่งกว่า มะเร็งต่อมลูกหมาซะอีกนะครับ
.
สวรรค์เราต้องเอาให้ได้
นรกเราต้องหนีให้พ้น
นิรันดรภาพเราต้องรำพึง
ความตายเราอาจประสบ
.
.
จงคำนึงด้วยดีเถิดคริสตังใจศรัทธา
ช่วยตัวเองหนักๆเข้าเดี๋ยวก็เบื่อไปทำบาปหนักทีนี้แหละหายนะเสียยิ่งกว่า มะเร็งต่อมลูกหมาซะอีกนะครับ
- ~*Little`Child*~
- ~@
- โพสต์: 202
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 11:52 pm
ถ้าอดกลั้นได้...ความดีก็อยู่กับตัวเรา..นะ
บางที วิทยาศาสตร์มากมาย...ที่บอกว่าค้นหา ความจริง
ก็กลับทำให้ผู้คนมองข้าม ความจริง ที่พระองค์ทรงกล่าวไว้..ทรงสอน
การพิสูจน์ ความล้ำหน้า ก็อาจทำให้ศีลธรรม มโนธรรมในจิตวิญญาณเราเลือนลางลงได้นะคะ
ยังไง...การยึดหลักที่พระองค์ทรงสอนไว้ ก็คงดีกว่าอยู่แล้วคะ
อะไรจะเกิดหรือไม่เกิด คือหน้าที่ของพระเป็นเจ้่า
เราเพียงแค่แสดงความรักต่อพระองค์จนสุดจิตวิญญาณ สุดความสามารถของเรา
ไม่แน่ว่า...เรื่องช่วยตัวเองมากเท่าไหร่ ยิ่งลดการเสี่ยงเท่านั้น
อาจจะเป็นข้อล่อลวง หรือ ข้อเสนอที่มารยื่นให้ เพราะมันอาจจะลดความเสี่ยงจริงๆก็ได้...
แต่การเลือกเดินหรือปฎิบัติตามพระเป็นเจ้า
ก็มีแต่เรื่องต้องฝ่าฝัน เหนื่อยยาก..อาจจะมีเรื่องให้ต้องเสี่ยงบ้าง..
แต่ถ้าไม่มีเรื่องเหล่านี้ เราจะเอาอะไรไปถวายพระองค์..เมื่อพบกับพระองค์
แต่ก็ขอบคุณกระทู้นี้นะคะ...
ที่เอามาโพสต์ เพราะเราจะได้รับรู้ว่า โลกใบนี้มันไปไกลมากน้อยแค่ไหน
หวังว่า...ลูกพระเจ้าทุกคน จะไม่ไขว้เขวและฝ่าฝันมันไปได้นะคะ
ขอพระเจ้าอวยพรคะ
บางที วิทยาศาสตร์มากมาย...ที่บอกว่าค้นหา ความจริง
ก็กลับทำให้ผู้คนมองข้าม ความจริง ที่พระองค์ทรงกล่าวไว้..ทรงสอน
การพิสูจน์ ความล้ำหน้า ก็อาจทำให้ศีลธรรม มโนธรรมในจิตวิญญาณเราเลือนลางลงได้นะคะ
ยังไง...การยึดหลักที่พระองค์ทรงสอนไว้ ก็คงดีกว่าอยู่แล้วคะ
อะไรจะเกิดหรือไม่เกิด คือหน้าที่ของพระเป็นเจ้่า
เราเพียงแค่แสดงความรักต่อพระองค์จนสุดจิตวิญญาณ สุดความสามารถของเรา
ไม่แน่ว่า...เรื่องช่วยตัวเองมากเท่าไหร่ ยิ่งลดการเสี่ยงเท่านั้น
อาจจะเป็นข้อล่อลวง หรือ ข้อเสนอที่มารยื่นให้ เพราะมันอาจจะลดความเสี่ยงจริงๆก็ได้...
แต่การเลือกเดินหรือปฎิบัติตามพระเป็นเจ้า
ก็มีแต่เรื่องต้องฝ่าฝัน เหนื่อยยาก..อาจจะมีเรื่องให้ต้องเสี่ยงบ้าง..
แต่ถ้าไม่มีเรื่องเหล่านี้ เราจะเอาอะไรไปถวายพระองค์..เมื่อพบกับพระองค์
แต่ก็ขอบคุณกระทู้นี้นะคะ...
ที่เอามาโพสต์ เพราะเราจะได้รับรู้ว่า โลกใบนี้มันไปไกลมากน้อยแค่ไหน
หวังว่า...ลูกพระเจ้าทุกคน จะไม่ไขว้เขวและฝ่าฝันมันไปได้นะคะ
ขอพระเจ้าอวยพรคะ