ไม่รู้จะระบายให้ใครฟังดี
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 27, 2011 12:52 am
ไม่รู้จะระบายเรื่องนี้ให้ใครฟังดี ขออนุญาตเขียนระบายในนี้ก็แล้วกันนะคะ
คือว่าเราเพิ่งนับถือพระเจ้าได้ไม่นาน ซึ่งเมื่อก่อนเราก็นับถือศาสนาพุทธ
เมื่อก่อนเราก็พอจะรู้ประวัติของพระเจ้าบ้าง สนใจเรื่องศาสนาคริสต์มาตลอด
แต่ก็สนใจอยู่ได้ไม่นาน ซักพักก็ลืมไป เพราะไม่รู้ว่าเราจะศึกษาเรื่องศาสนาคริสต์ยังไงดี
อารมณ์เหมือนพระเจ้าเรียกเราให้เรานึกถึงพระองค์ เราก็นึกถึง แต่ก็ไม่ได้สนใจแบบจริงจัง
จนวันหนึ่งแม่เราบอกว่าแม่ไปเข้าโบสถ์มา (แม่อยู่ชุมพร เราอยู่กรุงเทพ)
เห็นคนในนั้นเค้าศรัทธาในพระเจ้ามากเลย
แม่ได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่แม่ยังทำใจทิ้งพระพุทธไม่ได้
ทิ้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แม่นับถือตั้งแต่เด็กๆไปไม่ได้
เราก็เห็นด้วยว่าเราจะทิ้งได้ยังไง ทำยังไงก็ตัดใจไม่ได้หรอก
ผ่านมาหลายเดือนเราก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของแม่และน้องของเราที่อยู่ชุมพร
ทั้งสองคนดูมีชีวิตที่ดีขึ้น อะไรๆก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีหมดทุกอย่าง
น้องของเราจากที่เป็นเด็กดื้อ เคยหนีออกจากบ้าน เคยเถียงแม่บ่อยๆ
อยู่ๆก็กลับมารักแม่ เป็นเด็กดีของแม่
เรากลับไปหาแม่ที่ชุมพรเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้พบคำตอบว่า
"ทั้ง 2 คนได้รับเชื่อในพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว"
วินาทีนั้นเรารู้สึกถึงความมีพลังของพระเจ้า
เหมือนพระองค์ได้ชุบชีวิตของแม่และน้องของเราขึ้นมาใหม่
เราสนใจและอยากรู้ว่าำทำไมทั้ง 2 คนถึงได้รับเชื่อ ทั้งๆที่เมื่อก่อนแม่เราเป็นคนเคร่งศาสนาพุทธมาก
แล้วแม่กับน้องก็ได้เล่าถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่ได้ภาวนากับพระเจ้า
พระเจ้าคอยช่วยเหลือทั้ง 2 คนมาโดยตลอด
(รายละเอียดขอละไว้ก่อนเพราะยาวมาก แหะๆๆ)
เราเกิดความรู้สึกศรัทธาขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกสงสัยว่าพระเจ้ามีจริงหรือ?
เราเริ่มลองศึกษาเกี่ยวกับพระเจ้า จนได้พบเว็บ newmana
แม่ก็ให้หนังสือพระคริสตธรรมใหม่มาอ่าน
เราลองเปลี่ยนจากสวดมนตร์ก่อนนอน มาเป็นสวดนมัสการและอธิษฐานต่อองค์พระเจ้าแทน
แล้วเราก็พบกับสิ่งดีๆมาเสมอ เรารู้สึกว่าได้รับการต้อนรับจากพระเจ้าอย่างดี
รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่นึกถึงพระเจ้า
เราเริ่มรักพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เราเชื่อแล้วว่าพระเจ้ามีจริงแน่นอน
หากเราเชื่อในพระเจ้า เราก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว เพราะพระเจ้าจะคอยช่วยเราเสมอ
ตอนนี้เราอยากไปโบสถ์มาก อยากไปรับเชื่อพระเจ้า อยากไปเรียนคำสอน
แต่ติดอยู่ที่แฟนเราเค้าไม่ค่อยสนใจ เหมือนเค้าจะมองว่าเรางมงายเกินไป
อาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนเราบอกเค้าว่าเราจะเป็นพุทธตลอดไป ไม่มีวันเปลี่ยนแน่ๆ
แล้วอยู่ๆเราก็เปลี่ยนไปเลย แทบจะละทิ้งความเชื่อเก่าๆที่เคยมี หันมาหาพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
ตอนเราเข้าทำงานใหม่ๆ เราได้ไปบนหลายๆที่ว่าขอให้เราสอบบรรจุได้ ถ้าบรรจุได้ก็จะแก้บนให้
ตอนนี้เรายังอยู่ในขั้นตอนการสอบบรรจุ สอบข้อเขียนผ่านแล้ว เหลือสัมภาษณ์กับเรียกตัวไปบรรจุ
เราก็เลยรู้สึกสับสน รู้สึกผิดถ้าเราจะไม่สำนึกบุญคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเหลือเรา
แล้วก็รู้สึกผิดต่อพระเจ้าที่เราไม่ได้นับถือพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว
ถ้าเราจะแก้บนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราสัญญาไว้ก่อน
แล้วค่อยเปลี่ยนมานับถือพระเจ้าแบบ 100% เราจะผิดไหม?
ใจเราอยู่กับพระเจ้าแทบจะ 100% แล้ว แต่ก็ยังนึกถึงสิ่งที่เราสัญญาไว้อยู่
เลยไม่รู้จะทำยังไง แบบนี้เราผิดหรือเปล่า?
แล้วเราควรจะคุยกับแฟนยังไงดี ทั้งๆที่เค้าบอกว่าจะไปโบสถ์เป็นเพื่อน
อยากเปลี่ยนศาสนาเหมือนกัน แต่ดูแล้วเค้าก็เหมือนจะมองว่าเรางมงายมากไป
เหมือนเค้าอยากจะเปลี่ยนไปงั้น เพราะเค้าไม่ได้ศรัทธาในศาสนาพุทธอยู่แล้ว
ไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่ระบาย อาจจะยาวหน่อยก็ขอโทษเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนด้วยนะคะ
ได้ระบายออกมาแล้วก็รู้สึกโล่งใจหน่อย ยังไงก็ขอให้พระเจ้าอวยพรทุกๆคนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ปล. เรามาระบายเพราะเราเจอข้อความนี้ใน Facebook คนรู้จักเราท่านหนึ่งอ่ะค่ะ ว่า...

คือว่าเราเพิ่งนับถือพระเจ้าได้ไม่นาน ซึ่งเมื่อก่อนเราก็นับถือศาสนาพุทธ
เมื่อก่อนเราก็พอจะรู้ประวัติของพระเจ้าบ้าง สนใจเรื่องศาสนาคริสต์มาตลอด
แต่ก็สนใจอยู่ได้ไม่นาน ซักพักก็ลืมไป เพราะไม่รู้ว่าเราจะศึกษาเรื่องศาสนาคริสต์ยังไงดี
อารมณ์เหมือนพระเจ้าเรียกเราให้เรานึกถึงพระองค์ เราก็นึกถึง แต่ก็ไม่ได้สนใจแบบจริงจัง
จนวันหนึ่งแม่เราบอกว่าแม่ไปเข้าโบสถ์มา (แม่อยู่ชุมพร เราอยู่กรุงเทพ)
เห็นคนในนั้นเค้าศรัทธาในพระเจ้ามากเลย
แม่ได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่แม่ยังทำใจทิ้งพระพุทธไม่ได้
ทิ้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แม่นับถือตั้งแต่เด็กๆไปไม่ได้
เราก็เห็นด้วยว่าเราจะทิ้งได้ยังไง ทำยังไงก็ตัดใจไม่ได้หรอก
ผ่านมาหลายเดือนเราก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของแม่และน้องของเราที่อยู่ชุมพร
ทั้งสองคนดูมีชีวิตที่ดีขึ้น อะไรๆก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีหมดทุกอย่าง
น้องของเราจากที่เป็นเด็กดื้อ เคยหนีออกจากบ้าน เคยเถียงแม่บ่อยๆ
อยู่ๆก็กลับมารักแม่ เป็นเด็กดีของแม่
เรากลับไปหาแม่ที่ชุมพรเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้พบคำตอบว่า
"ทั้ง 2 คนได้รับเชื่อในพระเจ้าเรียบร้อยแล้ว"
วินาทีนั้นเรารู้สึกถึงความมีพลังของพระเจ้า
เหมือนพระองค์ได้ชุบชีวิตของแม่และน้องของเราขึ้นมาใหม่
เราสนใจและอยากรู้ว่าำทำไมทั้ง 2 คนถึงได้รับเชื่อ ทั้งๆที่เมื่อก่อนแม่เราเป็นคนเคร่งศาสนาพุทธมาก
แล้วแม่กับน้องก็ได้เล่าถึงสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่ได้ภาวนากับพระเจ้า
พระเจ้าคอยช่วยเหลือทั้ง 2 คนมาโดยตลอด
(รายละเอียดขอละไว้ก่อนเพราะยาวมาก แหะๆๆ)
เราเกิดความรู้สึกศรัทธาขึ้นมา พร้อมกับความรู้สึกสงสัยว่าพระเจ้ามีจริงหรือ?
เราเริ่มลองศึกษาเกี่ยวกับพระเจ้า จนได้พบเว็บ newmana
แม่ก็ให้หนังสือพระคริสตธรรมใหม่มาอ่าน
เราลองเปลี่ยนจากสวดมนตร์ก่อนนอน มาเป็นสวดนมัสการและอธิษฐานต่อองค์พระเจ้าแทน
แล้วเราก็พบกับสิ่งดีๆมาเสมอ เรารู้สึกว่าได้รับการต้อนรับจากพระเจ้าอย่างดี
รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่นึกถึงพระเจ้า
เราเริ่มรักพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เราเชื่อแล้วว่าพระเจ้ามีจริงแน่นอน
หากเราเชื่อในพระเจ้า เราก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว เพราะพระเจ้าจะคอยช่วยเราเสมอ
ตอนนี้เราอยากไปโบสถ์มาก อยากไปรับเชื่อพระเจ้า อยากไปเรียนคำสอน
แต่ติดอยู่ที่แฟนเราเค้าไม่ค่อยสนใจ เหมือนเค้าจะมองว่าเรางมงายเกินไป
อาจจะเป็นเพราะเมื่อก่อนเราบอกเค้าว่าเราจะเป็นพุทธตลอดไป ไม่มีวันเปลี่ยนแน่ๆ
แล้วอยู่ๆเราก็เปลี่ยนไปเลย แทบจะละทิ้งความเชื่อเก่าๆที่เคยมี หันมาหาพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
ตอนเราเข้าทำงานใหม่ๆ เราได้ไปบนหลายๆที่ว่าขอให้เราสอบบรรจุได้ ถ้าบรรจุได้ก็จะแก้บนให้
ตอนนี้เรายังอยู่ในขั้นตอนการสอบบรรจุ สอบข้อเขียนผ่านแล้ว เหลือสัมภาษณ์กับเรียกตัวไปบรรจุ
เราก็เลยรู้สึกสับสน รู้สึกผิดถ้าเราจะไม่สำนึกบุญคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยเหลือเรา
แล้วก็รู้สึกผิดต่อพระเจ้าที่เราไม่ได้นับถือพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว
ถ้าเราจะแก้บนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราสัญญาไว้ก่อน
แล้วค่อยเปลี่ยนมานับถือพระเจ้าแบบ 100% เราจะผิดไหม?
ใจเราอยู่กับพระเจ้าแทบจะ 100% แล้ว แต่ก็ยังนึกถึงสิ่งที่เราสัญญาไว้อยู่
เลยไม่รู้จะทำยังไง แบบนี้เราผิดหรือเปล่า?
แล้วเราควรจะคุยกับแฟนยังไงดี ทั้งๆที่เค้าบอกว่าจะไปโบสถ์เป็นเพื่อน
อยากเปลี่ยนศาสนาเหมือนกัน แต่ดูแล้วเค้าก็เหมือนจะมองว่าเรางมงายมากไป
เหมือนเค้าอยากจะเปลี่ยนไปงั้น เพราะเค้าไม่ได้ศรัทธาในศาสนาพุทธอยู่แล้ว
ไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่ระบาย อาจจะยาวหน่อยก็ขอโทษเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนด้วยนะคะ
ได้ระบายออกมาแล้วก็รู้สึกโล่งใจหน่อย ยังไงก็ขอให้พระเจ้าอวยพรทุกๆคนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ปล. เรามาระบายเพราะเราเจอข้อความนี้ใน Facebook คนรู้จักเราท่านหนึ่งอ่ะค่ะ ว่า...
อ่านจบแล้วนึกถึงเว็บนี้ ก็เลยมาพิมพ์ซะยาวเลยอ่ะค่ะ แหะๆๆผู้ติดตามพระคริสต์ทุกคน ไม่ควรจะลังเลหากต้องขอคำปรึกษาเรื่องอาการซึมเศร้า และไม่ควรรู้สึกว่าความเชื่อและการอธิษฐานช่วยอะไรไม่ได้ในพระเจ้ามีความหวังใจอยู่เสมอ Amen!
