Belong to the Truth Jesus Christ

ตกลงมันมีจริงๆหรือเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อหลอกเด็กงับ
*omg

ถามว่ามีจริงไหม๊? อันนี้ต้องแล้วแต่คำนิยามของำว่า "แวมไพร์"ครับ

เท่าที่ทราบ มีคนกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าตัวองเป็นแวมไพร์ และต้องการอยู่ด้วยเลือด(ดื่ม-อาบเลือดเพราะอาการทางประสาทและความเชื่อที่ผิด ว่าจะทำให้อายุยืน ทำให้สวยบ้าง เป็นต้น)
ที่บอกว่ากลัวแสงก็พวกคนที่เป็นโรคผิวหนังอะ มีอยู่โรคหนึ่งโดนแสงแดดแล้วผิวไหม้เลย นากลัวมากๆ

ส่วนที่มันมาบูมๆนี่ก็เพราะเรื่องของท่านเคาท์ที่เป็นโรคประสาทอย่างที่กล่าวไปข้างต้นนะครับ

เรื่องในพระคำภีร์เท่าที่อ่านไม่มีนะ? ???

และที่มันกัดแล้วติดต่อกันได้เพราะมันเป็น ไวรัส ชนิดนึงในเลือดใช่มะ :P

เราทุกคนคือแวมไพร์ครับ วิญญาณเราจะอยู่รอดโดยอาศัยพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ;D

princess of wands เขียน: เราทุกคนคือแวมไพร์ครับ วิญญาณเราจะอยู่รอดโดยอาศัยพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ;D

ต๊าย กิ๊บเก๋ :D

Ot@ เขียน:

princess of wands เขียน: เราทุกคนคือแวมไพร์ครับ วิญญาณเราจะอยู่รอดโดยอาศัยพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ;D

ต๊าย กิ๊บเก๋ :D

8) ฮะฮ่า สองคนนี้ คิดคำโต้ตอบกันได้เยี่ยมจริงๆ อ่านแล้วหายเครียดเลย
ก๊ากๆๆ ;D 8)

ไม่มีครับ :D

ถ้าแวมไพร์ หมายถึง แดร๊กคูร่าละก็

เป็นเรื่องแต่งสุดๆเลยคะ


ตัวจริงเขาเป็นแค่คนโหดที่ฆ่าเชลยอย่างโหดร้าย
จนดูเหมือนปีศาจกระหายเดือด

เขาเลยเอามาแต่งเป็นเรื่องผีๆให้ดูนะกลัว...ก็แค่นั้นเอง

ฆ่าข้าศึกด้วยการเสียบประจานด้วยแท่งแหลม เพื่อให้ฝ่ายข้าศึกหวาดกลัว จนพูดต่อๆนาๆจนกลายเป็นตำนานไป

Unlikelihood เขียน: ตกลงมันมีจริงๆหรือเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อหลอกเด็กงับ
*omg

ไม่มีค่ะ และเป็นเรื่องหลอกเด็ก

ความเห็นของพี่ เรื่องแบบนี้เราคริสตชนไม่ควรอ่าน เพราะเท่ากับสนับสนุนการงานของมาร
และมันสามารถโน้มน้าวใจเราให้ทรยศต่อพระเจ้า โดยเริ่มสงสัยพระองค์ และค่อยๆออกห่าง
ต่อมามันจะใช้เราในการเผยแพร่ ความชั่วร้ายเหล่านี้ ในทุกรูปแบบ แล้วแต่จุดอ่อนของเราแต่ละคน

ทางคริสตจักรโปรเตสแตนต์ในกลุ่มของพี่ ไม่สนับสนุน ให้อ่าน หรือ ดูหนังประเภทสยองขวัญ
พวกหนังผีทั้งหลาย เพราะเราพิจารณาแล้วว่าทำให้ เกิดผลเสียฝ่ายจิตวิญญาณมากกว่า
เริ่มแรก เพาะเมล็ดแห่งความสงสัย ขาดความมั่นใจขลาดกลัว (พวกปีศาจ/ตัวผี ฯลฯ )
และกลาย เป็นพยานเท็จให้พวกมันโดยไม่รู้ตัว คือการเล่าต่อๆกัน

สิ่งเหล่านี้ปรากฏในพระคัมภีร์ นักบุญเปาโล บอกอย่างชัดเจน ว่ามนุษย์ชอบฟังเรื่องไร้สาระ
ชอบฟังพวกเทพนิยาย เพราะเรื่องพวกนี้ฟังแล้วสบายใจ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิต ไม่มีคำพิพากษา

Unlikelihood เขียน: ตกลงมันมีจริงๆหรือเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่อหลอกเด็กงับ
*omg

โดยความคิดส่วนตัวของผม ผมไม่คิดว่าเป็นการ"หลอกเด็ก"หรอกนะครับ

เหมือนกับเรื่อง หนูน้อยหมวกแดง (Little Red Riding Hood) ถามว่า"หลอกเด็ก"หรือเปล่า แหม หมาป่ามีคุยกับหนูน้อยหมวกแดงได้

เรื่องหนูน้อยหมวกแดง เป็นการเตือนให้เด็กเข้าใจถึงพิษภัยของคนอื่น ว่าคนที่เรานึกว่าดี นึกว่าเป็นคุณยายที่เรารัก อาจจะเป็นอย่างอื่นที่เป็นอันตรายกับเราได้ ให้พึงระวัง

อันนี้ ไม่ได้บอกมาตรงๆ แต่ว่าอย่างน้อย ในจิตใต้สำนึกของเด็ก ก็จะจดจำเอาไว้

ส่วนเรื่องแวมไพร์ละครับ

แวมไพร์ออกมาตอนกลางคืน และเมื่อกัดใครแล้ว คนๆนั้นจะเป็นทาสของเค้า และไม่มีวันตาย เพียงแต่ว่า สู้แสงแดดกลางวันไม่ได้ และถ้าโดนตอกด้วย stake เข้าที่หัวใจแล้ว ก็จะตายไป

ถามว่า น่าจะพูดถึงอะไร

ผมว่า น่าจะเป็นการเอาความกลัวการหลอกลวงเอาเปรียบของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิง มาแต่งเป็นบุคคลที่มีตัวตน เพราะแวมไพร์ จริงๆมีลักษณะเหมือนกับการหลอกลวง เอาเปรียบ หรือทำร้ายกัน ของคนในโลกนี้ เช่น

1. ผู้หญิงที่โดนผู้ชายหลอก ก็กลายเป็นทาสของผู้ชายคนนั้น (โดนแวมไพร์ดูดเลือด)

2. คนที่เคยเป็น"เหยื่อ"แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะกลายเป็นผู้กระทำเสียเอง เพราะเมื่อตัวเองเจ็บ ก็จะนำความเจ็บปวดนั้นไปให้คนอื่น (เช่น คนที่ตอนเด็กๆโดน abuse ก็จะโตขึ้นเป็น abuser เสียเอง) ความเจ็บปวดนั้น ก็จะไม่มีวันหายไปจากโลก จะคงอยู่เป็นอมตะต่อไป

คือ นาย ก. ทำร้ายนาย ข. นาย ข. ทำร้าย นาย ค. ฯลฯ เป็นลูกโซ่ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหมด จนกว่าใครสักคนจะพยายามหยุดมัน (พระเยซูจึงพยายามให้เราอภัยให้กับคนที่ทำร้ายเรา และไม่ทำร้ายคนอื่นแบบที่เราเคยโดนทำร้าย เพราะความเจ็บปวดทั้งหลายในโลกนี้ อาจจะเกิดจากคนๆเดียวทำร้ายอีกคนหนึ่ง แล้วคนที่โดนก็เอาไปทำกับคนอื่นต่อ ต่อเนื่องกันมาหลายพันปี จนกระทั่งมาถึงปัจจุบันนี้ คนทั้งโลกก็เจ็บปวด เพียงเพราะคนที่โดนทำร้ายคนแรก ไม่ยอมหยุดความเจ็บปวดไว้ที่ตนเอง)

3. ความชั่วคือความมืด คนที่ทำความชั่วย่อมไม่กล้าออกมาเจอกับแสงสว่าง

4. วิธีเดียวที่จะทำลายความชั่วในตัวคนได้ ก็คือ การตอก stake เข้าไปในใจของคนๆนั้น นั่นคือ สัมผัสจิตใจของเขา หลายๆคน พระเจ้าสัมผัสจิตใจของเขาแล้วความรู้สึกอยากทำชั่วในตัวเขาก็หมดไป

อะไรทำนองนี้นะครับ

คือ แวมไพร์มีในไบเบิ้ลหรือเปล่า ตอบได้ครับว่าไม่มี แต่ถ้าถามว่า มีอะไรที่สอนเราได้หรือเปล่า อันนี้ตอบได้ครับว่า ลองนำไปคิดดูสิครับ น่าสนใจมากนะครับ
;D

555 ชายน้อย ให้ข้อคิดที่ดี แก่ Feminist แล้วสิ

ขอบคุณหลายๆเด้อ :D

:-[ ขอบคุณคุณ P ค่ะ โห...ผู้ชายเนี่ยน่ากลัวเนอะ ต้องระวังตัวให้มากๆหน่อยแล้วเนี่ย กลัวแวมไพร์ :-[

seraphim เขียน: :-[ ขอบคุณคุณ P ค่ะ โห...ผู้ชายเนี่ยน่ากลัวเนอะ ต้องระวังตัวให้มากๆหน่อยแล้วเนี่ย กลัวแวมไพร์ :-[

เอ่อ...เป็นงั้นไป :P

ปรินท์ที่พี่ p พิมพ์ไปแจกเด็กหน้าโรงหนังผี ;D

"โปรดอ่านก่อนชมภาพยนตร์" อะไรแบบนี้ *heh

seraphim เขียน: :-[ ขอบคุณคุณ P ค่ะ โห...ผู้ชายเนี่ยน่ากลัวเนอะ ต้องระวังตัวให้มากๆหน่อยแล้วเนี่ย กลัวแวมไพร์ :-[

ผู้ชายในบอร์ดนี้ไม่น่ากลัวครับ

(เพราะมีน้อย *gg)

:o :o ไอ้ที่มีบางคนยังไม่ทันคบก็น่ากลัวซะแล้ว ยังไงก็ต้องระวังอยู่ดีแหละจ๊ะเจ๊ฑา :P :P :P

แวมไพร์ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพระคัมภีร์เลยนะครับ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับศาสนาเราด้วย

แวมไพร์ผีดูเลือดเป็นความเชื่อของชนชาติสลาฟ ประเทศใดที่มีชาวสลาฟอาศัยอยู่ความเชื่อเรื่องแวมไพร์หรือผีดูดเลือดปรากฎที่นั้น เช่น โรมาเนีย ฮังการี แอลเบเนีย สโลวะเกีย รุสเซีย โปรแลนด์ และในคาบสมุทรบอนคาน ชาวสลาฟมักกลัวผีประเภทนี้มากครับ ไม่ว่าเกิดเหตการณ์อะไรก็โทษว่าเป็นแวมไพร์ไปหมด เมือนชาวอีสานประเทศเรานะครับ เกิดเหตุการณ์อะไรไม่ดีก็โทษว่าเป็น ผีปอมไปหมด

ความเชื่อเรื่องแวมไพร์มีผลสืบมาจากยุโรปยุคมืดนะครับ เกี่ยวกันพวกพ่อมดแม่มดอะไรในสมัยยุคนั้นแหละครับ แล้วความเชื่อก็ยังตกทอนมาถึงทุกวันนี้ แวมไพร์คือพ่อมดหรือแม่มดสมัยกลางเป็นพวกลักธิมนต์ดำ แล้วเป็นสาวกของซาตาลด้วยนะครับ เพราะอำนาจของแวมไพร์ก็ได้จากซาตาลนั้นเอง และต่อมาก็มีความเชื่ออีกว่าผู้ที่พระศาสนจักร์ขับออกจากศาสนาจะถูกสาปเมื่อตายแล้วจะกลายเป็นแวมไพร์

แต่ชาวสลาฟเชื่อว่า กระเทียบกับพริกไทย เป็นเครืองเทศที่สามารารถทำลายอำนาจชั่วร้ายของสิ่งเหล่านี้ได้ แล้วผีประเภทนี้กลัวมาก

แวมไพร์จากหนังสือเรื่องแด็คคูล่าที่ผมเคยอ่าน แวมไพร์นั้นชอบสูบเลือดคนในยากค่ำคืน สามารถหายตัวแปลงร่างได้สารพัด แต่ปรากฎกายในเวลากลางวันไม่ได้ แล้วนั้นก็เป็นความเชื่อที่แท้จริงของชาวแทรนซิลเวเนียนะครับ

ส่วนเรื่องแด็กคูล่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแวมไพร์เลยครับ แด็กคูล่าคือพระเจ้าวแลตที่ 3 (Vlad III) แห่งประเทศโรมาเนีย เคยทำสงครามกับตุรกี ในปี 1461 - 1462 แม้จะปราชัย แต่ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเลื่องลือทั่วดินแดนลุ่มแม่น้ำดานูบ ในฐานะนักรบผู้แกร่งกล้า ต่อมาทรงเกนฑ์ทัพเขาทำสงครามในสนามรับอีกครั้ง และสิ้นพระชนม์ในสนามรบในปี ค.ศ. 1476

ส่วนนิยายเรื่องแด็กคูล่า ผีดูดเลือดนั้น นายแบรม สโตเกอร์ เป็นผู้แต่งครับ นายแบรม สโตเกอร์ เป็นชาวอังกฤษ เขาเป็นคนสนใจเรื่องลี้ลับ ต่อมาในปี 1880 เขาได้มาสนใจเรื่องราวของโรมาเนียตำนานพื้นบ้านของแทรนซิลเวเนีย และเดือนสิงหาคม - กันยายน 1888 หนังสือพิมพ์ประโคมข่าว Jaek the Ripper ฆ่าตกรกระหายเลือดฆ่าคนอย่างไร้ร่องรอย ทำให้แบรม สโตเกอร์เกินจินตณาการแต่งเป็นแด็กคูล่าขึ้น

ข้อมูลเรื่องแวมไพร์ Vampire จากหนังสือของ รองศาสตราจารย์สัญชัย สุวังบุตร

princess of wands เขียน: ปรินท์ที่พี่ p พิมพ์ไปแจกเด็กหน้าโรงหนังผี ;D

"โปรดอ่านก่อนชมภาพยนตร์" อะไรแบบนี้ *heh

Good idea!! *no1

ผีดูดเลือด หรือ แวมไพร์ (Vampire) เป็นมนุษย์อีกรูปแบบหนึ่งที่มีพลังปิศาจ แม้ว่า ผีดูดเลือด จะอยู่ในร่างของมนุษย์ มันก็ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่ มันคือคนที่ตายไปแล้วและลุกขึ้นมาจากโลงมีชีวิตใหม่โดยดูดเลือดเป็นอาหาร สังคมแทบทุกสังคมรู้จัก ผีดูดเลือด ผีดูดเลือดปรากฎครั้งแรกในอาณาจักร บาบิโลเนีย ในหีบศพที่ถูกปิดมานานกว่า 4,000 ปี มีตำนานเกี่ยวกับผีดุดเลือดมากมายใน อินเดีย จีน กรีก โรมัน มาเลเซีย และไทย ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับผีดูดเลือดเช่นกัน

ในประเทศมาเลเซีย เชื่อกันว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิต ในขณะ หรือหลังคลอดลูก จะกลายเป็นผีดูดเลือด และลูกที่ตายพร้อมกันก็จะเป็นผีดูดเลือดด้วย ส่วนของไทยก็เห็นจะเป็น กระสือ หรือปอบ ที่เรารู้จักกัน ประเพณีโบราณมักมีวิธีป้องกันผีพวกนี้และบางประพณีก็สืบทอดมาถึงปัจจุบัน ในแถบตะวันตก ผีดูดเลือด เป็นที่รู้จักกันในนามแวมไพร์ ปรากฏในอังกฤษครั้งแรก
ในปี พ.ศ.2275 ตามบันทึกว่าเป็น แวมไพร์ ชาวเซอร์เบีย (Serbian : แคว้นในยูโกสลาเวีย) ที่กลับมาจากหน้าที่ทางทหารใน กรีก ด้วยท่าทีที่แปลกไป เขาผู้นั้น คือ อาร์โนลด์ เปาเล (Arnold Paole) เปาเล ยอมรับกับภรรยาในเวลาต่อมาว่า เขาโดน แวมไพร์ ดูดเลือดในขณะเดินทางและได้กลายเป็น แวมไพร์ ไปด้วย เปาเล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่เพื่อนบ้านยังคงเห็นเขาวนเวียนอยู่ ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาและพบว่า มีรอยเลือดอยู่ที่ปาก การที่จะพิสูจน์ว่า เป็น แวมไพร์ หรือไม่นั้น ทำได้โดยตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ ศพของ เปาเล ถูกพิสูจน์และด้วยความประหลาดใจ

ในขณะที่ตอกหมุดนั้นมีเลือดทะลักออกมาและมีเสียงกรีดร้องตามมาด้วย ศพของ เปาเล ถูกเผาตามขั้นตอนของพิธีกรรมทางความเชื่อ หลายปีต่อมา ก็ยังมีกรณีของ แวมไพร์ ตัวอื่นอยู่ ซึ่งเชื่อว่า เป็นเหยื่อของ เปาเล จึงสรุปได้ว่า แวมไพร์ ถ่ายทอดได้โดยการถูกกัด

บันทึกในปี พ.ศ.2306 ของนักเขียนชาวฝรั่งเศส ชื่อ ฌอง จาก รูสโซ (Jean-Jacques Rousseau) กล่าวว่า ในปีนั้นมีพยานหลายคนทั้งที่เป็นแพทย์ นักบวชและพนักงานปกครอง ได้พบเห็น แวมไพร์ เรื่องราวได้เริ่มถูกนำไปแต่งเป็นวรรณกรรม จนกระทั่งในต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แวมไพร์ ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีอยู่จริง มีทั้งสองเพศ แต่โดยมากจะเป็นเพศชาย มีเขี้ยวยาว ผิวซีดเซียว และมีดวงตาที่แข็งกร้าว มักออกหาเหยื่อในเวลากลางคืน และเหยื่อก็จะเป็นเพศตรงข้าม ป้องกันได้โดยใช้กระเทียม การเป็น แวมไพร์ นั้นเป็นไปโดยไม่ได้สมัครใจและก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับปิศาจหรือเวทมนตร์ แม่มดเท่าใดนัก แวมไพร์ มักเป็นคนบาปที่ดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย ผู้บริสุทธิ์ก็เป็น แวมไพร์ ได้โดยตกเป็นเหยื่อของพวกมัน

บุคคลที่มีความแตกต่างไปจากคนอื่นและมีการตายอย่างประหลาดนั้นมักถูกเชื่อว่า จะเป็นแวมไพร์ อย่าง แน่นอน บุคคลใดที่มีลักษณะคล้าย แวมไพร์ จะถูกกีดกันจากสังคมทันที การกำจัด แวมไพร์ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องทำเฉพาะเวลากลางวัน ตอนที่มันไม่มีอำนาจเท่านั้น เชื่อว่าหลุมศพใดมีโพรงอยู่แสดงว่าศพในหลุมนั้นเป็น แวมไพร์ โดยความเชื่อของ ชาวโรมัน ให้เทน้ำเดือดลงไปในโพรงเพื่อกำจัด แวมไพร์ หรือกำจัดได้โดยวิธีเดียวกับที่ทำกับ แวมไพร์ เปาเล


ปลายพุทธศตวรรษที่ 19 นักเขียนชาว ไอริช เมื่อ บราม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) ได้แต่งนิยายเรื่อง แดรกคูลา (Dracula) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำอีกคำหนึ่งที่แปลว่า ผีดูดเลือด แดรกคูลา เป็นลูกชายของ แดรกคูล (Dracul) กษัตริย์โรมันที่โหดร้าย ทารุณ แดรกคูล เป็นสมญานามที่แปลว่า ปิศาจ ซึ่งกษัตริย์ได้สมญานามมาจากการปกครองที่โหดร้าย กระหายเลือด และแดรกคูลา ก็แปลว่า ลูกชายของปิศาจ

ในนิยาย แดรกคูลา เกิดในทรานซิลวาเนีย (Transylvania) และมีความโหดร้ายเช่นเดียวกับพระบิดา ทรงสร้างศัตรูมากมาย มีการตายอย่างลึกลับ ไม่มีใครพบเห็นศพและไม่ได้ถูกฝังตามพิธี จนปัจจุบันเรื่องราวของ แวมไพร์

ก็ยังคงน่าหลงใหลและน่าหวาดกลัวมีผู้คนที่เชื่อว่า แวมไพร์ มีจริง ยิ่งกว่านั้น ยังมีศูนย์วิจัย แวมไพร์ ใน นิวยอร์ก ที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ แวมไพร์ ใน ยุโรป และ อเมริกา อีกด้วย

http://www.sartsaksit.com/ghost5.htm

ขอบคุณฮะ คุณ 13 เจตสิก ที่ไปคว้าความรู้มาแปะให้อ่าน

----------------------------------------------

เจี๊ยบว่า สาวๆบอร์ดนี้ น่ากลัวว่า แวมไพร์ เพราะท่าทางจะโหด หลายนางด้วยกัน >:( ???