สังสัยค่ะ
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงรักและเรียกให้มาเป็นลูกของพระองค์ สำหรับเด็ก ๆ เวลานี้อาจจะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะให้อิสระในการตัดสินใจครับ เวลานั้น หากน้องยังปรารถนาจะเป็นคริสตชนก็ยังไม่สายครับ ส่วนเวลานี้ก็พยายามแสดงความรักต่อพระเจ้าตามวิธีที่สามารถทำได้
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
คือก่อนอื่น ควรจะต้องทราบก่อนนะครับ ว่าการเป็นคริสตชนของคนเรานั้นเริ่มตอนไหน
"(โรม 10:9) คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่าพระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตายท่านจะรอด"
"(กิจการ 16:31)เปาโลกับซีลาจึงกล่าวว่า "จงเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย."
"(เอเฟซัส 3:12)ในพระองค์นั้นเราจึงมีใจกล้า และมีโอกาสจะเข้าไปถึงพระองค์ได้โดยความไว้ใจเพราะความศรัทธาในพระองค์. "
"(เอเฟซัส 2:8-9) ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน ทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้ คนหนึ่งคนใดอวดได้"
จากพระวจนะข้างต้นและอีกหลายๆข้อที่ยังไม่ได้ยกมา คงพอจะได้เห็นแล้วว่า เราเริ่มเป็นผู้ได้รับความรอดโดยความเชื่อ ไม่ใช่ต้องเข้าพิธีโน่นนี่นั่นก่อน จึงจะรอด อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดมากๆคือ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงตรึงกางเขน มีโจรคนหนึ่งเชื่อในพระองค์ โจรคนนั้นก็ได้รับความรอด พระเยซูเจ้าไม่ได้บอกว่า ต้องลงมารับศีลล้างบาปก่อนซะหน่อย^^
หากว่าไม่สามารถรับศีลได้จริงๆโดยเหตุผลอันหนักหนาสาหัส ก็ขอให้สบายใจเถอะครับ พระเจ้าดูเราที่ใจ ไม่ใช่การกระทำเพียงไม่กี่นาที เพราะที่เรารอดก็โดยพระโลหิตพระเยซูเจ้า ไม่ใช่โดยน้ำในพิธีศีลล้างบาป(บัพติสมา)
กระนั้นก็ดี ผมไม่ได้หมายความว่า ศีลล้างบาปไม่จำเป็นนะครับ(อย่าเข้าใจผิด) ศีลล้างบาป(บัพติสมา)เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากๆ เพราะคือการเป็นพยานแสดงต่อพระเจ้า ทูตสวรรค์ มนุษย์ และมาร ว่าเราได้ตัดขาดจากอำนาจมาร ย้ายมาอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้าแล้ว อำนาจของพญามารไม่อยู่เหนือเราอีกต่อไป
ทั้งยังได้มีส่วนในพระกายของพระองค์ ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์(พระจิต) ซึ่งคือตัวพระเจ้าเอง เป็นชีวิตใหม่ในตัวเรา มีสิทธิอำนาจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีส่วนในศีลมหาสนิทอันเป็นแหล่งพระพรมหาศาล ฯลฯ ซึ่งถ้าขาดไปก็น่าเสียดายมาก ถือว่าเป็นคริสตชนเพียงแค่ 20% เท่านั้น เป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงนัก
อย่างไรก็ดี หากคุณมีใจปรารถนา และเฝ้าวิงวอน สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ล้วนเป็นไปได้ในพระเจ้านะครับ
ขอพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรทุกคนครับ ^^
อิมมานูเอล
"(โรม 10:9) คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่าพระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตายท่านจะรอด"
"(กิจการ 16:31)เปาโลกับซีลาจึงกล่าวว่า "จงเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย."
"(เอเฟซัส 3:12)ในพระองค์นั้นเราจึงมีใจกล้า และมีโอกาสจะเข้าไปถึงพระองค์ได้โดยความไว้ใจเพราะความศรัทธาในพระองค์. "
"(เอเฟซัส 2:8-9) ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน ทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้ คนหนึ่งคนใดอวดได้"
จากพระวจนะข้างต้นและอีกหลายๆข้อที่ยังไม่ได้ยกมา คงพอจะได้เห็นแล้วว่า เราเริ่มเป็นผู้ได้รับความรอดโดยความเชื่อ ไม่ใช่ต้องเข้าพิธีโน่นนี่นั่นก่อน จึงจะรอด อีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัดมากๆคือ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงตรึงกางเขน มีโจรคนหนึ่งเชื่อในพระองค์ โจรคนนั้นก็ได้รับความรอด พระเยซูเจ้าไม่ได้บอกว่า ต้องลงมารับศีลล้างบาปก่อนซะหน่อย^^
หากว่าไม่สามารถรับศีลได้จริงๆโดยเหตุผลอันหนักหนาสาหัส ก็ขอให้สบายใจเถอะครับ พระเจ้าดูเราที่ใจ ไม่ใช่การกระทำเพียงไม่กี่นาที เพราะที่เรารอดก็โดยพระโลหิตพระเยซูเจ้า ไม่ใช่โดยน้ำในพิธีศีลล้างบาป(บัพติสมา)
กระนั้นก็ดี ผมไม่ได้หมายความว่า ศีลล้างบาปไม่จำเป็นนะครับ(อย่าเข้าใจผิด) ศีลล้างบาป(บัพติสมา)เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมากๆ เพราะคือการเป็นพยานแสดงต่อพระเจ้า ทูตสวรรค์ มนุษย์ และมาร ว่าเราได้ตัดขาดจากอำนาจมาร ย้ายมาอยู่ในอาณาจักรของพระเจ้าแล้ว อำนาจของพญามารไม่อยู่เหนือเราอีกต่อไป
ทั้งยังได้มีส่วนในพระกายของพระองค์ ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์(พระจิต) ซึ่งคือตัวพระเจ้าเอง เป็นชีวิตใหม่ในตัวเรา มีสิทธิอำนาจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีส่วนในศีลมหาสนิทอันเป็นแหล่งพระพรมหาศาล ฯลฯ ซึ่งถ้าขาดไปก็น่าเสียดายมาก ถือว่าเป็นคริสตชนเพียงแค่ 20% เท่านั้น เป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงนัก
อย่างไรก็ดี หากคุณมีใจปรารถนา และเฝ้าวิงวอน สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ล้วนเป็นไปได้ในพระเจ้านะครับ
ขอพระเป็นเจ้าทรงอวยพระพรทุกคนครับ ^^
อิมมานูเอล
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ในทางคาทอลิก เราเชื่อว่า เรามีการล้างบาป 3 แบบค่ะ
1. ล้างด้วยน้ำ คือ เข้าพิธีล้างตามปกติ
2. ล้างด้วยเลือด เช่นบรรดามรณะสักขี
3. ล้างด้วยความปรารถนา คือ บรรดาคนที่ไม่ได้ผ่านพิธี
แต่มีความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้า เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระผู้ไถ่
แม้เขาจะตายก่อนได้เข้าพิธีอย่างเป็นทางการ แต่ด้วยพระเมตตาของพระเจ้า
เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนค่ะ
1. ล้างด้วยน้ำ คือ เข้าพิธีล้างตามปกติ
2. ล้างด้วยเลือด เช่นบรรดามรณะสักขี
3. ล้างด้วยความปรารถนา คือ บรรดาคนที่ไม่ได้ผ่านพิธี
แต่มีความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้า เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระผู้ไถ่
แม้เขาจะตายก่อนได้เข้าพิธีอย่างเป็นทางการ แต่ด้วยพระเมตตาของพระเจ้า
เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคริสตชนค่ะ
-
- โพสต์: 159
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 03, 2011 5:53 pm
เดี๋ยวจะภาวนาให้คุณเมจิได้ไปมิสซาคริสตมาสนะครับ*-* คริสตชนเก่าผู้มีใจเย็นเฉยจะรู้มั้ยนะ ว่าในขณะที่เขาสามารถไปร่วมมิสซาคริสตมาสได้อย่างเต็มที่แต่กลับไม่ไปเนี่ย ยังมีผู้ที่ยังไม่ได้เป็นคริสตชนกระตือรือร้นในการเทิดพระเกียรติวันรับพระกายเป็นมนุษย์ของพระองค์
ขอบคุณค่ะทุกคนเลย ขอเเม่เเล้วสุดท้ายโดนจับเข้าวัด เเล้วก็ขออีก ขออีก ๆ ๆ โดนจับเข้าวัดอีก ขออีกสุดท้ายเเม่รำคารเลยให้ไปได้เเต่ไม่นาน (สุดยอดจอมตื้อ )
หนูอยากรู้ว่าถ้ารับศีลไม่ได้สามารถสร้างบุญได้โดยวิธีไหนบ้างค่ะ วันนี้จัดคริสตมัตที่โรงเรียนเลยซื้อดอกไม้ไปถวายพระกุมาร เเล้วมีมิสซาที่โรงเรียนอิจฉาเด็กคริสตมากได้รับศีลด้วย สุขสันต์วันคริตรมัตเเละปีใหม่นะค่ะ ขอพระเจ้าสถิตกับทุกคนท่าน
หนูอยากรู้ว่าถ้ารับศีลไม่ได้สามารถสร้างบุญได้โดยวิธีไหนบ้างค่ะ วันนี้จัดคริสตมัตที่โรงเรียนเลยซื้อดอกไม้ไปถวายพระกุมาร เเล้วมีมิสซาที่โรงเรียนอิจฉาเด็กคริสตมากได้รับศีลด้วย สุขสันต์วันคริตรมัตเเละปีใหม่นะค่ะ ขอพระเจ้าสถิตกับทุกคนท่าน
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
การรับศีลมหาสนิทของคาทอลิกไม่เหมือนการทำบุญใส่บาตรเมจิ เขียน: หนูอยากรู้ว่าถ้ารับศีลไม่ได้สามารถสร้างบุญได้โดยวิธีไหนบ้างค่ะ
แล้วจะได้บุญสะสมเพิ่มในตัวเองหรอกค่ะ
การรับศีลมหาสนิทคือการรับพระเป็นเจ้ามาสู่วิญญาณและหัวใจของเรา
เพื่ออะไร เพื่อให้เราตระหนักถึงความรักของพระองค์
สำหรับคริสตชนแล้วเราไม่มีบุญบารมีอะไรให้สะสมทั้งนั้น
ผู้เป็นนักบุญไม่ใช่ผู้ที่ได้ฌานระดับนู้นระดับนั้น บรรลุขั้นนู้นขั้นนั้น
ไม่เหมือนเล่นเกมเก็บเลเวลแน่นอน
ผู้เป็นนักบุญคือผู้ที่เข้าใจความรักขององค์พระผู้ยิ่งใหญ่ พระผู้ทรงเป็นความรัก
ทุกอย่างของเราคือทุกอย่างที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะวิญญาณ ร่างกาย ชีวิตความเป็นอยู่ พระองค์ทรงจัดเตรียมเพื่อเรา
เราไม่มีอะไรเลย
ถ้าเราจะมี สิ่งที่เป็นของเราจริง ๆ ก็คือ "บาป" ค่ะ
เรามีแต่บาปที่จะเอาไปแสดงให้พระเจ้าทรงเห็นในวันที่เราตายเท่านั้นล่ะค่ะ
อาจจะยากไปนิดสำหรับอายุน้อง แต่พี่วอนขอพระเมตตาให้พระเป็นเ้จ้า
ทรงมอบพระพรให้น้องเข้าใจในวันข้างหน้าค่ะ
ดังนั้นคำว่า "สร้างบุญ" ในความคิดของน้อง (ตามที่ช่วยพุทธเชื่อ) พี่จะแนะนำว่า
ทำในสิ่งที่ดีและสมควรทำที่สุดในเวลานี้ในเต็มที่ค่ะ
เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นนักเรียนที่ดี ตั้งใจเรียน ไม่เกเร ไม่เกียจคร้าน ไม่ทำความชั่ว
มีความรักให้กับเพื่อน ๆ มีน้ำใจ ช่วยเหลือในทางที่ถูก ไม่ใช่ช่วยปิดบังให้เพื่อนทำชั่ว
เป็นคริสตชนตัวน้อย ๆ ที่ตั้งใจ แน่วแน่และศึกษาในคำสอนของพระเยซู
(แม้จะยังไม่ได้เรียนคำสอน หรือ ล้างบาป แต่น้องสามารถเป็นคริสตชนได้นะคะ
จากความตั้งใจที่เรียนรู้และปฏิบัติตนตามคำสอนของพระเยซู)
รักพระเป็นเจ้าให้มาก ๆ ค่ะ คุยกับพระองค์บ่อย ๆ
ขอให้พระเจ้าโปรดทรงอวยพรและทรงประทานพระพรต่าง ๆ มากมายให้กับน้องค่ะ